ป้าหวังพูดกระซิบกับซ่งอวี้ลับหลังผู้ใหญ่บ้าน "เ้าช่างร้ายกาจนัก ดูท่าป้าคงไม่ต้องช่วยเ้าแล้ว เ้าจัดการเองได้"
ทว่าซ่งอวี้พูดด้วยความถ่อมตน "ที่ไหนเ้าคะ โชคดีที่ป้าหวังกับโจวปาผอรู้จักกัน โจวปาผอหวาดกลัวทันทีที่เห็นป้า ข้าจึงทำสำเร็จเ้าค่ะ"
ดูจากสีหน้าของป้าหวังแล้ว ดูเหมือนการพูดประจบประแจงใหญ่โตของนางจะใช้ได้ผลยิ่งนัก
ผู้ใหญ่บ้านเร่งขับเกวียนกลับเรือนนึกว่าเื่จบลงแล้ว ทว่าคิดไม่ถึงว่าซ่งอวี้กลับหยิบกระดาษที่พับอย่างเรียบร้อยออกมาจากแขนเสื้อ "ลุงผู้ใหญ่บ้าน ข้า้าคนมาช่วยปลูกเรือนไม่รู้ว่าท่านรู้จักนายช่างด้านนี้บ้างหรือไม่?"
ผู้ใหญ่บ้านครุ่นคิด "เื่นี้เ้าต้องถามหวังผอจื่อกระมัง ข้าจำได้ว่าหลานชายของนางรับสร้างบ้านปลูกเรือนโดยเฉพาะ นางน่าจะรู้ดี"
ผู้ใหญ่บ้านไม่อยากจะยุ่งแล้วจริงๆ เพราะเื่ของซ่งอวี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาป่นปี้จนไม่รู้จะป่นปี้อย่างไรแล้ว เื่ซื้อที่ดินเช่นนี้เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เื่ตามหานายช่างที่รู้จักนั้นโยนไปให้ป้าหวังดีกว่า
ประจวบเหมาะป้าหวังได้ยินซ่งอวี้พูดถึงนายช่างที่รับสร้างบ้านปลูกเรือน นางคิดถึงหลานชายของตนเองทันที แต่คนที่ซ่งอวี้ถามคือผู้ใหญ่บ้านนางก็ไม่อาจข้ามหน้าผู้ใหญ่บ้านได้ ดังนั้นเมื่อผู้ใหญ่บ้านโยนเื่นี้มาให้นาง ป้าหวังจึงส่งสายตาขอบคุณไปให้ผู้ใหญ่บ้าน
สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านนิ่งสงบ พูดในใจว่าหากอยากจะขอบคุณข้าเช่นนั้นอย่ามารบกวนข้าอีก ขอบคุณ
ซ่งอวี้เห็นสายตาของผู้ใหญ่บ้านอย่างชัดเจน นางลูบดวงหน้าของตนเองด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ให้ตายสิ ร่างของนางในตอนนี้ แม้จะไม่ได้งามที่สุดในแผ่นดินแต่อย่างน้อยก็เป็หญิงงาม ตอนที่เพิ่งทะลุมิติมานั้นเป็เพราะขาดสารอาหารจึงทำให้ผิวของนางเหลืองซีด แต่หลังจากผ่านการบำรุงมาหลายเดือน ตัวสูงขึ้น ผิวขาวขึ้น มีความเปล่งปลั่ง ถึงขั้นที่ว่าส่วนเว้าส่วนโค้งที่ควรจะมีก็มีแล้ว ไม่ได้น่ารังเกียจมากขนาดนั้นกระมัง
ซ่งอวี้มองส่งผู้ใหญ่บ้านกลับเรือน หลังจากนั้นป้าหวังก็ชวนนางไปที่เรือนของป้าหวัง
นางเคยมาเรือนป้าหวังหลายครั้งแล้ว จังเฉี่ยวหวาอยู่เดือนที่นี่นานหนึ่งเดือน นางมาที่เรือนนี้ทุกสามวัน ถือว่าคุ้นเคยกับเรือนหลังนี้แล้ว
"ซ่งอวี้ นายช่างสร้างบ้านปลูกเรือนที่เ้าพูดถึงเ้าว่าหลานชายของป้าเป็อย่างไร?" ป้าหวังเอาอกเอาใจโดยการชงน้ำหวานให้ซ่งอวี้ดื่ม นี่คือของดีที่สุดที่นางสามารถนำออกมาต้อนรับได้แล้ว
ซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง "ข้าไม่มีความรู้ด้านการปลูกเรือนแม้แต่น้อย ขอเพียงหลานชายของป้าสร้างบ้านปลูกเรือนได้ ข้าไม่มีความคิดเห็นใดมากนัก แค่ว่า..."
ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ซ่งอวี้พูดต่อ "แค่ว่ามีหลายห้องที่ต้องสร้างตามความ้าของข้า ป้าบอกความ้านี้ของข้าให้หลาน หากเขารับได้ เช่นนั้นเราค่อยมาคุยเื่อื่นกัน"
ห้องเ่าั้นางจะสร้างเพื่อใช้เป็ห้องทำงาน นางใช้เรือนข้างซึ่งเป็เรือนเดียวที่มีอยู่ในการแปรรูปสมุนไพร แต่เพราะสถานที่มีจำกัด มีหลายครั้งที่ไม่ทันเวลา ไม่สะดวกยิ่งนัก ครั้งนี้อาศัยโอกาสในการซ่อมแซมเรือนหลัก รวดสร้างขยายเรือนในคราเดียวกัน ต่อไปนี้จะได้หลุดพ้นจากความแออัดเสียที
สมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่างกัน วิธีการแปรรูปก็ต่างกัน แต่เพราะสถานที่เล็กและคับแคบจนเกินไป หลายครั้งหลายครานางได้แต่ทำทีละอย่าง ไม่เพียงแค่ทำงานช้า บ้างครั้งเพราะความเร่งรีบ ทำให้เผลอผสมสมุนไพรชนิดอื่นลงไป ส่งผลให้ต้องทิ้งสมุนไพรทั้งหมดที่แปรรูปพร้อมกัน
เพราะปัญหาต่างๆ มีมากจนเกินไป ซ่งอวี้เองก็จนปัญญา
นางรู้ดีว่าตนเป็เพียงสตรีที่อยู่ตามลำพังไม่อาจเปิดเผยความมั่งคั่งได้ แต่นางจำเป็ต้องใช้สถานที่ทำงานขนาดใหญ่ ครุ่นคิดด้วยความยากลำบากสุดท้ายนางก็เลือกที่จะขยายเรือน สำหรับเื่ความปลอดภัยหากหมดหนทางแล้วจริงๆ ก็ทำได้เพียงไปซื้อทาส
นางเป็เพียงดวงิญญาเร่ร่อนที่ข้ามมิติมาอยู่ในยุคสมัยนี้ ไร้สมบัติติดกาย แล้วจะมีสิทธิ์ใดในการรักษาศักดิ์ศรีของตนที่มาจากยุคปัจจุบัน? ตอนที่เพิ่งเห็นว่าที่นี่มีการซื้อขายทาส นางก็ไม่ชิน ถึงขั้นปฏิเสธอย่างรุนแรง
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปนางพบว่าหากอยากจะยืนหยัดอยู่ในยุคสมัยนี้ ประการแรกต้องยอมรับทุกอย่างในยุคสมัยนี้ให้ได้รวมถึงการค้ามนุษย์ที่ไร้อารยธรรมเช่นนี้
อีกทั้งไม่ใช่ทุกคนที่ขายตัวเป็ทาสจะถูกลักพาตัวมา บางคนเป็เพราะที่บ้านไม่มีข้าวสารและอาหารแล้วจริงๆ หากไม่ขายตัวเป็ทาส ก็ต้องหิวตาย
ขายตัวเป็ทาสหมดสิ้นอิสรภาพและเกียรติยศ แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากไม่ขาย ไม่อาจแม้แต่จะมีลมหายใจ จึงอย่าได้พูดถึงอิสรภาพและเกียรติยศ
เื่นี้ ดั่งคนดื่มน้ำเย็นหรือร้อนมีเพียงตนเท่านั้นที่รับรู้ นางไม่อาจยอมรับเื่นี้ได้ แค่เพราะยุคสมัยของนางไม่มีการค้าขายทาส ทุกคนมีชีวิตเท่าเทียมกัน กินอิ่มนอนอุ่นได้
ความเท่าเทียมและอิสรภาพเป็เื่พื้นฐาน ทว่าสำหรับยุคสมัยนี้ไม่มี
ป้าหวังตกปากรับคำแทนหลานชายของตนเอง ทั้งยังบอกว่าจะให้คนส่งจดหมายไปให้หลานชายที่เป็ญาติฝ่ายมารดาให้เขาเดินทางมาในสองสามวันนี้
หลังจากตกลงกันได้แล้ว ป้าหวังก็รีบเดินออกไป
สองวันให้หลัง ป้าหวังพาบุรุษหน้าตาซื่อๆ นิสัยขี้อายมาที่เรือนของซ่งอวี้ บุรุษคนนั้นคือหลานชายของญาติฝ่ายมารดาของป้าหวัง ชื่อว่าหวังเสี่ยวลิ่ว
ซ่งอวี้บอกความ้าของนางอย่างตรงไปตรงมา คนสมัยโบราณสร้างบ้านอย่างไรนางไม่มีความรู้ แต่ว่าห้องที่นางกำหนดไว้ต้องสร้างตามความคิดของนาง
ซ่งอวี้บอกรูปแบบห้องที่ตนอยากจะได้ให้หวังเสี่ยวลิ่วฟังอย่างละเอียด ทางด้านหวังเสี่ยวลิ่วก็ตั้งใจฟังและไถ่ถาม เขาถามั้แ่้าขนาดใหญ่เท่าใด หน้าต่างเปิดอย่างไร ประตูกว้างเท่าใด เป็ต้น
โดยเฉพาะมีห้องหนึ่ง ที่นาง้าขุดเป็บ่อเก็บน้ำ ขั้นตอนการแปรรูปสมุนไพรบางชนิด ต้องแช่น้ำ พิจารณาถึงเื่การใช้น้ำที่ไม่สะดวกเท่าใดนัก เดิมทีซ่งอวี้้าบ่อเก็บน้ำขนาดห้าตารางเมตรหนึ่งบ่อ แต่ก็เปลี่ยนเป็หนึ่งตารางเมตรห้าบ่อ ยามปริมาณสมุนไพรน้อย จะได้ลดความยุ่งยาก
มีบ่อเก็บน้ำและต้องมีจุดปล่อยน้ำต่างๆ มีปัญหามากมาย ต้องใช้ทักษะอย่างมาก ซ่งอวี้คุยกับหวังเสี่ยวลิ่วอยู่นานกว่าหวังเสี่ยวลิ่วจะพยักหน้าเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขาสามารถสร้างได้
เมื่อหวังเสี่ยวลิ่วรับปาก ในที่สุดซ่งอวี้ก็โล่งอก นางให้สิทธิ์ทั้งหมดกับหวังเสี่ยวลิ่วในการทำ
ประจวบเหมาะเวลานี้เป็่เดือนที่ว่างเว้นจากการเก็บเกี่ยว คนในหมู่บ้านหลายคนวางแผนว่าจะไปทำงานหาเงินด้านนอก หากนางมีงานให้ทำ คาดว่าทุกคนต้องลองมาทำงานที่นี่ก่อน เมื่อเป็เช่นนี้ก็จะกินและนอนที่เรือนของตนเองได้ ทั้งสะดวกและประหยัดเงิน
ป้าหวังเห็นหวังเสี่ยวลิ่วได้งานดีๆ เช่นนี้ ดวงหน้าก็เปื้อนยิ้มรีบเสนอตัวรับผิดชอบป่าวประกาศเื่นี้เอง ให้คนในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวรู้ว่าซ่งอวี้ขาดแรงงาน
ป้าหวังสนิทกับคนในหมู่บ้าน ซ่งอวี้ยิ้มแล้วตอบตกลง
"พวกเ้าได้ยินหรือยัง? ซ่งอวี้จะปลูกเรือน ้าแรงงาน ได้ทำงานอย่างน้อยๆ หนึ่งเดือน เมื่อเป็เช่นนี้ พ่อของลูกก็ไม่ต้องไปทำงานในเมืองแล้ว สามารถกินและนอนที่เรือนได้"
ใต้ต้นไทรหน้าหมู่บ้าน บรรดาสตรีจับกลุ่มคุยกัน จู่ๆ สตรีคนหนึ่งก็พูดขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้