ภายหลังที่หัวหน้าหมู่บ้านซานอี๋กลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ซูอันจะได้พูดคุย และทำความเข้าใจกับว่าที่หน่วยคุ้มกัน ซึ่งพวกเขาจะต้องพักอยู่ที่จวนแห่งนี้ เพื่อรับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะผ่านหลักสูตรการฝึกที่นางกำหนดไว้
ซูอันหันมาทางบุรุษทั้งสิบคนที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ อย่างรู้มารยาท “เอาล่ะพี่ชายทั้งหลายถึงเวลาของพวกท่านแล้ว ตามข้าไปด้านหลังของจวน เนื่องจากสถานที่แห่งนั้นคือการเริ่มต้น เพื่อฝึกฝนเป็หน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งของตระกูลจิน”
“ขอรับคุณหนู”
ซูอันพาลูกน้องมือใหม่ไปยังด้านหลังจวน เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจการทำหน้าที่ และค่าจ้างที่คนทั้งสิบจะได้รับ เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านหลังจวน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอากลุ่มของอวี้เหลียน ต้องหยุดชะงักอ้าปากค้างกับสิ่งที่เรียกว่าสนามฝึก
“อะ อะ อวี้เหลียนเ้าว่าพวกเรากำลังฝันอยู่หรือไม่ นี่ใช่ลานฝึกต่อสู้ที่คุณหนูรองจินพูดถึงงั้นรึ!” หยิ่งเจาเคยทำงานเป็คนส่งผักมาก่อน เขาเคยเห็นในจวนของบุตรหลานคหบดี มักจะมีลานฝึกวิชาต่อสู้มาบ้าง
อึก “ข้าเองก็ตอบเ้าไม่ได้เช่นกันหยิ่งเจา บางอย่างข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ” อวี้เหลียนตอบสหายอย่างตรงไปตรงมา
คนอื่น ๆ ที่เหลือยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำว่า การจะฝึกวิชาต่อสู้ต้องมีอุปกรณ์มากมายเช่นนี้ แม้มีคำถามและอยากรู้เพียงใด ย่อมต้องรอให้ซูอันเป็คนอธิบายเท่านั้น
ขณะที่ทุกคนกำลังมองไปรอบ ๆ ลานฝึกฝน ซูอันหันมามองพวกเขาทั้งสิบ เพื่อทำความเข้าใจก่อนลงชื่อในสัญญา “เอาล่ะ พวกท่านจงฟังที่ข้าจะพูดให้ดี หลายวันก่อนทุกคนรับรู้เพียงว่า ข้า้ารับสมัครหน่วยคุ้มกัน สำหรับทำหน้าที่ปกป้องผ้าทอให้ปลอดภัย เมื่อต้องนำไปส่งให้กับคู่ค้าในอนาคต
แต่อย่าลืมว่างานคุ้มกันเป็งานที่เสี่ยง หากพบเจอพวกโจรหรือคนชั่วในคราบพ่อค้า เท่ากับว่าชีวิตของพวกท่าน อาจรักษาไว้หรือตายระหว่างทำหน้าที่ได้ทุกเวลา ข้าจะถามพวกท่านเป็ครั้งสุดท้าย ถ้าขี้ขลาดจงหันหลังเดินกลับบ้านไปเสีย เพราะงานของข้า้าผู้กล้า ที่จิตใจเข้มแข็งมีเป้าหมายในการทำภารกิจให้สำเร็จเท่านั้น”
อวี้เหลียนและสหายที่มาด้วยกันวันนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่างานเช่นนี้ย่อมเสี่ยงอันตราย แต่แล้วอย่างไรหากพวกเขาทุกคน สามารถฝึกฝนวิชาต่อสู้ให้เก่งกาจ และต้องขยันฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ย่อมสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ
“คุณหนูรอง ข้าอวี้เหลียนยินดีทำงานเป็หน่วยคุ้มกันให้ท่าน เป็ตายจะไม่มีวันทรยศหักหลัง ขอเพียงครอบครัวมีชีวิตที่ขึ้นเท่านั้นขอรับ”
หยิ่งเจาและคนที่ยืนรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน พวกเขาย่อมไม่อยากเป็บุรุษขี้ขลาดเช่นกัน “พวกข้าทุกคนยินดีทำงานกับคุณหนูรอง เป็ตายจะไม่มีวันทรยศหักหลัง และจะทำภารกิจของคุณหนูรองให้สำเร็จขอรับ!!”
ซูอันได้ยินและได้เห็นท่าทางที่มุ่งมั่น ไม่เกรงกลัวความตายของลูกน้องกลุ่มแรก ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ดี! เช่นนั้นหลังจากพวกเ้าลงชื่อในหนังสือสัญญาแล้ว ย่อมเป็คนของตระกูลจิน และต้องพักอยู่ที่จวนแห่งนี้ของข้า เพื่อรับการฝึกฝนที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
ในทุกวันพวกเ้าต้องตื่นั้แ่ยามเหม่า เตรียมตัวให้พร้อมกับการฝึกที่หนักหน่วง อุปกรณ์ในลานฝึกแห่งนี้ คือสิ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของพวกเ้าแข็งแกร่งขึ้น วิชาการต่อสู้ข้าจะทำเป็ตัวอย่าง และร่วมฝึกฝนกับพวกเ้าทุกวัน จนกว่าจะผ่านการประเมินจากข้า
ทั้งพวกเ้าและข้ามีเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น สำหรับการทำให้ตนเองแข็งแกร่ง เมื่อครบสามเดือนข้าจะเริ่มทำการค้าที่เมืองผู่เถียน หลังจากนั้นค่อยขยายไปยังเมืองใกล้ ๆ ข้ามีเพียงข้อแม้เดียวสำหรับพวกเ้า นั่นก็คือต้องแข็งแกร่ง เด็ดขาด สำหรับศัตรูอย่าได้ใจอ่อนต้องโเี้อำมหิตเท่านั้น เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่!”
“พวกข้าจะจดจำคำสอนของคุณหนูรองให้ขึ้นใจขอรับ!”
“เมื่อครบสามเดือนพวกข้าทุกคน จะแข็งแกร่งให้ได้เพื่อสนับสนุนงานของคุณหนูรองขอรับ!”
“ส่วนค่าจ้างที่พวกเ้าจะได้รับ คือห้าตำลึงเงินทุกเดือน เื่ชุดที่ต้องใส่ให้เหมือนกัน รวมถึงอาหารการกินของพวกเ้า ข้าจะเป็คนรับผิดชอบให้เอง ระหว่างที่ข้ามองหาแม่ครัวและสาวใช้ พวกเ้าช่วยจัดการไปก่อนข้าจะหาคนมาให้ได้โดยเร็ว” ซูอันมัวแต่คิดเื่กำลังคนและการฝึก จึงลืมไปว่านางซื้อจวนหลังขนาดใหญ่ และยังไม่แม้แต่พ่อบ้านหรือสาวใช้ในเรือน
เหนียนจื่อยกมือตอบเื่นี้กับซูอัน “คุณหนูคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้เข้ามาทำงานเพิ่มเถิด ท่านไม่ต้องห่วงเื่ทำอาหารเลยขอรับ พวกข้าทุกคนล้วนทำอาหารเป็ั้แ่เด็กแล้วขอรับ”
“อืม เช่นนั้นวันนี้พวกเ้าทำความสะอาดเรือนพัก ซึ่งเป็เรือนของบ่าวไพร่เพื่อเป็ที่พักของพวกเ้า และส่งตัวแทนออกมาหนึ่งคน ในการดูแลเื่เงินค่าอาหาร อย่าได้ประหยัดจนกินไม่อิ่ม แต่ก็อย่าใช้จนเกินเลยขอบเขตที่ควรจะเป็ก็พอ” ซูอันไม่พูดเปล่าแต่ทั้งน้ำเสียง และสายตาที่แข็งกร้าวของนางที่แสดงออกมา ทำให้กลุ่มคนตรงหน้ารู้สึกน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย
หยิ่งเจาหันไปสะกิดอวี้เหลียน เพื่อให้เขาเป็ตัวแทนดูแลเื่นี้ พร้อมทั้งบอกกับซูอันเสร็จสรรพ “คุณหนูรองขอรับ เื่เงินค่าอาหารของพวกข้า มอบให้อวี้เหลียนช่วยจัดการดูแลเถิด เพราะเขาละเอียดรอบคอบกว่าพวกข้ามากขอรับ”
“เช่นนั้นต่อจากนี้รบกวนเ้าด้วยนะอวี้เหลียน หากขาดเหลือสิ่งใดให้บอกข้าได้ทุกเมื่อ ในถุงเงินใบนี้มีอยู่สิบตำลึงเงิน พวกเ้าแบ่งหน้าที่การทำอาหารให้เรียบร้อยด้วยล่ะ เมื่อพวกเ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าอธิบายทุกอย่างแล้ว ก็มาลงชื่อในสัญญาและแยกย้ายทำหน้าที่ของตนเถิด” ซูอันลอบสังเกตคนทั้งสิบยามที่พูดจาออกมา ไม่มีใครหลบสายตาของนาง ยามที่ต้องพูดหรือตอบสิ่งที่นางถาม ดังนั้นซูอันจึงวางใจในส่วนนี้ไปได้เปราะหนึ่ง
“ขอบคุณคุณหนูรองที่ให้โอกาสพวกข้าขอรับ!!”
เมื่อทั้งสิบคนประทับลายนิ้วมือบนสัญญา นั่นถือว่าพวกเขาคือคนของตระกูลจินเต็มตัว แรงกายแรงใจต่อจากนี้ย่อมอุทิศให้ตระกูลจินเท่านั้น ซูอันอนุญาตให้พวกเขาได้พักผ่อนเสียก่อน พอถึงยามเหม่าของวันพรุ่งนี้ การฝึกฝนที่หนักหน่วงไม่ต่างกับทหาร จะเริ่มต้นขึ้นภายใต้การควบคุมดูแลของนาง และพวกเขาต่างทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
ในยามเหม่าของวันต่อมา บริเวณลานฝึกซ้อมหลังจวน หน่วยคุ้มกันรุ่นแรกของซูอันยืนเรียงแถวอย่างมีระเบียบ เพื่อรับการฝึกฝนจากเ้านายที่ยังไม่ปักปิ่นอย่างซูอัน
พอมาถึงลานฝึกฝนซูอันพูดถึงความสำคัญของการฝึก “จำไว้ให้ดี!การปกป้องชีวิตครอบครัวของข้า หรือปกป้องสินค้าคือสิ่งสำคัญที่สุด แต่การปกป้องชีวิตของตัวพวกเ้าเองก็สำคัญไม่แพ้กัน พวกเ้าไม่ใช่แค่โล่ที่ไม่มีชีวิต แต่พวกเ้าคือดาบที่พร้อมฟาดฟันศัตรูกลับทุกเมื่อ”
“รับทราบขอรับคุณหนูรอง!!”
พอเห็นความพร้อมของคนทั้งสิบ ซูอันจึงเริ่มการฝึกฝนขึ้นทันทีในขั้นแรก คือการฝึกร่างกายให้แข็งแกร่ง ่เช้าตรู่จะเริ่มด้วยการฝึกความอดทนพื้นฐาน ทุกคนต้องวิ่งรอบลานฝึกนับสิบรอบ พร้อมแบกถุงทรายหนักบนหลัง เสียงลมหายใจถี่กระชั้นของพวกเขาเริ่มดังขึ้น ขณะเหงื่อเม็ดโตหยดลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง
ซูอันซึ่งสวมชุดสีดำเรียบง่ายก็ฝึกเช่นเดียวกัน เนื่องจากร่างกายนี้ยังไม่เคยรับการฝึกหนัก นางจำเป็ต้องเริ่มอย่างช้า ๆ แม้จะเหน็ดเหนื่อยก็ไม่ปริปากบ่น จนกระทั่งวิ่งรอบลานฝึกครบสิบรอบ ซูอันได้ใช้อุปกรณ์เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ทุกคนดู
“หากพวกเ้าไม่สามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง จนผ่านการยกลูกเหล็กที่หนักที่สุดนี้ได้ นั่นก็หมายความว่า พวกเ้าก็ไม่สามารถปกป้องข้าได้” ซูอันชี้ให้ทุกคนได้เห็นถึงลูกเหล็ก ที่มีน้ำหนักหลายสิบจิน
“แน่นอนว่าพวกเ้าอาจล้มลงได้ทุกเมื่อ แต่อย่าล้มลงก่อนที่จะทำให้ข้า และสินค้าที่มาจากน้ำพักน้ำแรงคนในครอบครัวปลอดภัย”
“รับทราบขอรับคุณหนูรอง!”
ใน่สายหลังจากพักทานอาหารมือเช้า การฝึกเริ่มเปลี่ยนเป็การฝึกต่อสู้ระยะประชิด ซูอันจัดให้ทุกคนจับคู่เพื่อฝึกการโจมตี และป้องกันตัวจากศัตรูด้วยมือเปล่า
“ทุกส่วนของร่างกายพวกเ้า ล้วนเป็อาวุธในการป้องกันตัวได้ สายตาต้องคอยจับจ้องศัตรูตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็หมัด เท้า เข่า ศอก ยามที่ปล่อยมันออกไปต้องถูกจุดสำคัญเท่านั้น เมื่อใดที่เป็ฝ่ายเสียเปรียบขึ้นมา คิดให้เร็วเพื่อกลับมาเป็ฝ่ายได้เปรียบ อวี้เหลียนเ้าลุกขึ้นมาข้าจะแสดงตัวอย่างให้พวกเ้าได้ดู จากนั้นจับคู่กันและเริ่มฝึกทันที”
“ขอรับ”
เมื่ออวี้เหลียนหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ซูอันจึงสั่งให้เขาโจมตีนางได้เต็มที่ คราแรกอวี้เหลียนเกิดความลังเล แต่เป็ซูอันที่ออกคำสั่งเสียงเข้ม อวี้เหลียนจึงต้องทำตามเขาพุ่งเข้าไปหานาง ใช้ท่าทางการต่อสู้เท่าที่รู้และใช้เป็ประจำ ในการเป็ฝ่ายรุกด้วยกำลังที่มี
แต่เป็ซูอันที่สามารถปัดป้องได้ทุกกระบวนท่า โจมตีกลับด้วยท่าการป้องกันตัวแบบยุคปัจจุบัน และการต่อสู้แบบโบราณอย่างต่อเนื่อง ท่วงท่าของนางพลิ้วไหวดุจสายลม การโจมตีกลับของซูอันล้วนตรงไปที่จุดสำคัญของอีกฝ่ายทุกครั้ง เพียงแต่นางหลีกเลี่ยงด้วยการผ่อนแรง เพื่อไม่ให้อวี้เหลียนต้องาเ็
ท่ามกลางสายตาของคนทั้งเก้า ที่ตั้งใจจดจำท่าทางการต่อสู้ของซูอันอยู่ตลอดเวลา พวกเขาไม่คิดว่าคุณหนูที่เป็เ้านายคนนี้ แม้จะมีรูปร่างบอบบางเช่นสตรีในห้องหอ แต่นางกลับมีฝีมือต่อสู้อันแข็งแกร่ง และยังสามารถล้มบุรุษด้วยมือเปล่าได้อีกด้วย
ซูอันตามติดอวี้เหลียนแม้เขาจะล้มลงไปแล้ว แต่นางกลับเดินเข้าไปจับแขนเขาไว้แน่น แล้วผลักเขาไปข้างหน้า “อย่ากลัวที่จะตอบโต้! ศัตรูของพวกเ้าไม่มีความเมตตา หากเ้าอ่อนแอนั่นคือเ้าจะต้องตาย และข้ากับคนในครอบครัวก็จะตายด้วยเช่นกัน”
เว่ยโฉวแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ฝึกการต่อสู้นี้ เขากำลังคิดว่าถ้ามีอาวุธเช่นมีสั้น หรืออาวุธลับติดตัวคงสังหารศัตรูได้อย่างแน่นอน เขาเป็คนหนึ่งที่มีความฝันว่าอยากเข้ากองทัพ เผื่อสักวันหนึ่งจะได้เป็ทหารที่แข็งแกร่ง เพียงแต่ความฝันนี้ไม่อาจเป็ไปได้ เพราะหากเขาจากไปครอบครัวของเขาก็ไม่มีใครคอยปกป้อง
ซูอันปล่อยมือจากแขนของอวี้เหลียน ก่อนจะหันมาสั่งให้ทุกคนจับคู่และเริ่มฝึกการต่อสู้นี้ “เอาล่ะ พวกเ้าเลือกจับคู่และฝึกตาม ข้าจะคอยบอกหากการออกท่าทางนั้นไม่ถูกต้อง ส่วนการต่อสู้ด้วยการใช้อาวุธ ข้าจะสอนพวกเ้าหลังยามเว่ย เริ่มได้!”
สิ้นเสียงของซูอันทั้งสิบคนจึงจับคู่กัน และเริ่มทำตามตัวอย่างที่ซูอันทำให้ดู พวกเขาออกท่าทางด้วยกำลังที่มี ไม่มีการยั้งแรงั้แ่ครั้งแรกที่ฝึก โดยมีเ้านายผู้มีใบหน้างดงาม แต่ดวงตากลับคมกริบประหนึ่งนักฆ่า คอยจับตาดูและช่วยแก้ไขท่วงท่าให้ถูกต้อง พวกเขาไม่คิดว่าการต่อสู้เช่นนี้ จำเป็ต้องมีร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น ตราบใดที่ยังอ่อนแอท่วงท่าต่อสู้ย่อมไม่สามารถกำจัดศัตรูได้
หลังจากได้พักในยามอู่เข้าสู่กลางยามเว่ย ก็มาถึงขั้นตอนการฝึกฝนสุดท้ายนั่นคือการใช้อาวุธ นอกจากนี้ซูอันยังให้ทั้งสิบคน ได้ตัดสินใจเลือกอาวุธที่คิดว่าเหมาะกับแต่ละคน พวกเขาเลือกทั้งดาบ กระบี่ ทวน ดาบสั้นและมีดบิน ซูอันให้ความสำคัญกับการสอนวิธีการป้องกันตัว ในสถานการณ์คับขัน คนของนางต้องพลิกแพลงกลับมาเป็ฝ่ายได้เปรียบ และจัดการศัตรูด้วยอาวุธที่อยู่ในมือแทน
“หากพวกเ้าไม่มีทางหนี และเหลือแค่มีดในมืออยู่เล่มเดียว พวกเ้าจะทำอย่างไร?” ซูอันถามพลางโยนมีดเล่มหนึ่งไปทางเว่ยโฉว ซึ่งเขาเป็หนึ่งในสิบคนที่เลือกใช้มีดสั้น
เว่ยโฉวรับมีดจากซูอันมาถือไว้ในมือ และเข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อกับเขา ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาซูอันอย่างรวดเร็ว แต่นางกลับหลบหลีกด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลและรวดเร็วกว่า จากนั้นได้สวนกลับด้วยการหยิบมีดอีกเล่มจากข้างเอว แล้วจ่อมันไปที่คอของเว่ยโฉวทันที
“จงอย่าลืมว่าการมีชีวิตรอดไม่ได้ขึ้นอยู่กับพละกำลังเท่านั้น แต่มันขึ้นอยู่กับไหวพริบขณะต่อสู้ของพวกเ้าด้วย”
ทุกคนแทบขยี้ตากับการต่อสู้ทุกอย่าง ที่ซูอันได้สอนแก่พวกเขาทุกคน ซึ่งยามนี้ทั้งสิบคนได้ยกย่องนาง ให้เป็ตัวอย่างในการพยายามฝึกฝน “คุณหนูรองโปรดวางใจ พวกข้าจะพยายามฝึกฝนให้หนัก และจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอนขอรับ!”
หลังจากการฝึกฝนสิ้นสุดลงในยามเย็น ลูกน้องทั้งสิบคนของซูอันต่างหมดแรงไปตาม ๆ กัน แต่แววตาของพวกเขา กลับเต็มไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น พวกเขาตระหนักในใจดีว่า การเป็หน่วยคุ้มกันนั้นไม่ใช่เื่ง่าย
นอกจากต้องแข็งแกร่งรวมถึงฝีมือการต่อสู้แล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็ต้องมีไหวพริบ รอบรู้เื่ราวข่าวสารทุกอย่าง เพื่อใช้เป็แนวทางในการตัดสินใจเมื่อเริ่มทำงาน และนี่เป็เส้นทางที่พวกเขาเลือกแล้ว และพร้อมที่จะทำเพื่อปกป้องตระกูลจิน ที่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ ทำให้ครอบครัวและคนในหมู่บ้านซานอี๋ จะมีชีวิตความเป็เป็อยู่ที่ดีขึ้นหลังจากนี้
