หนีรอดมาได้จนเข้ามาในตัวเมืองอำเภอเจี้ยนเค่อ ทหารเหมืองเหล็กไม่ตามมาแล้ว พวกนางเดินเข้ามาในเมืองเจี้ยนเค่อที่รายล้อมไปด้วยร้านช่างตีดาบ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่มีอาชีพเป็ช่างผลิตอาวุธ และทางราชสำนักก็รับอาวุธยุทโธปกรณ์จากเมืองนี้ไปทำา
เฟิงมี่และแม่นมเฝิงเดินเท้าต่อไปจนถึงหน้าที่ว่าการอำเภอเจี้ยนเค่อ
“ข้าต้องแจ้งทางการติดต่อท่านพ่อ ข้าจะบอกท่านพ่อให้สังหารชินหวังเฟยล้างแค้น” เฟิงมี่พูดกับแม่นมเฝิง ก่อนจะก้าวเข้าประตูที่ว่าการ
“ท่านหญิง ช้าก่อน! ท่านฟังข้าน้อยสักคำ ในจวนอ๋องไม่ปลอดภัยแล้ว ชินหวังเฟยตระกูลนางมีอำนาจจะฆ่าท่านได้ทุกเมื่อ เราไม่มีหลักฐานท่านอ๋องก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ถ้าท่านเอาเื่นี้ไปบอกท่านอ๋อง พระนางต้องลงมือแน่” แม่นมเฝิงยื้อจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนจะเข้าประตูที่ว่าการ
บิดาของชินหวังเฟยคือเสนาบดีเหว่ยซึ่งมีอำนาจสูงในราชสำนัก และเป็ที่ไว้วางใจของฮ่องเต้ หรือต่อให้บอกชินอ๋องรู้แล้วว่าพระนางเป็คนทำก็ทำอะไรไม่ได้ หากไม่มีหลักฐานมัดตัวที่แ่ามากพอไม่สามารถเอาผิดพระนางได้ ด้วยอำนาจเสนาบดีเหว่ยชินอ๋องต้องยอมถอยให้หนึ่งก้าว
“ท่านจะให้ข้าทำอย่างไร” เฟิงมี่เอ่ยถาม
“ท่านจำได้ไหม จินฟูเหรินมารดาท่าน พูดประโยคสุดท้ายว่า อย่ากลับจวนอ๋องอีก ท่านลืมคำสั่งเสียสุดท้ายแล้วหรือ” แม่นมพูดย้ำทบทวน แล้วพาท่านหญิงออกจากที่ว่าการอำเภอทันที
“ท่านจะให้ข้าไปไหน ถ้าไม่กลับจวนอ๋อง” เฟิงมี่ถามด้วยความจริงจัง
“ตอนนี้บ้านเกิดของข้าน่าจะไม่ปลอดภัยแล้ว เราต้องหาที่ตั้งหลักก่อน” แม่นมเฝิงตอบ
“ข้า้าล้างแค้น ข้าจะสังหารนาง” เฟิงมี่กล่าว
“เราจะล้างแค้นแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้” แม่นมเฝิงพิจารณาแล้วว่า ถ้าล้างแค้นพุ่งไปตรงๆ ต้องแพ้แน่ นางพยายามอธิบายให้เฟิงมี่ฟังว่าสักวันต้องกลับไปล้างแค้น เมื่อแข็งแกร่งและมีกำลังมากพอ ด้วยปัญญาของเฟิงมี่จึงเข้าในความหมายที่แม่นมอยากจะสื่อ
พวกนางกำลังจะเดินทางไปต่อ ทั้งไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร เดินด้วยฝีเท้า ยังไม่ทันได้ออกจากตัวเมืองอำเภอเจี้ยนเค่อ เฟิงมี่ก็เป็ลมเพราะหิวโหยและเหนื่อยล้าสะสม แม่นมเฝิงผู้อ่อนแรง ร้องเรียกให้คนมาช่วย ทันใดนั้นคุณชายรูปงามแห่งจวนแม่ทัพกัง แม่ทัพรักษาการอำเภอเจี้ยนเค่อ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ และพาเฟิงมี่ขึ้นรถม้าไปที่จวนแม่ทัพ
ที่คุณชายกังพาเฟิงมี่มารักษาที่จวนเพราะเห็นเป็หญิงงาม ถึงแม้นางจะมอมแมมสวมใส่เสื้อผ้าเก่าก็ไม่อาจบดบังความงามของนางได้ แต่คุณชายมีฮูหยินน้อยอยู่ในเรือนอยู่แล้ว และเป็คนเ้าชู้เสเพล เห็นผู้หญิงลำบากไม่ได้ต้องเข้าช่วยเหลือ
คุณชายกังเป็บุรุษที่เพียบพร้อม ทั้งรูปร่างหน้าตาที่ดีแล้ว ยังมีฐานะเป็บุตรสายตรงของแม่ทัพกังผู้รักษาการพิเศษในอำเภอเจี้ยนเค่อ เนื่องจากเป็อำเภอที่มีแร่เหล็กจำนวนมาก จำเป็ต้องเฝ้าระวังจากศัตรูเป็พิเศษ
“นี่ข้าอยู่ที่ไหน” เฟิงมี่ฟื้นแล้ว
“ท่านอยู่ในจวนแม่ทัพกัง คุณชายกังท่านช่วยไว้” แม่นมตอบ และเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้เฟิงมี่ฟัง หลังจากนั้นสักพักคุณชายกังก็เข้ามา ซึ่งอยู่ในเรือนรับแขกของตระกูลกัง
“ฟื้นแล้วหรอ อาการเป็อย่างไรบ้าง แม่นางน้อย เ้าชื่ออะไร กำลังจะเดินทางไปที่ไหน“ คุณชายกังถามเป็ชุด
“ข้าชื่อ หลูเฟิงมี่ ข้ายังไม่รู้จะไปที่ใด” เฟิงมี่ปกปิดแซ่ซู่ซึ่งเป็แซ่ของเชื้อพระวงศ์ แซ่เดียวกับฮ่องเต้ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็ท่านหญิง และไม่้ากลับจวนอ๋องแล้ว
“ตอนนี้ข้าหิวมาก ท่านพอจะมีอาหารบ้างไหม” เฟิงมี่พูดตรงๆ เพราะหิวมากจริงๆ
“เมื่อเ้าไม่รู้อยู่ที่ไหน ก็พักในจวนข้าไปก่อน อาบน้ำเปลี่ยนผ้าทานข้าวนะ” คุณชายกังพูดด้วยความห่วงใย
เฟิงมี่อาบน้ำเปลี่ยนจากชุดทาส เป็เสื้อผ้าดีๆ ทำให้ดูสวยมากกว่าเดิม นางเดินออกห้องเพื่อจะไปขอบคุณคุณชาย แต่ดันเจอกับฮูหยินน้อยก่อน ฮูหยินน้อยหน้าตางดงาม บุคลิกดี แต่งกายชุดผ้าไหมชั้นดี สมกับเป็สตรีจากจวนขุนนาง
“เ้านะหรอ สตรีที่คุณชายพามา หน้าตางามใช้ได้” ฮูหยินน้อยกังพูด
“ใช่เ้าค่ะ ลำบากพวกท่านแล้ว” เฟิงมี่พูดอย่างเกรงใจ
“จะมาเป็อนุที่นี่ ข้าในฐานะฮูหยินน้อยก็ต้องต้อนรับ ในเมื่อคุณชายพาเ้าเข้าจวนมาแล้ว เ้าก็ต้องรู้ฐานะของตัวเอง” ฮูหยินน้อยพูดอย่างรู้จักสามีเป็เป็อย่างดี เพราะปกติสามีก็ไปเ้าชู้หาความสำราญนอกจวนบ่อยครั้ง แต่เฟิงมี่เป็สตรีคนแรกที่เขาพากลับจวน จึงอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะพานางมาเป็อนุ
“ข้าไม่ได้มาเป็อนุ….…” เฟิงมี่พูดไม่ทันจบ ฮูหยินน้อยก็เดินจากไป
ทันใดนั้นคุณชายกังเดินมาพอดี เฟิงมี่กล่าวคำขอบคุณที่ช่วยเหลือ และขอเข้าพักในจวนแม่ทัพกังสักพักเพราะยังตั้งหลักไม่ได้ว่าจะไปที่ไหน อย่างน้อยจวนแม่ทัพก็ปลอดภัย
หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เฟิงมี่ออกมาข้างนอกจวนเพื่อสำรวจหาโอกาสเริ่มต้นตั้งหลัก เดินไปหลายที่ จนมาพบกับขุนนางโหย่ว ขุนนางขั้น 9 ระดับล่างสุด ในขณะออกตรวจพื้นที่
“แม่นางหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเจอที่ไหนมาก่อน” ขุนนางโหย่วพูด ทั้งที่จำได้ว่าเคยเจอกันที่เหมืองทาส และยังจำได้ด้วยว่าเคยเห็นรูปวาดท่านหญิงเฟิงมี่เหมื่อหลายเดือนก่อน และคิดว่าต้องใช่คนเดียวกันแน่ๆ
รูปที่วาดแปะประกาศวาดแค่มีความคล้ายเท่านั้น ไม่เหมือนเฟิงมี่เลยทีเดียว ชาวบ้าน ขุนนางเห็นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะไม่คิดว่าท่านหญิงจะมาถึงอำเภอเจี้ยนเค่อ แต่สิ่งที่ขุนนางโหย่วมั่นใจคือเฟิงมี่เคยพูดว่าตัวเองเป็ท่านหญิงที่เหมืองแร่เหล็ก และสังเกตุกิริยานางเหมือนหญิงสูงศักดิ์จริงๆ และมีข่าวว่าทาสหลบหนีจำนวนมาก
“เราเคยเจอกันแล้ว ท่านจำข้าได้ไหม” เฟิงมี่กล่าว
“ใช่! ข้าจำได้แล้ว เ้าคือสตรีที่อยู่ในเหมืองทาสผู้นั้น” ขุนนางโหย่วกล่าว
“แต่ข้าหาใช่ทาสไม่ ข้าโดนจับตัวไปใช้แรงงาน” เฟิงมี่รีบบอกปัดว่าไม่ใช่ทาส เพราะกลัวโดนส่งตัวกลับ
“ข้ารู้แล้ว วันนั้นพวกข้าไปก็เพื่อช่วยชาวบ้านแต่ไม่สำเร็จ เ้าออกมาก็ดีแล้ว” ขุนนางโหย่วกล่าว
พวกเขาพูดกันถูกคอ และรู้ว่าเฟิงมี่ไม่มีที่ไป จึงชวนนางมาขายข้าวสาร เดิมขุนนางโหย่วมาจากตระกูลพ่อค้าขายข้าวสารเป็หลัก และได้สอบจอหงวน สอบได้เป็ซิ่วไฉ ได้บรรจุเป็ขุนนางขั้น 9 ระดับล่างสุดเป็การเริ่มต้นของขุนนางระดับอำเภอ
เฟิงมี่ตกลงที่จะมาขายข้าวสารประจำร้าน ที่จะเปิดสาขาย่อยในอำเภอเจี้ยงเค่อชั้นในอีกสาขา (ตระกูลโหย่วมีร้านค้าข้าวหลายสาขากระจายตามตำบล อำเภอต่างๆ และเมืองรอบๆ ใกล้เคียง) ขุนนางโหย่ว้าจะช่วยเฟิงมี่ จึงยกสาขานี้ให้นางจัดการค้า ส่วนแบ่ง 4 : 6 ซึ่งเป็ส่วนแบ่งที่เยอะมาก เหมือนเขามีเจตนาบางอย่างที่จะซื้อใจเฟิงมี่ ซึ่งเขารู้ตัวตนจริงของนาง เขาอยากเดิมพันสักครั้งใช้สถานะท่านหญิงของเฟิงมี่ และอำนาจชินอ๋องของบิดานาง เพื่อไต่เต้าตำแหน่งที่สูงขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้