เหยาเชียนเชียนผล็อยหลับไปโดยมีแมวดำอยู่ในอ้อมกอด ทว่าเมื่อนางรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลับเห็นใบหน้าเล็กสีชมพูระเรื่อกำลังพิงอยู่ข้างเตียงและส่งยิ้มหวานมาให้นาง
“อาเหยียน!” เหยาเชียนเชียนดีดตัวลุกพรวดขึ้นมา และถลาเข้าไปด้วยความตื่นเต้น “เป็เ้าจริงๆ ด้วย เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เด็กน้อยกอดผู้เป็แม่และคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนของนาง
“เมื่อคืนท่านพ่อสั่งให้คนมาส่งอาเหยียนขอรับ ท่านพ่อบอกว่าตอนกลางคืนจะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ดังนั้นอาเหยียนจึงมาถึงที่นี่ั้แ่เช้าแล้ว”
เขาเร่งเดินทางมากลางดึก เหยาเชียนเชียนทั้งรู้สึกซาบซึ้งและเจ็บใจ นางรีบขยับตัวเข้าไปข้างใน
“ท่านอ๋องเล่า ท่านอ๋องเสด็จมาพร้อมกับอาเหยียนด้วยหรือไม่?”
อาเหยียนส่ายหน้า เขาไม่สามารถบอกได้ว่าท่านพ่อหายตัวไปั้แ่เมื่อคืนแล้ว เด็กน้อยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่าเป่ยเหลียนโม่จะไม่กลับมาสักระยะ เนื่องจากต้องไปสืบสวนเื่นี้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงให้อาเหยียนมาอยู่เป็เพื่อนนาง
เหยาเชียนเชียนเม้มปาก ในใจนางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงยามที่ชิงผิงอ๋องร้องขอความเมตตาต่อพระพักตร์ฮ่องเต้เพื่อนาง และยามนี้ยังต้องเร่งสืบหาความจริงเพื่อนางอีก หากเขายังวิ่งวุ่นไปมาเช่นนี้ ร่างกายเขาจะต้องทนไม่ไหวเป็แน่
“เหนื่อยแย่เลยสิ ยังง่วงอยู่หรือไม่ ให้แม่กอดอาเหยียนแล้วนอนต่ออีกสักครู่ดีหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนคลำหาแมวดำโดยไม่รู้ตัว ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเผลอไปทับมันเข้าโดยไม่ระวัง ทว่าคลำหาเท่าไรก็ไม่เจอ นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หรือว่าเมื่อคืนนางฝันไปหรือ?
ขนสีดำสองเส้นร่วงอยู่ข้างหมอน เหยาเชียนเชียนผ่อนลมหายใจออกมา ยังดีที่นางไม่ได้ฝันไป ไม่เช่นนั้นนางคงได้ดีใจเก้อแล้วจริงๆ
“เมื่อคืนเสี่ยวไกวไกวก็อยู่ที่นี่ เพียงแต่มันวิ่งหนีหายไปที่ใดั้แ่เช้าตรู่ก็ไม่รู้” เหยาเชียนเชียนมุดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มและเอ่ยกล่อมอาเหยียนด้วยเสียงอันแ่เบาว่า “แม่เล่านิทานให้เ้าฟังดีหรือไม่?”
เขาเร่งเดินทางมาตลอดทั้งคืน แถมยังเฝ้านางอยู่ข้างเตียงอีกตั้งนาน ยามนี้ได้พูดคุยกับนางแล้ว ในที่สุดอาเหยียนก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจเสียที
“เช่นนั้นฟัง...นิทานลูกแมวสามตัวสร้างบ้าน...”
กลิ่นหอมลอยตลบอบอวล เป่ยเซวียนเฉิงนั่งอยู่กลางห้อง อวี๋เฟยสูญเสียบุตร ทุกคนในราชสำนักล้วนทราบกันดี ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนใคือคนร้าย ไม่คิดเลยว่าพระชายาของชิงผิงอ๋องผู้ซึ่งในยามปกติดูท่าทางอ่อนแอ แต่ลับหลังกลับโเี้และใจกล้าเช่นนี้
“เชียนเชียนถูกถอดยศปลดเป็สามัญชนแล้ว ทว่าคนพวกนั้นคล้ายกับยังไม่พอใจ พวกเขาเข้าไปพบเสด็จพ่อทีละคนเพื่อ้าให้เสด็จพ่อปะาชีวิตนาง”
เป่ยเซวียนเฉิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปยังอวี๋เฟยซึ่งนั่งตัวตรงเป็สง่าอยู่บนบัลลังก์
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็แผนของเสด็จแม่ใช่หรือไม่ คนพวกนั้นถึงได้ยืนกรานเช่นนั้น พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเสด็จแม่ และหมายจะสังหารเชียนเชียน”
อวี๋เฟยจิบชาร้อนอึกหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา
บุตรชายของนางผู้นี้ช่างไม่เอาไหน ก่อนหน้านี้เขามักจะขัดแย้งกับเป่ยเหลียนโม่อยู่เสมอ ทว่ายามนี้กลับยอมยืนอยู่ข้างเดียวกับชิงผิงอ๋องเพราะสตรีเพียงคนเดียว และรีบวิ่งมาซักไซ้นางั้แ่เช้าตรู่
“เพราะเหตุใดกัน เหยาเชียนเชียนทำร้ายแม่ของเ้า รวมถึงลูกในครรภ์ของเปิ่นกงด้วย เ้าไม่เห็นแก่แม่และน้องชายของเ้า แต่กลับไปปกป้องฆาตกรแทนเสียได้ ในใจของเ้า แม่และน้องชายมีความสำคัญสู้คนนอกไม่ได้เลยหรือ?”
เป่ยเซวียนเฉิงหัวเราะอย่างเ็า เขารู้จักเหยาเชียนเชียนดี แม้ว่ายามนี้พวกเขาทั้งคู่จะห่างกันแล้ว แต่นางไม่มีทางทำเื่เช่นนั้นได้ลงคออย่างแน่นอน เดิมทีเขาสงสัยว่าเหยาเชียนเชียนถูกบงการโดยเป่ยเหลียนโม่ ดังนั้นจึงไม่อยากให้เด็กคนนี้ได้คลอดออกมา
ทว่าเมื่อดูจากท่าทางของเป่ยเหลียนโม่ในยามนี้แล้ว ความโศกเศร้าและความขุ่นเคืองในแววตาของเขาไม่ใช่การเสแสร้ง เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นเหยาเชียนเชียนก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะทำเื่ที่ร้ายแรงถึงชีวิตเช่นนี้
“เชียนเชียนมีนิสัยอ่อนโยน หากจะสั่งให้นางไปทำร้ายเสด็จแม่และลูกในครรภ์ นางไม่มีทางรับปากอย่างแน่นอน”
อวี๋เฟยบีบจอกน้ำชาในมือจนแตก ทำให้ลูกกระวานซึ่งถูกย้อมเป็สีแดงเกือบจะกระเด็นไปโดนหน้าผากของชายหนุ่ม
“เปิ่นกงว่าเ้าคงถูกนางมอมเมาจนหูตามืดบอดไปเสียแล้ว นางทรยศไปอยู่ฝั่งเป่ยเหลียนโม่นานแล้ว มีเพียงเ้าที่ยังคงยึดติดอยู่กับอดีต นางได้เป็ชายาของชิงผิงอ๋องหน้าระรื่นและทิ้งอดีตที่มีร่วมกับเ้าไปตั้งนานแล้ว เมื่อไรเ้าจะมองได้กระจ่างเสียที!”
นางผ่อนลมหายใจและกล่าวต่อว่า “ยามนี้ลูกของแม่เ้าถูกนางทำร้าย แต่เ้ากลับยังช่วยนางแก้ต่างด้วยคำกล่าวอันน่าเชื่อถือนั้น เ้าอยากให้แม่ของเ้าโกรธเคืองจนตายเลยหรืออย่างไร?”
เป่ยเซวียนเฉิงคุกเข่าอยู่กลางห้องและกล่าวเพียงว่ามิกล้า เขาก้มหน้าลง ในเมื่อเป่ยเหลียนโม่ไม่ได้เป็ผู้บงการเื่นี้ เช่นนั้นเหยาเชียนเชียนจะต้องถูกใส่ร้ายอย่างแน่นอน เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับบุตรชายมาโดยตลอด พระองค์จึงไม่มีทางจัดฉากทำร้ายเสด็จแม่เพียงเพราะไม่โปรดปรานเหยาเชียนเชียน
เช่นนั้นแล้วยังมีผู้ใดอีกเล่า นอกจากคนเหล่านี้แล้วยังมีผู้ใดหมายจะสังหารนางอีก?
“เปิ่นกงไม่เคยอยู่เหนือกว่าอดีตฮองเฮาได้เลย นับั้แ่เปิ่นกงเข้าวังมานางก็เป็ฮองเฮาแล้ว บุตรชายของนางก็ยังได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่เพราะเ้าคลอดก่อนกำหนด ร่างกายจึงไม่แข็งแรงทำให้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้”
อวี๋เฟยกล่าวอย่างโกรธเคือง “สิ่งเหล่านี้เปิ่นกงยอมรับได้แล้ว ถึงอย่างไรนางก็เป็อดีตฮองเฮา แต่ผ่านมาหลายปี อีกทั้งนางก็ตายจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าเปิ่นกงก็ยังคงเทียบเคียงคนตายไม่ได้ เื่นี้จะให้เปิ่นกงกล้ำกลืนความโกรธลงไปได้อย่างไร”
นางเดินลงไปประคองเป่ยเซวียนเฉิงขึ้น ใบหน้าของนางเศร้าหมองและดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มีต่อเขา
“เ้าคือความหวังทั้งหมดของแม่ แม่ฝากฝังทุกอย่างไว้กับเ้า เด็กดี อย่าทำให้แม่ผิดหวัง แค่สตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น เ้าอยากได้สิ่งใดแม่สามารถให้เ้าได้ทุกสิ่ง หากเป่ยเหลียนโม่ผู้นั้นโปรดปรานก็ให้เขาเอาไป เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เสด็จพ่อของเ้ากริ้วไม่น้อย โดยที่สตรีผู้นั้นเป็คนก่อความวุ่นวาย เ้าอย่าได้เข้าไปพัวพันด้วยเลย”
เป่ยเซวียนเฉิงหลับตาลง เพียงเพื่อตำแหน่งบนจุดสูงสุดนั้น เขาเสียสละมามากเกินไปแล้ว ยามนี้แม้แต่เหยาเชียนเชียนเขาก็ต้องยอมยกให้เป่ยเหลียนโม่ไป
เขายิ้มเศร้าและแจ้งต่ออวี๋เฟยว่าวันนี้ในราชสำนัก เป่ยเหลียนโม่ขอลาราชการต่อหน้าธารกำนัล และกล่าวว่าหวังเฟยของเขาประสบความยากลำบาก เขาเป็ทุกข์อย่างยิ่งจนไม่สบาย และจะไม่เข้าเฝ้าว่าราชการตอนเช้าใน่สองสามวันนี้
ชั่วขณะนั้น เขากระทั่งรู้สึกอิจฉาและเลื่อมใสเป่ยเหลียนโม่ ถ้าทุกอย่างราบรื่น คนที่ได้ยืนเคียงข้างเหยาเชียนเชียนก็ควรจะเป็เขาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวไปพร้อมนาง และคนที่ได้ประคับประคองนางก็ควรจะเป็เขาเช่นกัน
และจะไม่มีเป่ยเหลียนโม่ผู้นั้นั้แ่แรก
“เสด็จแม่ ท่านบอกลูกตามตรงเถิดว่าเื่นี้เป็อย่างไรกันแน่ ท่านระมัดระวังและรอบคอบมาตลอด กว่าท่านจะมีครรภ์ได้นั้นไม่ง่ายเลย เหตุใดจึงไม่ระวังตัว ท่านต้องมาเสียลูกไปเพียงเพราะยาบำรุงครรภ์เพียงชามเดียว ข้าหลวงที่ตรวจสอบยาแม้แต่ดอกยี่โถขาวก็ยังแยกแยะไม่ออกหรือ?”
อวี๋เฟยสะบัดมือของเขาออก แยกแยะได้หรือไม่ได้แล้วอย่างไร นางหัวเราะเย้ยหยัน
“ด้วยเพราะรีบร้อนไปยังสุสานหลวง เปิ่นกงจึงไม่ได้พาข้าหลวงที่ช่วยตรวจสอบยาไปด้วย กอปรกับไม่คาดคิดว่าเหยาเชียนเชียนจะมีจิตใจโเี้เช่นนี้”
เป่ยเซวียนเฉิงขมวดคิ้วมุ่นและเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ นาง ดวงตาฉายแววดุดัน
“เสด็จพ่อทรงรักเสด็จแม่เป็อย่างยิ่ง ข้าหลวงเพียงคนเดียวเหตุใดจะจัดเตรียมได้ไม่ทันเวลา ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็เื่ที่เกี่ยวเนื่องกับองค์ชาย แม้ว่าจะต้องมีผู้ใดสูญเสียบางสิ่งไปก็ไม่อาจปล่อยให้เสด็จแม่รู้สึกคับข้องใจได้”
อวี๋เฟยถลึงตามองบุตรชายตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ นางไม่เคยเห็นเขาใช้แววตาดุดันเช่นนี้มองมาที่นางเลยสักครั้ง เขามองราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่มารดาของเขา แต่เป็เพียงคนแปลกหน้าธรรมดาทั่วไป
“ทำไม ยามนี้เ้าจะทำอย่างไรได้? เพื่อสตรีนางนั้น เ้าจะไปแจ้งเสด็จพ่อของเ้าว่าแม่ทำร้ายองค์ชาย และขอให้เสด็จพ่อของเ้าปะาเปิ่นกงหรือ?”
เป่ยเซวียนเฉิงกำมือแน่น เขาหลับตาลงเพื่อซ่อนความเ็ปในนั้น ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
“เป็ฝีมือของท่านจริงๆ ด้วย”
อวี๋เฟยเหวี่ยงฝ่ามือตบลงไปครั้งหนึ่ง ถึงขั้นที่ข้อมือของนางเจ็บแปลบ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง และใบหน้าก็เปลี่ยนเป็สีเขียวด้วยความโกรธ
“ต่อให้เป็ฝีมือของเปิ่นกงแล้วอย่างไรเล่า เหยาเชียนเชียนทำให้เปิ่นกงสูญเสียยศสนมไป และเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้เกียรติของเปิ่นกงสูญสิ้นไปจนหมด อีกทั้งยังสมคบคิดกับเป่ยเหลียนโม่เพื่อต่อต้านเ้าอีก เปิ่นกงจะเฉือนใจนางทั้งเป็ก็ยังได้ เพียงแค่ถอดยศปลดเป็สามัญชนและเนรเทศไปอยู่นอกนครหลวงยังน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”
เป่ยเซวียนเฉิงเหวี่ยงมือปัดโต๊ะออกไป ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นเืและมองไปที่อวี๋เฟยอย่างดุดัน
“หากเชียนเชียนต้องมาตายเพราะท่านจริงๆ เช่นนั้นเกียรติของเสด็จแม่ที่มาจากการเป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้เกรงว่าคงต้องสูญสิ้นไป”
อวี๋เฟยพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความตระหนก “นี่เ้า...เ้าข่มขู่เปิ่นกงเพื่อนางหรือ?”
เป่ยเซวียนเฉิงขมวดคิ้วมุ่น เดิมทีร่างกายของเขาก็ผอมบางอยู่แล้ว ยามนี้เมื่อเขามองนางด้วยแววตามืดมนและเย็นเยือก ถึงแม้อวี๋เฟยจะเป็มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาก็จำต้องก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างห้ามไม่ได้
“เสด็จแม่คิดว่าหากเหยาเชียนเชียนตายไปสักคนแล้วจะทำให้ท่านคลายความโกรธแค้นได้ และเื่เหล่านี้ก็จะสลายหายไปตามสายลมอย่างนั้นหรือ?”
เป่ยเซวียนเฉิงหัวเราะเย้ยหยัน ทว่าในดวงตากลับไม่ปรากฏแววขบขันแม้แต่น้อย
“ยามนี้เป่ยเหลียนโม่ดีต่อนางมาก เขามีองครักษ์เงาใต้บัญชามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีวรยุทธที่ยอดเยี่ยม หากเขา้าจะตรวจสอบสิ่งใดมีหรือจะตรวจสอบไม่พบ เสด็จแม่คิดว่าตนลงมือได้อย่างแเีไร้ที่ติ ทว่าท่านยั่วโทสะของเป่ยเหลียนโม่เข้าแล้วจริงๆ หากเขาคลั่งขึ้นมา เสด็จแม่กล้าพูดหรือไม่ว่าท่านจะสามารถถอนตัวออกมาได้?”
อวี๋เฟยบีบฝ่ามือฝืนทำเป็ไม่สะทกสะท้าน ไม่มีทาง แค่เหยาเชียนเชียนเพียงคนเดียว เป่ยเหลียนโม่ทำได้เพียงก่อกวนไม่กี่วันเท่านั้น เขาไม่มีทางกัดนางไม่ปล่อยเพียงเพราะเหยาเชียนเชียนอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่นางทำลงไปนับว่าแเีไร้ที่ติ นางบอกเป่ยเซวียนเฉิงว่านอกจากแม่นมเฒ่าที่อยู่ข้างกายนางก็ไม่มีบุคคลที่สามทราบเื่นี้
“แม่นมหลี่เป็แม่นมของเปิ่นกง นางปรนนิบัติอยู่ข้างกายเปิ่นกงมาั้แ่เล็ก นางมีความภักดีอย่างยิ่ง ไม่มีทางหักหลังเปิ่นกงอย่างแน่นอน”
อวี๋เฟยกล่าวพลางทำให้ตัวเองสงบใจลง ก่อนจะกล่าวกลั้วหัวเราะเสียงเย็นว่า “หากเป่ยเหลียนโม่อยากสืบก็ให้เขาสืบไปเถิด แต่เขาจะสืบไม่พบสิ่งใดทั้งนั้น ถึงแม้เขาจะไปพบกับแม่นมหลี่ก็จะสอบถามไม่ได้ความ เปิ่นกงไม่กลัวเขา”
นางมองไปยังเป่ยเซวียนเฉิงอย่างเ็า นางไม่กลัวหากเป่ยเหลียนโม่จะตามสืบ ถึงอย่างไรเขาก็สืบไม่พบสิ่งใดอยู่ดี ในตำหนักของนางไร้ซึ่งร่องรอยของดอกยี่โถขาว ด้วยเพราะถูกแม่นมหลี่เผาทำลายไปจนสิ้นซากตั้งนานแล้ว
ตราบใดที่พวกเขาไม่พูดก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวนางได้ ทว่ายามนี้กลับเป็บุตรชายผู้นี้ที่ทำให้นางวางใจไม่ลง ดูเหมือนว่าเหยาเชียนเชียนผู้นั้นจะสำคัญต่อเขาไม่น้อย และสำคัญมากกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
“เ้ากลับไปเถิด” นางโบกมือ “เปิ่นกงเหนื่อยแล้ว ปล่อยให้เป่ยเหลียนโม่ดิ้นรนกับเื่นี้ไปเถิด แม้แต่เขาเองก็จะดิ้นรนไปโดยเปล่าประโยชน์ ตราบใดที่เ้าไม่จงใจเปิดโปงมารดาของเ้าเอง คนร้ายของเหตุการณ์นี้ก็จะเป็เหยาเชียนเชียนเท่านั้น”
เป่ยเซวียนเฉิงมองนางอย่างลึกซึ้งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะคารวะและขอตัวลา
เขาไม่สามารถเปิดโปงมารดาของตัวเองต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ได้ สังหารองค์ชายและใส่ร้ายหวังเฟย โทษเหล่านี้เป็โทษที่ไม่อาจผ่อนผันได้ เขาไม่ควรและไม่อาจทำเช่นนั้นเพื่อเหยาเชียนเชียนเพียงคนเดียวได้จริงๆ
ทว่าเหตุใดในใจของเขาถึงได้เป็ทุกข์เพียงนี้ สิ่งที่เสด็จแม่กล่าวนั้นถูกต้อง นางเป็เพียงหมากตัวหนึ่งของเขาเท่านั้น
เป่ยเซวียนเฉิงพิงเสาหินและหายใจหอบเบาๆ เมื่อครู่ที่เขาโกรธเสด็จแม่ถึงเพียงนั้นก็นับว่าไม่สมควรแล้ว ‘ยอมสละทุกอย่างเพื่อบรรลุการใหญ่’ นี่เป็คำที่เสด็จแม่สั่งสอนเขามาั้แ่เด็ก เขาควรจำไว้ให้มั่นถึงจะถูก
“เช่อเฟยเหนียงเหนี่ยง พระองค์จะไม่เข้าไปดูสักหน่อยหรือเพคะ?” สาวใช้เอ่ยถาม “บ่าวเห็นว่าองค์ชายดูท่าจะไม่ค่อยสบายนะเพคะ”
ซ่งอีอียิ้มเย็น เขาต้องไม่สบายแน่นอนอยู่แล้ว และในอนาคตจะยิ่งไม่สบายมากกว่านี้อีก
“เตรียมรถม้า เปิ่นเช่อเฟยจะออกไปข้างนอกสักหน่อย มีคนเป็ทุกข์แล้วเช่นนั้นก็ต้องมีคนมีความสุข”
