ตอนที่ 6 หยกัเื
เมื่อโน้ตตัวสุดท้ายของเพลง "หงส์แสวงคู่" จางหายไปในอากาศ... ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งลานประลองราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาสะกดทุกสรรพสิ่งไว้ มันคือความเงียบที่หนักอึ้งและเปี่ยมด้วยพลัง ยิ่งกว่าเสียงะโใดๆ
วินาทีต่อมา... เสียงปรบมือก็ะเิขึ้นราวกับพายุถล่ม! มันดังสนั่นหวั่นไหวเสียจนแผ่นดินะเืเลื่อนลั่น! เสียงโห่ร้องแซ่ซ้องสรรเสริญดังกระหึ่มมาจากทุกทิศทาง มันดังกว่าเสียงปรบมือที่โหรวหลันเคยได้รับมาทั้งชีวิตรวมกันเสียอีก!
"์! นั่นคือเสียงพิณที่แท้จริง!"
"ข้าไม่เคยได้ยินบทเพลงที่ไพเราะและะเือารมณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิต!"
"แม่นางหลิว! ท่านคือเทพธิดาแห่งเสียงดนตรีจุติมาเกิด!"
ทุกสายตาที่เคยมองนางด้วยความดูแคลน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ทุกคำนินทาที่เคยเหยียดหยาม บัดนี้กลับกลายเป็คำยกย่องเชิดชู เยว์เอ๋อร์ได้ใช้เสียงพิณของนาง... พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินในใจของคนทั้งเมืองหลัวเฟิง!
โหรวหลันทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง นางตัวสั่นเทาเหมือนลูกนกที่ถูกพายุพัด กระหน่ำพิณผีผาหงส์เพลิงที่เคยเป็ความภาคภูมิใจบัดนี้กลับหนักอึ้งราวกับแท่งเหล็กไร้ค่าในอ้อมแขนของนาง ความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน...ความอัปยศอดสูต่อหน้าประชา ชีนับพัน...มันคือคมดาบที่กรีดเฉือนลงบนความหยิ่งทะนงของนางจนแหลกละเอียด ไม่เหลือชิ้นดี!
"เป็ไปไม่ได้... เป็ไปไม่ได้..." นางพึมพำซ้ำๆ ราวกับคนเสียสติ "เพลงของข้า... เทคนิคของข้า... มันสมบูรณ์แบบ! เหตุใด... เหตุใดจึงต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเสียงพิณ ของนังขอทานนั่น... "
เยว์เอ๋อร์ลุกขึ้นยืน โค้งคำนับให้ฝูงชนที่ยังคงโห่ร้องไม่หยุดอย่างนอบน้อม นางไม่ได้มองไปที่โหรวหลันด้วยสายตาของผู้ชนะ แต่เป็สายตาที่เรียบเฉย... ราวกับว่าการประลองครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงไปแล้วจริงๆ
แต่สำหรับผู้พ่ายแพ้... าเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น!
"เ้าโกง!" โหรวหลันกรีดร้องออกมาสุดเสียง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชัง "เ้าต้องใช้มนต์ดำ! เ้าต้องเป็พวกนอกรีต! เสียงพิณของเ้ามันไม่ใช่ดนตรี แต่มันคืออาคมสามานย์!"
นางลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซ ชี้หน้าเยว์เอ๋อร์ด้วยนิ้วที่สั่นเทา "ข้า... โหรวหลัน... จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้! เ้าจงจำไว้ให้ดี! เื่นี้มันยังไม่จบ! ตราบใดที่ตระกูลโหรวของข้ายังอยู่ในเมืองหลัวเฟิง... เ้าจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุข!"
สิ้นเสียงประกาศกร้าว นางก็หันหลังวิ่งฝ่าฝูงชนไปอย่างทุลักทุเล บ่าวรับใช้รีบเก็บข้าวของวิ่งตามไปอย่างลนลาน ทิ้งไว้เพียงเสียงโห่ไล่หลังและเสียง หัวเราะเยาะเย้ยของชาวเมืองที่ดังก้องไปทั่ว
พายุได้พัดผ่านไปแล้ว... แต่กลับทิ้งร่องรอยของพายุลูกใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมไว้เื้ั
เยว์เอ๋อร์ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน การต่อสู้ครั้งนี้มันสูบฉีดพลังใจของนางไปมากกว่าที่คิด นางก้มลงเก็บกล่องไม้และผ้าปูพื้นของตนเอง ในจังหวะที่ก้มตัวลงนั่นเอง... นางก็เห็นจี้หยกครึ่งัที่ลื่นหลุดออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ กลิ้งไปนอนนิ่งอยู่บนพื้นหินอ่อน
นางรีบคว้ามันกลับมาแนบอกด้วยความโล่งใจ แต่ก่อนที่นางจะได้เก็บมันเข้าที่... เสียงทุ้มๆ แต่เปี่ยมด้วยอำนาจของบุรุษชราผู้หนึ่งก็ดังขึ้นข้างกายนาง
"แม่นางน้อย... โปรดรอก่อน"
เยว์เอ๋อร์หันไปมอง ก็พบกับบุรุษชราผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าั้แ่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ เขาสวมชุดผ้าไหมเรียบๆ สีเทาเข้ม ไม่มีเครื่องประดับใดๆ แต่กลับแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์และน่าเกรงขามออกมาอย่างประหลาด แววตาของเขาคมกริบและล้ำลึกราวกับบ่อน้ำโบราณที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง ข้างกายเขามีองครักษ์ในชุดสีดำสนิทสองคนยืนคุมเชิงอยู่เงียบๆ ราวกับรูปสลักหิน
ฝูงชนที่พยายามจะกรูเข้ามาหานางพลันชะงักและแหวกทางให้โดยอัตโนมัติเมื่อเห็น บุรุษชราผู้นี้ ราวกับว่าทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของเขา
"ท่านผู้เฒ่า... มีธุระอันใดกับข้าหรือเ้าคะ?" เยว์เอ๋อร์ถามอย่างระแวดระวัง
ชายชราไม่ได้ตอบคำถาม แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่จี้หยกในมือนางอย่างไม่วางตา "ของสิ่งนั้น... แม่นางได้มาจากที่ใดรึ?"
หัวใจของเยว์เอ๋อร์กระตุกวูบ! นางกำจี้หยกไว้แน่นขึ้นโดยสัญชาตญาณ "มัน... เป็ของดูต่างหน้าจากบิดาข้าเ้าค่ะ"
"บิดาของเ้ารึ..." ชายชราพึมพำ แววตาของเขายิ่งฉายแววซับซ้อนขึ้นไปอีก "เขา... มีนามว่าอะไร? ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?"
คำถามนั้นจี้ใจดำของนางอย่างจัง เยว์เอ๋อร์มีสีหน้าสลดลง "บิดาข้า... จากไปในาชายแดนเมื่อหลายปีก่อนแล้วเ้าค่ะ"
ชายชรานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง แววตาของเขาฉายแววรวดร้าวออกมาวูบหนึ่งก่อนจะ เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว "ที่นี่ไม่สะดวกจะพูดคุย... ข้ามีนามว่า กงซุนเยว่ เป็เพียงพ่อค้าแก่ๆ ที่ชื่นชอบในเสียงดนตรี" เขายื่นป้ายไม้สลักลายกิเลนให้นาง "หากแม่นางไม่รังเกียจ คืนนี้ยามไฮ่ (21.00-22.59 น.) ข้าขอเชิญแม่นางมาพบที่ห้องส่วนตัวชั้นบนสุดของหอเหมันต์พันจอก... ข้ามีบางเื่ที่สำคัญอย่างยิ่ง... เกี่ยวกับจี้หยกชิ้นนั้น... อยากจะสนทนาด้วย"
พูดจบเขาก็ไม่รอนางตอบรับโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับองครักษ์อย่างเงียบเชียบ หายลับไปในฝูงชน ทิ้งไว้เพียงป้ายไม้เย็นเฉียบในมือของเยว์ เอ๋อร์ และคำถามอีกนับพันที่ก่อตัวขึ้นในใจ
...
เยว์เอ๋อร์กลับเข้ามาในศาลาเสียงกระซิบด้วยจิตใจที่สับสนว้าวุ่น ป้าเหมยและเหล่าเสี่ยวเอ้อร์ต้อนรับนางราวกับวีรบุรุษ แต่เยว์เอ๋อร์ไม่มีกะจิตกะใจจะรับรู้สิ่งใด นางขอตัวขึ้นไปพักผ่อนในห้องเพียงลำพัง
นางทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างหมดแรง ถุงเงินสองร้อยตำลึงวางอยู่ข้างกาย แต่ใจของนางกลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด ชัยชนะ... ชื่อเสียง... การแก้แค้นของโหรวหลัน... และปริศนาจากชายชราที่ชื่อกงซุนเยว่... ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาจนนางแทบตั้งรับไม่ทัน
[ภารกิจพิเศษ: พิณสะท้านปฐี... สำเร็จ!]
[ท่านได้รับรางวัล: ปลดล็อก "หอตำราดนตรี" ระดับเริ่มต้น แต้มบารมี +50]
[แต้มบารมีปัจจุบัน: 50 คะแนน]
[ท่าน้าเข้าสู่หอตำราดนตรีหรือไม่?]
เสียงของระบบดังขึ้นปลุกนางจากภวังค์ "เข้าสู่หอตำรา" นางตอบในใจ
ในห้วงความคิดของนางพลันปรากฏภาพของหอสมุดขนาดมหึมาขึ้น ชั้นหนังสือสูงจรดเพดานทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา บนชั้นวางเต็มไปด้วยม้วนตำราและคัมภีร์มากมาย แต่ส่วนใหญ่ยังเป็สีเทาและถูกล็อกไว้ มีเพียงชั้นวางแรกเท่านั้นที่เปิดเป็สีทองสว่างไสว
[ยินดีต้อนรับสู่หอตำราดนตรี]
[ระดับเริ่มต้น: ท่านสามารถเข้าถึงบทเพลงพื้นฐานประเภทต่างๆ ได้]
[ประเภท: เยียวยา โจมตี เสริมพลัง สร้างภาพมายา]
[เนื่องจากเป็ครั้งแรก ระบบขอมอบสิทธิ์ในการเลือกตำราเพลงระดับเริ่มต้น 1 บทโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย]
ดวงตาของเยว์เอ๋อร์เป็ประกาย! นี่คือขุมทรัพย์ที่แท้จริง! พลังของนางจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพลงไม่กี่บทอีกต่อไป! นางไล่สายตาดูชื่อตำราเพลงต่างๆ
· 'เพลงพิณน้ำค้างทิพย์' - บทเพลงเยียวยาขั้นพื้นฐาน ฟื้นฟูาแเล็กน้อยและบรรเทาความเหนื่อยล้า
· 'เพลงดาบสังหาร' - บทเพลงโจมตีขั้นพื้นฐาน สร้างคลื่นเสียงคมกริบโจมตีเป้าหมายเดี่ยว
· 'เพลงกลองศึกปลุกใจ' - บทเพลงเสริมพลังขั้นพื้นฐาน เพิ่มความกล้าหาญและพละกำลังให้พันธมิตรในระยะ
· 'เพลงม่านหมอกมายา' - บทเพลงสร้างภาพมายาขั้นพื้นฐาน สร้างม่านหมอกบดบังทัศนวิสัยของศัตรู
หัวใจของนางเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเลือก "เพลงพิณน้ำค้างทิพย์"
[ยืนยันการเลือก: ท่านได้รับตำราเพลง "เพลงพิณน้ำค้างทิพย์"]
ข้อมูลเกี่ยวกับบทเพลงพลันหลั่งไหลเข้ามาในหัวของนางราวกับเป็ความทรงจำที่มี มาแต่เดิม
"ยอดเยี่ยม!"
แต่นางก็ตระหนักได้ในทันที...แม้จะมีพลังมากขึ้นแต่ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก็ใหญ่หลวงขึ้นเช่นกัน นางมองถุงเงินที่หนักอึ้ง... มองป้ายไม้ลายกิเลนในมือ... แล้วนึกถึงใบหน้าซีดเซียวของมารดาและแววตาที่รอคอยของน้องชาย
หัวใจของนางเต้นรัว ป้ายไม้ในมือให้ความรู้สึกเย็นเฉียบและหนักอึ้ง มันคือประตูสู่โลกแห่งความลับและอำนาจที่นางยังไม่พร้อมจะเผชิญ การไปพบชายชราลึกลับผู้นั้นอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของนางไปตลอดกาล... แต่มารดาของนางอาจไม่มี "ตลอดกาล" ให้รออีกต่อไปแล้ว
"ไม่ได้..." นางตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว "ปริศนาของบิดา... ความแค้นของโหรวหลัน... หรือแม้แต่ชายชราผู้ทรงอำนาจผู้นั้น... ทั้งหมดต้องรอได้ แต่ชีวิตของท่านแม่... รอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!"
นางนึกย้อนไปถึงแผนการเดิมของตนเอง ที่ตั้งใจจะมาหาเงินเล็กๆ น้อยๆ เพื่อประทังชีวิตไปวันๆ โดยหวังพึ่งพาการแข่งขันใน "เทศกาลชมบุปผา" ซึ่งยังเหลือเวลาอีกตั้งสามวันกว่าจะเริ่มขึ้น แต่บัดนี้... เพียงไม่ถึงสองวันที่จากบ้านมา นางกลับถืออนาคตของครอบครัวไว้ในกำมือแล้ว
"เป้าหมายแรกของข้าคือการช่วยท่านแม่! สิ่งอื่นใดล้วนเป็เื่รอง!"
ความคิดนั้นชัดเจนราวกับแสงอรุณที่ขับไล่ความลังเลทั้งหมดออกไปสิ้น นางลุกพรวดขึ้นมา เก็บข้าวของที่จำเป็เพียงไม่กี่ชิ้นใส่ห่อผ้า นำยาเม็ดชำระไขกระดูกออกมาจากระบบและกำมันไว้ในมือแน่นราวกับเป็หัวใจของตนเอง
นางเดินลงไปหาป้าเหมยที่กำลังวุ่นอยู่กับการสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์ทำความสะอาดและนับเงินรายได้มหาศาลจากเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยรอยยิ้มที่ไม่หุบ
"ป้าเหมย... ข้า... มีเื่สำคัญเร่งด่วนต้องขอตัวเ้าค่ะ"
ป้าเหมยชะงัก หันมามองด้วยความประหลาดใจ "จะไปไหนรึเยว์เอ๋อร์? นี่เพิ่งจะชนะการประลองมาแท้ๆ ชื่อเสียงของเ้ากำลังโด่งดังไปทั่วเมืองนะ! นี่คือโอกาสทองของเ้าที่จะสร้างชื่อในเมืองหลวงเลยนะ!"
"ข้ารู้เ้าค่ะ... แต่มีบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชื่อเสียงรอข้าอยู่" แววตาของเยว์เอ๋อร์แน่วแน่ "ข้าต้องกลับบ้าน... กลับไปช่วยชีวิตมารดาของข้า"
นางโค้งคำนับให้ป้าเหมยอย่างสุดซึ้ง "ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างเ้าค่ะ หากชะตาฟ้าลิขิต... เราคงได้พบกันอีก"
พูดจบนางก็ไม่รอให้ป้าเหมยได้ทัดทาน นางหันหลังและเดินออกจากศาลาเสียงกระซิบอย่างรวดเร็ว แต่นางไม่ได้มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองด้วยสองเท้าเหมือนขามาอีกต่อไป
เยว์เอ๋อร์ตรงไปยังโรงเช่ารถม้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง นางโยนเงินตำลึงหนึ่งลงบนโต๊ะต่อหน้าเถ้าแก่เ้าของโรงม้าที่มองนางด้วยสายตาประหลาดใจ
"ข้า้ารถม้าที่เร็วที่สุดและม้าที่แข็งแรงที่สุดของท่าน... เพื่อเดินทางกลับหมู่บ้านไผ่ครึ้มเดี๋ยวนี้!"
การกระทำที่เด็ดขาดและเงินในมือทำให้นางไม่ต้องรอคำถามใดๆ อีก รถม้าที่ดีที่สุดถูกเตรียมให้ในทันที
นางต้องรีบกลับไป... ก่อนที่พายุลูกใหม่จะพัดมาถึงตัว! นางต้องส่งมอบยาเม็ดแห่งชีวิตนี้ให้ถึงมือมารดาโดยเร็วที่สุด!
การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้... จะไม่เหมือนการเดินทางมาเมืองหลวงอีกต่อไป เพราะบัดนี้นางมิใช่เด็กสาวไร้นามที่เดินเท้าอย่างสิ้นหวัง แต่เป็ "หลิวเยว์เอ๋อร์" ผู้มีทั้งชื่อเสียง เงินทอง และศัตรูที่มองไม่เห็นคอยจับจ้องอยู่ทุกย่างก้าว นางนั่งอยู่ในรถม้าที่กำลังควบทะยานออกจากเมืองหลัวเฟิง ทิ้งปริศนาแห่งหยกัเืและการนัดหมายของชายชราลึกลับไว้เื้ั... เสียงล้อรถม้าที่บดไปบนถนนดินนั้นดังก้อง... มันคือเสียงของเวลาที่กำลังแข่งกับความตาย