ตอนที่ 53 เธอคือต้นกล้าของระดับปริญญาตรีชั้นนำ[1]
เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมพร้อมจิตใจไว้นานแล้ว จึงไม่ใเท่าไรนักทว่าย่อมยินดีเป็ธรรมดา
เหล่าวังแนะนำตัวเรียบร้อย ก็แนะนำอาจารย์ฉีให้เธอรู้จักด้วยเฉินชิ่งเป็นักเรียนเรียนซ้ำ พวกอาจารย์ไม่อยากรบกวนเวลาเขานานเกินไปจึงไม่ได้ให้เขามาเมืองซางตูด้วย
จูฟ่างกับมารดามองหน้ากันไปมาด้วยความฉงน มารดาจูฟ่างยังไม่เข้าใจเธอไม่คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะสามารถสอบมหาวิทยาลัยได้ เด็กคนนี้มองปราดเดียวไม่เหมือนคนที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนมีหน้าตาเช่นนี้ ชายหนุ่มที่พร้อมถวายชีวิตดูแลมีอยู่เยอะแยะไปหมด จิตใจไขว้เขวได้ง่ายดายยังสอบมหาวิทยาลัยได้อีกหรือ?
“เซี่ยนอีจงของที่ไหน?”
เหล่าวังกำลังยินดีปรีดา จึงกะพรวดกะพราดตอบไป “อันชิ่งเซี่ยนอีจง!”
มารดาจูฟ่างเบะปาก เพราะรู้สึกว่าคนพวกนี้ช่างอวดดีเหลือเกินเธอรู้จักเขตอันชิ่ง ไม่ได้เป็เขตของเมืองซางตู แต่อยู่ในเมืองเฟิ่งเสียน
คนเมืองในมณฑลยากจะเลี่ยงทัศนคติว่าตนเหนือกว่าคนอื่นอีกทั้งมารดาจูฟ่างเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานขัดหูขัดตาการใช้วาจาจึงทำให้คนอื่นขุ่นเคืองไปบ้าง “อันชิ่งเซี่ยนอีจง? โรงเรียนพวกคุณมีคนสอบติดมหาวิทยาลัยหรือ? โรงเรียนในที่เล็กๆ ก็...”
เหล่าวังยังนึกว่าสตรีผู้นี้เป็คนรู้จักของเซี่ยเสี่ยวหลาน เป็ผู้ใหญ่ของนักเรียนที่แค่พิจารณาถึงอนาคตของเด็กๆแสดงออกแย่ไปหน่อยก็ไม่มีอะไร
“ปีนี้สอบได้ระดับปริญญา 8 คน นักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ต้นอ่อนที่คุณภาพดี คุณรู้ไหมว่าเธอทำข้อสอบของโรงเรียนได้คะแนนเท่าไร? ได้ตั้ง 446 คะแนน!”
ภาษาจีน 65 คะแนน ภาษาอังกฤษ 100 คะแนน คณิตศาสตร์ 89 คะแนน รัฐศาสตร์ 32 คะแนน ฟิสิกส์ 56 คะแนน เคมี 76 คะแนนและชีววิทยา 28 คะแนน
เหล่าวังจดจำคะแนนแต่ละวิชาของเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างชัดเจนแม่นยำ
จะไม่ชัดเจนได้หรือ?
โรงเรียนรับนักเรียนซ้ำและนักเรียนเรียนกลางภาคที่สอบผ่าน 350 คะแนน สำหรับ 350 คะแนนนี้คือคะแนนขั้นต่ำในการรับคนเข้าเรียน ‘ต้าจงจวน’ ประจำมณฑลอวี้หนานของปีนี้จงจวนในยุค 80 แบ่งเป็สองประเภทหนึ่งคือจบการศึกษามัธยมต้นไปสอบจงจวนต้องเรียนสี่ปี เรียกว่าเสี่ยวจงจวนสองคือนักเรียนมัธยมปลายเข้าเรียนด้วยการสอบเกาเข่าต้องเรียนสองปีเรียกว่าต้าจงจวน
เรียนต้าจงจวนสองปีจนจบการศึกษา รัฐก็จะจัดสรรอาชีพให้
เกาเข่ารับเข้าเรียนสี่ระดับคือ ‘มหาวิทยาลัยชั้นนำ มหาวิทยาลัยทั่วไป วิทยาลัยเฉพาะทางอาชีวศึกษาหรือต้าจงจวน’ แม้ลำดับสี่คือผลลัพธ์ที่ด้อยที่สุดแต่อย่างน้อยก็มีให้เรียน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ 350 คะแนน แต่เป็ 446 คะแนนเชียวนะ!
เหล่าวังคิดว่าควรอธิบายให้ครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจ
“ปีนี้คะแนนรับเข้าเรียนขั้นต่ำสายวิทย์ของมณฑลอวี้หนานคือ 441 คะแนน การทดสอบครั้งนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานคงยังเทียบเกาเข่าไม่ได้แต่จริงๆ ความยากก็ไม่ต่างอะไรกัน... หลายวิชาของเธอสามารถพัฒนาได้อีกตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตอนนี้ ไม่แน่ว่าปีหน้าอาจสอบติดปริญญาตรีชั้นนำได้เลย!”
คะแนนรับเข้าเรียนขั้นต่ำของปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำและมหาวิทยาลัยทั่วไปห่างกันประมาณ 20 คะแนน
แน่นอนว่าเกินปริญญาตรีชั้นนำขึ้นไปก็มีมหาวิทยาลัยชื่อดังคะแนนรับเข้าเป็เพียงคะแนนพื้นฐานที่สุด อย่างเกาเข่าของปีนี้คะแนนรับเข้าขั้นต่ำของปริญญาตรีชั้นนำในมณฑลอวี้หนานคือ 465 คะแนนแต่สำหรับมหาวิทยาลัยอย่างหัวชิงหรือจิงต้าต้องเพิ่มคะแนนในเกณฑ์ปริญญาตรีชั้นนำของมณฑลอวี้หนานไปอีก 100 คะแนนเหล่าวังก็ไม่คาดหวังเกินตัวให้เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังแต่หากพัฒนาผลการเรียนวิชาภาษาจีนและรัฐศาสตร์ของเธอแล้วความหวังในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำสักแห่งจะเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว!
เหล่าวังสาธยายรายละเอียดจุกจิกจนแจ่มแจ้งไม่เพียงตั้งใจพูดให้มารดาจูฟ่างฟังเท่านั้น หลักๆ คือเพื่อบอกกับหลิวหย่งที่ฟังอยู่ด้วย
ระหว่างทางที่มาซางตูเหล่าวังและอาจารย์ฉีได้ถามไถ่สถานการณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานจนเกือบครบถ้วนเมื่อรับรู้ว่าทุกวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานพึ่งพาหลิวหย่งผู้เป็ลุงในการใช้ชีวิตจึงกลัวหลิวหย่งไม่ยินดีส่งเสียเซี่ยเสี่ยวหลานให้เรียนหนังสือ—ต้นกล้าผู้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำก็อย่าเพิ่งโดนตัดความหวังไปเลย
มารดาจูฟ่างแสยะยิ้มเล็กน้อย
สายตาของเธอกวาดมองคนเหล่านี้ไปมาความกังขาคือเซี่ยเสี่ยวหลานเชิญคนมาแสดงละคร
เซี่ยเสี่ยวหลานจะมีอารมณ์ถือโทษคนนอกที่ไหนเธอก็อยากสอบถามสถานการณ์ของเซี่ยนอีจงให้เป็รูปธรรมยิ่งขึ้นเหมือนกัน
ทั้งสามคนห้อมล้อมเซี่ยเสี่ยวหลานพร้อมจากไป จูฟ่างอ้าปากทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จริงหรือ?
ฟังดูแล้วเหมือนคะแนนจะไม่เลว?
จูฟ่างหลงใหลในความงามของเซี่ยเสี่ยวหลาน ในใจมีความนิยมชมชอบให้และไม่รังเกียจว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีภูมิลำเนาเป็ชนบทกับจบการศึกษาแค่มัธยมต้น
แต่ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยได้แล้วเล่า?
จูฟ่างมิใช่น้อยเนื้อต่ำใจเขาเพียงแต่รู้สึกว่าความเป็ไปได้ระหว่างตัวเองกับเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นหดเล็กลงจนกลายเป็ค่าอนันต์แล้ว
อาจารย์จากโรงเรียนบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถสอบติดปริญญาตรีชั้นนำได้—ปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลังจบการศึกษาแล้วรัฐจะจัดสรรงานแบบไหนให้กัน? เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่ชายตาแลคนจัดซื้อของภัตตาคารธรรมดาๆ หรอก! ไม่แน่ว่าเธออาจถูกย้ายไปทำงานต่างถิ่น ไม่กลับมาเมืองซางตูอีกเลยก็ได้
จูฟ่างโดนข่าวนี้โจมตีเสียจนกระอัก ลำคอที่หยิ่งผยองน้อยๆ ก็ตกลงในบัดดล
มารดาของเขายังคงรั้น “มหาวิทยาลัยสอบง่ายขนาดนั้นหรือ? คอยดูต่อไปให้ดีเถอะ!”
ทว่าหากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จริง ย่อมถือว่าหลุดจากชนบทก็พอมีคุณสมบัติเป็สะใภ้ตระกูลจูแล้ว
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบได้ไหม?
โรงเรียนมัธยมประจำเขตระดับห่วยแตกอย่างอันชิ่งนั่นจำนวนคนสอบติดมหาวิทยาลัยทุกปีใช้มือเดียวนับยังได้
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งปลาไหลเรียบร้อย และจะนำกากน้ำมันกลับไปด้วย
เื่น่าปลื้มปีติที่เหล่าวังและอาจารย์ฉีนำมาส่งก็ไม่อาจทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไปพร้อมจักรยานที่ว่างเปล่าได้เมื่อได้ยินว่าเดินทางหนึ่งรอบเธอจะขนกากน้ำมันสามสี่ร้อยชั่งกลับหมู่บ้านเพื่อไปขายอาจารย์ฉีใช้สายตาที่ไม่เห็นด้วยมองหลิวหย่ง
“เรียนมหาวิทยาลัยไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนทุกเดือนยังรับเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ด้วย แค่ส่งเสียเธอหนึ่งปีปีหน้านักเรียนเซี่ยต้องสอบติดมหาวิทยาลัยแน่นอน!”
เงื่อนไขชีวิตของชนบทไม่ดีอยู่แล้ว
หลิวหย่งเป็เพียงลุงไม่ใช่บิดาบังเกิดเกล้าอาจารย์ฉีเกรงว่าหลิวหย่งจะไม่อนุญาตให้เซี่ยเสี่ยวหลานเรียนหนังสือต่อไป
หนึ่งต้นอ่อนอนาคตไกลถึงปริญญาตรีชั้นนำ โรงเรียนสามารถเว้นค่าเล่าเรียนให้ได้แต่ค่าใช้จ่ายทั่วไปต้องออกด้วยตนเอง เงินเท่านี้สำหรับคนชนบทแล้วก็ไม่น้อยเลย...ทว่าหากกัดฟันส่งเสียสักปี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือทั้งชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลานเลยนะ!
“อาจารย์ฉี ผมรักและเอ็นดูเสี่ยวหลานเหมือนลูกสาวตัวเอง ในเมื่อเธอมีคะแนนดีเช่นนี้ย่อมต้องให้เรียนต่อไปแน่นอน”
หลิวหย่งคิดในใจ อาจารย์ก็สบประมาทกันเกินไปแล้วอย่าว่าแต่ส่งเสียหนึ่งปี ขอเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานยินดีสอบ เขาก็ส่งเสียให้ตลอดรอดฝั่งได้! หลิวหย่งยังคงอยู่ในอาการปลาบปลื้มพอเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าจะร่วมสอบเกาเข่าปีหน้าสิ่งที่ครอบครัว้าคือให้เธอเริ่มเรียนั้แ่มัธยมปลายปีหนึ่งไม่เช่นนั้นหลิวหย่งคงไม่รีบย้ายทะเบียนบ้านของเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินออกมาจากหมู่บ้านต้าเหอหรอก
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมอบความตื่นเต้นที่น่ายินดีให้กับหลิวหย่ง
ไม่ต้องเริ่มเรียนั้แ่มัธยมปลายปีหนึ่ง!
อาจารย์จากเซี่ยนอีจงกล่าวว่าความก้าวหน้าด้านการเรียนของเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถสอบเกาเข่าในปีหน้าได้!
มหาวิทยาลัยชั้นนำต้องยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้วต่อให้เป็เพียงปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยทั่วไป แต่นั่นก็นับว่าเป็นักศึกษาโดยแท้จริงเช่นกันหลิวหย่งตื่นเต้นเสียจนไม่รู้จะพูดอะไร อาจารย์ทั้งสองไปยังหมู่บ้านชีจิ่งทั้งยังรีบมาถึงเมืองซางตู คงมิใช่เพราะว่างเกินไปเป็แน่ แต่เป็เพราะให้ความสำคัญต่อเสี่ยวหลาน
เสี่ยวหลานวิ่งวุ่นไปรับของจากโรงงานสกัดน้ำมันพวกหลิวหย่งสามคนรออยู่นอกโรงงาน
เหล่าวังรู้สึกว่านักเรียนหญิงผู้นี้ชีวิตช่างไม่ง่ายเลย “เธอมาซางตูเองทุกวันหรือ?”
ธุรกิจอิสระสินะ
สำหรับค่านิยมในตอนนี้ คนงานทรงเกียรติที่สุด ย่อมเป็พนักงานรัฐที่มีหน้ามีตาที่สุดธุรกิจส่วนตัวไม่ได้รับความชื่นชอบเท่าไรนัก การเร่ค้าขายของน่าอายขนาดไหนกัน?
หากเซี่ยเสี่ยวหลานมีทางเลือก จะทำธุรกิจอิสระไปทำไมเห็นเธอทำธุรกิจโดยติดต่อกับปลาไหลเหม็นคาวและกากน้ำมันสกปรก เด็กคนนี้น่าสงสารยิ่งนักที่ยากกว่าคือแม้อยู่ในสภาพเช่นนี้หลังเซี่ยเสี่ยวหลานจบมัธยมต้นยังคงยืนหยัดเล่าเรียนด้วยตนเอง...เหล่าวังและอาจารย์ฉีซาบซึ้งด้วยภาพลักษณ์ที่ในสมองแต่งเติมขึ้นมาเองเสียแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานขนกากน้ำมันออกมา เหล่าวังจึงให้กำลังใจเธอ
“พรุ่งนี้เธอก็ไปรายงานตัวที่โรงเรียนมัธยมปลายปีสามไม่มีปิดภาคเรียนรีบเข้าเรียนจะได้ทบทวนได้อย่างมีประสิทธิภาพเร็วขึ้น”
ต้นกล้าที่มีคุณภาพขนาดนี้ จะมัวเสียเวลาไม่ได้
เหล่าวังทบทวนดูแล้วก็กล่าวเพิ่มอีกสักประโยค
“เื่ค่าเล่าเรียนเธอไม่ต้องกังวล ฉันรับผิดชอบแทนเธอเอง”
เซี่ยเสี่ยวหลานััได้ถึงความใส่ใจของเหล่าวังเื่ผ่านการสอบเข้าเรียนระหว่างภาคของเซี่ยนอีจงอยู่ในการคาดการณ์ของเธอแต่ไปเป็นักเรียนผู้น่ารักถึงเซี่ยนอีจง? สิ่งนี้มิได้อยู่ในแผนของเธอด้วย
“ครูวัง ครูฉี เดิมทีหนูคิดว่าถึงโรงเรียนแล้วค่อยวางแผนกัน แต่คุณครูทั้งสองคนเป็ห่วงหนูแบบนี้หนูก็อยากบอกความคิดของตัวเองล่วงหน้า ครูคงเห็นสถานะของครอบครัวหนูแล้ว หนูสัญญาว่าจะเข้าร่วมการสอบเกาเข่าแน่นอนแต่ในเร็วๆ นี้อาจจะไม่ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนค่ะ”
เหล่าวังร้อนรนใจมากหลิวหย่งเองคิ้วย่นเสียแทบจะบี้แมลงวันให้ตายได้
“หลานพูดอะไรไร้สาระ ตั้งใจไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนเสียเื่อื่นมีลุงคอยจัดการอยู่ หลานยังต้องกังวลอะไรอีก?”
เชิงอรรถ
[1]重本 ปริญญาตรีชั้นนำมาจากระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและมาตรฐานได้รับการยอมรับโดยกว้างขวาง