เมื่อได้ยินเสียงออดอ้อนของเหยียนอู๋อวี้ หัวใจของซ่งอี้เฉินพลันเต้นระรัว ทว่าขณะที่เห็นเหยียนอู๋อวี้ผลักเขาออกไปด้วยสีหน้าเ็ป แววตาของเขาพลันเผยให้เห็นร่องรอยความสงสัยที่ปรากฏขึ้นมา จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงทันที “สนมที่รักเป็อันใดหรือ?”
เหยียนอู๋อวี้ผละออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วมองเขาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนน้ำตาใสจะไหลลงมา ท่าทางน่าสงสารนั้นชวนให้คนรู้สึกสงสารจริงๆ นางมองเขาเหมือนไม่พอใจพร้อมบ่นว่า “ฝ่าาทรงกดลงที่ไหล่ของหม่อมฉันแรงยิ่งนัก หม่อมฉันย่อมรู้สึกเจ็บเป็ธรรมดา”
เจ็บหรือ? คนปกติถูกจับเช่นนี้ แม้จะเจ็บ หากแต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น พวกเขาทำได้เพียงตอบสนองอย่างมีไหวพริบเท่านั้น ทว่านางกลับอดทนได้ดียิ่งนัก เมื่อเขาเห็นภาพเหยียนอู๋อวี้น้ำตาไหลรินด้วยท่าทางราวกับอดทนอย่างเต็มที่ ทำให้ซ่งอี้เฉินยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้น เพราะมีเพียงได้รับาเ็เท่านั้น จึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงเช่นนี้
เขาแสร้งทำเป็เห็นอกเห็นใจพลางยื่นมือออกมาด้านหน้าตรัสว่า “ให้เจิ้นดูหน่อยว่าาเ็หรือไม่?”
เหยียนอู๋อวี้หลบเลี่ยงอย่างช่ำชอง นางพลิกตัวหันกลับมาหาเขาพร้อมกับฝืนยิ้มว่า “เพียงกดลงมาแรงไปสักหน่อยเท่านั้น จะาเ็ได้อย่างไรเพคะ หม่อมฉันมิได้อ่อนแอเพียงนั้น ฝ่าาทรงวางใจได้เพคะ”
ซ่งอี้เฉินกลับไม่เชื่อ เขากดหลังของนาง ยกมือขึ้นจับคางของนางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง “ร่างกายของอวี้เอ๋อร์นั้นบอบบาง ซ้ำยังบอบบางกว่าสตรีทั่วไป ให้เจิ้นดูสักหน่อยเถิด หากได้รับาเ็จะได้ตามหมอหลวงมารักษาได้ทันเวลา”
เกิดความสงสัยตามที่คาดไว้ เหยียนอู๋อวี้มองเข้าไปในดวงตาของเขา ส่วนร่างกายนั้นพยายามดิ้นรนดึงตัวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว พลางทูลด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “ฝ่าาคิดออกแล้วหรือว่าร่างกายของหม่อมฉันอ่อนแอ หลายวันมานี้ฝ่าาลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น ต่อให้อู๋เจาหรงจะรังแกหม่อมฉันขณะที่อยู่ในงานเลี้ยงร้อยบุปผา ฝ่าาก็มิได้ช่วยเหลือหม่อมฉันเลยแม้แต่น้อย พูดถึงฐานะ บิดาของหม่อมฉันเป็เพียงเ้าเมืองจะเทียบกับขุนนางขั้นหนึ่งได้อย่างไรเพคะ หากฝ่าาคิดดูแลหม่อมฉัน หม่อมฉันคิดว่าพี่หญิงเจาหรงคง้าสิ่งนี้มากกว่าเพคะ”
ซ่งอี้เฉินมองนางถอยหลังไปเล็กน้อยพลางปกป้องไหล่ขวาอย่างไม่รู้ตัว แววตาของเขาพลันเ็าขึ้นมาทันที เขาไม่ยอมให้นางหลบเลี่ยงโดยง่าย จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าโอบกอดนางไว้พร้อมตรัสอย่างเอาอกเอาใจว่า “อวี้เอ๋อร์หึงหรือ? เช่นนั้นคืนนี้ข้าไม่ไปที่ใดแล้ว จะอยู่เป็เพื่อนอวี้เอ๋อร์”
หลังตรัสจบ ซ่งอี้เฉินพลันออกแรงเพียงเล็กน้อยดึงเหยียนอู๋อวี้เข้าไปในอ้อมแขนพร้อมใช้มือที่ดุร้ายและแข็งแกร่งฉีกอาภรณ์ของนางออก ไม่คาดคิดว่าเหยียนอู๋อวี้จะจับอาภรณ์ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย น้ำเสียงของซ่งอี้เฉินเปลี่ยนเป็เ็าพลางตรัสว่า “อวี้เอ๋อร์เป็อันใด?”
ภายในน้ำเสียงเ็าเผยถึงความสงสัยที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้ เหยียนอู๋อวี้คาดเดาบางอย่างออกอยู่ในใจ ขณะเห็นเขาพัวพันอยู่กับอาภรณ์บนไหล่ของนาง เื่มือสังหารที่ลอบเข้าจวนเฉิงเซี่ยงถูกลูกธนูยิงเข้าที่ไหล่นั้นมิได้เป็เื่ลึกลับอันใดสำหรับซ่งอี้เฉิน คราวที่แล้วเขายังไม่คลายความสงสัย คราวนี้ก็เกิดขึ้นอีกแล้ว
เขามาเพื่อดูาแนางอย่างแน่นอน ความเ็ปที่ไหล่เป็การพิสูจน์ความจริงในการคาดคะเนของเขา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่บริเวณนั้น คล้ายรอการยืนยันครั้งสุดท้าย
าแทั่วไปต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะตกสะเก็ด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของแขนที่น่าทึ่งของกัวจื่อถู หากถูกทำร้ายแล้ว ต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนในการรักษาอาการาเ็ และแม้ว่าาแจะหายดีแล้วก็ตาม ทว่าร่องรอยแผลเป็จะต้องยังคงอยู่อย่างแน่นอน เมื่อคิดถึงเื่นี้ ซ่งอี้เฉินมิได้สนใจสิ่งอื่นใด เขาออกแรงฉีกผ้าไหมบางๆ บนร่างเหยียนอู๋อวี้ออกจากกัน
ดวงตาของซ่งอี้เฉินเริ่มเปล่งประกายเร่าร้อนขึ้นทันที
เนื่องจากยามที่ฉีกอาภรณ์นั้น เส้นสีชมพูพลันปรากฏขึ้นบนชั้นิัคล้ายกลีบดอกท้อ นางใช้มือกอดไหล่ตนเองไว้ พลางร้องไห้น้ำตาไหลรินกระทบดวงหน้าหวาน ซ่งอี้เฉินทำเหมือนไม่เห็นและดึงมือของนางออก รู้สึกว่าไหล่ของนางจะบวมมากขึ้น ทว่ากลับไร้ซึ่งาแตามที่คาดไว้ มีเพียงปานรูปดอกท้อบนไหล่ขวาของนางเท่านั้น
“ฝ่าา......” น้ำตาของนางเปรอะเปื้อนใบหน้าแล้ว นางรีบคว้าอาภรณ์ขึ้นปกปิดหัวไหล่ขวาทันที
“สนมที่รัก มีปานอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ซ่งอี้เฉินอดถามมิได้ในขณะที่ลูบผิวเนียนเรียบของนาง
“หม่อมฉันมีรอยนี้มานานแล้วเพคะ เพียงแค่ฝ่าาไม่เคยสังเกตเท่านั้น นี่เป็ปาน น่าเกลียดนัก” เหยียนอู๋อวี้หลบเลี่ยงการััของเขาและหันกลับไปอย่างเร่งรีบ “ฝ่าา ห้ามมองเพคะ......”
“คล้ายว่าเมื่อก่อนจะไม่มีปานนี้?” ซ่งอี้เฉินตรัสอย่างสงสัย
นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นเรือนร่างของเหยียนอู๋อวี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาสนใจดูาแที่หน้าอกซ้ายของนางเท่านั้น มิได้สังเกตที่บริเวณไหล่ของนาง ทว่าหากมีปาน เขาก็น่าจะพอรู้บ้างกระมัง
“มีมานานแล้วเพคะ เพียงแค่ฝ่าามิได้สนใจเท่านั้น นอกจากนี้มันยังน่าเกลียด หม่อมฉันจึงปกปิดมันไว้” เหยียนอู๋อวี้ตอบเสียงต่ำและรู้สึกโล่งใจ
หลังจากคืนนั้นที่นางถูกกัวจื่อถูโจมตี นางก็ได้รับความช่วยเหลือจากจวินอู๋เสียในการรักษาาแและกำจัดพิษออกไป อย่างไรก็ตามเหยียนอู๋อวี้ไม่กล้าประมาท แม้ว่าซ่งอี้เฉินจะมาหาไม่บ่อยนัก หากแต่ก็มิได้หมายความว่าเขาจะไม่มา ดังนั้นป้าโฉ่วจึงรักษาาแและใช้ยาชนิดพิเศษเพื่อทำให้บริเวณาแหายเร็วขึ้นและไม่ทิ้งรอยแผลเป็เหมือนกับการรักษาแผลที่หน้าอกด้านซ้ายครั้งก่อน
ปานรูปดอกท้อมีรูปร่างคล้ายาแ และอาการาเ็ภายในยังไม่หาย หลังจากคืนนี้ที่ถูกซ่งอี้เฉินกดซ้ำอีกครั้ง เกรงว่าาแคงจะปริออก
เหยียนอู๋อวี้ระงับความเ็ป น้ำตานางไหลรินออกมา เมื่อเห็นซ่งอี้เฉินมองไหล่ขวาของนางไม่ละสายตา นางจึงทูลเสียงต่ำว่า “ฝ่าาไม่ต้องมองแล้วเพคะ มันอัปลักษณ์มากเกินไปเพคะ”
ซ่งอี้เฉินมองปานดอกท้ออย่างละเอียดหลายครั้ง แต่กลับไม่พบพิรุธอันใด เขาคิดกับตนเองว่าบางทีเขาอาจเพิกเฉยไป ทว่าในใจยังคงมีความสงสัยอยู่ เมื่อเห็นเหยียนอู๋อวี้กังวลใจมากเช่นนี้ เขาจึงเอ่ยปลอบใจเบาๆ ว่า “เป็ไปได้อย่างไร ปานนี้มีรูปร่างเหมือนดอกท้อ สวยงามอย่างยิ่ง ช่างเหมาะสมกับความงามของอวี้เอ๋อร์ยิ่งนัก”
“จริงหรือเพคะ......” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยถามด้วยความไม่มั่นใจ นางใช้น้ำเสียงระแวดระวังราวกับลูกแมว พร้อมใช้อุ้งเท้าเล็กๆ หยอกล้อหัวใจของซ่งอี้เฉิน เขารู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย กลิ่นกายสตรียังคงติดตรึงอยู่ในจมูกของเขา เมื่อเทียบกับอู๋เจาหรงแล้ว กลิ่นนี้เป็กลิ่นที่ต่างออกไป ทำให้รู้สึกยากจะควบคุมจิตใจไว้ได้
เขาก้มลงโดยครานี้มิได้หยาบกระด้างเหมือนก่อน พลางจุมพิตบนปานของนางราวกับกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่า เขาหยิบอาภรณ์ที่ฉีกขาดทั้งสองชิ้นมาตรวจสอบดูแล้วโยนทิ้งไป ความอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิพลันปะทุขึ้น ภายใต้ชุดผ้าไหมของนาง ยามนี้มีเพียงตู้โตวรัดหน้าอกชิ้นเดียวเท่านั้น
คล้ายว่าคืนนี้จะเป็การทำลายกฎไปแล้ว แม้ซ่งอี้เฉินจะเตือนตนเองอยู่ในใจ ทว่าเขาไม่อาจควบคุมอารมณ์ตนเองไว้ได้ เมื่อััเรือนร่างของนางพลันเกิดแรงกระตุ้นทางอารมณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้
ยามที่รู้สึกว่าริมฝีปากของเขาซุกไซ้บนเรือนร่างของนาง เหยียนอู๋อวี้เปลี่ยนความคิดที่อยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วน
ในขณะนี้ นางไม่อยากยอมรับความเมตตาและความโปรดปรานของเขาที่มอบให้จริงๆ ทว่าความคิดของนางได้เปลี่ยนไปแล้ว และคงเป็เื่ยากที่จะหยุดเขาในเวลานี้
หรือว่าจะปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่อารมณ์ของเขา้า?
จากััเคล้าคลึงของเขา ความรู้สึกรังเกียจในใจของนางนั้นทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นางพยายามดิ้นรนจนแทบคุมสติไม่ได้ ในที่สุดก็มีแผนอยู่ภายในใจ
“ฝ่าา......” นางอยากจะบอกเขาว่าคืนนี้นางมีประจำเดือน และไม่อาจปรนนิบัติเขาได้ เพียงแต่นางรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติจากคำพูดของนางที่เอ่ยออกมา
ซ่งอี้เฉินซุกไซ้บนเรือนร่างนาง ริมฝีปากของเขาััลงบนแผ่นหลังขาวเนียนของนาง ก่อนจะหยุดนิ่งไม่ขยับไปที่ใดอีก
ความไม่สบายใจเคลื่อนผ่านเข้ามาในใจเหยียนอู๋อวี้ นางจึงลองพลิกกายไปดู ซ่งอี้เฉินร่วงหล่นจากร่างของนางแล้วนอนหงายโดยไม่ขยับตัว
ซ่งอี้เฉินเขา......หมดสติไปแล้ว!