“อะไรนะ?” หลิวเต้าเซียงโมโหจนแทบอยากหันมาข่วนหน้าผู้ชายคนนี้ จะเกินไปแล้วนะ
ซูจื่อเยี่ยเองเพิ่งรู้วันนี้ว่าสาวน้อยที่มีไหวพริบ รูปร่างผอมแห้งคนนี้ ที่แท้ก็คือบุตรสาวของบุตรชายเ้าของบ้านหลังนี้
เขาเห็นว่าหลิวเต้าเซียงนั้นะเิขนราวกับแมวก็ยิ่งมีความสุข อย่างนี้สิถึงสนุก จึงเอ่ย “ต่อไปเ้าต้องคอยเชื่อฟังคำพูดของข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ให้อาเล็กเ้าขายเ้า ได้ยินว่า ย่าเ้าเห็นด้วยกับเื่นี้มาก บอกว่าตระกูลหวงอะไรนั่น ต้องออกราคาให้ดีแน่นอน แล้วยังบอกว่าอาของเ้าเป็ผู้ดูแลอยู่ที่นั่น เหอะๆ!”
เสียงหัวเราะนี้ทําให้หลิวเต้าเซียงได้ยินแล้วเหมือนกำลังฟังเื่ตลกของหลิวฉีซื่อ
“เชื่อฟังเ้า?” หลิวเต้าเซียงเกือบจะกระอักเืออกมา นี่มันเื่อะไรกัน?
“ถูกต้องแล้ว! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าพวกเ้าแอบต้มไข่กินตอนกลางคืน” ซูจื่อเยี่ยกลัวว่าหลิวเต้าเซียงจะยังไม่ใมากพอ จึงพูดทิ่มแทงใจนางอีกหนึ่งแผล
“เ้า...” หลิวเต้าเซียงอยากกัดเขาจริงๆ ช่างน่าเจ็บใจเหลือเกิน “เหตุใดข้าต้องฟังเ้าด้วย? ข้าไม่ใช่ทาสของเ้า”
ซูจื่อเยี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ปากคอเราะร้ายเสียจริง หรือไม่ ข้าจะให้ย่าเ้าขายเ้าเสีย จะว่าไป ข้าอยู่ที่กันดารเช่นนี้ก็กำลัง้าเด็กรับใช้ไว้คอยปรนนิบัติพอดี”
หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา “ข้าไม่ยินยอม”
“ข้าจะจ่ายให้เ้าหกตำลึงเงิน อืม ย่าเ้าต้องยินยอมแน่ ได้ยินย่าเ้าบอกว่า นี่คือราคาของหมูสองตัว”
หลิวเต้าเซียง = เงินหกตำลึง = หมูสองตัว
บ้าจริง!
แต่ถ้าไม่ตอบโต้กลับคงไม่ใช่หลิวเต้าเซียง จึงตอบกลับว่า “ฮึ ไม่รู้หรือ ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันมักชอบอยู่ด้วยกัน ช่างยากลำบากเหลือเกินที่เ้าอยากให้ข้าที่เป็หมูไปปรนนิบัติ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เ้ากับข้าก็คงเป็ประเภทเดียวกัน”
ดวงตาของซูจื่อเยี่ยดำจนเปล่งประกายในยามค่ำคืน ดวงตาคู่นั้นฉายแววยิ้ม เป็สาวน้อยที่น่าสนใจจริงๆ
“เต้าเซียง เ้าตกหลุมบ่อกินขี้แล้วหรืออย่างไร? เรียกเ้านานครึ่งค่อนวันกลับไม่เห็นตัว”
เสียงบ่นด่าของหลิวฉีซื่อดังมาจากในห้องเรือนหลัก หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นก็เอ่ยกับซูจื่อเยี่ย “ปล่อยมือ ข้าจะไปทำงานต่อ”
“กลัวหรือ? ไม่แน่ว่าย่าของเ้าอาจจะเห็นดีเห็นงามก็ได้” ซูจื่อเยี่ยไม่อยากจะยอมรับว่าเวลาที่ได้คุยกับสาวน้อยผู้นี้ ความชั่วร้ายที่ฝังลึกในกระดูกของเขากำลังแผ่ออกมา
“เ้า อาเล็กของข้าไม่มีทางยินดีให้ข้าไปช่วยดูแลเ้าแน่” หลิวเต้าเซียงเริ่มกระวนกระวาย ขืนถูกหลิวฉีซื่อพบเข้า คงต้องจับตนเองหักกระดูกเป็แน่ เพราะคุณชายน้อยผู้นี้เป็ผู้มาโปรด ที่ฟ้าลิขิตมาให้หลิวเสี่ยวหลันเชียว
“นี่หาใช่เื่ที่เ้าต้องเป็กังวล” ซูจื่อเยี่ยไม่รู้สึกว่าคำร้องขอของตนนั้นไม่มีมารยาทเพียงใด
“เ้า ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องทําทุกวัน เ้าคิดว่าผู้อื่นจะเหมือนเ้าหรือ กินแล้วนอน นอนแล้วกิน?” หลิวเต้าเซียงโมโหจนแทบกระอักเื
ซูจื่อเยี่ยตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าาเ็ ข้ากําลังพักฟื้นอยู่”
หลิวเต้าเซียงบ่นในใจ แล้วใครเป็คนบอกนางว่าชายคนนี้คำพูดมีค่าดั่งทอง เหตุใดตอนนี้จึงพูดมากน้ำลายเยิ้มเช่นนี้?
“ข้าอยู่ใกล้ๆ เ้าทั้งวันไม่ได้” หลิวเต้าเซียงปฏิเสธโดยไม่ลังเล
“เต้าเซียง เต้าเซียง เ้าไปตายอยู่ที่ไหน? เ้าตัวี้เี ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก” คงเพราะเื่ของบ่ายวันนี้ถูกซูจื่อเยี่ยเห็นเข้า หลิวฉีซื่อเองจึงไม่ได้ระวังกิริยาเช่นก่อนหน้านี้
“ฮี่ๆ สาวน้อย ย่าเ้ากำลังเรียกเ้าอยู่ หรือไม่ข้าจ่ายเงินให้นางหกตำลึงจะได้จบเื่? อย่างน้อย ปู่เ้าก็จะไม่ด่าเ้า อืม ปู่คงจะรักและเอ็นดูเ้ามาก” เสียงของซูจื่อเยี่ยยิ่งฟังยิ่งเหมือนกับมัจจุราชที่ออกมาจากขุมนรก กำลังดีใจเพราะเจออาหารอันโอชะที่แสนโปรดปราน
เมื่อรู้สึกว่าสาวน้อยในอ้อมกอดของตนเองโมโหจนตัวสั่น อารมณ์ของซูจื่อเยี่ยก็ยิ่งเบิกบาน
“เ้าล้มเลิกความคิดนี้เสียเถอะ ข้าไม่มีทางขายตนเองเพื่อเป็เด็กรับใช้ของเ้า” หลิวเต้าเซียงโมโหจนกัดฟันกรอดแทบจะแตกละเอียด ใครใช้ให้เขายุ่งไม่เข้าเื่ สมควรปล่อยให้เ้าบ้านี่จมตายอยู่บนกองมูลให้รู้แล้วรู้รอด
หางคิ้วของซูจื่อเยี่ยเลิกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยอย่างชั่วร้าย “ไม่ขาย เช่นนั้นก็เชื่อฟังข้า แล้วมาปรนนิบัติข้าทุกวัน”
“ทั้งวันไม่มีทางเป็ไปได้ ข้ายังมีเื่มากมายต้องทำ หรือไม่ข้าจะอาศัย่ที่อาเล็กหลับกลางวันไปพูดคุยกับเ้า เ้าอยากรู้เื่อันใด ก็ถามสิ่งนั้น ถ้าข้ารู้ก็จะตอบ หากไม่รู้ก็จะไม่ตอบ”
หลิวเต้าเซียงไม่ใช่เด็กอายุเจ็ดขวบจริงๆ แม้ซูจื่อเยี่ยจะปกปิดความคิดได้ลึกเพียงใด นางก็ยังดูออกว่าเขาอยากสอบถามเกี่ยวกับเื่ในหมู่บ้าน แล้วก็เื่ที่มีคนมาสืบเื่เขาหลังจากาเ็หรือไม่
ใบหน้าของซูจื่อเยี่ยเ็าทันใด ชักมือออกมาแล้วผลักนางออก “สาวน้อย ช่างไม่น่าสนใจเสียเลย”
หลิวเต้าเซียงไม่ใส่ใจเขา แล้วจ้ำอ้าวด้วยขาเล็กๆ ไปยังห้องโถงอย่างสบายใจเฉิบ นางไม่กลัวว่าซูจื่อเยี่ยจะทำอะไรที่ไม่เป็ผลดีกับนาง เพียงแต่ย่านางกับอาเล็กนั้นคิดจะขายนางไปบ้านตระกูลหวงจริงหรือ?
เหตุใดนางจึงไม่เคยรู้เื่นี้มาก่อน?
หลังจากนั้นอีกสองสามวันก็คือเทศกาลเชงเม้ง วันที่หก ต้นเดือนเมษายน
ราชวงศ์โจวอันยิ่งใหญ่นับวันสิ้นสุดฤดูหนาววันแรกไปหนึ่งร้อยแปดวันคือเทศกาลเชงเม้ง
วันนี้ฟ้าเพิ่งเปิด จากนั้นก็อึมครึมอีกแล้วมีฝนตกโปรยปรายลงมา ทำให้ใจคนยากที่จะอารมณ์ดีได้
ในสุสานด้านหลังหมู่บ้าน ก่อนรุ่งสางวันนี้มีคนเอาเทียนธูปและกระดาษไปแขวนบนูเา เสียงประทัดที่ดังไม่ขาดสายทำให้คนบ้านหลิวแทบจะหายใจไม่ออก
วันนี้หลิวฉีซื่อตื่นเช้าเป็พิเศษ เพื่อจะรอต้อนรับบรรดาบุตรชายและสะใภ้
หลิวเต้าเซียงหาจังหวะไปบ้านหลี่ ตอนนี้ลูกไก่ที่เลี้ยงไว้บ้านนั้นเริ่มมีขนดกออกมา ก่อนตรุษจีนคงได้เอาไปขายในตลาดเพื่อแลกเป็เงินมาบ้าง
ส่วนไก่ในห้วงมิติ ตอนนี้อายุได้หกสิบวันแล้ว มองดูแล้วน่าจะใกล้ถึงเวลา ทำให้นางรู้สึกดีใจมีความสุข
หลิวเต้าเซียงหาเวลาเข้าไปทำความสะอาดในห้วงมิติ หลังจากให้อาหาร ก็ไปให้อาหารไก่ที่บ้านหลี่ต่อ นางกลัวว่า่บ่ายจะยุ่งจนไม่อาจปลีกตัวไปได้ จึงเอาอาหารไก่่เย็นไปพร้อมกัน จากนั้นไหว้วานให้ป้าลี่ช่วยนางให้อาหารไก่ในมื้อเย็น
ทันทีที่เข้าไปในประตูลานบ้าน ก็เห็นหลิวชิวเซียงยืนอยู่หลังเสาตรงทางเดินปีกตะวันตก กำลังแอบโบกมืกให้ตนเอง
มีบางอย่างเกิดขึ้น!
นางเหลือบมองไปที่ห้องโถง ไม่เห็นใครมาบ้าน น่าแปลก ความทรงจำของวันนี้ บรรดาสามพี่น้องที่ออกไปทำงานหรือร่ำเรียนข้างนอกล้วนกลับมากันครบ แต่ปีนี้กลับไม่มีผู้ใดกลับมา
หลิวเต้าเซียงแอบย่องไปทางหลิวชิวเซียง แล้วกระซิบข้างหูของนาง
“พี่ เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดลุงใหญ่กับลุงรองจึงยังไม่กลับมา? อาเล็กเรียนอยู่ในตำบลไม่ใช่หรือ? วันก่อนยังส่งจดหมายกลับมาบอกว่าจะนั่งรถเข็นวัวของลุงรองกลับมาขึ้นสุสานนี่นา”
หลิวชิวเซียงเบ้ปากแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ใครจะไปรู้เล่า ครั้งนี้ย่าไม่พอใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้ยังขว้างโอ่งในห้องครัวจนเละ”
“จริงหรือ? ย่าขว้างจริงหรือ? คงเพราะโมโหสุดขีด อาสี่กับลุงรองนั้นคุยกันดิบดีว่าจะกลับมาวันนี้ ส่วนลุงใหญ่เองก็ไม่รู้ว่าจะหาเวลากลับมาได้หรือไม่”
ตอนนี้หลิวเต้าเซียงกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเกินร้อย การยั่วยุเหล่านี้ช่างใช้ได้ง่ายดายเหลือเกิน นางกล้าใช้ศีรษะพนัน ในใจของหลิวฉีซื่อต้องเกิดความคิดบางอย่างแล้วแน่นอน ความคิดที่โกรธแค้นบุตรชายของตนจะค่อยๆ กลืนกินหัวใจของนาง กลืนกินหัวใจของผู้เป็แม่ที่ทุ่มเทให้กับบุตรชายอย่างไม่มีเงื่อนไข
หากถกด้วยความเป็ธรรม หลิวฉีซื่อก็เป็แม่ที่ไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยสำหรับตัวลูกๆ อีกสามคนนอกจากหลิวซานกุ้ย หลิวฉีซื่อเองก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย
“น้องรอง เ้าว่าย่าเป็อะไรไป?”
“จะเป็อะไรอีกเล่า? ก็ต้องเป็เพราะแผนที่เราวางกับท่านแม่ได้ผลน่ะสิ พี่ใหญ่ ท่านห้ามหลุดปากออกไปเด็ดขาด หากอยากจะมีชีวิตที่ดีในอนาคต จำต้องแยกบ้านให้ได้”
ที่แท้ สองพี่น้องกับจางกุ้ยฮัววางแผนลับหลังหลิวซานกุ้ย บ้านนี้จำเป็ต้องแยกออกมา อีกทั้งต้องไม่ใช่เกิดจากการเสนอของครอบครัวฝั่งนาง ซึ่งนางทำได้เพียงการสั่นคลอนจิตใจผู้อื่น แล้วเื่อะไรที่ง่ายที่สุดน่ะหรือ? ก็เื่เงินทองของนอกกายอย่างไร
เื่ที่จางกุ้ยฮัวอาละวาดในวันนั้น หาได้ทำเพียงเพราะไม่อยากปลูกผักมากมาย แต่้าทำให้หลิวฉีซื่อกับบรรดาลูกๆ นั้นเกิดความบาดหมางระหว่างเื่เล็กน้อยเหล่านี้
แน่นอนว่าความคิดส่วนใหญ่มาจากหลิวเต้าเซียงที่เ้าเล่ห์เพทุบายคิดออกมา
“จางกุ้ยฮัว ไปตายที่ไหนแล้ว?” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยไฟโกรธดังขึ้นจากหน้าต่างในห้องครัว
หลิวชิวเซียงถึงกับขนลุกอย่างไม่ทันตั้งตัว “แย่แล้ว ย่ากำลังจะโมโห”
“กลัวอะไร ข้าจะไปหาแม่” หลิวเต้าเซียงหันไปแล้วะโไปทางหน้าต่าง “ย่า แม่ข้าไปปักต้นกล้าที่สวนผัก ข้าจะไปเรียกนางเดี๋ยวนี้”
นางหันกลับไปหาหลิวชิวเซียงแล้วพูดว่า “รีบเข้าไปในบ้านและอย่าออกมา ตอนนี้ย่าเห็นใครก็ขวางหูขวางตาไปหมด”
หลิวชิวเซียงกล่าวว่า “เ้าไปเรียกแม่เถอะ ข้าจะไปดูแลชุนเซียง คราวนี้ย่าคงรู้สึกแย่แน่นอน”
นางกลัวว่าความโกรธฉับพลันของหลิวฉีซื่อจะทําให้อยากฆ่าน้องรองของตนอีก
“พี่ใหญ่ บอกให้พี่รีบเข้าไปก็เข้าไปเถิด อีกเดี๋ยวย่าจะออกมาแล้ว” หลิวเต้าเซียงผลักนาง จากนั้นตนเองก็วิ่งไปทางสวนผัก
จากที่ไกลออกไป มองเห็นผมเผ้าของจางกุ้ยฮัวนั้นยุ่งเหยิงเพราะลมพัด เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน สวมกระโปรงที่มีรอยปะเต็มไปหมด กระโปรงสีขาวนั้นแทบดูไม่ออกว่าสีเดิมคือสีอะไร
“แม่ แม่ แม่ทำอะไรอยู่หรือ?” หลิวเต้าเซียงก้าวเล็กๆ วิ่งไปทางจางกุ้ยฮัว อารมณ์หงุดหงิดของหลิวฉีซื่อไม่ได้ส่งผลต่อนางแม้แต่น้อย
จางกุ้ยฮัวยืดตัวขึ้น เอื้อมมือไปจับหลังที่ปวดเมื่อยแล้วตอบ “แม่กำลังปักต้นกล้า วันนี้ไม่รู้ว่าป้าหลี่ซานเสินไปเอาต้นกล้าของแตงหวานมาจากไหน แล้วแบ่งให้บ้านเราไม่กี่ต้น ถึงอย่างไรปีนี้ก็ไม่ต้องปลูกผักมากมาย แม่จึงคิดว่าปลูกไว้ก็ดี ถึงตอนนั้นได้ผลแตงมา จะได้แบ่งให้พวกเ้าพี่น้องได้กินของหวานๆ บ้าง”
ฝีเท้าของหลิวเต้าเซียงชะงักเล็กน้อย จากนั้นเสียงหัวเราะของนางดังขึ้นประหนึ่งกระดิ่งเงินในสวนผัก และสะท้อนอยู่อย่างนั้น
“แม่ จริงหรือ? เป็เื่จริงหรือ?”
นางมีความสุขมากที่ความคิดของแม่เปลี่ยนไปในที่สุด
จางกุ้ยฮัวเอ็นดูบุตรสาวของตนอย่างมาก เพียงแต่เมื่อก่อนนางนั้นจิตใจดีเกินไป คิดว่าการกตัญญูต่อผู้เฒ่าผู้แก่เป็เื่ที่สมควร ถ้าอย่างนั้นสักวันหลิวฉีซื่อกับหลิวต้าฟู่ย่อมต้องเห็น ต่อไปแก่ตัวลง คนที่จะส่งท่านทั้งสองจากไปก็ยังอยู่ข้างกาย ซึ่งก็คือคู่สามีผู้โง่เขลาคู่นี้
แต่นั่นเป็เพียงความคิดที่ปรารถนาเพียงฝ่ายเดียวของนางกับหลิวซานกุ้ย
“เป็เื่จริงสิ แม่เคยพูดแล้วกลับคำหรือ?” จางกุ้ยฮัวตอบพร้อมกับหัวเราะ เมื่อแสงแดดอันอบอุ่นตกกระทบลงบนตัวนาง จึงเปล่งประกายที่ระยิบระยับออกมา นั่นคือความเชื่อมั่นและความหวัง
เมื่อหลิวเต้าเซียงวิ่งไปหา จางกุ้ยฮัวก็เอื้อมมือออกไปจับนางและโอบนางไว้ในอ้อมอก ยื่นมือกำลังจะเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าของหลิวเต้าเซียง จากนั้นก็พบว่ามือของตนนั้นเปื้อนไปด้วยดิน จึงชะงักเล็กน้อยแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาให้แทน
-----