อวิ๋นซานถอนหายใจอย่างปลงๆ “ถึงแม้จะดื่มยาอยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็มิอาจรักษาชีวิตคนไว้ได้ ด้วยเื่นี้ เ้าอย่าได้พูดต่อหน้าชีเหนียงเชียว นางจะได้ไม่ต้องเสียใจขึ้นมาอีก” ชีเหนียงผู้นี้เป็คนหนึ่งที่มีชีวิตรันทดนัก ก่อนนั้นตอนติดตามมารดาของอวิ๋นซีออกมา นางต้องใช้ชีวิตระหกระเหินเร่ร่อนอยู่ต่างถิ่นกับพวกเขาตั้งหลายปี แต่ก็ไม่เคยบ่นแม้สักคำ
เดิมพวกตนคิดเพียงอยากจะช่วยนางหาตระกูลดีๆ ให้ไปแต่งเข้า มิคาดคนจะไม่สามารถทำให้สตรีตั้งครรภ์ได้ ถึงกระนั้นหลายปีมานี้ชีเหนียงก็ไม่เคยคิดทอดทิ้ง และอยู่เคียงข้างอีกฝ่ายมาโดยตลอด แต่ตอนนี้คนตายไปแล้ว นางจึงต้องเป็ม่าย ทำให้จนถึงตอนนี้อวิ๋นซานก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่ตนทำไปตอนนั้นเป็เื่ที่ถูกหรือผิด
“ท่านพ่อวางใจเถิดเ้าค่ะ ข้าจะไม่ถามเื่เหล่านี้กับชีเหนียง” อวิ๋นซีพยักหน้า
หลังจากนั้นอวิ๋นซานก็เดินจากไป เพียงไม่นานสตรีผู้หนึ่งที่สวมอาภรณ์สีเขียวอ่อนก็ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้พร้อมๆ กับในมือที่กำลังถือของว่างมาบางส่วน ทันทีที่เห็นอวิ๋นซี บนใบหน้านางก็เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา “อาซี ในที่สุดเ้าก็กลับมาแล้ว”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินเสียงเรียกนั้น นางก็ส่งยิ้มให้พร้อมจับจูงมือของชีเหนียงไว้ “ชีเหนียง ไม่เจอกันนานเลยนะเ้าคะ มานั่งลงแล้วคุยกับข้าเสียหน่อยเถิด” เมื่อนึกตามคำพูดของอวิ๋นซาน อวิ๋นซีก็นึกถึงเื่ของชีเหนียงขึ้นมาได้ สตรีผู้นี้ตอนที่เ้าของร่างเดิมอายุได้แปดปีก็แทบจะแลกชีวิตเพื่อช่วยชีวิตคนเอาไว้ จึงอาจเรียกได้ว่า คนคนนี้เป็คนเลี้ยงดูอวิ๋นซี ทั้งยังเป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตอวิ๋นซีเอาไว้ด้วย
ชีเหนียงยิ้มมองไปยังเด็กสาวตรงหน้าที่ยามนี้เป็ฝั่งเป็ฝาไปแล้ว “ตอนนั้นที่ข้าจากไป เ้าก็เพิ่งจะตัวแค่นี้” นางทำท่าทางที่บ่งบอกถึงขนาดตัวที่ดูเล็กจ้อย จากนั้นก็ทอดถอนใจออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้เ้าจะออกเรือนแล้ว ข้าเพิ่งรู้ข่าวเมื่อวันก่อนตอนกลับมา เตี๋ยชุ่ยบอกข้าว่าเ้าแต่งออกไปแล้ว มิหนำซ้ำยังแต่งให้ท่านอ๋องด้วย ทำเอาข้าใแทบแย่”
“หากไม่มีชีเหนียงก็ย่อมไม่มีอวิ๋นซีในตอนนี้ ดังนั้น ในวันหน้าชีเหนียงไม่ต้องไปไหนอีกแล้วนะเ้าคะ ให้อาซีผู้นี้ได้เลี้ยงดูตอบแทนคุณท่านบ้าง” อวิ๋นซีพูดพร้อมรอยยิ้มบาง ชีเหนียงเป็สตรีที่อ่อนโยนจิตใจดี ด้วยเื่นี้สามารถสังเกตได้จากดวงตาสดใสที่ฉายแววเมตตาคู่นั้น
เมื่อชีเหนียงได้ยินก็หัวเราะ “เด็กโง่ ต่อให้ชีเหนียงจะไม่ไปไหนแล้ว แต่ก็ไม่ต้องให้เ้ามาเลี้ยงดูหรอก ยามนี้เ้าเป็ถึงพระชายาเชียวนะ อย่างไรก็ตามเมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้คุยกับพ่อเ้าแล้ว ชั่วชีวิตนี้ข้าไร้บุตรธิดา จึงจะให้ข้ารับเตี๋ยชุ่ยเป็ลูกบุตรธรรม ในวันหน้าไม่ว่าอย่างไรข้าก็มีคนเลี้ยงดูยามแก่เฒ่าและช่วยส่งิญญายามข้าตายจาก ดังนั้น เ้าไม่ต้องมาเป็ห่วงตัวข้าหรอก”
อวิ๋นซีคิดไม่ถึงว่าจะมีเื่เช่นนี้ด้วย นางยิ้มแล้วกล่าวเสริม “เตี๋ยชุ่ยนับเป็คนดีทีเดียว วันหน้าข้าจะช่วยท่านหาเขยแต่งเข้าบ้านสักคน เพื่อที่นางจะได้ให้กำเนิดหลานตัวน้อยอวบอ้วนสักสองคน”
เมื่อชีเหนียงได้ยินคำของอวิ๋นซีก็หัวเราะฮ่าฮ่าพูดว่า “ดูท่า แม่นางที่แต่งออกไปแล้วจะแตกต่างจากก่อนแต่งจริงๆ ดูปากเล็กๆ นี่สิ หากเป็เมื่อก่อนคำพูดเช่นนี้ย่อมไม่มีทางหลุดออกมาแน่”
อวิ๋นซีพูดคุยกับชีเหนียงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ร่วมกินข้าวเที่ยงที่บ้านอวิ๋น กระทั่งปลายยามเซิน จวินเหยียนก็มารับคนด้วยตนเอง ตอนแรกอวิ๋นซานเองก็มีท่าทีไม่อยากปล่อยให้บุตรสาวตนต้องกลับไป แต่ก็ติดอยู่ที่นางแต่งออกไปแล้ว จึงทำได้เพียงเฝ้ามองบุตรสาวค่อยๆ จากไปด้วยดวงตาเปียกชื้น
จวินเหยียนนั่งลงบนรถม้าพลางมองทีท่าของอวิ๋นซาน ก่อนจะหันมองแววตัดใจไม่ได้ที่วาบผ่านในดวงตาของภรรยาตน จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างมีเลศนัย “อาซี เ้าแต่งงานออกมาแล้ว ยามนี้บ้านเดิมจึงเหลือท่านพ่ออยู่เพียงลำพัง ช่างน่าโดดเดี่ยวเกินไปจริงๆ ทว่าอย่างไรพวกเราสามารถ หาสตรีสักคนที่เหมาะสมให้ท่านพ่อได้ลองทำความรู้จักดูก็ได้นะ เขาเองก็ยังอายุไม่มาก หากให้กำเนิดทายาทสักสองสามคน คนก็คงไม่ต้องโดดเดี่ยวถึงเพียงนี้”
เมื่ออวิ๋นซีฟังแล้วก็นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง อันที่จริงตัวนางเองก็คิดว่าคำพูดของจวินเหยียนนั้นฟังดูมีเหตุผลยิ่ง เพราะเมื่อครู่ที่ได้เห็นท่าทางบิดาตน นางก็มั่นใจว่าคนยังคงตัดใจไม่ได้จริงๆ กระทั่งยามหันกายกลับเข้าจวนไป แผ่นหลังกว้างยังเผยให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวที่แฝงอยู่
นางพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เื่นี้เราคงไม่อาจรีบร้อนตอนนี้ได้ ไว้วันหน้าค่อยว่ากันเถอะ” ไม่ใช่บอกว่าเลือกก็เลือกได้เลย เพราะคนที่จะอยู่เคียงข้างกันไปชั่วชีวิตนั้นจะสรรหาอย่างลวกๆ ไม่ได้ ต้องตั้งใจเลือกให้ดี
เมื่อกลับไปถึงจวน เว่ยหลานก็เข้ามารายงานว่า ตนได้ช่วยเตี๋ยอีไว้แล้ว ซึ่งยามนี้นางพักอยู่ที่เรือนแถวชานเมือง แม้จะได้รับาเ็เล็กน้อย แต่ก็ได้ให้คนช่วยทำแผลให้แล้ว
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็พยักหน้า “ให้คนคอยเฝ้าดูนางไว้ อย่าให้นางคิดทำเื่โง่ๆ ”
“พระชายาจะไม่ไปพบนางหรือเพคะ? ” เว่ยหลานจับตาดูเรือนฉิ่นเยว่มาหลายวันย่อมรู้ดีว่าเตี๋ยอีผู้นี้เป็คนฉลาด หากว่านายตนได้คนมาใช้งาน ก็คงจะดีไม่น้อย
“ยัง ไว้คราวหน้าเถิด” อวิ๋นซีพูดเรียบๆ “ตอนนี้เื่ที่สำคัญที่สุดก็คือสองท่านนั้นที่อยู่ในจวนเรา อย่างไรเ้าก็จับตาดูเอาไว้หน่อย อย่าให้พวกเขาก่อเื่อะไรขึ้นมาอีก”
ไม่กี่วันต่อมา อวิ๋นซีก็เอาแต่อ่านตำราเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิศาสตร์ของหานโจวจนกระทั่งกระจ่างแจ้งในพื้นที่ทั้งหมดแล้ว จากนั้นจึงเริ่มเขียนแผนการต่างๆ ลงในสมุดบันทึก เพียงเท่านี้การเปลี่ยนแปลงหานโจวของจวินเหยียนก็จะง่ายขึ้นมาก
ก่อนหน้านี้อวิ๋นซีคิดไปว่า วันคืนอันสงบสุขของตนจะผันผ่านไปอย่างเรียบเรื่อยเช่นนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าอยู่มาวันหนึ่งขณะที่ตนกำลังหลับพักผ่อนอยู่ดีๆ จะถูกจวินเหยียนฉุดขึ้นมาจากเตียง ทั้งยังบอกอีกว่า นับแต่วันนี้เป็ต้นไปคนจะสอนวรยุทธ์นาง
อวิ๋นซีขยี้ตา ก่อนจะพูดจาอย่างดุร้าย “เมื่อคืนข้าเขียนตำราแผนการจนถึงปลายยามไห่ [1] ดังนั้น ท่านอย่าคิดทำอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้จะได้หรือไม่”
“เปิ่นหวางเคยบอกเ้าแล้วมิใช่หรือ เื่เ่าั้ของเ้าสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ และให้เ้าพักผ่อนให้ดี แต่เ้ากลับไม่ยอมพักผ่อนเอง ตอนนี้จะมาโทษเปิ่นหวางไม่ได้เด็ดขาด” เขาแค่นเสียงเ็า ด้วยตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องฝึกนางให้เป็วรยุทธ์ให้ได้ ซึ่งครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้นางหลบเลี่ยงไปได้อีก
ด้วยเหตุนี้ วันคืนอันหนักหน่วงของอวิ๋นซีก็ได้เริ่มต้นขึ้น ทุกวันวันละหนึ่งชั่วยามนางจะต้องฝึกซ้อมกระบวนยุทธกับเขา โดยที่เขาไม่แม้แต่จะออมมือให้จนทำให้นางมีรอยจ้ำประปราย ตรงนั้นเขียววงหนึ่ง ตรงนี้ม่วงวงหนึ่ง และยามชำระกายก็เป็ตอนที่พวกสาวใช้เยี่ยงเซียงเอ๋อร์ได้เห็นรอยช้ำเ่าั้ที่ผุดขึ้นบริเวณแขนขาวนวล พวกนางอดพูดไม่ได้ว่า ท่านอ๋องทำเกินไปแล้วจริงๆ
จวินเหยียนเฝ้ามองสตรีที่กำลังหลับใหล ก่อนจะค่อยๆ ม้วนแขนเสื้อนางขึ้นอย่างเบามือ เพื่อมองดูรอยแส้อันโดดเด่นนั้น นี่เป็ร่องรอยที่เขาเพิ่งฟาดนางไปในวันนี้ “อาซี หวังว่าเ้าจะเข้าใจ สามียอมเห็นเ้าเขียววงหนึ่ง ม่วงวงหนึ่งแค่เพียงตอนนี้ เพราะไม่ยินดีที่จะต้องเห็นเ้าเกิดเื่ขึ้นในวันหน้า เป้าหมายของพวกเราคือการกลับไปเมืองหลวง เพื่อชำระหนี้แค้นเก่าก่อน และที่นั่นก็มีอันตรายอีกมากมายที่ไม่อาจล่วงรู้ได้กำลังรอพวกเราอยู่ ดังนั้น สิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำให้เ้าได้ก็คือ การทำให้เ้าแข็งแกร่งในเร็ววัน แข็งแกร่งถึงขนาดที่ไม่มีสิ่งใดให้เ้าต้องเกรงกลัว”
เมื่อพูดจบเขาก็โอบกอดสตรีในอ้อมแขนด้วยใจที่เต็มไปด้วยความรักใคร่และสงสาร ก่อนจะหลับไป
นางลอบถอนใจเพียงในใจ จวินเหยียน ท่านจะลำบากเช่นนี้ไปเพื่ออันใด...
วันคืนเช่นนี้ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้ว ซึ่งในทุกๆ วันตลอดหนึ่งเดือนมานี้ นางต้องได้ฟังข่าวสารต่างๆ ทั้งจากฝั่งเรือนฉิ่นเยว่และตระกูลลู่ ทว่า ทางฝั่งเรือนฉิ่นเยว่นั้น หากจะเรียกหยวนอวี่ว่าเป็สตรีที่รู้จักอดกลั้นยิ่งก็ถือว่าไม่ผิดนัก เพราะทุกวันคนเอาแต่ครุ่นคิดหาวิธีที่หวังจะให้จวินเหยียนเปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อตน ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ จวินเหยียนไม่เคยไว้หน้าอีกฝ่ายเลยสักครั้ง ยิ่งกว่านั้น เมื่อต้องพบเจอหลายครั้งเข้าก็ทำให้เขายิ่งโกรธเกรี้ยวดังเช่นในวันนี้ ชายหนุ่มพูดขึ้น “บ่าวรับใช้ในจวนไม่เคยบอกหยวนอวี่เสี้ยนจู่หรือ? เปิ่นหวางรักสะอาด ไม่ชอบของที่คนอื่นเคยใช้งานมาแล้ว ”
นอกจากนี้ สายตารังเกียจรังงอนของชายหนุ่มก็เรียกได้ว่าอยากได้เท่าไรมีให้เท่านั้น ทำเอาหนนี้หยวนอวี่แทบจะโกรธจนกระอักเืเสียที่นั่น ขณะเดียวกันเมื่ออวิ๋นซีได้ยินเช่นนั้นก็อดยิ้มพูดออกมาไม่ได้ “นายท่านของพวกเ้าไม่ไว้หน้าคนเกินไปแล้ว”
นอกจากเื่ที่เกิดขึ้นเหล่านี้แล้ว ่นี้เหตุการณ์ในจวนตระกูลลู่เองก็ไม่ค่อยสงบนัก ยามนี้คนทราบแล้วว่าฮูหยินลู่ตั้งครรภ์ ด้วยเื่นี้เดิมทีก็ควรจะเป็เื่ที่น่ายินดี แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อนุเล็กๆ ของใต้เท้าลู่ผู้ไม่รู้จักตายถึงกับกล้าวางยาพิษให้นายหญิงของตระกูล
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ยามไห่(亥时)เวลา 21.00-23.00น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้