สาวน้อยทั้งสองที่หยุดหลินซานหลางไว้กำลังหันหลังให้หลินฟู่อิน จึงไม่เห็นว่านางกำลังมา
หลินเฟินและหลินฟางเองก็กำลังเถียงกับทั้งสองอยู่ จึงไม่ทันเห็นเช่นกัน
แต่หลินซานหลางเห็นหลินฟู่อินก่อน พอเห็นว่านางกำลังเดินเข้ามา หน้าเขาจึงแดงเป็ลูกตำลึง ก่อนจะมองสาวน้อยที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างหมดแรงด้วยั์ตาสีดำขลับคู่นั้น ปากขยับโดยไร้เสียง
ฟู่อินได้ยินเสียงของเด็กหญิงที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยกล่าวด้วยเสียงเฉียบคม “อย่ามาหลอกกันเสียให้ยาก พวกเ้าเลี้ยงพี่สามของพวกข้ายังไงกัน ตอนที่เขาอยู่บ้านพวกข้า ทั้งพ่อแม่ปู่ย่าของพวกข้าไม่เคยให้เขาต้องทำงานเลยแท้ๆ แต่เหตุใดพอเขาไปอยู่บ้านพวกเ้าแล้ว ถึงต้องทำงานหนักกลางแดดแรงๆ เช่นนี้ด้วย?”
สาวน้อยผู้นี้พูดจารุนแรง หลินเฟินและหลินฟางต่างก็โกรธที่ไม่รู้จะเอาคืนอย่างไร
ใบหน้าของทั้งสองแดงก่ำเช่นเดียวกับหลินซานหลาง ดูอึดอัดยิ่งนัก
สองสาวว่าร้ายว่าบ้านสองของพวกนางเลี้ยงหลินซานหลางไม่ดี แต่หลินเฟินและหลินฟางเองก็ไม่อยากพูดว่าบ้านพวกนางดูแลเขาดีแค่ไหนต่อหน้าตัวหลินซานหลางเอง…
หลินฟู่อินเข้าใจว่ามีเื่ที่หลินเฟินและหลินฟางไม่อาจพูดออกมาได้ แต่หากเป็นางก็ไม่เป็ไร นางจึงเดินเข้าไปหาสาวน้อยทั้งสองด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตาไร้ซึ่งรอยยิ้ม
“พี่ซานหลางตัดสินใจที่จะทำงานเพื่อหาเงินด้วยตัวเอง เงินที่ได้มาก็เป็ของเขาคนเดียว บ้านสองก็ไม่ได้เรียกเงินจากเขา ทั้งยังช่วยเก็บเงินเป็ค่าเรียนให้เขาด้วย ต่อให้พวกเ้าจะยังเล็ก แต่ก็คงรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดใช่หรือไม่?”
ตอนนั้นเองที่หลินฟู่อินได้เห็นว่าเด็กทั้งสองนี้คือเหล่าลูกสาวของบ้านใหญ่ หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ
รูปร่างหน้าตาของพวกนางไม่อาจเทียบกับเหล่าสาวๆ ของบ้านสอง แต่ก็ยังเรียกได้ว่าสวยงาม แต่แม้จะยังวัยเยาว์ สายตาของพวกนางกลับมีประกายของความดึงดันที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ
ทั้งสองฟังหลินฟู่อินแล้วก็มองนางเหมือนคนแปลกหน้า สายตาเปี่ยมไปด้วยความชิงชังและริษยา
ทั้งสองต่างก็อาศัยอยู่ในบ้านใหญ่ของตระกูลหลินเพื่อศึกษาวิถีชีวิตของผู้มีอันจะกิน และถูกห้ามไม่ให้ออกจากเขตบ้าน พวกนางรู้ว่าหลินฟู่อินเคยไปที่บ้านใหญ่หลายครั้งแล้ว แต่ก็เพียงมองนางอยู่ห่างๆ จากทางหน้าต่างเท่านั้น และเพราะเชื่อว่าว่านางเป็ดาวหายนะ ทั้งสองจึงไม่เคยออกจากห้องเพื่อไปทักทายเลย
แต่ในตอนนี้ เมื่อรู้ว่าหลินฟู่อินมีฐานะที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งได้ยินแม่ของพวกนางบอกว่าตอนนี้หลินฟู่อินได้สวมเสื้อผ้าไหมดีๆ มีดอกไม้ที่ซื้อจากในเมืองประดับบนศีรษะ และยังประดับหูด้วยเครื่องเงินรูปดอกติงเซียง [1] พวกนางจึงอิจฉามากจนไม่อาจอธิบาย
แต่พวกนางก็ไม่อยากยอมรับนัก
ทั้งสองพบหลินฟู่อินที่มาอย่างกะทันหัน ใบหน้าของทั้งสองจึงดูดุร้ายขึ้น ริมฝีปากแดงเม้มแน่น สายตาจ้องมองหลินฟู่อินอย่างไม่พอใจ
“อ้าว เสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอเองหรือ ไม่ใช่ว่าทุกทีท่านป้าไม่ยอมให้พวกเ้าออกมาข้างนอกหรือ? แล้วออกมาเล่นข้างนอกได้ยังไง? พวกเ้ารีบกลับไปเถอะ อย่าทำให้ปู่และพ่อแม่ของพวกเ้าต้องเป็ห่วงเลย” หลินฟู่อินเห็นทั้งสองไม่กล้าปฏิเสธคำกล่าวของตน นางจึงไม่คิดจะทำให้เื่มันยุ่งยาก จึงมอบทางหนีให้กับพวกนาง
แต่เสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอนั้นมิได้โตพอที่จะมีความอดทน เมื่อได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน เสี่ยวเหอจึงสบถออกมาโดยพลัน ดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นจ้องมองอย่างเดือดดาล “หลินฟู่อิน เ้าบอกว่าใครแอบออกมาเล่นข้างนอกกัน? พวกข้ามาตามหาพี่สาม เพราะได้ยินจากคนในหมู่บ้านพูดว่าพอเขาไปอยู่บ้านสองแล้วเขาไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก เพราะโดนสั่งให้ทำงานให้บ้านลุงสองทุกวัน”
หลินฟู่อินไม่ได้บอกว่าพวกนางแอบออกมาเที่ยวเล่น เด็กปากแดงฟันขาวนี่ใส่ความชาวบ้านแบบไร้เหตุผลจริงๆ หลินฟู่อินจึงหรี่ตาลง สีหน้าเ็าขึ้น
“เสี่ยวเถา เสี่ยวเหอ ข้าบอกพวกเ้าไปแล้ว นี่เป็เื่ที่ข้าต้องทำ นี่พวกเ้าคิดว่าวันๆ ข้าเอาแต่กินนอนรอวันตายหรือยังไง หือ?” หลินซานหลางยังมีความรักให้สองพี่น้อง จึงมิกล้ากล่าวอะไรรุนแรง แต่เพราะทั้งสองยังกลัวหลินฟู่อินอยู่ ทั้งยังไม่สบายใจมากเมื่อได้ยินเื่ที่นางพูด สีหน้าของทั้งสองจึงดูเหมือนหาทางไปไม่เจอ
เมื่อเห็นท่าทีของหลินซานหลางเช่นนี้ หลินเสี่ยวเถาก็รู้สึกชิงชังเขาขึ้นมา จึงกล่าวในสิ่งที่ไม่เข้าหูเป็อย่างยิ่ง “พี่สาม ท่านเก่งจริงนะ สมัยก่อนไม่คิดจะทำอะไรเลยแท้ๆ วันๆ ก็เอาแต่ออกไปหาของกินในป่า แต่พอย้ายไปอยู่บ้านคนอื่นกลับกลายเป็คนขยันขึ้นมาเสียอย่างนั้น!”
“พวกเ้าเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ทั้งพี่อาเฟินพี่อาฟาง เมื่อทั้งสองมีอายุเท่ากับพวกเ้าในเวลานี้ ทั้งสองก้าวหน้าไปได้ถึงไหนแล้ว? มันถึงเวลาที่พี่ซานหลางต้องเรียนรู้ที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ซึ่งมันเป็เื่ที่ดี และมันเป็สิ่งที่ควรจะเรียน แล้วเหตุใดพวกเ้าถึงปากเสียได้ขนาดนี้กัน?” เมื่อหลินฟู่อินเห็นว่าเด็กทั้งสองซึมซับด้านแย่ๆ ของจ้าวซื่อมาเป็อย่างดี ก็อดที่จะแค่นจมูกไม่ได้
พวกนางยังเด็ก และไม่ได้พูดคำหยาบคาย แต่ก็เห็นชัดเจนว่าไร้มารยาท
บ้านใหญ่ของตระกูลหลินทั้งไม่เลี้ยง ไม่รู้จักสั่งสอน จนนางรู้สึกว่านางจะไม่ว่าอะไรเลยหากจะให้นางเป็คนอบรมทั้งสองเอง
แต่หลินฟู่อินก็ประมาทความใจสู้ของเด็กสองคนนี้มากเกินไป
เสี่ยวเถาเห็นหลินฟู่อินจิกกัดพวกนางเช่นนี้แล้ว นางจึงตะเบ็งเสียงพลางชี้นิ้วใส่หลินฟู่อิน “หุบปากไปเลย ฟู่อิน จะทำตัวเป็คนดีอีกแล้วหรือ? เ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าลูกคนรวยพวกนั้นเท่าไรหรอก แม่ของพวกข้ามาขอให้เ้าช่วยหางานให้พวกข้า แต่เ้าก็ปฏิเสธ แล้วตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็ด่าแม่ข้าว่ามารบกวนเ้า บอกว่าแม่ข้าเป็คนไม่ดี!”
เมื่อหลินฟู่อินเห็นว่าเด็กนี่ยังกล้าหาว่านางอ้างตัวเป็คนดีอีก ก็ได้แต่หัวเราะออกมา ก่อนจะเม้มปากมองพวกนาง “หลินเสี่ยวเถา รู้หรือไม่ว่าแม่ของพวกเ้าไม่ได้ขอให้พวกเ้าทำงาน แต่มาบอกให้ข้าส่งเงินให้พวกเ้าวันละสิบอีแปะ โดยที่พวกเ้าไม่ต้องแม้แต่จะกระดิกนิ้วน่ะ?”
หลินฟู่อินคิดว่าหากเด็กสองคนนี้ยังพอจะมียางอายเหลืออยู่บ้าง พวกนางก็ควรเงียบปากไปดีๆ
แต่ก็เป็อีกครั้งที่นางดูถูกความดื้อดึงของทั้งสองเกินไป
“เหอะ หลินฟู่อิน เ้ามันคนขี้เหนียว!” คราวนี้เป็หลินเสี่ยวเหอที่ส่งเสียงขึ้นมา สองแขนไขว้ไว้ เรียวคิ้วเลิกขึ้น ใบหน้าดูคล้ายอู๋ซื่อตอนกำลังโกรธถึงเจ็ดส่วน “พวกข้าได้ยินมาแล้วว่าเ้าทำเงินได้ตั้งมากจากไข่เยี่ยวม้ากับไข่ดอกสน จนเ้ารวย! ให้เงินพวกข้าวันละสิบอีแปะก็ไม่เห็นจะเป็อะไรเลย แล้วที่จริงพวกข้าไม่สนสิบอีแปะด้วยซ้ำ จะดีกว่าหากเ้าให้พวกข้าวันละสิบตำลึงเงิน!”
ถึงหลินฟู่อินจะเคยได้ยินมาแล้ว แต่ครั้งนี้หลินเสี่ยวเหอก็ยังสร้างความตะลึงให้นางได้อีกครั้ง
ลูกๆ ของจ้าวซื่อคู่นี้นี่ช่างเป็ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เผลอๆ จะยิ่งกว่าจ้าวซื่อเสียอีก
คำพูดนี้ไม่เพียงทำให้หลินฟู่อินตกตะลึง แต่ยังมีหลินซานหลางและหลินเฟินหลินฟางด้วย
เห็นเสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอเป็เช่นนี้แล้ว ไม่อาจรู้เลยว่าพวกนางแค่โง่เขลาหรือโลภมากกันแน่
“วันละสิบตำลึงเงินหรือ? รู้ใช่หรือไม่ว่าต่อให้พ่อเ้าไปช่วยงานคนอื่นทุกวัน ต่อให้หมดไปทั้งปีก็อาจยังได้ไม่ถึงสิบตำลึงเงินเลย ทั้งไม่ใช่ว่าเ้าของที่ทุกคนจะยอมจ่ายวันละห้าอีแปะ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีงานทุกวันด้วย!” หลินฟู่อินแค่นจมูก นางรู้แล้วว่าสองคนนี้ใช้เหตุผลคุยด้วยไม่ได้ นางจึงบอกหลินเฟินและหลินฟางไปตรงๆ “พี่อาเฟิน พี่อาฟาง ช่วยข้าหน่อยสิ”
หลินเฟินและหลินฟางตอบรับทันที ทั้งสองต่างก็เมินหลินเสี่ยวเถา
หลินฟู่อินมองหลินซานหลางอีกครั้ง แล้วกล่าว “พี่ซานหลาง พาทั้งสองกลับไปส่งที่บ้านเดิมเถอะ ในป่านี้มีสัตว์ร้ายอยู่มาก”
แม้สีหน้าของหลินซานหลางจะไม่สู้ดีเท่าไร แต่เขาก็ตกลง
หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอไม่ยอมหยุด ทั้งสองพยายามหยุดหลินซานหลางแล้วมายืนขวางหลินฟู่อิน ทั้งสองจ้องมองหลินฟู่อินพร้อมสองมือเท้าเอว หลินเสี่ยวเถาหรี่ตาอย่างเ็า “ฟู่อิน หากวันนี้ไม่ทำให้ชัดเจน พวกข้าก็จะไม่กลับ!”
-------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ติงเซียง หมายถึง ดอกไลแลค