จากการที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วใช้คำว่า ‘ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ ไล่ตะเพิดสวี่ชิวเยวี่ยไป มันได้กระทบกระเทือนความภาคภูมิของสวี่ชิวเยวี่ยอย่างยิ่งยวด สวี่ชิวเยวี่ยที่ปราชัยถึงขนาดนี้ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา ได้ยินว่านางหลั่งน้ำตาล้างหน้าเพื่อระบายความโศกเศร้า ฟูมฟายอยู่เนิ่นนานราวกับเป็เื่คอขาดบาดตาย
ในเื่นี้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่รู้ข่าวก็แสดงออกมาว่า ร้องไปเถอะ อย่างไรก็ไม่ใช่ดวงตาของข้า พิกลพิการไปก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า เยวี่ยเจาหรานที่นั่งดูละครของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอยู่อีกด้านหนึ่งกลับรู้สึกว่าเื่นี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทำไม่ค่อยถูกต้องนัก ถึงอย่างไรก็เป็น้องสาวตัวน้อยของตน จะว่าไปแล้ว สตรีผู้นี้จะสร้างความลำบากให้กับสตรีด้วยกันเองไปเพื่ออะไร?
วันนี้กินข้าวเที่ยงเสร็จ เยวี่ยเจาหรานก็เรียกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เตรียมตัวจะนอนกลางวันเพราะเื่ของสวี่ชิวเยวี่ยเป็ครั้งที่หกแล้ว “นี่ ข้าว่าเ้าลดทิฐิลงแล้วไปปลอบเปี่ยวเม่ยของเ้าเสียเถอะ ไม่เช่นนั้นอีกวันสองวัน หากเกี้ยวแดง [1] มารับคนน้ำตานองแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกัน?”
ผ่านการใคร่ครวญอย่างรอบคอบของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ก็เกือบจะตัดสินใจเลือกผู้ที่จะมาแต่งงานกับสวี่ชิวเยวี่ยได้แล้ว ต้องบอกว่าคุณชายจ้าวผู้นั้น ก็เป็คนหนุ่มมากสามารถคนหนึ่งจริงๆ และด้วยความที่เกิดจากอนุภรรยา เขาจึงไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮูหยินใหญ่นัก ถึงอย่างไรนางเองก็มีบุตรชาย จะไปชอบเขาได้อย่างไรกัน?
และคงเพราะเหตุผลนี้เอง พอคุณชายจ้าวผู้นั้นได้ยินเื่ที่ตนสามารถแต่งงานกับญาติของแม่ทัพใหญ่เยี่ยนได้ ย่อมต้องมีความสุขอย่างยิ่ง ดีใจแทบทนไม่ไหว ทั้งเห็นหน้าตาของสวี่ชิวเยวี่ยนั้นน่ารักชดช้อยงดงามอย่างมาก จึงยิ่งพึงพอใจขึ้นไปอีก ยามนี้ฮูหยินเยี่ยนกำลังวางแผนว่าเมื่อเห็นสวี่ชิวเยวี่ยอารมณ์ดีขึ้นสักหน่อยแล้ว ก็จะมาพูดคุยเื่นี้กับนาง!
นึกไม่ถึงว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นยังคงมีท่าทีไม่ยี่หระอะไรนัก นางถลึงตาใส่เยวี่ยเจาหรานด้วยเื่ของสวี่ชิวเยวี่ยเป็ครั้งที่หก “ข้าว่านะเยวี่ยเจาหราน เหตุใดเ้าถึงพะวงมากมายขนาดนี้ได้ทุกวัน? ไม่ใช่เกี้ยวเ้าสาวของตระกูลเ้าเสียหน่อยที่จะมารับคนน้ำตานองไป แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเ้ากัน?”
พอเถอะ ยามนี้เยวี่ยเจาหรานพอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าใจสตรีแข็งดั่งเหล็กกล้า
เยวี่ยเจาหรานที่เข้าใจเื่นี้แล้วย่อมไม่อยากจะซวยอีก จึงได้แต่โบกมือเบะปาก เอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแส “ใช่สิ อย่างไรเสียถึงจะเสียหน้าก็ไม่ถึงหน้าตระกูลเยวี่ยของพวกข้า ข้านี่ช่างยุ่งเื่ชาวบ้านไม่เจียมตัวเสียจริง...”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็นึกอยากหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นางพลันโบกมือ แล้วขึ้นเตียงนอนกลางวันโดยไม่สนใจรอบข้าง
จะว่าไปแล้วสวี่ชิวเยวี่ยผู้นี้ก็นับว่าเป็คนที่น่าเวทนาจริงๆ ถูก ‘เปี่ยวเกอ’ ที่ตนรักสุดหัวใจเห็นเป็ผู้หญิง ‘ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ ร้องห่มร้องไห้แทบขาดใจ เหล่าสาวใช้ในเรือนต้องผลัดกันมาปรนนิบัติปลอบประโลมนาง ถึงกับไม่ได้หลับได้นอนกันสามวันสามคืน ร้องไห้จนบนใบหน้ามีกระดิ่งเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาสองอันแล้ว
สามวันแรกหลังจากที่ร้องไห้ ก็เริ่มไม่กินไม่นอนขึ้นมาอีก ในใจคิดว่าสภาพเช่นนี้ของตนจะต้องสามารถทำให้ ‘เยี่ยนอวิ๋นเฟย’ เกิดความเห็นอกเห็นใจขึ้นมาได้แน่นอน แต่คนที่นางเจอนั้นกลับเป็เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วท่อนไม้หยาบกระด้างผู้นี้เสียได้
ต่อให้สามารถเปิดใจได้ก็ไม่ยอมเปิด นางแข็งใจ้าจะต่อกรกับสวี่ชิวเยวี่ยจนถึงที่สุด ไม่ยอมแพ้ไม่อ่อนข้อ ถึงแม้ฮูหยินเยี่ยนจะมาเกลี้ยกล่อมแล้วสองรอบ ก็ยังต้องปล่อยให้เลยตามเลยไปอย่างค้างคา
สวี่ชิวเยวี่ยรู้ดี ว่าหากตนยังล้มแล้วลุกไม่ขึ้นเช่นนี้ต่อไป บทสรุปที่ตนต้องเผชิญนั้นก็มีเพียงสองทางเท่านั้น ทางแรกก็คือร้องไห้จนกลายเป็คนตาบอดแล้วถูกส่งกลับไปเจียงหนาน นั่นเป็เพียงตระกูลของขุนนางผู้น้อยขั้นเจ็ด รวมเขตเรือนทั้งหมดแล้วยังไม่ใหญ่เท่าห้องฝึกวรยุทธ์ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเลย จะให้สวี่ชิวเยวี่ยที่เคยชินกับการอยู่ดีกินดีกลับไปที่แห่งนั้นหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก
ทางที่สองก็คือร้องไห้ให้พอแล้วนั่งเกี้ยวแดงไปแต่งงานกับบุตรชายตระกูลสูงศักดิ์ของอนุภรรยาคนหนึ่งที่จวนจ้าว นั่นก็ไม่นับว่าเป็หนทางที่เลวร้ายนัก ทว่าอย่างไรตระกูลจ้าวก็มีทายาทสายตรงอยู่ บุตรของอนุผู้นี้ต่อให้โดดเด่นมีแววเพียงใดก็ไม่อาจสืบทอด ‘สายหลัก’ ได้ ไม่แน่ว่าแม้แต่ศักดิ์เก้ามิ่งก็ยังไม่อาจได้รับ
สวี่ชิวเยวี่ยผู้เย่อหยิ่งโอหังนั้นพิจารณารอบด้าน แล้วขังตัวเองอุดอู้อยู่ในห้องไปอีกห้าหกวัน ในใจราวกับมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจข้ามผ่านธรณีประตูนี้ไปได้เลย ท้ายที่สุดนางก็ตั้งใจมั่นว่าจะต้องเข้าตระกูลเยี่ยนให้สำเร็จให้ได้
ั้แ่วันที่สิบเป็ต้นมา สวี่ชิวเยวี่ยก็หยุดร้องไห้ ตั้งใจกินข้าวปลาอาหาร แล้วเอาแต่วาดคิ้วแต่งตาอยู่หน้ากระจก แตกฉานในการแต่งหน้าลึกซึ้งไม่น้อย เหล่าสาวใช้ที่มองดูต่างตกตะลึง คาดเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเ้านายของตนนั้นมีแผนการอะไรอยู่ในใจกันแน่
รุ่งสางของวันที่ความเชื่อมั่นตกต่ำเป็วันที่สิบสาม ในที่สุดสวี่ชิวเยวี่ยก็ฟื้นคืนชีพจากความพ่ายแพ้อีกครั้ง หลังแต่งหน้าแต่งตาใหม่ ก็เลือกชุดกระโปรงผ้าแพรต่วนที่พลิ้วไหวเป็พิเศษตัวหนึ่งมาสวมใส่ นางวิ่งไปยังครัวเล็กั้แ่เช้าตรู่ และลงมือทำน้ำแกงข้นด้วยตัวเอง ก่อนส่งไปยังเบื้องหน้าของฮูหยินเยี่ยนด้วยความกังวล
ฮูหยินเยี่ยนเห็นหลานสาวของตนดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว ในใจก็รู้สึกยินดีเช่นกัน ถึงอย่างไรหากเป็เช่นนี้ ตอนที่คุณชายตระกูลจ้าวมารับก็คงไม่เกิดช่องว่างทางความรู้สึกมากนักไม่ใช่หรือ? นางย่อมต้อนรับด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่นุ่มนวล สองมือดึงเ้าตัวลงมาบนที่นั่ง
“โถ วันนี้ได้เห็นเ้าอารมณ์ดีเสียที มาเร็ว นั่งลงเร็วเข้า”
สวี่ชิวเยวี่ยคำนับฮูหยินเยี่ยนอย่างอ่อนน้อม สีหน้าของนางกลับมางดงามดั่งเคย กระทั่งดูปรีดายิ่งกว่าปกติเสียอีก ฮูหยินเยี่ยนเห็นแล้วก็ดีใจ ทั้งคิดว่าเป็เพราะสวี่ชิวเยวี่ยได้ตกปากรับคำเื่ที่จะออกเรือนแล้ว ในใจจึงปีติยินดี
ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน มือจับประคองกันเหมือนดังก่อน กระนั้นแล้วฮูหยินเยี่ยนก็ชิงเอ่ยปากขึ้นมา “หลายวันก่อนเห็นเ้าอารมณ์ไม่ดี บางคำพูดข้าเองก็ไม่อาจเร่งรัดเ้าได้ วันนี้เห็นเ้ามีสีหน้ากลับเป็ดังเดิมแล้ว เ้าหายดีแล้วหรือ?”
“ทำให้ท่านป้าเป็กังวลเสียแล้ว เป็ความผิดของชิวเยวี่ยจริงๆ” สวี่ชิวเยวี่ยก้มหน้าลง ฮูหยินเยี่ยนใบหน้าเปี่ยมยิ้ม ภายในแววตาปรากฏความอ่อนโยน นางตบลงที่มือของสวี่ชิวเยวี่ยเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โถๆ เหตุใดเห็นเป็คนอื่นคนไกลเช่นนั้นเล่า ข้าเป็ป้าของเ้า หากไม่รักไม่ห่วงเ้า แล้วใครจะห่วงกัน?”
สวี่ชิวเยวี่ยที่สีหน้าดีขึ้นมาพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างนุ่มนวล “ได้รู้ว่าท่านป้ารักข้า ในใจชิวเยวี่ยนี้ก็ยิ่งไม่สบายใจ กลัวว่าหากหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้ต่อไป จะทำให้ท่านป้ายิ่งเศร้าหมองไปด้วย จะไม่ใช่ความผิดของชิวเยวี่ยได้อย่างไร...”
“เพ้อเจ้อ ไม่ต้องพูดเื่น่าหดหู่พวกนั้นแล้ว ยามนี้ก็หายดีแล้วไม่ใช่หรือ ก็ต้องต้อนรับเื่น่ายินดีเข้ามาสิ จริงหรือไม่” ฮูหยินเยี่ยนเอ่ยไปพลางดึงมือของสวี่ชิวเยวี่ยเอาไว้ นางมองทางซ้ายที มองทางขวาที ราวกับไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่พออย่างนั้น
ในใจของสวี่ชิวเยวี่ยย่อมรู้ดีว่าที่ฮูหยินเยี่ยนพูดหมายถึงอะไร ทว่าเื่นี้เดิมทีก็ไม่เคยได้หารือกับสวี่ชิวเยวี่ยมาก่อน ยามนี้นางจึงแสร้งทำเป็ไม่เข้าใจ แล้วถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
“คุณชายจ้าวตระกูลรองเสนาบดีกรมขุนนาง หล่อเหลามากสามารถ เชื้อสายวงศ์ตระกูลก็ดี ยามนี้ได้รับความโปรดปรานจากบิดาของเขายิ่ง ข้ามองแล้วก็ว่าดี เขาเห็นม้วนภาพของเ้าแล้ว ชอบพอเ้ามากเลยล่ะ” ฮูหยินเยี่ยนเอ่ยอย่างเนิบนาบ ปิดบังความยินดีปรีดาของตนไว้ไม่อยู่ แน่นอนว่านางเองก็หวังให้สวี่ชิวเยวี่ยนั้นรู้สึกมีความสุขไปด้วยกันเช่นกัน
แต่ในดวงตาของสวี่ชิวเยวี่ยกลับฉายความอ้างว้างออกมาชั่วขณะ แต่มันก็มลายหายไปในพริบตา ไม่ให้ใครจับได้ทัน “ขอบพระคุณท่านป้าที่ใคร่ครวญเพื่อชิวเยวี่ย ชิวเยวี่ยตามแต่คำสั่งท่านป้า ย่อมไม่มีทางไม่รับคำเ้าค่ะ”
พูดเช่นนั้นแล้ว สวี่ชิวเยวี่ยจึงก้มหน้าลงอย่างน่าสงสาร เห็นได้ชัดว่ายังรอคำพูดต่อจากนั้นอยู่ ฮูหยินเยี่ยนเองก็ไม่ใช่คนเขลา นางย่อมเข้าใจทันที แล้วจึงเอ่ยสีหน้าเปี่ยมสุข “เ้าชอบก็พอแล้ว เช่นนั้นข้าจะให้เปี่ยวเกอของเ้าไปคุยให้ จะต้องเป็ไปด้วยดีแน่นอน”
เชิงอรรถ
[1] เกี้ยวแดง (红轿子) พาหนะที่ใช้รับตัวเ้าสาวจากบ้านของฝ่ายหญิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้