ไม่นานลานเรือนก็เต็มไปด้วยเสียงฮือฮา
กวาดครั้งเดียวก็ไล่คนสองสามคนออกจากเรือน กวาดอีกครั้งก็ไล่ออกไปได้อีกสองสามคน
มีอันธพาลคนหนึ่งไม่ยอมแพ้ เห็นอินเหิงในชุดขาวนั่งบนเก้าอี้เข็นอย่างสงบนิ่งมากอยู่ไม่ไกล เขาจึงคิดจะจับตัวอินเหิง
แต่เพียงเขาเอื้อมมือออกไป เมิ่งอู่ก็ฟาดเสาไม้ไผ่ใส่ จนแขนของอันธพาลคนนั้นเกือบหัก อันธพาลคนนั้นร้องลั่นด้วยความเ็ปทันที
ั์ตาของเมิ่งอู่มืดมนและเ็าขณะกล่าว “คิดจะใช้มือสกปรกๆ ของเ้าแตะต้องเขา ถามข้าแล้วหรือยัง?”
อินเหิงช้อนตามองแผ่นหลังของเมิ่งอู่ด้วยสายตาลึกซึ้งหลากหลาย ยิ้มคลุมเครือ
ในที่สุดเหล่าอันธพาลเนื้อร้ายกลุ่มนี้ก็ถูกเมิ่งอู่กวาดออกไปจนหมด พวกเขาล้มหงายท้องระเนระนาดอยู่กับพื้นเจ็บจนต้องเกลือกกลิ้งไปมาพลางโอดโอยครั้งแล้วครั้งเล่า
ชาวบ้านต่างพากันอึ้งงัน
ในลานเรือนเหลือเพียงหวังสี่ซุ่นคนเดียว ยามนี้ใบหน้าของเขาซีดเผือด คุกเข่าอยู่กับพื้น แข้งขาอ่อนแรง ลุกไม่ขึ้น
เมื่อจัดการกวาดคนอื่นๆ หมดแล้ว เมิ่งอู่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนยกเท้าขึ้นถีบหน้าของเขา แล้วกดลงกับพื้นพลางเอ่ย "ข้าบอกเ้าแล้วว่าอย่าจ้องข้าด้วยใบหน้าอัปลักษณ์นี่"
หวังสี่ซุ่นเป็คนสุดท้ายที่ถูกโยนออกไป บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเท้า
เมื่อคนอื่นเห็นดังนั้นก็เกรงว่าเขาจะร่วงใส่ตน จึงรีบแยกย้ายกันอย่างวุ่นวายโดยหลบแหวกออกไปสองข้าง
หวังสี่ซุ่นร่วงลงพื้นอย่างแรง และล้มอย่างน่าสังเวชที่สุด
เมิ่งอู่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนขณะมองเหล่าอันธพาลเนื้อร้ายด้วยสายตาเ็า นางสาวเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าว เหล่าอันธพาลเนื้อร้ายก็กระเถิบถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัวหนึ่งก้าว
เมิ่งอู่แย้มยิ้มอบอุ่นก่อนเอ่ย “มาสิ เข้ามาพร้อมกันเลย มิใช่ว่าจะทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายหรือ”
เหล่าอันธพาลรีบลุกจากพื้นด้วยเกรงกลัวนาง ขณะเดียวกันก็มิอาจเสียศักดิ์ศรี ดังนั้นผู้เป็หัวหน้าจึงกัดฟันกล่าว “หึ! ครั้งนี้ถือว่าเ้าโชคดี พวกเราไป!”
ทันทีที่กล่าวจบ เหล่าอันธพาลก็ทิ้งหวังสี่ซุ่นไว้ข้างหลัง แล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับหน้าที่ฟกช้ำดำเขียว
หวังสี่ซุ่นที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังสะพรึงกลัวยิ่งยวด เขาลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เดินกระย่องกระแย่งกลับเรือน ทั้งยังร้องเรียก “ท่านแม่!” ด้วยความหวาดผวา
แม่เฒ่าหวังมีหวังสี่ซุ่นเป็บุตรชายเพียงคนเดียว นางจึงปล่อยปละละเลยไม่เคยว่ากล่าวตักเตือนพฤติกรรมเกะกะเกเรในอดีตของบุตรชาย ชาวบ้านจึงไม่กล้าล่วงเกินครอบครัวสกุลหวังโดยง่าย
ครั้งนี้หวังสี่ซุ่นรวบรวมคนไปคิดบัญชีกับเมิ่งอู่ แม่เฒ่าหวังยังชี้เป้าให้จัดการนางตัวดีนั่นให้เข็ดหลาบ แต่ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายเหล่าอันธพาลกลับกระจายกันหลบหนีราววิหคและสัตว์ร้ายแตกรัง
หวังสี่ซุ่นถูกซ้อมอีกครั้ง ขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
แม่เฒ่าหวังได้แต่กัดฟันกล้ำกลืนความเจ็บใจนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นจะทำอะไรได้เล่า หวังสี่ซุ่นพาคนไปทำเื่ชั่วถึงเรือนของเมิ่งอู่ แต่กลับถูกทุบตีเสียเอง รังแต่จะทำให้พวกชาวบ้านโห่ร้องด้วยความดีใจ แล้วนางยังจะไปถามหาเหตุผลที่เรือนของเมิ่งอู่ได้อย่างไร?
เหล่าอันธพาลมากมายขนาดนั้นยังทำอันใดเมิ่งอู่ไม่ได้ ต่อให้นางไปเอง ก็คงไม่เกิดประโยชน์แม้แต่น้อย
เมิ่งอู่หันหลังกลับมาท่ามกลางบรรดาชาวบ้านที่ล้วนตะลึงลาน นางวางเสาไม้ไผ่ลงส่งเดช ก่อนกลับมาช่วยงานต่อพลางกล่าวว่า “เมื่อครู่วัดถึงที่ใดแล้ว?”
ชาวบ้านได้สติกลับคืนมาก็ขานรับครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็กลับมายุ่งกันอีกครั้ง
ต่อมาเื่นี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน บรรดาชาวบ้านล้วนพูดถึงเื่นี้กันอย่างสนุกสนานอยู่หลายวัน
แน่นอนว่าครอบครัวของเมิ่งต้าก็รู้เื่นี้เช่นกัน และไม่อยากจะเชื่อ
คาดไม่ถึงว่าเมิ่งอู่ผู้เดียวก็ต่อสู้กับเหล่าอันธพาลในหมู่บ้านได้ทั้งกลุ่ม?!
หากเมิ่งอู่ยังมีนิสัยอ่อนแอที่ผู้ใดก็สามารถกลั่นแกล้งรังแกได้อย่างกาลก่อน ไม่ว่าอย่างไรเื่นี้ก็ไม่น่าเชื่อถือ แต่ต่อให้ยามนี้นิสัยใจคอของนางจะเปลี่ยนแปลงไปมาก หากครอบครัวของเมิ่งต้าไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ก็อยากจะเชื่อว่านั่นเป็การบิดเบือนความจริงซะมากกว่า
คนคนเดียวขับไล่คนตั้งมากมายขนาดนั้นได้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ต่อไปจะยังมีผู้ใดเป็คู่ต่อสู้ของนางอีกเล่า?
เมิ่งเจียนเจียครุ่นคิด “เมิ่งอู่ในอดีตไม่ได้เป็แบบนี้... หรือนางมิใช่เมิ่งอู่ แต่เป็อีกคนที่ปลอมตัวมา เพียงแสร้งทำเป็เมิ่งอู่?”
เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ คนอื่นๆ ในครอบครัวเมิ่งต้าก็หันมองนาง
เมิ่งเจียนเจียโบกมือ กล่าวว่า “ข้าแค่พูดเล่นๆ เท่านั้น”
ั์ตาของนางเย่ทอประกาย กล่าวว่า “ไม่ เจียนเจีย เ้าพูดถูก เมิ่งอู่แตกต่างจากเมื่อก่อนมากจริงๆ ก่อนและหลังเป็คนสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
เมิ่งเจียนเจียกล่าวเสียงอ่อนโยน “แล้วเมิ่งอู่คนก่อนหายไปที่ใด? เมิ่งอู่ตัวปลอมคนนี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก หรือว่าเมิ่งอู่ตัวจริง... ถูกนางฆ่าตายแล้ว...”
นางเหอที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยได้ยินดังนั้นก็ร้องเสียงแหลมทันควัน “ไอ้เด็กเวรนั่นไม่ใช่หลานของข้าแน่! เมื่อก่อนนางไม่เคยกล้าลงมือกับข้า!” พอโมโหโทโส ก็รู้สึกเจ็บหน้าอก “โอ๊ย! ข้าเจ็บจะตายแล้ว!”
ใบหน้าของเมิ่งเจียนเจียเปี่ยมด้วยความพรั่นพรึง กล่าวเสียงเบาว่า “หากนางฆ่าเมิ่งอู่ตัวจริง จากนั้นก็ห่มหนังเมิ่งอู่ นาง้าจะทำอันใดกันแน่... ขั้นตอนต่อไปนางจะทำร้ายคนอื่นๆ ในหมู่บ้านหรือไม่... เช่นนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ...”
นางเย่กล่าว “ต้องรีบบอกเื่นี้ให้ชาวบ้านรู้โดยเร็วเท่าที่จะเป็ไปได้ มิเช่นนั้นทุกคนจะถูกนางทำร้าย”
เมิ่งซวี่ซวีราวกับเห็นแสงแห่งความหวัง กระตือรือร้นที่จะลอง นางะโลั่น “ครั้งนี้ต้องถลกหนังปลอมของนางให้ได้ ทำให้นางเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริง!”
โดยธรรมชาติแล้วนางเย่ขบคิดไปมากกว่านั้น
หากพบว่าเมิ่งอู่เป็ตัวปลอม แน่นอนนางย่อมมิอาจอาศัยอยู่ในหมู่บ้านได้อีก นางเซี่ยผู้น่าสงสารจะอยู่รอดตามลำพังได้อย่างไร เมื่อถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงที่ดินของครอบครัวเมิ่งอู่ แม้แต่เรือนหลังใหม่ของบ้านนาง ย่อมต้องตกเป็ของครอบครัวเมิ่งต้า
ต่อให้เมิ่งอู่ขับไล่เหล่าอันธพาลไปได้ นางก็มิอาจลงมือกับชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน มิฉะนั้นที่นี่ก็จะไม่มีที่สำหรับนางอีกต่อไป
ขอเพียงยืมมือของชาวบ้านกำจัดนาง ที่เหลือก็จัดการง่ายแล้ว
เมื่อครอบครัวเมิ่งต้าบอกข้อกังขาเื่เมิ่งอู่คนนี้มิใช่เมิ่งอู่กับพวกชาวบ้าน ย่อมต้องมีหลักฐานยืนยัน
ท้ายที่สุดเมิ่งอู่เติบโตที่นี่ั้แ่เด็ก พวกชาวบ้านล้วนเฝ้าดูนางเติบโตขึ้น เมิ่งอู่ในยามนี้เปลี่ยนไปจากกาลก่อนมากเกินไป
ไม่เพียงนิสัยใจคอที่เปลี่ยนไปมาก ยังมีความสามารถด้วย ทั้งหาเงินให้ครอบครัวทั้งต่อสู้กับเหล่าอันธพาล ไม่สมควรเลย!
กล่าวกันว่าเมิ่งอู่ในยามนี้อาจฆ่าเมิ่งอู่ตัวจริงตายแล้วสวมรอยแทน หากเป็เช่นนั้นจริงนางก็เป็ปีศาจร้าย ผู้ใดจะรู้ว่าต่อไปนางจะฆ่าคนอื่นๆ ในหมู่บ้านด้วยหรือไม่
ยังมีคนเล่าเื่ราวที่ไม่รู้ว่าไปได้ยินมาจากที่ใด บอกว่ามีฆาตกรโรคจิตคนหนึ่งชอบถลกหนังคนโดยเฉพาะ จากนั้นนำหนังคนมาทำเป็เสื้อผ้าสวมใส่ เปลี่ยนหนังคราหนึ่งก็เปลี่ยนรูปโฉมคราหนึ่ง
ข่าวลือนี้เริ่มมีกลิ่นอายของความสยดสยองสองส่วนแล้ว
คราแรกชาวบ้านต่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ทว่าต่อมาไม่นานชาวบ้านคนหนึ่งที่ทำงานให้ครอบครัวเมิ่งอู่ หลังกลับเรือนตนเองไปก็ล้มป่วยลง เื่นี้ทำให้ชาวบ้านได้รับสัญญาณเตือนทันที
วันนี้ครอบครัวเมิ่งต้าพาชาวบ้านบางส่วนมาขอคำอธิบายถึงเรือนของเมิ่งอู่ การก่อสร้างเรือนของครอบครัวเมิ่งอู่จึงต้องหยุดลงชั่วคราว
เพราะต้องรับมือกับเื่แบบนี้มานาน นางเซี่ยที่เคยกังวลและประหวั่นในคราแรก ยามนี้กลับมีสติและสงบนิ่งอยู่บ้าง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมิ่งอู่กับอินเหิง ไม่ว่าจะเป็ภูตผีปีศาจแบบใดมาเยือน พวกเขาจะเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกมัน
ชาวบ้านที่ป่วยแซ่เซิน สะใภ้สกุลเซินก็มาด้วยเช่นกัน นางเป็คนแรกที่ก้าวออกมาประณามทั้งน้ำตา “เขาถูกทำร้ายแน่ ก่อนหน้านี้ร่างกายของเขาแข็งแรงมาตลอด แต่เมื่อวานหลังกลับเรือนไป จู่ๆ ก็ล้มป่วย จนถึงบัดนี้ยังนอนซมอยู่บนเตียง! เมิ่งอู่ เหล่าเซินช่วยสร้างเรือนให้เ้ามาโดยตลอด เหตุใดเ้าถึงต้องทำร้ายเขา!”