ที่สำนักเทียนอี้ ทันใดนั้นก็มีม้าสองตัวปรากฏขึ้นมาที่ด้านนอกของสำนัก
ระยะเวลาที่หลินเฟิงเดินทางไปยังเมืองต้วนเริ่น รวมเวลาพักอยู่นั้นและเดินทางกลับก็กินเวลาไปสิบกว่าวัน ซึ่งขั้นตอนการลงทะเบียนของสำนักเทียนอี้ก็ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว
ด้านหน้าของสำนักคลาคล่ำไปด้วยฝูงชน พวกเขาจ้องเขม็งไปยังอาชาโลหิตทั้งสองตัวที่กำลังวิ่งเข้ามา แต่สิ่งที่สะกดสายตาของผู้คนได้มากที่สุดก็คือ หลิ่วเฟย
“สำนักเทียนอี้!” หลิ่วเฟยเงยหน้ามองประตูั์ของสำนัก และหันมาถามหลินเฟิงว่า “เ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?”
“ก็เพื่อบ่มเพาะพลังอย่างไงล่ะ” หลินเฟิงตอบ “ไปกันเถอะ”
“แต่ข้าไม่มีจดหมายแนะนำ และอีกอย่าง… ข้าไม่คิดที่จะเข้าร่วมกับสำนักเทียนอี้” หลิ่วเฟยจ้องหลินเฟิงตาเขม็ง “หรือว่าเ้าลืมเื่นิกายหยุนไห่ไปแล้ว?”
หลิ่วเฟยเป็บุตรสาวของหลิ่วชั่งหลัน ดังนั้นนางจึงพอจะรู้เบื้องลึกเื้ัของสำนักเทียนอี้มาบ้าง
“ข้าไม่ได้เข้าร่วมกับสำนักเทียนอี้ และข้าก็สามารถพาเ้าเข้าไปได้โดยไม่ต้องมีจดหมายแนะนำ” หลินเฟิงส่ายหัว แน่นอนว่าเขาเข้าใจความคิดของหลิ่วเฟยดี ผู้าุโของนิกายหยุนไห่จำนวนมากต่างก็ยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อให้เขามีชีวิตรอด ถ้าหากเขาเข้าร่วมกับสำนักหรือนิกายอื่นๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการทรยศนิกายหยุนไห่
“อย่าลืมว่าบิดาของเ้าบอกให้เ้าเชื่อฟังข้า” เมื่อเห็นว่าหลิ่วเฟยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาจึงกระตุ้นม้าให้วิ่งเข้าไปในสำนักเทียนอี้
หลิ่วเฟยมองแผ่นหลังของหลินเฟิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระตุ้นม้าให้วิ่งตามไป แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ นางกับหลินเฟิงสามารถเข้าไปในสำนักเทียนอี้ได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีใครเข้ามาขวางหรือห้ามปรามเลยสักนิด
“เ้าทำได้ยังไง?” หลิ่วเฟยถาม นางรู้ดีว่าสำนักเทียนอี้ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาเหยียบในสำนัก นอกจากนี้หลิ่วเฟยก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีสิทธิพิเศษใดๆ ที่ทางสำนักจะอนุญาตให้นางเข้ามาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ดังนั้นคนคนเดียวที่จะไขข้อข้องใจได้ก็คือหลินเฟิง เพราะเมื่อครู่หลินเฟิงบอกกับนางว่า สามารถพานางเข้าไปในสำนักได้โดยไม่ต้องใช้จดหมายแนะนำ
“หึๆ เ้าไม่รู้เหรอ? ว่าข้าเป็คนรักของใคร?” หลินเฟิงกล่าวหยอกล้อ ทำให้หลิ่วเฟยถลึงตาใส่ด้วยความโมโห
“เ้ามองอะไร? ข้าไม่ได้หมายถึงเ้าสักหน่อย หลงตัวเองจริงๆ”
หลินเฟิงมองหลิ่วเฟยด้วยสายตาดูถูก ผู้หญิงคนนี้คิดมากไปแล้ว
เมื่อหลิ่วเฟยได้ยินคำพูดของหลินเฟิงก็รู้สึกโกรธจนแทบกระอักเืออกมา ในใจก็ก่นด่าหลินเฟิงอยู่หลายรอบ ไอ้บ้านี่สมควรตาย!!!…
นี่เป็ครั้งแรกที่หลิ่วเฟยเข้ามาในสำนักเทียนอี้ นางรู้สึกทึ่งไปกับสิ่งปลูกสร้างที่สูงตระหง่านของที่นี่
เมื่อหลินเฟิงพาหลิ่วเฟยเดินทางมาถึงหอพัก เขาก็ถามขึ้นมาว่า “เ้าน่าจะรู้เื่ศิษย์ทั้ง 3 ประเภทของสำนักเทียนอี้นะ?”
“ข้ารู้ว่าที่นี่แบ่งศิษย์ออกเป็ 3 สาย มีสายทหาร สายขุนนางและสายนักฆ่า ในกองทัพของบิดาก็มีคนที่จบมาจากสำนักเทียนอี้เข้าร่วมกองทัพอยู่มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็สายทหารกับสายนักฆ่า พวกเขามีบทบาทสำคัญมากในสนามรบ และในบรรดาพวกเขาก็มีคนหลายคนได้กลายเป็ผู้พิทักษ์โลหิตแล้ว”
หลินเฟิงเผยสีหน้าตกตะลึงขึ้นมา “ผู้พิทักษ์โลหิต? นี่อาหลิ่วปล่อยให้พวกเขาแทรกซึมเข้ามาง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ?”
‘ผู้พิทักษ์โลหิต’ เป็กองกำลังทหารที่อยู่ใกล้ชิดกับหลิ่วชั่งหลัน และยังเป็ไพ่ตายอีกด้วย นอกจากนี้ผู้ที่อยู่เื้ัของสำนักเทียนอี้ก็มีฐานะที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมีความเป็ไปได้ว่าอาจจะเป็คนของราชวงศ์ ใครจะไปรู้ว่าผู้ที่อยู่เื้ัคนนั้นได้ควบคุมเหล่าลูกศิษย์ที่จบจากสำนักเทียนอี้หรือไม่?
หลิ่วเฟยมองหลินเฟิงด้วยสายตาที่เหมือนกับมองคนปัญญาอ่อนแล้วพูดว่า “เ้าคิดว่าท่านพ่อของข้าเป็คนแบบไหน?”
หลินเฟิงเพียงหัวเราะเบาๆ ถ้าคิดไม่ผิด ต่อให้หลิ่วชั่งหลันรู้ว่าคนเ่าั้อาจจะเป็สายลับ แต่เขาก็ไม่อาจเมินความสามารถของคนพวกนี้ได้ ในสนามรบคนเหล่านี้คืออัจฉริยะชั้นยอด และมีบทบาทที่สำคัญมาก
“ที่นี่เป็หอพักของสายทหาร ถึงแม้ว่าเ้ากับข้าจะไม่ใช่ศิษย์ของสำนักเทียนอี้ แต่อย่างน้อยพวกเราก็จะได้รับการสั่งสอนเหมือนศิษย์สายทหารคนอื่นๆ”
หลิ่วเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าหลินเฟิงทำได้อย่างไร ถึงได้รับอภิสิทธิ์มากมายขนาดนี้ แต่คาดว่าต่อให้ถามเขาไปก็คงไม่ได้คำตอบกลับมาอยู่ดี อีกทั้งหลิ่วเฟยก็ี้เีเซ้าซี้หลินเฟิงด้วย ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบกลับเท่านั้น
เมื่อมาถึงส่วนที่พักของตัวเอง ก็เห็นหยวนซานกับต้วนเฟิงกำลังยืนคุยกันอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นหลินเฟิงและหลิ่วเฟยเดินมาด้วยกัน ก็อดไม่ได้ที่จะใ
“พี่หลินเฟิง!”
“หลินเฟิงสหายข้า!”
ทั้งสองคนะโขึ้นมาพร้อมกัน ขณะที่กวาดสายตามองหลิ่วเฟยเล็กน้อย ดวงตาของหยวนซานพลันเร้าร้อนขึ้นมา ไอ้หมอนี่มันร้าย!!!
“พี่หลินเฟิง พี่สาวท่านนี้คือ?” ต้วนเฟิงยิ่งรู้สึกเลื่อมใสในตัวหลินเฟิงมากขึ้น สมแล้วที่เป็เอกบุรุษ ตอนที่ทำให้พี่เมิ่งฉิงอยากอยู่ห้องเดียวกันก็ว่าร้ายกาจแล้ว แต่นี่ออกไปข้างนอกเพียงไม่นานก็ได้สาวงามกลับมาด้วยคนหนึ่ง นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!!!
“หลิ่วเฟย!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของต้วนเฟิง พร้อมกับร่างของจิ้งหยุนที่เดินเข้ามา เมื่อนางเห็นหลินเฟิงกับหลิ่วเฟยยืนอยู่ด้วยกันก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ในนิกายหยุนไห่ หลิ่วเฟยถือได้ว่าเป็สาวงามที่สุดของนิกาย ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากไล่จีบนาง แต่หลังจากที่นิกายได้ล่มสลายไปแล้ว นางก็ไม่รู้ว่าหลิ่วเฟยยังมีชีวิตอยู่ไหม แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่านางยังมีชีวิตอยู่และยังมาพร้อมกับหลินเฟิงอีกด้วย...
แต่หลังจากวันพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ ไม่ใช่ว่าหลินเฟิงจากไปพร้อมกับหลิ่วชั่งหลันหรอกเหรอ?
“หลิ่วเฟย บุตรสาวของเทพลูกศร”
เมื่อหลินเฟิงพูดจบ ก็ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงจนตาค้าง
ที่แท้หญิงสาวผู้งดงามคนนี้ก็คือลูกสาวของหลิ่วชั่งหลัน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงอยู่กับหลินเฟิง
จิ้งหยุนประหลาดใจยิ่งกว่า เพราะนางไม่รู้ว่าหลิ่วเฟยเป็ลูกสาวของหลิ่วชั่งหลันจนกระทั่งตอนนี้
“สวัสดี” ท่าทีของหยวนซานก็พลันเปลี่ยนไป แน่นอนว่าเทพลูกศรหลิ่วชั่งหลันคือแม่ทัพที่ทุกคนต่างก็เคารพยกย่อง เขาคือเทพในกองทัพและเป็คนที่หยวนซานนับถือมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่วันนั้นหยวนซานเห็นแค่ด้านข้างของเขา และตอนที่หลินเฟิงได้ตามหลิ่วชั่งหลันไปด้วย ศิษย์สายทหารก็รู้สึกอิจฉาแทบตาย เพราะหลิ่วชั่งหลันคือบุคคลต้นแบบของพวกเขา
ใครคือแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่และคอยปกป้องอาณาเขตของอาณาจักร?
ใครกันที่ยิงธนูเพียงดอกเดียวก็สามารถสังหารศัตรูในระยะพันลี้ได้!
ตำนานของหลิ่วชั่งหลัน ทำให้เด็กหนุ่มทุกคนรู้สึกเืในกายพลันเดือดพล่านขึ้นมา
หลิ่วเฟย เป็บุตรสาวของเทพลูกศรหลิ่วชั่งหลัน
เมื่อหลิ่วเฟยสังเกตเห็นความคลั่งไคล้จากดวงตาของหยวนซาน หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทุกคนรู้แค่ว่าวีรบุรุษอย่างหลิ่วชั่งหลันทำอะไรบ้างจากบทเพลงสรรเสริญ แต่ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา มันแตกต่างกันมากขนาดไหน
“หลินเฟิง ข้าอยากพักผ่อน”
หลิ่วเฟยกล่าวอย่างใจเย็น หลินเฟิงทำได้เพียงถอนหายใจ เขาสามารถสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของนางได้
“ที่นี่ยังมีห้องว่างอีกมากมาย เ้าเลือกมาสักห้องเถอะ” หลินเฟิงกล่าว
“ไม่จำเป็ ข้าจะไปพักที่ห้องของเ้าก่อน”
หลิ่วเฟยกล่าวอย่างสงบ ซึ่งทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
หลินเฟิงถึงกับพูดไม่ออก สิ่งที่เข้าใจยากที่สุดก็คือ จิตใจของผู้หญิงนั่นเอง!!!
หลินเฟิงเกาหัวและกล่าวว่า “คงไม่ดีเท่าไรมั้ง ยังมีห้องว่างบนชั้นนี้อีกมากมาย เ้าก็เลือกมาสักห้องเถอะ”
“ขนาดเ้ายังไม่ถือสา แล้วข้าจะถือสาทำไม?” หลิ่วเฟยถลึงตาใส่หลินเฟิง แล้วกล่าวว่า “ห้องของเ้าอยู่ไหน?”
“ตรงนั้น” หลินเฟิงผู้ไม่มีทางเลือก ได้ชี้ไปที่ห้องของตัวเอง
ในตอนนั้นเองหยวนซานก็รีบเดินเข้าไปขวางหน้าห้องของหลินเฟิงไว้ ก่อนจะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “เ้าไปพักห้องอื่นเถอะ”
เมื่อหลินเฟิงเห็นหยวนซานเอาตัวเข้าไปขวางหน้าห้องของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจขึ้นมา นอกจากนี้เขายังเห็นจิ้งหยุนกับต้วนเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย ราวกับว่าไม่อยากให้หลิ่วเฟยพักห้องเดียวกับเขา
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแค่ทำให้หลิ่วเฟยรู้สึกสงสัย กระทั่งตัวหลินเฟิงเองก็รู้แปลกๆ ขึ้นมา
“ไม่จำเป็ ข้าจะพักที่นี่”
เมื่อเห็นหลิ่วเฟยทำท่าจะเดินนำหน้า หยวนซานก็เผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา แล้วพูดขึ้นมาว่า “หลินเฟิง ข้าว่า... เ้าเดินนำน่าจะดีกว่านะ”
“ก็ได้” หลินเฟิงพยักหน้า ก่อนจะผลักประตูั์เข้าไป โดยมีหลิ่วเฟยเดินตามหลังเข้ามา
“นั่นใคร?!”
ทันใดนั้นลมปราณอันเย็นะเืก็ทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้หลินเฟิงรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่าง ราวกับกำลังถูกแช่แข็งอยู่ก็ไม่ปาน
“ช่างเป็พลังที่น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
หลินเฟิงใไปชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหยวนซานถึงขวางไม่ให้หลิ่วเฟยเดินเข้ามาก่อน ไอ้หมอนี่ช่างไร้คุณธรรมจริงๆ!!!
“ข้าเอง!”
หลินเฟิงะโบอก ทันใดนั้นลมปราณอันเย็นะเืก็พลันหายไปในทันที
ในตอนนั้นหลิ่วเฟยที่ยืนอยู่ข้างหลังของหลินเฟิงก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ทรงพลังยิ่งนัก!!! แรงกดดันเมื่อครู่ทำให้หลิ่วเฟยรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของตัวเองกำลังถูกบดขยี้
หยวนซานที่อยู่นอกห้องส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ อ่า... ขอให้โชคดีนะหลินเฟิง ครั้งที่แล้ว เขาเข้าไปในห้องเพื่อสอบถามว่าหลินเฟิงกลับมาหรือยัง แต่สิ่งที่ได้รับก็คือลมปราณอันเย็นะเืที่พุ่งเข้ามากดทับร่างของเขา เมื่อนึกถึงตอนนั้น หัวใจของเขาพลันเต้นไม่เป็จังหวะด้วยความกลัว คงมีแต่หลินเฟิงเท่านั้นที่สามารถควบคุมแม่เซียนสาวในห้องได้
“ทำไมเ้ากลับมาช้าขนาดนี้?”
น้ำเสียงเ็าดังขึ้นมา ก่อนที่เมิ่งฉิงจะเดินออกมาจากห้อง
เมิ่งฉิงสวมชุดสีขาว ใบหน้าอันงดงามของนางก็ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย ทำให้นางดูเหมือนเซียนสาวที่ตกลงมาจาก์
ผู้หญิงคนนี้! ทั้งยังงดงามมากอีกด้วย!!!
เมื่อหลิ่วเฟยเห็นเมิ่งฉิง ดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นในทันที
ในขณะเดียวกันเมื่อเมิ่งฉิงเห็นหลิ่วเฟย ดวงตาของนางถึงกับสั่นไหวอยู่ชั่วครู่ กระทั่งคิ้วก็ยังกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย!!!