“ผมไม่ได้เป็อะไรครับ แค่ใช้สมาธิมากจนเกินไป ขอบคุณท่านทั้งสองที่เป็ห่วงครับ” รอยยิ้มของหลินเยว่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย
อันที่จริง ท่านเฮ่อฉางเหอและท่านฉางไท่รู้สึกข้องใจเป็อย่างมาก การผ่าธูป 10 ครั้งต้องใช้สมาธิมากขนาดนั้นเลยหรือ? แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเยว่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะใช้สมาธิมากจนเกินไปจริงๆ พวกเขาจึงรู้สึกวางใจพอสมควรว่าหลินเยว่ไม่ได้เป็อะไร
“ท่านฉางครับ การทดสอบของผมในวันนี้ถือว่าผ่านหรือเปล่าครับ?” นี่คือสิ่งที่หลินเยว่สนใจเป็ที่สุด
“ผ่านการทดสอบแล้ว ผ่านแล้วล่ะ ผมไม่เคยเจอเด็กหนุ่มที่มีพร์อย่างคุณมาก่อนเลย ไม่ต้องเป็ลูกศิษย์ที่อยู่ในรายชื่อเพื่อรอสังเกตการณ์แล้วล่ะ คุณมาเป็ลูกศิษย์อย่างเป็ทางการของผมโดยตรงเลยละกัน” ท่านฉางไท่ดูตื่นเต้นเป็อย่างมาก
“ขอบคุณครับ” หลินเยว่พูดตอบอย่างดีใจ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสเรียนการแกะสลักแล้ว
ความใฝ่ฝันในการเรียนการแกะสลักของเขาจะไม่ได้เป็เพียงความใฝ่ฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป
“เฮ้! ตรงนี้ยังมีคนเป็ๆ อยู่อีกหนึ่งคนนะ พวกคุณให้ความสำคัญกับผมหน่อยได้ไหม หลินเยว่ ผมขอบอกคุณเลยนะ หากคุณคิดจะคารวะฉางไท่เป็อาจารย์ ผมก็ไม่ได้คิดคัดค้านหรอกนะ แต่ผมมีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ” ท่านเฮ่อฉางเหอพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
หลินเยว่ที่กำลังตื่นเต้นพลันรู้สึกราวกับตกจาก์และหลุดลงไปในนรกทันที
ท่านเฮ่อฉางเหอก็เป็อาจารย์ของเขา แล้วท่านยังช่วยเขามามากมายขนาดนี้ หากท่านสร้างเงื่อนไขที่แสนยากขึ้นมา แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี?
หลินเยว่จึงถามอย่างระมัดระวัง “เงื่อนไขอะไรครับ?”
“ก่อนที่จะคารวะเขาเป็อาจารย์ คุณต้องคารวะผมเป็อาจารย์ก่อน” ท่านเฮ่อฉางเหอพูดอย่างหนักแน่นจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเยว่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นี่เป็เงื่อนไขที่ง่ายมาก เพราะท่านเฮ่อฉางเหอก็เป็อาจารย์ของเขาอยู่แล้ว
แต่ทว่าท่านฉางไท่ที่ฟังอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมาทันที เขาโวยวายใส่ท่านเฮ่อฉางเหอ “ต้องคารวะคุณเป็อาจารย์ก่อนหมายความว่าอย่างไรกัน? นี่เป็สิ่งที่ผมพูดออกมาก่อนนะ หากจะคารวะก็ต้องคารวะผมก่อนสิ!”
“คุณ!” ท่านเฮ่อฉางเหอรู้สึกโมโหจัด เขาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “คุณสามารถหาลูกศิษย์ดีๆ ได้สักคนก็ถือว่าไม่เลวแล้วนะ หากไม่ได้เป็เพราะผม คุณจะมีโอกาสหาลูกศิษย์ดีๆ ได้อย่างนี้หรอ? แล้วยังมีอีกนะ ผมสอนเขามาเป็เวลาหนึ่งเดือนแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้คารวะเป็อาจารย์ แต่พวกเราก็มีความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับลูกศิษย์มานานแล้ว ถึงคุณจะโวยวายไปถึงฮ่องเต้บน์ ลูกศิษย์คนนี้ก็ต้องเป็ของผมก่อนอยู่ดี ผมสิถึงจะเป็อาจารย์ใหญ่!”
“พูดจาซี้ซั้วไร้สาระ!” ท่านฉางไท่พูดตอกกลับหน้าดำหน้าแดง “ความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับลูกศิษย์คืออะไรกัน? ผมสิที่เป็คนตั้งโจทย์ให้กับเขาก่อน เขาถึงค่อยเริ่มเรียนเครื่องเคลือบจากคุณ ดังนั้น ถ้าพูดถึงเื่เวลาแล้ว ก็ยังเป็ผมที่มาก่อนคุณอยู่ดี คุณนั่นแหละต้องถอยไปทีหลังเลย!”
“ผมเป็คนพาเขามา! ผมเป็คนแนะนำเขาให้กับคุณ! พฤติกรรมของคุณถือเป็การทรยศหักหลัง ไม่มีเหตุมีผล เหมือนการเสร็จงานฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเลยทีเดียว! แล้วยังมีประเด็นสำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือ ผมเป็คนเชิญเขามาที่คุนิ! ตอนที่เขาอยู่อำเภอชางแล้วถูกไล่ออก ตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหนล่ะ? แล้วตอนนี้คุณโผล่มาได้อย่างไรล่ะ? ลูกศิษย์คนนี้คุณไม่มีทางแย่งผมได้สำเร็จหรอก! หากไม่เชื่อคุณก็ลองถามหลินเยว่ดู!”
ท่านเฮ่อฉางเหอหันไปมองหลินเยว่แล้วถามขึ้นทันที “หลินเยว่ คุณพูดมาสิว่าใครเป็อาจารย์ใหญ่ของคุณ!”
“ใช่แล้ว! หลินเยว่ คุณพูดมาเลย!” ท่านฉางไท่ก็ส่งสายตามายังหลินเยว่เช่นกัน
ตอนแรกหลินเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้มองชายชราทั้งสองทะเลาะกันอย่างนึกสนุก แต่คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เปลวเพลิงนี้กลับถูกโยนมาใส่บนตัวของเขาทันที
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาอันร้อนแรงของชายชราทั้งสอง หลินเยว่จึงได้แต่ทำเป็กระแอมไอแห้งๆ ออกมา ในใจของเขารู้สึกลำบากใจยิ่งนัก หากเขาตอบชื่อของคนใดคนหนึ่งออกไป ย่อมเป็การทำผิดต่ออีกคนอย่างแน่นอน!
ท่ามกลางสายตาที่มีแต่ความท้าทายใส่กันของชายชราทั้งสอง หลินเยว่จึงก้มหน้าลงอย่างอึดอัด แล้วพูดรัวๆ อยู่ในลำคอ “ความจริงอาจารย์ใหญ่ของผมเป็คุณน้าที่สอนตอนอยู่อนุบาลครับ เขาเป็อาจารย์คนแรกของผม เป็คนสอนผมนับเลข 1 2 3 4 5 6 7 ......”
ขณะที่ท่านเฮ่อฉางเหอและท่านฉางไท่ถกเถียงกันอย่างไม่จบไม่สิ้นนั้น เฮ่อหลันเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนักกลับอุทานออกมาอย่างฉับพลัน ทำให้ความสนใจของชายชราทั้งสองถูกเบี่ยงเบนไป
เมื่อััได้ว่าสายตาของชายชราทั้งสองเคลื่อนย้ายไปทางอื่น ไม่ได้อยู่ที่ตัวของเขาแล้ว หลินเยว่จึงรู้สึกโล่งอกเป็การชั่วคราว
อันตรายจริงๆ! อันตรายจริงๆ!
เยว่เยว่ก็เป็เด็กน้อยที่น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย เธอเป็ผู้ช่วยชีวิตของเขาในตอนนี้จริงๆ!
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ท่านเฮ่อฉางเหอรีบถามขึ้นมา
เฮ่อหลันเยว่เบิ่งตาโต ดวงตาที่เต็มไปด้วยความใสบริสุทธิ์ของเธอถูกความตกตะลึงเข้ามาแทนที่จนหมดสิ้น
หลี่ชิงเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเช่นกัน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ท่านเฮ่อฉางเหอและท่านฉางไท่จึงเดินเข้าไปทางพวกเธออย่างอดใจไม่ไหว
เมื่อท่านเฮ่อฉางเหอและท่านฉางไท่เดินไปถึงข้างๆ ของเฮ่อหลันเยว่แล้ว เธอก็ยังคงมีสีหน้าตกตะลึงเช่นเดิม สติของเธอยังไม่กลับคืนมา มือของเธอวาดไปมา ใบหน้างามของเธอยังคงมีแต่ความประหลาดใจจนพูดไม่ออก
ท่านเฮ่อฉางเหอและท่านฉางไท่เห็นสภาพเช่นนี้ก็รู้สึกร้อนใจยิ่งนัก พวกเขาคิดว่าเฮ่อหลันเยว่อาจจะเป็อะไรขึ้นมา สุดท้ายก็เป็หลี่ชิงเมิ่งที่มีสติกลับคืนมาก่อน
หลี่ชิงเมิ่งพูดขึ้น “เขาไม่ได้ผ่าถูกธูป 5 ดอก แต่เป็ 9 ดอกค่ะ!!!”
เมื่อเธอพูดจบ ดวงตาคู่สวยของเธอก็หันไปมองหลินเยว่ที่นั่งพักอยู่บนเก้าอี้ เธอพบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยเช่นเดิม ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของเธอ
“อะไรนะ?!”
ท่านฉางไท่และท่านเฮ่อฉางเหอรู้สึกใเป็อย่างยิ่ง พวกเขาสบตากันอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และพวกเขาก็เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
เป็ไปได้อย่างไรล่ะ? เมื่อสักครู่ก็เห็นกันอย่างชัดเจนว่าธูป 5 ดอกแรกดับไป แต่ธูป 5 ดอกหลังกลับไม่ดับเลยไม่ใช่หรือ?
แล้วจะเป็ไปได้อย่างไรที่หลินเยว่จะผ่าถูกธูป 9 ดอก?
“เป็เื่จริงค่ะ หากไม่เชื่อคุณปู่ก็ลองดูได้เลยค่ะ!”
เวลานี้ เฮ่อหลันเยว่ก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว เธอชี้ไปยังหนึ่งในธูปที่ยังคงสว่างอยู่
เมื่อมองไปยังธูปดอกที่เฮ่อหลันเยว่ชี้ให้ดู ท่านฉางไท่และท่านเฮ่อฉางเหอพลันรู้ได้ทันทีว่าธูปดอกนี้ไม่ใช่หนึ่งในธูป 5 ดอกแรก แต่เป็หนึ่งในธูป 5 ดอกหลังที่หลงเหลืออยู่
เมื่อพวกเขาเดินไปยังเบื้องหน้าของธูปดอกนั้น ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง
ธูปที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขายังคงเผาไหม้อย่างรวดเร็วอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนไปโดนขี้เถ้าที่หลงเหลืออยู่้า แต่ทว่าขี้เถ้า้ากลับหายไปครึ่งหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนที่หายไปเป็ส่วนที่ถูกตัดอย่างเรียบตรง ซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น จึงเหลือความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ ส่วนที่หายไปเป็ส่วนที่หลินเยว่ผ่าออกไป!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้