ตอนที่หลงอวี้มองออกไปบนถนนจากทางหน้าต่างแล้วเห็นเฟิงเหยานั่นเอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ตอนที่เฟิงฉางเกอบอกว่าเฟิงเหยาออกจากตระกูลไปแล้ว หลงอวี้ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจสักเท่าไร แต่ตอนนี้เ้าเฟิงเหยากลับกำลังเดินอยู่ในกลุ่มของพวกฉือเสียวเสว่และเติ้งซุ่นด้วย
พอนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ฉือเสียวเสว่พูดก่อนหน้านี้ หรือว่าเฟิงเหยาตอนนี้จะกลายเป็ลูกน้องของหนึ่งในเจ็ดดาววิบัติ ทะเลดาวเย่หลุน เหมือนกับเติ้งซุ่นแล้ว?
‘ระดับิญญาแท้ขั้นที่สอง’
หลงอวี้มองปราดเดียวก็มองระดับพลังของเฟิงเหยาออก รูม่านตาพลันหดลงอย่างอดไม่ได้ ระดับวิถียุทธ์ของเ้าเฟิงเหยานี่เพิ่มขึ้นเร็วเกินไปแล้ว จะต้องเป็เพราะกินโอสถกับเน่ยตานเข้าไปเป็จำนวนนับไม่ถ้วนใน่เวลาสั้นๆ แน่!
โอสถกับเน่ยตานจำนวนมากขนาดนั้น นางไปได้มาจากไหน?
อีกทั้งหลงอวี้ยังสังเกตเห็นด้วยว่า ที่เอวของเฟิงเหยานั้นมีกระบี่เล่มหนึ่งเหน็บไว้ มันเป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษ!
‘หาที่เพิ่งได้แล้วหรือ?’
หลงอวี้หรี่ตาลง พอเขาเห็นเฟิงเหยาเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ เขาก็ย่อมต้องเกิดความคิดแบบนี้อย่างอดไม่ได้
ต้องเข้าใจว่าเฟิงเหยาก่อนหน้านี้นั้น แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วก็ยังห่างชั้นกับหลิ่วยวนอย่างมหันต์อยู่ดี
แต่ตอนนี้เฟิงเหยากลับสามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างก้าวะโ กลายเป็ยอดฝีมือที่ระดับเดียวกับหลิ่วยวนแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพร์ของนาง แต่อาจจะเป็เพราะนางบังเอิญได้ของวิเศษอะไรบางอย่างมาก็เป็ได้
แต่หลงอวี้คิดว่านางหาที่เพิ่งได้แล้วมากกว่า เพราะตอนนี้เฟิงเหยากับกำลังเดินอยู่ในกลุ่มเดียวกับฉือเสียวเสว่ เติ้งซุ่น และอีกสี่คน อีกทั้งยังแอบให้ความรู้สึกเหมือนเป็ผู้นำกลุ่มอยู่ด้วย
ทั้งเติ้งซุ่นและอีกสี่คนที่เหลือต่างก็มีท่าทีที่ค่อนข้างจะเคารพนอบน้อมต่อเฟิงเหยา
พวกคนเหล่านี้น่าจะเป็ลูกน้องของหนึ่งในเจ็ดดาววิบัติ ทะเลดาวเย่หลุน ทั้งหมด
‘หรือว่า จะเป็ทะเลดาวเย่หลุน...’
หลงอวี้อดคาดเดาเช่นนี้ไม่ได้!
เพียงไม่นานเขาก็ได้เลื่อนสายตาออกไป เป็เพราะเขานั่งอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยม ทำให้พวกฉือเสียวเสว่กับเฟิงเหยาที่อยู่ด้านล่างไม่ทันสังเกตเห็น
หลังผ่านไปได้ไม่นาน ทั้งเจ็ดคนก็ได้เดินออกไปไกล น่าจะมุ่งหน้าไปถล่มรังของสัตว์อสูรฉางหมานนั่นแล้ว
‘ไม่คิดเลยว่ากลุ่มที่ฉือเสียวเสว่พูดถึงจะมีถึงเจ็ดคน แถมในนั้นยังมีเฟิงเหยาด้วย...’
หลงอวี้ครุ่นคิดในใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็เลิกสนใจเื่นี้ ในเมื่อเขาสัญญากับเฟิงฉางเกอแล้ว เขาก็จะไม่เป็ฝ่ายลงมือกับเฟิงเหยาก่อน อย่างนั้นเขาก็จะรักษาสัญญา
แต่ไม่รู้ว่าเ้าทะเลดาวเย่หลุนนี่รู้จักเขาจากปากของเฟิงเหยารึเปล่า?
“ดูท่าพวกเ้าจะไม่ได้สนิทกันนะ”
เหยียนฮวนโม่มองเห็นสีหน้าของหลงอวี้แล้วก็แย้มยิ้มบางๆ
“ประมาณนั้น”
หลงอวี้หัวเราะเสียงเบา
......
หลังจากกินอิ่มแล้ว เหยียนฮวนโม่ก็ได้พาหลงอวี้มุ่งหน้าไปยังเขตการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮุ่นยิน
การจะเข้าไปในเขตค้าขายได้จำเป็ต้องจ่ายคนละหนึ่งเหรียญเงินผลึก ต่อให้เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่อย่างเหยียนฮวนโม่ก็ไม่ยกเว้น
หลังจากจ่ายไปสองเหรียญเงินผลึกแล้ว เหยียนฮวนโม่ก็ได้พาหลงอวี้เข้าไปในเขตค้าขายที่มีผู้คนเดินไปมาจนแน่นขนัดไปหมด
เพียงมองดูคร่าวๆ พบว่าในแหล่งการค้าแห่งนี้มันมีแต่ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ทั้งสิ้น!
“ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นสูงของเ้าเป็แบบไหน? ข้าจะลองประเมินราคาให้เ้าคร่าวๆ ก่อน”
เหยียนฮวนโม่เดินนำหน้าไปพลางเอ่ยถาม
“เป็ยันต์หยกะเิอัคคีของตำหนักซ่อนอัคคี”
หลงอวี้ตอบไปตามตรง หากไม่เพิ่งประสบการณ์ของเหยียนฮวนโม่ มีโอกาสสูงมากที่เขาจะถูกหลอกฟันได้
“ยันต์หยกะเิอัคคีอย่างนั้นหรือ...”
เหยียนฮวนโม่ชะงักทันที
“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ค่อยมีค่าอะไรแล้ว ถึงแม้ว่ายุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นสูงทั่วไปจะสามารถขายได้แปดร้อยถึงหนึ่งพันเหรียญเงินผลึก แต่ถ้าเป็ยันต์หยกะเิอัคคีอย่างมากคงขายได้เพียงเจ็ดร้อยเหรียญเท่านั้น ยังไม่แน่ว่าจะขายออกด้วย!”
“ไม่เป็ไร ข้าทำใจไว้แล้ว”
หลงอวี้รู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้ของชิ้นนี้มาโดยไม่ต้องเสียอะไรอยู่แล้ว หากขายได้มาเจ็ดร้อยเหรียญก็นับว่าไม่เลวเหมือนกัน
ในเมืองฮุ่นยินนั้นเป็จุดที่มีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรจากทั้งสามอาณาจักรมารวมตัวกันมากที่สุด ย่อมต้องมีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรรูปแบบต่างๆ ปรากฏตัว
ผู้ที่ฝึกพลังเพลิงเหมือนกับลูกศิษย์ของตำหนักซ่อนอัคคีเองก็มีอยู่ในเมืองฮุ่นยินไม่น้อยเลยเช่นกัน
แต่ผู้ที่จะซื้อยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นสูงได้นั้นกลับมีอยู่ไม่มากเท่าไรนัก
หลังจากเดินหาอยู่ครึ่งค่อนวัน แม้เขาจะมองเห็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกพลังเพลิงอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อลองสอบถามดูแล้วหลงอวี้ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นไม่มีปัญญาซื้อเลยสักคนเดียว!
อย่าว่าแต่เจ็ดร้อยเหรียญเงินผลึกเลย แค่เจ็ดสิบเหรียญก็ไม่ใช่จำนวนที่ใครก็สามารถควักเอามาได้แล้ว
ถึงอย่างไรเงินผลึกมันก็เป็ของที่ไว้ใช้ซื้อหาโอสถกับเน่ยตานอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะได้เงินก้อนใหญ่มาหมาดๆ ล่ะก็ ส่วนใหญ่ก็มักจะใช้จ่ายไปกับทรัพยากรการฝึกฝนกันหมดแล้ว
“หลงอวี้ เ้าจะเข้าร่วมงานประลองเจ็ดสำนักด้วยไหม?”
หลังจากที่หาคนซื้อไม่ได้เลยแล้ว เหยียนฮวนโม่ก็ได้ส่งเสียงเอ่ยถามกะทันหัน
“แน่นอน”
หลงอวี้ตอบกลับทันที
“เดินหาแบบไร้เป้าหมายแบบนี้มันเสียเวลามากเกินไป”
เหยียนฮวนโม่เอ่ยพูดเสียงจริงจัง
“ข้าว่าให้ข้าซื้อมันไว้ก่อน จากนั้นเ้าเอาไปแลกกับโอสถหรือเน่ยตานของสัตว์อสูรจำนวนหนึ่งมาใช้ฝึกฝนก่อน ส่วนข้ามาที่นี่เพื่อรอคนคนหนึ่งอยู่แล้ว ข้าค่อยๆ หาที่ขายระหว่างนั้นก็ได้”
“แบบนี้จะเหมาะสมหรือผู้าุโเหยียน?”
หลงอวี้ชะงัก ข้อเสนอของอีกฝ่ายนับว่าตรงใจเขาเหมือนกัน แต่การทำแบบนี้ก็เหมือนจะทำให้เหยียนฮวนโม่ขาดทุนไปเล็กน้อย ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องเสียเวลาไปหาที่ขายเ้ายันต์หยกชิ้นนี้อีก
แน่นอนว่าหลงอวี้ไม่กลัวว่าเหยียนฮวนโม่จะเอาเปรียบเขา ถึงอย่างไรราคาที่เขาประเมินเ้ายันต์หยกะเิอัคคีในใจมันก็ประมาณนี้เหมือนกัน
“ไม่เหมาะตรงไหนกัน?”
เหยียนฮวนโม่หัวเราะเบาๆ
“ข้าซื้อโอสถหรือเน่ยตานระดับิญญาขั้นกลางให้เ้าก่อนห้าชิ้น จากนั้นค่อยให้เ้าอีกสองร้อยเหรียญเงินผลึกเก็บไว้ จะได้ไม่ต้องถูกขวางตอนเข้าเมืองอีก”
พอได้ยินเช่นนั้นหลงอวี้ก็เคอะเขินไปเล็กน้อย แต่ข้อเสนอของเหยียนฮวนโม่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว เขาจึงรับข้อเสนอไว้ด้วยความยินดี
เพียงไม่นาน เหยียนฮวนโม่ก็เจอแผงลอยที่ขายเน่ยตานของสัตว์อสูรแผงหนึ่ง หลังจากต่อรองราคากับพ่อค้าแล้วก็สามารถซื้อเน่ยตานระดับิญญาขั้นกลางได้ทั้งหมดหกชิ้นไม่ซ้ำกันในราคาห้าร้อยสี่สิบเหรียญผลึก
พ่อค้าที่เป็เ้าของแผงลอยเองย่อมต้องเป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่คนหนึ่งเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่มีทางหาเน่ยตานระดับิญญาขั้นกลางได้หลากหลายชนิดขนาดนี้เป็แน่
ต้องรู้ว่ารังของสัตว์อสูรฉางหมานที่พวกฉือเสียวเสว่เจ็ดคนกำลังจะไปถล่มนั้น สิ่งที่พวกเขาจะได้มา อย่างมากสุดก็มีแค่เน่ยตานระดับิญญาขั้นกลางเพียงชิ้นเดียว ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะเป็เพียงแค่เน่ยตานระดับิญญาขั้นล่างเท่านั้น
ต่อจากนั้นเหยียนฮวนโม่ก็ได้นำเน่ยตานทั้งหกชิ้นนั้นพร้อมกับเงินผลึกทั้งหมดหนึ่งร้อยหกสิบเหรียญมาแลกกับยันต์หยกะเิอัคคีจากหลงอวี้
หลงอวี้เก็บเน่ยตานเข้าไป จากนั้นก็ครุ่นคิดเื่ของเน่ยตานทั้งหกชิ้นนี้
แมงมุมหมาป่าคร่ำครวญ แมงป่องศิลาั์ ภูตดินแห่งภัยพิบัติ งูกินคนั์ หมาป่าหนามคม แมวูเากระหายเื
การที่หาเน่ยตานขั้นกลางจากสัตว์อสูรทั้งหกชนิดนี้ได้ หมายความว่าพวกมันจะต้องเป็ตัวตนระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ขึ้นไปอย่างแน่นอน!
ภายในหุบเขาปีศาจิญญา์นั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมายหลากหลายชนิด เต็มเปี่ยมไปด้วยอันตรายมากมาย สถานการณ์พร้อมจะพลิกผันกลับตาลปัตรได้ตลอดเวลา
กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นที่สามขนาดเล็กนั้น หากคิดจะฆ่าสัตว์อสูรระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่เพียงหนึ่งตัว ถ้าดวงดีก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่หากจะฆ่ามากกว่านั้น แค่พึ่งดวงอย่างเดียวไม่มีทางทำได้แน่ ประมาทเพียงนิดเดียวก็เตรียมไปโลกหน้าได้เลย
ถึงอย่างไรหุบเขาปีศาจิญญา์ก็เป็โลกของสัตว์อสูร
แม้จะมีมนุษย์เข้าไปล่าสัตว์อสูรภายในนั้นเป็ประจำ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรภายในหุบเขาก็มีจำนวนของสัตว์อสูรมากกว่ามนุษย์หลายเท่าอยู่ดี
หลงอวี้ที่ถือเน่ยตานทั้งหกชิ้นไว้ในมืออยู่นั้น อยู่ๆ ก็นึกเื่อะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน
“จริงสิ ผู้าุโเหยียน ท่านรู้เื่เกี่ยวกับยาโอสถที่สามารถรักษาเทียนม่ายของผู้ฝึกยุทธ์ได้บ้างไหม? ได้ยินว่ามันเป็โอสถที่มีระดับสูงกว่าระดับิญญาไปแล้ว หากคิดจะซื้อหามัน ต้องใช้เงินผลึกเท่าไรหรือ?”
หลงอวี้สอบถามเหยียนฮวนโม่
“พ่อบุญธรรมของเ้าเหมือนจะได้รับาเ็ที่เทียนม่าย ทำให้ระดับพลังถูกกดไว้ต่ำกว่าระดับิญญาแท้...”
เหยียนฮวนโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“โอสถที่ระดับสูงกว่าระดับิญญาก็คือโอสถระดับวิเศษแล้ว โอสถแบบนี้พบเห็นได้ยากมาก แม้แต่ในเมืองฮุ่นยินเองก็ยังหาแทบไม่ได้เลย แต่หากมันปรากฏขึ้นมา ราคาของมันอย่างต่ำๆ ก็เริ่มที่หนึ่งแสนเหรียญเงินผลึกขึ้นไปแล้ว!”
หนึ่งแสนเหรียญเงินผลึก!
หลงอวี้ขมวดคิ้วแน่น เพียงแต่เขาเองก็เตรียมใจไว้ก่อนแล้วระดับหนึ่งเหมือนกัน
หากมันไม่ใช่ของที่หาได้ยากมากจริงๆ อย่างนั้นเฟิงฉางเกอกับหมานอี้ก็คงจะสามารถรักษาจนหายไปนานแล้ว
“ขอบพระคุณผู้าุโที่บอกกล่าว”
หลงอวี้พยักหน้ารับ
“ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวข้าจะตั้งแผงลอยขึ้นที่เมืองนี้เพื่อขายยันต์หยกะเิอัคคีต่อ หากขายไม่ได้จริงๆ ข้าค่อยนำมันไปประมูลขายที่โรงประมูลของเมืองฮุ่นยินก็แล้วกัน”
ต่อจากนั้นเหยียนฮวนโม่ก็พูดเตือนหลงอวี้
“หากเ้าคิดจะเข้าไปล่าสัตว์อสูรที่หุบเขาปีศาจิญญาอสูรล่ะก็ จำไว้ว่าห้ามเข้าไปลึกเกินกว่าหุบเขาผีเสื้อเด็ดขาด มันอันตรายเกินไป!”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”
หลงอวี้พยักหน้าจริงจัง
หุบเขาปีศาจิญญา์เป็พื้นที่ประเภทหุบเขาที่กว้างขวางสุดขีดแห่งหนึ่ง มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับอาณาจักรต้าถังทั้งอาณาจักรเลยทีเดียว
ส่วนหุบเขาผีเสื้อนั้นน่าจะเป็ด่านที่อยู่ภายในหุบเขา ทันทีที่ข้ามหุบเขาผีเสื้อไปก็จะเข้าไปถึงโลกของสัตว์อสูรอย่างแท้จริง ไม่มีทางรอดชีวิตกลับออกมาได้อย่างแน่นอน!
นอกจากว่าจะก้าวขึ้นสู่ระดับผสานิญญาแท้หรือระดับคนผสานฟ้าสุดแกร่งได้แล้ว ถึงจะมีสิทธิ์ข้ามหุบเขาผีเสื้อเข้าไปด้านในได้
หลงอวี้ย่อมต้องจดจำเื่นี้ไว้ให้ขึ้นใจอยู่แล้ว ต่อให้เขาจะมีสัญลักษณ์ัปรภพอยู่ เขาก็ไม่มีทางกล้าเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่นแน่นอน
ต่อจากนั้นเหยียนฮวนโม่ก็ได้หาที่ว่างแถวๆ นั้นมาตั้งเป็แผงลอยเพื่อขายยันต์หยกะเิอัคคี
ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสูงส่งงดงามราวกับผู้ดีอันสูงศักดิ์ของนาง ไม่นานก็สามารถดึงดูดสายตาของคนรอบๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนตัวหลงอวี้ได้เก็บเงินผลึกทั้งหนึ่งร้อยหกสิบเหรียญเข้าไปพร้อมกับเน่ยตานระดับิญญาขั้นกลางทั้งหกชิ้น จากนั้นก็เดินทางออกจากเขตการค้าเพื่อที่จะออกจากเมืองผ่านทางประตูเมืองของอีกทิศทางหนึ่ง เตรียมจะมุ่งหน้าไปล่าสัตว์อสูรที่หุบเขาปีศาจิญญา์
เขา้ายกระดับขึ้นสู่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สาม แค่เน่ยตานหกชิ้นนี้อย่างเดียวยังไม่พอ!
โอสถทองคำัทะยานระดับิญญาชั้นยอดหนึ่งชิ้นเกรงว่าจะมีพลังฟ้าดินบรรจุอยู่เทียบเท่าได้กับเน่ยตานระดับิญญาขั้นกลางนับร้อยเม็ดเลยทีเดียว หากหลงอวี้คิดจะก้าวขึ้นสู่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สาม เขาจำเป็ต้องต้องล่าสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่องเพื่อเก็บเน่ยตานให้ได้มากที่สุด!
และในตอนที่เขากำลังมุ่งหน้าไปทางประตูเมืองนั่นเอง ก็ได้มีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรหลายคนได้แอบเดินตามหลังหลงอวี้มาอย่างเงียบงันจากในเขตการค้า แค่ดูก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ได้มาดี
‘คิดจะปล้นหรือ? แค่พวกเ้าไม่กี่คนเนี่ยนะ อย่าหวังเลย...’
หลงอวี้ตรวจสอบระดับพลังของอีกฝ่ายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ในกลุ่มนั้นมีอยู่ทั้งหมดห้าคน มีเพียงคนเดียวที่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สาม ส่วนที่เหลืออีกสี่คนนั้นล้วนระดับแค่ิญญาแท้ขั้นที่สองเท่านั้น
ต่อให้ทั้งห้าคนนี้ร่วมมือกัน หลงอวี้ก็ไม่มีทางหวาดกลัวพวกมัน...!
หลังจากที่เขาเดินออกจากประตูเมืองไปแล้ว เขาก็ได้เดินเข้าไปในป่าแห่งหนึ่งซึ่งเป็ทิศทางที่มุ่งหน้าไปยังหุบเขาปีศาจิญญา์ ส่วนไอ้ห้าคนที่แอบสะกดรอยตามมา ในที่สุดมันก็เริ่มเตรียมที่จะก่อเื่โง่เขลาขึ้นแล้ว
