หลังจากที่ลู่หลิงฉิงไตร่ตรองเื่เหล่านี้จนแจ่มแจ้ง นางก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ตั้งครรภ์ทายาทให้รัชทายาทนับเป็หน้าที่ของหม่อมฉันและน้องหญิงอยู่แล้วเพคะ ดังนั้น การที่พระองค์ตรัสเช่นนี้ถือเป็การแช่งให้หม่อมฉันอายุสั้นนะเพคะ”
โอวหยางเทียนหัวได้ยินคำกล่าวนั้น ในใจก็ยิ่งคิดว่าลู่หลิงฉิงเป็คนใจกว้าง รู้จักวางตัว ไม่เสียทีที่เป็นายหญิงแห่งจวนรัชทายาทจริงๆ พอคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็กำชับสาวใช้ให้ดูแลสนมซู่เฟยเป็อย่างดีไปอีกรอบหนึ่ง จากนั้นจึงประคองสตรีข้างกายเดินออกไปด้วยตนเอง
หลังจากที่กลับไปถึงเรือนเด็ดดารา โอวหยางเทียนหัวก็อยู่สนทนากับลู่หลิงฉิงอีกเพียงเล็กน้อย ก่อนจะจากไป แต่ลู่หลิงฉิงกลับรั้งเขาไว้แล้วพูดว่า “ท่านพี่เทียนหัว ท่านรังเกียจที่ตอนนี้ข้ามีสองชีวิตในหนึ่งร่าง รูปร่างไม่งดงาม จึงไม่อาจปรนนิบัติท่านได้ ใช่หรือไม่”
ตอนนี้นางตั้งครรภ์มาได้เกือบสี่เดือนแล้ว แต่โอวหยางเทียนหัวก็ยังไม่ยอมมาพักที่เรือนของนางเลยสักครั้ง หากเื่นี้แพร่ออกไป นางในฐานะชายารัชทายาทจักต้องถูกคนนินทาแน่ ดังนั้น วันนี้นางจะปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้
“ในท้องเ้ายังมีเด็กอยู่นะ” โอวหยางเทียนหัวนั่งลงข้างกายนาง พูดเสียงต่ำ “รอจนวันหน้าเ้าให้กำเนิดลูกชายออกมา พวกเราค่อย...”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกลู่หลิงฉิงประกบปิดปาก ยิ่งกว่านั้น มือของนางยังเลื้อยลงไปด้านล่างอย่างอยู่ไม่สุข เพียงไม่นานทั้งร่างเขาก็ร้อนรุ่มดังไฟเผา “เ้ารู้ผลลัพธ์ของการหาเื่เปิ่นไท่จื่อแล้วหรือไม่? ” น่าตายนัก หากไม่ใช่เพราะนางตั้งครรภ์อยู่ เขาคงจะผลักนางให้ล้มลง จากนั้นก็จัดการคนเสียตรงนี้
ลู่หลิงฉิงหัวเราะฮิฮิ เหมือนในตอนนั้นที่เพิ่งได้อยู่กับโอวหยางเทียนหัวไม่นาน ในสายตาเขา รอยยิ้มนี้ของนางน่ารักจริงใจยิ่ง ลู่หลิงฉิงพูดเบาๆ ที่ข้างหูเขา “รัชทายาท หมอหลวงบอกว่า หากผ่านพ้น่สามเดือนแรกไปแล้ว ก็สามารถทำได้แล้วเพคะ ขอแค่ท่านเบามือหน่อยก็พอ แต่หากหม่อมฉันยังเติมเต็มความปรารถนาให้ท่านได้ไม่พอจริงๆ หม่อมฉันก็จะ...” พูดถึงตอนสุดท้ายนางก็เขยิบไปใกล้ใบหูเขายิ่งขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงต่ำเบา
และเพราะประโยคนี้ โอวหยางเทียนหัวจึงไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป เขาอุ้มคนมุ่งหน้าไปยังเตียงในทันที...
ขณะเดียวกันที่เรือนของเจิ้งชุ่ยเอ๋อร์ ยามนี้นางกำลังนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้พลางเมียงมองเล็บมือของตนเอง เมื่อครู่สาวใช้เพิ่งจะลงสีให้ นางจึงยกมือขึ้นข้างปาก เป่าเบาๆ สองสามที ก่อนจะมองไปยังสาวใช้นางหนึ่งที่อยู่ข้างกาย “ลวี่หยา รัชทายาทยังอยู่ที่เรือนของชายารัชทายาทอีกหรือ? ”
ลวี่หยาพยักหน้า “ใช่เ้าค่ะ ั้แ่ที่รัชทายาทเข้าไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับออกมา บ่าวได้ยินคนจากเรือนเด็ดดาราพูดกันว่า รัชทายาทกำลังรักใคร่อยู่กับชายารัชทายาท” พูดถึงตรงนี้ ลวี่หยาก็เผยรอยยิ้มเยาะหยันออกมา
ชุ่ยเอ๋อร์ที่เห็นท่าทีเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ “เ้ากำลังรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนข้า หรือว่ากำลังเยาะหยันข้าอยู่กันแน่? ”
ลวี่หยารีบตอบ “นายหญิง บ่าวเยาะหยันนายหญิงที่ไหนกันเ้าคะ นายหญิงดีกับบ่าวทุกอย่าง บ่าวก็แค่รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนนายหญิง ทั้งที่คนก็ตั้งครรภ์เหมือนกันแท้ๆ แต่เหตุใดชายารัชทายาทถึงได้พิเศษกว่าเพียงนั้น”
อันที่จริงสิ่งที่ลวี่หยาอยากพูดก็คือ เหตุใดชายารัชทายาทถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว คนถึงขนาดยั่วยวนให้รัชทายาททำเื่นั้นกับตนที่เรือนเด็ดดารายามกลางวันแสกๆ เช่นนี้ “บ่าวได้ยินมาว่า เรือนเด็ดดารานั้นเป็ชายารัชทายาทองค์ก่อนที่ออกแบบขึ้น ด้วยตั้งใจจะให้เป็ที่พำนักของลูกคนแรกของนาง มิคาดคนกลับถูกชายารัชทายาทลู่หลิงฉิงยึดไปอยู่เอง นายหญิงว่า ตกกลางคืนยามที่นางนอนหลับจะรู้สึกผิดต่อสตรีผู้นั้นบ้างหรือไม่”
ลวี่หยารู้เื่นี้มาจากปากของหมัวมัวชราผู้หนึ่งในจวนรัชทายาท นางได้ยินมาว่า ชายารัชทายาทองค์ก่อนเป็คนที่นิสัยดียิ่ง อีกฝ่ายปฏิบัติต่อบ่าวรับใช้เป็อย่างดี เมื่อเข้าฤดูหนาวก็จะมอบเสื้อผ้าและผ้าห่มให้ทุกคน ส่วนท่านที่ดำรงตำแหน่งนี้อยู่ในตอนนี้ ต้องรอถึงสามปีถึงจะให้สักครั้ง ทว่า ่หน้าหนาวที่ยาวนานเพียงนั้น เสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวของบางคนก็ถูกใช้งานจนเนื้อผ้าบางไปหมด ไม่อาจกักเก็บความอบอุ่นได้เลย
“เื่เหล่านี้ เ้าต้องทำเป็ว่าไม่เคยได้ยินให้หมด การอยู่ในจวนรัชทายาทนี้ควรต้องจดจำไว้ให้ดีว่า อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด ต่อให้เ้าจะอยู่ในเรือนข้าก็ต้องทำเช่นนั้นเช่นกัน มิเช่นนั้น หากพูดอะไรผิดไป และถูกรัชทายาทได้ยินเข้า ตัวเ้าจักต้องลำบากแล้ว”
ลวี่หยาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็พูดว่า “บ่าวทราบแล้วเ้าค่ะ ครั้งหน้าจะระวังให้มากกว่านี้แน่นอนเ้าค่ะ”
ชุ่ยเอ๋อร์ให้ลวี่หยาถอยออกไป จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน นางยิ้มขณะมองออกไปด้านนอก...จวนรัชทายาท เรือนเด็ดดารา ชายารัชทายาทองค์ก่อน ลู่หลิงฉิง ชั่วขณะนั้นมุมปากนางก็ปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาด
……...........................................................................................
สองคืนก่อนถึงงานพระราชสมภพของเสี้ยวเหวินตี้ ในวังหลวงก็ได้จัดให้มีงานเลี้ยงฉลองขึ้น อวิ๋นซีและจวินเหยียนพาหวานหว่านเข้าวัง ส่วนคุณชายทั้งสองนั้นยังคงอยู่ที่จวนหนิงอ๋องกับท่านตาและท่านยายของพวกเขา
บนรถม้า จวินเหยียนกำลังเล่นกับฝ่ามือของภรรยาด้วยท่าทีที่เหมือนว่ากำลังคิดเื่อันใดอยู่ จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น “ภรรยา ทางด้านหลงชวีหยวนเองก็จะส่งคนมาเช่นกัน”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย “เป็ อู๋ิหรือ? ” อู๋ิ าาจันทราเงินของหลงชวีหยวน หรือพี่รองของนาง เฉียวอวิ๋นชง
จวินเหยียนขบคิด จากนั้นก็พยักหน้าพูดว่า “เป็เขา มาถึงเมื่อวาน”
มาถึงเมื่อวาน? เหตุใดเขาถึงไม่มาหานาง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็โค้งมุมปาก รอยยิ้มนั้นดูโดดเดี่ยวและเศร้าหมองเล็กน้อย ทำให้จวินเหยียนที่กำลังเฝ้ามองเป็ต้องปวดใจ เขารีบพูดขึ้น “หากว่าเ้าอยากจะพบเขา พวกเราก็สามารถไปหาเขาเป็การส่วนตัวได้”
นางหันมองจวินเหยียน ในดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ได้หรือ? ”
“อืม ข้าบอกว่าได้ ก็ต้องได้” ในใจนางคิดถึงคนในครอบครัว ภรรยาของเขาให้ความสำคัญกับญาติและมิตรสหายมาก ด้วยเื่นี้พิจารณาได้จากการที่นางให้คนลอบช่วยเหลือคนทั้งสามที่อาศัยอยู่ในเมืองเฟิงก็รู้ได้
ทั้งๆ ที่ไม่เคยพบหน้าคนเ่าั้มาก่อน แต่นางกลับทำเื่มากมายเพียงเพื่อให้สตรีและลูกๆ ของเฉียวอวิ๋นชงได้มีชีวิตอยู่อย่างดี ให้พูดก็พูดเถอะ เขาที่เป็สามียังไม่เคยทำอะไรให้นางได้มากมายเพียงนั้น
“ขอบคุณสามี” อวิ๋นซียิ้ม กุมมือเขา การปกป้องของชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างตลอดหลายปีมานี้ ทำให้นางรู้แล้วว่า ไม่ได้เลือกคนผิด ทั้งยังทำให้ยิ่งเชื่อว่าในวันหน้าเขาย่อมไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากนาง...
สำหรับงานเลี้ยงในวังครั้งนี้มีเพียงขุนนางระดับสามชั้นสูงขึ้นไปเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้ ทว่า ตอนที่อวิ๋นซีและจวินเหยียนไปถึง จวินเหยียนก็ถูกฮ่องเต้เรียกตัวไป ขณะนั้นเดิมทีอวิ๋นซีเองก็คิดจะพาหวานหว่านไปถวายบังคมไทเฮาที่ตำหนักสืออัน แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเข้ากับชายารัชทายาทลู่หลิงฉิง คนลากตัวอวิ๋นซีไว้พลางเรียกขานว่าน้องสะใภ้คำแล้วคำเล่า
อวิ๋นซีมองลู่หลิงฉิงที่กำลังลากนางไปยังศาลา หากทำได้นางก็อยากจะเตะคนออกไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่กลับทำได้เพียงแอบสลัดมือของลู่หลิงฉิงที่เกาะกุมตนอยู่ออกไปอย่างเงียบๆ จากนั้นก็มองไปยังเหล่าคนที่กำลังถวายความเคารพให้ตน
หึหึ ครึกครื้นเสียจริง
ตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้ยังมีฮูหยินจากจวนเฉิงโหว ฮูหยินผู้เฒ่า และคุณหนูเฉิงิฮุ่ย ทั้งยังมีสตรีอีกสองสามนางที่ได้ยินมาว่าชมชอบจวินเหยียนอยู่เช่นกัน รวมถึงผิงถิงจวิ้นจู่แห่งจวนเจิ้นหนานอ๋องก็ยังพาลูกสาวทั้งสองมาที่นี่ด้วย
อวิ๋นซีมองไปยังคนเหล่านี้ จากนั้นก็พูดขึ้น “ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องมากมารยาทหรอก” พูดจบ นางและชายารัชทายาทก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง “พวกเ้ากำลังสนุกสนานครึกครื้นเพียงนี้เชียว กำลังทำอันใดกันอยู่หรือ? ”
“ไม่มีอันใดหรอกเพคะ ทุกคนที่นี่ต่างกำลังเอ่ยชมที่คุณหนูเฉิงจากจวนเฉิงโหววาดภาพสวย ภาพที่นางวาดราวกับเป็ของจริงอย่างไรอย่างนั้น ทุกสิ่งดูสมจริงถึงขนาดที่สามารถดึงดูดผีเสื้อมาได้เชียวนะเพคะ” คนบางคนพูดขึ้น
อวิ๋นซีประหลาดใจจริงๆ นางยิ้มถาม “เป็เช่นนั้นจริงหรือ? เปิ่นเฟยคงต้องขอชมสักหน่อยแล้ว” คนพวกนี้กินอิ่มแล้วว่าง ไม่มีอะไรให้ทำจริงๆ ตอนนี้ถึงได้คิดอยากจะมาหาเื่นาง
รู้ทั้งรู้ว่า ยามนี้คนที่ตนไม่อยากมองมากที่สุดก็คือเฉิงิฮุ่ย แต่คนพวกนี้กลับดึงดันให้อีกฝ่ายมาอยู่ตรงหน้านาง คิดจริงๆ หรือว่าคนเยี่ยงนางจะถูกรังแกได้ง่ายๆ เมื่อก่อนที่ไม่ลงมือกับเฉิงิฮุ่ยก็เพียงเพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรีบร้อนหาที่ตาย ถ้าเช่นนั้นตัวนางก็ควรจะให้คนได้สมปรารถนาถึงจะถูก