หลังจากคำนวณอย่างถี่ถ้วน จริงที่ทั้งสองมิได้อยู่ด้วยกันนานแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะนอนด้วยกันทุกคืน แต่ต่างยุ่งกันหัวหมุน แยกกันนอนโดยไม่พูดกระไรสักคำ
หรงซิวละทิ้งภาพลักษณ์แล้วบอกว่าอยากอยู่กับนาง อวิ๋นอี้จึงตอบรับอย่างหน้าแดง
เขารู้ว่าสาวน้อยเขินอายจึงมองอย่างอ่อนโยน
พวกเขาตัดสินใจว่าจะไปเล่นว่าวกันในวันรุ่งขึ้น
หรงซิวอารมณ์ดีตลอด่บ่าย ในตอนกลางคืนก็กอดนางอยู่ในอ้อมอก นุ่มนวลไปเสียทุกที่เช่นนี้ เขาจะต้านทานไหวได้อย่างไร
กินอิ่มแล้วคราหนึ่งก็ยังอยากเอาอีก
อวิ๋นอี้คิดว่าจะไปเล่นว่าวในวันพรุ่ง จึงรีบขอความเมตตาคราแล้วคราเล่าถึงได้รอดพ้นจากการทรมานของเขา
วันรุ่งขึ้นอากาศสดใส ลมค่อนข้างแรงเช่นเคย
แม้ว่าหรงซิวจะมิได้จัดหนัก ทว่าเมื่อตอนตื่นนอน อวิ๋นอี้กลับอดมิได้ที่จะดุเขา
เขาเอนตัวลงกับเตียง มองดูท่าทางการเดินที่ติดขัดของนางพลันยิ้มอย่างเ้าเล่ห์และยั่วยุ ทำให้อวิ๋นอี้รู้สึกโกรธและอยากจะทุบหัวเขาทิ้ง
“ยังหัวเราะอีกหรือเพคะ? ข้าเป็เช่นนี้เพราะผู้ใดกัน!” ปากเล็กๆ ของสตรีสาวมิได้หยุดพัก ในสายตาของเขานั้น มันแลดูเป็การยั่วยวนเสียมากกว่า
หรงซิวเลียริมฝีปาก ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ให้ข้าดูแลเถิดเมียจ๋า ข้ารู้ว่าเ้าขาอ่อน ข้าอุ้มเ้าไปที่รถเอง”
“ไปให้พ้น!”
เดิมทีก็น่าอายมากแล้ว บุรุษผู้นี้ยังจะพูดออกมาปาวๆ อีก
หนี่มา
ทุบหัวของเขาไม่เพียงพอจะทำให้ความโกรธของนางสงบลงได้อีกต่อไป นางต้องเตะหัวเหมือนลูกบอลถึงจะพอได้ระบายความโกรธ!
“ไอหยา โกรธเช่นนี้เลยหรือ…จิ๊” ปากของเขาพูดทะลึ่ง ตอนที่คนมาถึง เขาก็อุ้มนางขึ้นแล้ววิ่ง จึงถูกนางตีไหล่มิหยุด เดินยิ้มโดยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ “เมียจ๋าของข้าโกรธยังงาม งามเสียจนข้าอดมิได้ที่จะอุ้มเ้า เมียจ๋าบอกข้าหน่อย เหตุใดเ้าถึงได้น่ารักเช่นนี้ จะอารมณ์ไหนข้าก็รักเ้าจนจะแย่แล้ว หากเ้าจากข้าไป ข้าคงอยู่มิไหวแน่!”
อวิ๋นอี้โกรธมากในตอนแรก ทว่าหลังจากฟังคำพูดเหล่านี้แล้ว ความโกรธของนางก็พลันหายไป ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังเขินจนแก้มแดง
มิเคยเห็นบุรุษไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!
ปากหวานเสียจนทำให้คนโกรธมิลง
อวิ๋นอี้หยุดดิ้นรนและปล่อยให้เขาพาขึ้นรถ จากนั้นเขาก็ตามเข้าไปด้วย
“ฝ่าาเข้ามาทำไมเพคะ?” นางมองเขา พยายามไม่ยิ้มพลันถามด้วยใบหน้าจริงจัง
หรงซิวรีบก้มตัวทำเป็ต่ำต้อย "เข้ามาปรนนิบัติเมียจ๋าของข้า เมื่อคืนเมียจ๋าเหนื่อยมามากแล้ว ข้าจะชงชาให้ ให้โอกาสข้าหน่อยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
มิให้แล้วจะทำกระไรได้ เขานั่งลงเสียเช่นนี้ มิได้อยากจะลุกออกไปสักนิด
อวิ๋นอี้กลอกตาขาว เหนื่อยที่จะพูด
พวกเขากำลังจะไปเล่นว่าวในเขตชานเมือง ซึ่งห่างจากเมืองหลวงสามกิโลเมตร มีผู้คนมากมายที่นั่นและเป็พื้นที่กว้าง เป็พื้นที่รวมของการเล่นว่าวในปีก่อนๆ
หลังจากที่รถม้าเริ่มออก หรงซิวมีท่าทีปรนนิบัตินางจริงๆ นำอิงถาวและฉ่าวเหมย[1] มาป้อนที่ข้างปากนางทีละลูก ราวกับเป็คนรับใช้
อวิ๋นอี้ทำหน้าเ็าสักพักก็พ่ายแพ้ จึงนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า "ข้ากินเอง มิต้องป้อนเพคะ"
"กระไรนะ?" หรงซิวเลิกคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว “ข้ามีเื่จะบอก”
“อ้อ” เขาพยักหน้าทันที ั์ตาสีเข้มเป็ประกาย แล้วมองมาที่นาง “เมียจ๋าพูดสิ”
“......” อวิ๋นอี้อึดอัดเพราะท่าทีของเขา กระแอมเสียงเบาก่อนจะพูด "หรงซิว ข้าอยากจะบอกว่าเราควรจะควบคุมบ้าง"
“ควบคุม?”
“เพคะ ก่อนหน้านี้ฝ่าามิได้มีปัญหาเื่นั้นหรือเพคะ ต้องกินยาถึงจะดีขึ้นมาได้ ทว่าทุกอย่างมีขีดจำกัด จะใช้มันอย่างมากเกินไปมิได้นะเพคะ” อวิ๋นอี้พูดขึ้นอย่างร้อนรน หรี่ตาลงเล็กน้อย ดึงดันพูดต่อ “ข้าคิดว่าเราร่วมหอกันสัปดาห์ละครั้งเถิดนะเพคะ ฝ่าาคิดอย่างไรเพคะ? ดีกับฝ่าาและดีกับข้าด้วย”
นางมิอยากจะลุกจากเตียงไม่ไหวทุกวัน
“ข้าคิดว่าไม่ดี” หรงซิวส่ายหัวปฏิเสธ “เมียจ๋า ข้าร่างกายแข็งแรงมาก เ้ามิต้องห่วงข้าหรอก ยิ่งกว่านั้นนะ หากข้าจะตายบนร่างเ้าข้าก็ยอม!”
"มิได้เพคะ! ฝ่าาต้องตกลง!" อวิ๋นอี้ได้ยินเขาพูด สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที "มิฉะนั้นฝ่าาอย่าหวังจะได้แตะตัวข้าอีก"
บุรุษที่ดีจะไม่ต่อสู้กับสตรี คนเก่งจะไม่เสียบเปรียบกับสถานการณ์ตรงหน้า หรงซิวคิดอย่างทันท่วงที แกล้งตอบรับอย่างไม่เต็มใจ นางชนะอีกแล้ว อวิ๋นอี้อารมณ์ดีมาก ระยะทางในการเดินทางต่อไป นางมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น
เมื่อไปถึงย่านชานเมือง ยังไม่ทันที่จะลงจากรถ ก็ได้ยินเสียงความโกลาหลจากภายนอก
อวิ๋นอี้มองผ่านหน้าต่างและพูดด้วยความประหลาดใจ "ว้าว! คนเยอะมากเลยเพคะ!"
หรงซิวยักไหล่ "ชอบหรือไม่? ”
“ชอบเพคะ” นางชอบใจที่จะร่วมสนุก มีหลายสิ่งที่เล่นกันเยอะๆ ถึงจะสนุกขึ้น และนี่เป็เหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมาเล่นว่าวไกลถึงเช่นนี้
หลังจากที่รถหยุด หรงซิวอุ้มนางลง เมื่อคนใช้เอาว่าวมาให้ จึงจูงนางออกผ่านฝูงชนไป
ไม่นานนัก ก็มาถึงพื้นที่ที่มีคนค่อนข้างน้อย
อวิ๋นอี้เอาว่าวออกมา ว่าวนี้เป็ผลงานที่ให้คนจัดทำในชั่วข้ามคืน
บนกระดาษว่าวมีตุ๊กตามงคลเสื้อผ้าสีแดงอยู่ ทว่าสิ่งที่น่าอายคือบนเสื้อผ้าของตุ๊กตานั้นมีอักษรที่เขียนว่าซิวกับอี้อยู่ที่แสดงถึงพวกเขาสองคน
“คนตัวน้อยสองผู้นี้ดูดีใช่หรือไม่!" หรงซิวพอใจมาก "แน่นอนสิ เมียจ๋าของข้าสวยที่สุด"
"......"
นายผู้นี้ประจบขึ้นมามิมีหยุดเหมือนกัน พิษเยอะจริงๆ
นางชำเลืองมองเขาและเดินตามลม ผ่อนสายว่าวให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ตุ๊กตามงคลทั้งสองก็รวมเข้าด้วยกันอยู่ในมหาสมุทรว่าว
หรงซิวโอบเอวอวิ๋นอี้ไว้ กังวลว่านางจะจดจ่อเกินไป แล้วจะหกล้มโดยไม่ตั้งใจ บางคราลมแรงเกินไปจนนางจับสายไว้มิได้ เขาจึงจับแกนสายไว้ แล้วจูบชื่นชมนาง
ทั้งคู่สามัคคีกันอย่างเห็นได้มิบ่อยนัก มิมีการทะเลาะวิวาทใดๆ
่เวลาที่ดีอยู่ได้ไม่นาน อวิ๋นอี้เงยหน้ามองบนฟ้า มิได้ระวังขา ก็พลันไปเหยียบก้อนหินสะดุดล้มจนเกือบล้มลง
โชคดีที่หรงซิวมีสายตาที่ว่องไวและมือไว เกี่ยวเอวนางแล้วโอบไว้ในวงแขน
“เจ็บหรือไม่?” ขณะที่ความใกำลังจะสงบลง เสียงของบุรุษหนุ่มดังเข้ามาในหู พร้อมลมหายใจอุ่นๆ ของเขา ทำให้อวิ๋นอี้มึนงงเล็กน้อย ส่ายหน้า “ไม่เจ็บเพคะ”
“ข้าเห็นเ้าเท้าพลิก ไม่เจ็บจริงหรือ?” หรงซิวเหลือบมองนางแล้วคว้าแกนสายในมือ “ไม่เล่นแล้ว ไปกันเถิด ไปที่รถม้า ข้าจะดูว่าเ้าเท้าบวมหรือไม่”
“ข้ามิเป็ไรจริงๆ ..."
"เชื่อฟังได้หรือไม่?" เขาหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง สีหน้าดุและจริงจัง "ข้าจะจูบนะถ้าเ้าไม่เชื่อฟัง!"
"กล้าหรือเพคะ!" อวิ๋นอี้โพล่งออกมาอย่างร้อนรน
หรงซิวฮึมฮัมเสียง ทำตัวเย่อหยิ่ง "ลองดูสิว่าข้ากล้าหรือไม่"
ด้วยนิสัยที่บ้าคลั่งของเขา มันเป็ไปได้ที่จะทำเื่เช่นนี้ อวิ๋นอี้จึงต้องประนีประนอมและถูกเขาพาไปที่รถม้า
เขายัดนางเข้าไปในรถม้า จากนั้นจึงถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ตรวจสอบดูอย่างละเอียด เขาพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก "โชคดีที่มิได้าเ็ถึงกระดูก"
อวิ๋นอี้มุ่ยปาก "บอกแล้วนี่เพคะว่าไม่เป็กระไร ฝ่าาทำเป็เื่ใหญ่"
"เื่ของเ้าข้าต้องใส่ใจอยู่แล้วสิ" หรงซิวนั่งยองๆ ใส่รองเท้าให้นาง แล้วถามนางว่า "ยังจะออกไปเล่นอีกหรือไม่?"
“ไปสิเพคะ!”
เสียงเพิ่งจะจบไป ทั้งสองยังไม่ออกจากรถม้า ก็ได้ยินเสียงคุยกันมาจากข้างนอก
อวิ๋นอี้และหรงซิวมองหน้ากัน ฟังได้ชัดเจนว่าเป็เสียงของกู่ซือฝาน
มันบังเอิญเช่นนั้นเลยหรือ?
เมื่อออกไปดูเห็นนางจริงๆ และข้างหลังนาง มีหรงหลิน และสตรีที่มีผ้าคลุมหน้าคนหนึ่ง
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว สัญชาตญาณของสตรี ทำให้นางรู้สึกกดดันขึ้นมา
ไม่นานกู่ซือฝานะโเข้ามาคว้าแขนนางแล้วพูดว่า “ท่านพี่สะใภ้! วันนี้ช่างบังเอิญกระไรเช่นนี้! ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าพบท่านที่นี่ทั้งยังได้เจอกับท่านพี่หว่านฉือด้วย!”
เชิงอรรรถ
[1] ฉ่าวเหมย 草莓 หมายถึง สตรอว์เบอร์รี่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้