“ข้าวเที่ยง......ข้าวเที่ยง! อมยิ้ม....อมยิ้มมาแล้ว นายท่าน......อมยิ้มของข้า!” กั่วกัวที่ยืนอยู่บนไหล่ของเย่เทียนเซี่ยออกแรงดึงเส้นผมของเขา น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความขัดใจเหมือนได้รับความไม่ยุติธรรมครั้งยิ่งใหญ่
“ฮือ......นายท่าน นายท่านเพิ่งบอกว่าหลังจากคนพวกนั้นไปหมดแล้วจะให้ข้ากินอมยิ้มเยอะๆไงเ้าคะ นายท่านไม่รักษาคำพูด...... นายท่านแย่ที่สุด ไม่ดีกับกั่วกัวเลยสักนิด ไม่ดีเลยสักนิด...... ฮือฮืออ.....”
แล้วเย่เทียนเซี่ยก็พ่ายแพ้อีกครั้ง เขารีบร้อนตามหลังซูเฟยเฟยไป
“คุณหนูซู”
ซูเฟยเฟยที่เพิ่งจะเดินมาถึงชั้นล่างหันหลับมา ดวงตาทั้งคู่ของเธอจ้องมองมาที่เขาด้วยความขุ่นเคือง ราวกับนี่เป็การเล่นตลกของโชคชะตา พวกเขาทั้งสองคนถึงได้มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันอย่างรวดเร็วและราบรื่นขนาดนี้ แต่ทว่าการอยู่ร่วมกันระหว่างคนแปลกหน้าสองคนกลับไม่มีความรู้สึกแปลกๆที่ควรจะมีเลยแม้แต่น้อย และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือพวกเขากลับไม่ได้ปฏิบัติต่อกันอย่างมีมารยาทอย่างที่ควรจะทำด้วยเช่นกัน ในทางกลับกันพวกเขากลับปะทะฝีปากกันั้แ่ครั้งแรกด้วยซ้ำ และการปะทะฝีปากที่ว่านั้นก็เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
ความจริงแล้วภาพครอบครัวสุขสันต์ได้เกิดขึ้นแล้วด้วยบุคลิกของซูเฟยเฟยและเย่เทียนเซี่ย แต่บางทีพวกเขาอาจจะไม่รับรู้ถึงมันก็เป็ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นด้วยตาต่อตาฟันต่อฟันั้แ่แรก แต่ในใจลึกๆแล้วพวกเขากลับไม่ได้เกลียดความรู้สึกนี้แม้แต่น้อย ในทางกลับกันระยะห่างของคนสองคนที่ไม่เคยอยู่ร่วมกันมาก่อนกลับค่อยๆกระชับเข้าหากันภายใต้บรรยากาศอันแปลกประหลาด
“เอ่อ......เธอจะเอาไอนั่น.......เอ่อ..... อมยิ้มที่เธอแย่งไปเมื่อวานมาให้ฉันก่อนได้ไหม ดูเหมือนว่าเธอจะเอามันมาด้วยนี่” เย่เทียนเซี่ยหน้าชา เขาพูดประโยคนั้นออกไปด้วยความยากลำบาก หลังจากนั้นในหัวของเขาก็มีแต่ความคิดที่อยากจะเอาหัวโขกกำแพงอย่างต่อเนื่องนับครั้งไม่ถ้วน
สิ่งที่ทำให้เขาอยากเอาหัวโขกกำแพงก็คือสีหน้าอันแปลกประหลาดที่ซูเฟยเฟยแสดงออกมานั่นแหละ เธอไม่ได้ตอบกลับมา แต่กลับจ้องมองไปยังใบหน้าลุกลี้ลุกลนและอึดอัดใจของเย่เทียนเซี่ยอย่างตั้งใจ หลังจากทนไม่ไหวในที่สุดเธอก็เอนตัวพิงกับราวบันใดแล้วหัวเราะร่วนออกมา
“ฮ่าๆๆ....ฮ่าๆๆ....ฉัน....ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ซูเฟยเฟยเอามือจับเอวเอาไว้ หน้าอกอวบอิ่มของเธอกระเพื่อมไหวเหมือนกระต่ายะโไปมา และสีหน้าของเย่เทียนเซี่ยเองก็มืดมนลงเื่ๆ มันค่อยๆมืดมนลงจนเหมือนกับถ่านหินที่ไม่เคยออกมาเจอแสงอาทิตย์
หัวเราะ...... หัวเราะเข้าไป! หัวเราะให้ตายไปซะ! หัวเราะให้ขาดใจตายไปเลย! หัวเราะจนตัวงอ..... หัวเราะให้ท้องไปซะ........ จะให้ดีก็หัวเราะให้หน้าอกกระเพื่อมอีกสิ เย่เทียนเซี่ยใช้วิธีการสาปแช่งต่อผู้หญิงอย่างชั่วร้ายต่างๆนาๆ
ในที่สุดซูเฟยเฟยก็กัดริมฝีปากพยายามไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมา หลังจากนั้นก็หยิบอมยิ้มแท่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ใช้นิ้วหัวโป้งและนิ้วชี้บรรจงคีบอมยิ้มมาโชว์ตรงหน้าเย่เทียนเซี่ย เธอแกว่งมันไปมาพลางพูดออกมาอย่างอ่อนหวาน “มาสิ น้องชาย เรียกพี่สาวสักคำสิ แล้วพี่สาวจะให้กินอมยิ้มนะจ๊ะ..... คิกๆๆๆๆ......”
“พี่สาว! พี่สาว! ข้าอยากกินอมยิ้ม!”
..........แน่นอน เสียงที่ะโออกมาไม่ใช่เย่เทียนเซี่ย แต่เป็กั่วกัวที่อยากกินจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
และน่าเสียดาย ร่างของเธอมีเพียงแย่เทียนเซี่ยเท่านั้นที่มองเห็น แม้แต่เสียงของเธอก็มีเพียงเย่เทียนเซี่ยเท่านั้นที่ได้ยิน เพราะเธอไม่มีตัวตนในสายตาของคนอื่นๆ
ถ้าเื่แค่นี้ทนไม่ได้แล้วจะทนเื่ไหนได้ ทว่าใครทนได้ก็ทนไปแต่เย่เทียนเซี่ยจะไม่ทน........ เขารีบก้าวไปด้านหน้าจนแทบจะชนกับร่างของซูเฟยเฟยในตอนที่เธอไม่ทันระวัง แล้วหลังจากนั้น..... เงาร่างหนึ่งตรงหน้าซูเฟยเฟยก็วูบผ่านไปอย่างรวดเร็วและอมยิ้มในมือของเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ในเวลาเดียวกันนั้นเองกระเป๋าของเธอก็เบาลงอย่างชัดเจน แล้วทันใดนั้นเธอก็พบว่าอมยิ้มห้าสิบแท่งที่อยู่เต็มกระเป๋าของเธอก็หายไปทั้งหมดเช่นกัน
นี่มันแปลกมาก บอกได้ว่าฉากที่เหลือเชื่อนี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นถี่แรง ในใจของเธอหวนคิดไปถึงค่ำคืนที่เขาใช้ร่างหยุดะุในตอนนั้นอย่างไม่ตั้งใจ และยังภาพการเคลื่อนไหวที่ทำให้คนสี่คนล้มลงไปในชั่วพริบตาอีก........ ไม่ใช่การาเ็ ไม่ใช่การสลบไป ทั้งสี่คนนั้นตาย เขาฆ่าคนสี่คนภายใต้น้ำมือของเขา
ฆาตกร......... ในยุคนี้คนที่เคยฆ่าคนมาก่อนมักจะทำให้คนอื่นๆรู้สึก “หวาดกลัว” สำหรับหญิงสาวแล้วมันน่าจะยิ่งทำให้พวกเธอรู้สึกหวาดหวั่นและหวาดกลัว แม้แต่ซูเฟยเฟยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยซูเฟยเฟยกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นแม้แต่น้อย ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกอันแปลกประหลาดนั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
“คุณชอบอมยิ้มมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูเฟยเฟยใช้มือคลำกระเป๋าตัวเองไปมา ก่อนจะยกยิ้มแปลกๆออกมา
“ไม่ชอบ!” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับมาเสียงแข็ง
“ไม่เป็ไรหรอกน่า” ดวงตาที่กำลังแย้มยิ้มของซูเฟยเฟยกลายเป็รูปจันทร์เสี้ยว “ผู้ชายมีนิสัยน่ารักบางอย่างจะทำให้พวกเขาน่ารักยิ่งขึ้น ไม่ต้องเขินหรอกน่า”
“.......” ขีดดำๆสามเส้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เทียนเซี่ย หลังจากนั้นเขาก็ปิดปากเงียบ อมยิ้มห้าสิบแท่งนั้นน่าจะเป็กองอมยิ้มทั้งหมดที่กองอยู่บนโต๊ะด้านหลังของเขา ตอนนี้ต่อให้เขามีร้อยปากพันเหตุผลซูเฟยเฟยก็คงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าความชอบนั่นไม่ได้เป็ของเขา
“อื้ม! สิ่งที่คุณ้าคืออมยิ้มห้าสิบอันเมื่อวานตอนเย็นต่างหาก...... ส่งไอ้สีส้มๆนั่นคืนมาให้ฉันซะ” ซูเฟยเฟยรีบเดินเข้ามาหาเขาแล้วะโออกมา เย่เทียนเซี่ยสำรวจไอ้สีส้มๆที่อยู่ในมือ ใบหน้าของซูเฟยเฟยเปลี่ยนเป็สีชมพูระเรือ หลังจากนั้นจึงพูดออกมาเสียงเบา “อมยิ้มแท่งนั้นเป็ของแทนใจที่น้องชายที่ชื่อเล่ยเฟิงทิ้งไว้ให้ฉันในคืนนั้น ให้คุณไม่ได้หรอกนะ.....”
แล้วเธอก็แย่งอมยิ้มสีส้มแท่งนั้นไปในชั่วพริบตาก่อนจะหัวเราะคิดคักแล้วเกิดจากไป
“วะฮ่าๆๆ! อมยิ้มเยอะแยะเลย ทั้งหมดนี้เป็ของข้าแล้ว ฮ่าๆ! นายท่านดี๊ดีเ้าค่ะ..... พี่สาวคนนั้นก็ยิ่งดี ข้าชอบพี่สาวที่มีอมยิ้มเยอะๆคนนั้น”
อมยิ้มทั้งห้าสิบแท่งถูกกั่วกัวกวาดไปทั้งหมดไม่เหลือสักแท่ง ไม่รู้ว่าเธอเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหน เธอส่งเสียง “ล๊า ลา ลา” อย่างร่าเริงแล้วบินไปบินมาก่อนจะบินเข้าไปในห้องนอนของเย่เทียนเซี่ยเพื่อไปลิ้มรสความอร่อยเ่าั้ แต่คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเธอนั้นทำให้เย่เทียนเซี่ยแทบอยากมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วร้องไห้ออกมา
ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ......... เขาเป็คนซื้ออมยิ้มมา อีกทั้งยังบากหน้าไปเอามันกลับมา......... ยัยคุณหนูซูต่างหากที่เป็คนไม่ดีแย่งอมยิ้มพวกนั้นไป........ ทำไมตอนนี้ยัยนั่นถึงเป็คนดีกว่าเขาไปได้ล่ะเนี่ย........
ก๊อกๆๆ......
ก๊อกๆๆ......
หูของเขาได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา บ้านของเย่เทียนเซี่ยเงียบสงบมาโดยตลอด เงียบจนแทบไม่มีชีวิตชีวาจนสามารถพูดได้ว่าวันนี้เป็วันที่ครึกครื้นอย่างผิดปกติ เย่เทียนเซี่ยเดินออกไปเปิดประตู เป็ไปตามคาดหน้าประตูของเขาคือบอดี้การ์ดที่ตามมากับซูเฟยเฟย คนๆนั้นไม่ได้เข้ามาข้างในแต่กลับพูดออกมาอย่างเกรงใจ “สวัสดีครับคุณเย่ ผมแซ่ตู้ คุณซูให้ผมนำของที่น่าจะจำเป็ต้องใช้มาให้คุณหนูน่ะครับ...... แล้วก็” เขาหยิบกระดาษที่ไม่ได้หรูหราใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วยความคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ถึงมือเย่เทียนเซี่ยด้วยสองมือของเขา “นี่คือเบอร์ส่วนตัวของนายท่านที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ นายท่านบอกว่าถ้าคุณ้าความช่วยเหลือให้โทรหานายท่านได้เลย....... แล้วก็นายท่านยังบอกอีกว่าเงินงวดแรกถูกโอนเข้าบัญชีของคุณเย่เรียบร้อยแล้ว คุณเย่สามารถตรวจสอบได้ทันทีครับ”
เย่เทียนเซี่ยหยิบนามบัตรนั้นมา เื่เงินงวดแรกเป็จำนวนสามร้อยล้านที่โอนเข้าบัญชีของเขาอย่างรวดเร็วไม่ใช่เื่เหนือความคาดหมายเท่าไรนัก ซูลั่วคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ความสำเร็จของเขาไม่ใช่เื่บังเอิญ แต่มันขึ้นอยู่กับหลักการต่างๆในชีวิตของเขา ..... ยกตัวอย่างเช่น อะไรที่เขาสามารถจัดการให้เสร็จสมบูรณ์ได้ั้แ่แรกเขาก็จะไม่รีรอให้มันผ่านไป เขาบอกแล้วว่าเงินสามร้อยล้านจะถูกโอนเข้าบัญชีของเย่เทียนเซี่ยก่อนเก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้......เวลานั้นคือเดทไลน์ของเขา แต่เวลาจริงที่เขาโอนมานั้นค่อนข้างเร็วกว่าเดทไลน์พอสมควรเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ในที่สุดตอนหน้าก็จะเข้าเกมแล้ว จริงๆก็ไม่คิดเลยว่าจะใช้เวลาไปกับเฟยเฟยเยอะขนาดนี้------- ห๊ะ? เพราะตอนใหม่ช้ามาก อืม อาทิตย์นี้เป็อาทิตย์สุดท้ายที่ตอนใหม่จะมีสองพันตัวอักษรแล้ว อาทิตย์หน้าจะเริ่มมีสามพันตัวอักษรทุกบทแล้วนะ จะพยายามทำให้ได้สามพันตัว*สามวันนะครับ จะพยายาม เอาเถอะ ความกดดันในตอนนี้ค่อนข้างมาก แต่ความเชื่อมั่นนี่มันค่อนข้างน้อย......... ยังไงก็ช่วยปลอบโยนและผลักดันกันด้วยนะครับ)
