“อาสะใภ้รอง เจินจูฟื้นแล้วหรือยัง?” เสียงไพเราะน่าฟังของหญิงสาวดังขึ้น
พอได้ยินเสียงนี้ เจินจูที่กำลังนอนงีบอยู่ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอชำเลืองมองไปทางประตู เสียงที่ได้ฟังช่างดูคุ้นเคยนัก เธอครุ่นคิดเล็กน้อยก็นึกได้ว่าเป็ผู้ใด
เพียงได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กๆ ครู่หนึ่ง เสียงก็ดังขึ้นว่า “อาสะใภ้รอง พุทราจีนบ้านพวกเราสุกแล้ว ท่านย่าเรียกข้าเอามาให้พวกท่าน ให้เจินจูกับผิงอันกินเป็ของว่าง”
เสียงหยุดลงพักหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “อาสะใภ้รอง ท่านรับไว้เถิด ลูกพุทราจีนบนต้นบ้านข้ามีอีกเยอะ ...เช่นนั้นข้าเข้าไปเยี่ยมเจินจูก่อนนะเ้าคะ”
เสียงเพิ่งหยุดลง คนก็มาถึงประตูแล้ว แสงอ่อนๆ ตอนเช้าตรู่ส่องผ่านหน้าประตูมากระทบบนกายหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า บนกายเธอสวมเสื้อกันหนาวลวดลายดอกไม้สีเข้ม ทั้งร่างดูผอมเล็ก ถักเปียสองเส้นอย่างประณีตบนศีรษะ คิ้วบางตาโต ไม่ใช่ว่าเป็หูชุ่ยจูลูกพี่ลูกน้องคนรองของเธอหรอกหรือ?
“เจินจู เ้าเป็อย่างไรบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง?” ชุ่ยจูก้าวเร็วๆ มายังหน้าเตียง กล่าวถามด้วยความร้อนรน ั์ตายังมีน้ำตาคลอรื้นขึ้นมาอีกด้วย
มองดวงตาชุ่ยจูที่แดงเรื่อ เจินจูก็เกิดความซาบซึ้งอยู่ในใจ ทำให้รู้สึกอยากร้องไห้ตามไปด้วยไม่ได้ จึงรีบหยัดกายลุกขึ้นมานั่งทันที กล่าวตอบด้วยเสียงนุ่มละมุน
“พี่รอง ข้าไม่เป็อะไร ท่านดูสิ ไม่ใช่ว่าข้าสบายดีมากหรอกหรือ” เธอขยับร่างกายซ้ายทีขวาที และยังแกว่งแขนอีกด้วย
“อย่าขยับมั่วซั่ว เมื่อวานเ้าตกลงไปอย่างโหดร้ายถึงเพียงนั้น จะดีขึ้นอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน รีบนอนลงดีๆ ”
ชุ่ยจูเห็นเธอขยับสะเปะสะปะอยู่ครู่หนึ่งจึงรีบยับยั้ง “เ้านี่นะเมื่อวานดื้อรั้นเพียงนั้น ไข่ไก่ป่าไม่กี่ฟองก็มีค่ายิ่งกว่าชีวิต เ้าไฉ่สยาจะหวังดีได้อย่างไร มิใช่ว่าเห็นเนินลาดสูงชันเกินไปตนเองไม่กล้าไปล้วงขโมย จึงเสแสร้งหวังดีบอกให้เ้าฟัง แต่เ้าก็ยังตกหลุมพรางพวกนางได้”
ชุ่ยจูกล่าวด้วยความโกรธเคือง ท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจแทน “เ้าน่ะไม่เห็น ตอนตัวเองกลิ้งตกลงเนินไป สองสาวพี่น้องนั่นใบหน้ายินดีปรีดาเสียเหลือเกิน จนเห็นว่าศีรษะของเ้าเต็มไปด้วยเืสีแดงฉานถึงใจนใบหน้าซีดขาว ก่อนจะวิ่งหายวับไปกับตา ทั้งๆ ที่ล้วนเป็คนหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่คิดจะสอดมือเข้ามาช่วยเหลือหามเ้ากลับหมู่บ้าน คนต่ำทรามใจดำเช่นนี้ ต่อไปเ้าอย่าได้สนใจพวกนางอีกเลย!”
เจินจูยิ้มหน้าเหยเกกล่าว “อื้ม ไม่สนใจพวกนางอีกต่อไปแล้ว พี่รองอย่าได้โมโหเลย มิใช่ว่าตอนนี้ข้าไม่เป็อะไรแล้วหรือ เมื่อวานข้าสวมเสื้อผ้าหนา ร่างกายไม่ได้รับาเ็ ก็แค่หัวกระแทกแตกเท่านั้น วันนี้ดีขึ้นพอสมควรแล้ว”
ชุ่ยจูเหลือบมองเธอด้วยความสงสัย กล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า “แต่ท่านหมอหลินบอก เ้าาเ็ไม่น้อยเลย ต้องพักผ่อนหลายวันจึงจะหาย เ้าอย่าได้อวดดีนัก”
“… เปล่าเสียหน่อย ร่างกายข้าเจ็บหรือไม่ข้าจะไม่รู้เชียวหรือ ฮ่าๆ” เจินจูหัวเราะเสียงแห้ง รีบเปลี่ยนเื่โดยไว “พี่รอง พุทราจีนบ้านใหญ่สุกแล้วหรือ?”
เธอแสร้งจุ๊ปาก แสดงท่าทางว่าอยากกินมาก
ชุ่ยจูหัวเราะฮาๆ ออกมาจริงๆ “เ้าตะกละนี่ วางใจเถิด ต้องมีของเ้าอยู่แล้ว นี่เพิ่งจะสุกเอง เก็บมาให้บ้านเ้าแล้วหนึ่งตะกร้า”
“อื้ม ขอบคุณพี่รอง พี่รองดีที่สุด” เธอกล่าวตอบด้วยการยิ้มซื่อๆ
ชุ่ยจูกลับมองสังเกตเธออย่างแปลกประหลาด “ฮึ ตกลงไปครานี้ ไม่นึกเลยว่าจะเปลี่ยนไปช่างพูดมากขึ้นขนาดนี้”
หูเจินจูเมื่อก่อนเป็คนที่มีนิสัยเงียบขรึมๆ ไม่ค่อยชอบพูด ตอนเล่นด้วยกันกับชุ่ยจู ชุ่ยจูพูดเสียหลายประโยคนางจึงตอบกลับเพียงหนึ่งประโยค
“อา…ไม่ใช่เพราะเมื่อวานท่านพี่รองแบกข้ากลับมาอย่างยากลำบากหรือ ท่านดีกับข้าเช่นนี้ เป็ธรรมดาที่ข้าต้องดีต่อท่านกลับสิ”
เจินจูรู้ว่าตนเองมีความแตกต่างกับเ้าของร่างเดิม แต่ดีที่ทั้งสองล้วนยังเด็กนัก มีความเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยก็ไม่ทำให้เกิดความใส่ใจมากเท่าไร เพราะเป็เช่นนี้เขาถึงว่ากันว่าเด็กน้อยนิสัยยังไม่แน่นอนอย่างไรเล่า
ชุ่ยจูได้ยินดังนี้ ั์ตาก็กลับมาแดงขึ้นอีกครั้ง “ครั้งหน้าห้ามทำแบบนี้อีก ตอนเห็นเ้ากลิ้งตกเขาไป ข้าใแทบตาย” พูดไปพลางน้ำตาไหลลงมาพลาง
เจินจูรีบกล่าวเสียงนุ่ม “พี่รอง ข้าทราบแล้ว ครั้งหน้าจะไม่เป็แบบนี้อีก” กล่าวจบก็หันไปทางนางแล้วยิ้มส่งให้
“ฮาๆ …ดูเ้าทำหน้าโง่เง่าสิ ยิ้มได้น่าเกลียดจริงเชียว” เห็นท่าทางยิ้มโง่เง่าของเธอ ในที่สุดชุ่ยจูก็เปลี่ยนจากร้องไห้มายิ้มแย้มได้
“ฮ่าๆ…” เจินจูแกล้งทำหน้าโง่ต่อไป แต่ในใจร่ำร้อง... เป็ข้ามันง่ายนักหรือ ไม่แกล้งทำเป็โง่ เ้าจะยิ้มได้หรือไม่เล่า
ขณะนั้น หลี่ซื่อก็ถือผลพุทราจีนที่ล้างสะอาดแล้วเข้ามา เห็นว่าเด็กทั้งสองกำลังหัวเราะกันสนุกสนาน ใบหน้าอดยิ้มแย้มไม่ได้ สองสาวพี่น้องไปมาหาสู่รักใคร่กลมเกลียวมีความสุข ความดีใจของนางที่อยู่ภายในใจส่งมาถึงั์ตาเลยทีเดียว
ส่งผลพุทราจีนไปยังคนทั้งสอง เจินจูไม่เกรงใจ คว้าขึ้นมาหนึ่งกำค่อยๆ เคี้ยวกร๊วม
“อื้ม หวานนัก ท่านแม่ พี่รอง พวกท่านก็กินด้วยกันสิ”
ชุ่ยจูหยิบผลพุทราจีนมาแม้ว่าลูกจะไม่ใหญ่ แต่เปลือกบางเนื้อกรอบรสชาติยังหวานมากอีกด้วย
“ข้ากินมาแล้วจากบ้าน เจินจูเ้าทานเยอะๆ หน่อย อาสะใภ้รองก็ทานเยอะๆ ด้วย ในบ้านยังมีอีกมาก ท่านย่าบอกว่า รอพุทราจีนร่วงลงมาหมดแล้ว ท่านย่าจะทำเจ่าเหนียนเกา [1] ให้พวกเราทาน” ชุ่ยจูกล่าวอย่างร่าเริง เพราะทางบ้านไม่ได้มั่งคั่งร่ำรวย อาหารการกินจำพวกของหวานเกาปิ่ง [2] ปกติแล้วไม่ค่อยได้ทำ ชุ่ยจูจำได้ว่าครั้งหนึ่งได้กินของหวาน ตอนนั้นคงจะเป็งานมงคลของพี่สาวคนโตหูอู้จู
“เจ่าเหนียนเกา? ท่านย่าทำต้องอร่อยมากแน่” เจินจูว่าคล้อยตาม ใช้มือรับเมล็ดพุทราที่คายออกจากปาก คิดว่าอีกสักพักจะถือเข้าไปลองปลูกในมิติช่องว่างดู
“เจินจูเ้าจำไม่ได้แล้วหรือ? เมื่อก่อนท่านย่าก็เคยทำ หอมหวานนุ่มนิ่มอร่อยมากเลย แต่เปลืองข้าวเหนียวนัก ท่านย่าจึงไม่ค่อยทำ” ชุ่ยจูนึกเสียดายรสชาติ
หลี่ซื่อที่อยู่ข้างๆ มองชุ่ยจูอย่างสงสาร เจ่าเหนียนเกานางก็ทำเป็ แต่เปลืองธัญพืชจริงๆ ยามปกติไม่สามารถทำอาหารเหล่านี้กินได้ มีเพียงวันเทศกาลสำคัญหรือมีเื่มงคลจึงจะทำบ้างเล็กน้อย “เฮ้อ…” นางถอนหายใจในใจ
เจินจูหัวเราะ ไม่ได้ตอบรับ ชุ่ยจูมองเธออย่างขบขัน “เอาเถิด พอถึงเวลาจะเก็บไว้ให้เ้ากับผิงอันเยอะหน่อย”
เด็กสาวหมุนกายมากล่าวกับหลี่ซื่อว่า “ท่านอาสะใภ้รอง วันนี้ท่านยายข้ามาเยี่ยมท่านแม่ที่บ้าน ท่านย่าจึงไม่มีเวลาว่างมาเยี่ยมเจินจู เจินจูไม่เป็อะไรข้าก็จะกลับแล้ว ทางบ้านยังมีงานอยู่เล็กน้อย ท่านพักเสียหน่อยเถิด มีเวลาว่างข้าจะมาเยี่ยมท่านอีก”
หลี่ซื่อได้ฟังแล้วก็วิตกกังวล บ้านแม่สามีมีแขกมานางก็ควรไปช่วยจึงจะถูก นางมองเจินจู ทำท่าท่างสื่อความหมายของตนเอง
เจินจูเข้าใจคร่าวๆ จึงพยักหน้ากล่าว “ท่านแม่ ท่านไปเถิด ข้าอยู่เฝ้าบ้าน ไม่ไปที่ใดทั้งสิ้น”
หลี่ซื่อพยักหน้าแล้วยิ้มบาง ตีชุ่ยจูเบาๆ บอกใบ้ให้ชุ่ยจูทราบ เด็กสาวอ้าปากพูดอึกๆ อักๆ “ท่านอา… ท่านอาสะใภ้รอง ท่านอยู่บ้านเฝ้าเจินจูก็พอแล้ว ทางบ้านข้ายังพอช่วยไหวอยู่”
หลี่ซื่อย่นคิ้วมองนาง ชุ่ยจูหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
เจินจูมองหลี่ซื่อที่จูงชุ่ยจูเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก เธอพลิกกายลงจากเตียง จำได้ว่าเมล็ดพืชทุกชนิดในบ้านล้วนเก็บไว้ในห้องเก็บของ เธอตัดสินใจหาบางอย่างออกมาลองดู
หลังจากรื้อค้นทุกสิ่งที่อยู่ในห้องมืดสลัวเล็กๆ อยู่พักหนึ่ง ก็หาของที่คล้ายกับเมล็ดพันธุ์พืชพบ รูปร่างไม่แน่ชัดว่าเป็อะไร อย่างไรเสียก็คิดจะใช้ทดลองอยู่แล้ว จะสนใจอะไรเล่า
เจินจูกลับมายังห้องแล้วจึงปิดงับประตู จากนั้นคิดปรากฏเข้าไปในมิติช่องว่าง ทุกครั้งที่เข้าไปในนั้น เจินจูมักถูกดึงดูดด้วยกลิ่นหอมหวานที่อยู่ในอากาศ ครั้นสูดดมเข้าไปแล้วทำให้คนเคลิบเคลิ้มเป็พิเศษ
เธอยอบกายต่ำลง เอาใบหน้าแนบชิดบนหญ้าหอมอ่อนนุ่ม สูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกใหญ่ เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกสบายที่ซึมซับเข้าไปในปอด
หญ้าสีม่วงนี่เรียกว่าหญ้าสงบจิต พอเห็นชื่อจึงทราบได้ถึงความหมายแฝงมันมีประโยชน์ทำให้จิตใจสงบ ทำให้คนมีสมาธิสภาพจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน จิตใจมั่นคง ผ่อนคลายอารมณ์เป็ต้น หญ้านี้เหลือมาจากสวนสมุนไพรเก่า ถือเป็ยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง ราคาของมันไม่นับว่าสูง แต่มันเป็ส่วนผสมที่จำเป็สำหรับยาลูกกลอนหลายชนิด ดังนั้นจึงถูกปลูกไว้ในสวนสมุนไพรเดิมที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ส่วนในมิติช่องว่างเล็กๆ ของเจินจูกลับเหลือไว้เพียงหญ้าสงบจิตผืนเล็กผืนหนึ่ง
เจินจูคลานขึ้นมาด้วยความอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย ปากก็รำพึงรำพัน “กลิ่นหอมนี้ดมแล้วหอมจริงๆ ข้าอยากเอามันมาทำหมอน แบบนี้คงได้ดมกลิ่น นอนหลับสบายทุกวัน”
ดูจากข้อความที่เหลือไว้บนแผ่นหยก หมอนที่ทำจากหญ้าสงบจิตนี้จะส่งผลให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย มีผลอย่างมากต่ออาการนอนไม่หลับ แก้อาการใจร้อนไม่เป็สุขและกระสับกระส่าย น่าเสียดายที่ผืนหญ้านี้เล็กเกินไป ตัดไปทั้งหมดนี่ก็ไม่พอยัดไส้หมอนหนึ่งใบ
เดินมาถึงริมไร่นา เขี่ยเมล็ดพันธุ์ในมือที่มีน้อยจนน่าเวทนา เธอรู้จักเพียงสองอย่างในนั้น ก็คือเมล็ดฟักทองที่เธอแทะไปไม่น้อยในชาติก่อน แล้วยังมีเมล็ดพุทราจีนไม่กี่เมล็ดที่เธอเพิ่งคายออกมา ส่วนอันอื่น ปลูกออกมาแล้วคงได้รู้ เธอคิดมองโลกในแง่ดี
วิ่งมาถึงมุมกำแพงหยิบจอบขึ้นมา ขุดเว้นระยะห่างไม่กี่หลุม แล้วหนึ่งหลุมก็ฝังเมล็ดลงไปหนึ่งเมล็ด ผ่านไปได้สักพักจึงฝังเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดเสร็จ เจินจูเอาเมล็ดพุทราจีนปลูกไว้เดี่ยวๆ สี่มุมไร่นา เธอจำได้ว่าต้นพุทราเติบโตค่อนข้างสูง กลัวถึงเวลามันจะพื้นที่ทั้งหมด
หลังจากนำเมล็ดพันธุ์ที่มีไปปลูกจนเสร็จนั้นไม่ง่ายเลย ตอนนั้นถึงพบว่าไม่มีภาชนะบรรจุน้ำ ไม่รู้จะรดน้ำอย่างไรดี
เธอกรอกตารอบหนึ่ง คิดขึ้นมาได้ว่าในห้องครัวแขวนน้ำเต้าแห้งไว้ไม่กี่อัน บ้านของเธอเก็บไว้ใช้เป็กระบวยตักน้ำ คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ชนบทใช้โอ่งกักเก็บน้ำ และใช้น้ำเต้าพวกนี้ตักน้ำ
หลังจากระมัดระวังตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวข้างนอกได้พักหนึ่ง จึงค่อยปรากฏตัวออกมานอกมิติช่องว่าง ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ไปที่ห้องครัว พอคว้าน้ำเต้าอันใหญ่อันหนึ่งได้ก็แอบย่องกลับไปที่ห้องทันที
กลับเข้ามาในมิติช่องว่างอีกครั้ง เจินจูรดน้ำแร่ลงไปทุกหลุมอย่างแข็งขัน ในใจภาวนาหวังให้พวกมันแสดงผลเติบโตอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเอาแต่นึกเื่ปิติยินดี เดินมาถึงข้างสระน้ำแร่ ทำนู่นทำนี่อยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ให้รางวัลตนเอง โดยการใช้กระบวยตักน้ำแร่ขึ้นมาดื่มไปครึ่งกระบวย
“อา…สบายจริง!” น้ำแร่เย็นชุ่มหวานอร่อยไหลลงไปในลำคอ ทำให้ร่างกายที่แต่เดิมเมื่อยล้าจากการใช้แรงงานรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที เธอหรี่ตาลงอย่างสบายใจ ในใจแอบครุ่นคิด “เดิมทีที่นาผืนนี้ควรจะมีความเร็วในการเติบโตสิบเท่า หลังผลที่ได้ลดลงไปครึ่งหนึ่งก็เป็ห้าเท่า ปกติฟักทองน่าจะสามสี่เดือนจึงจะออกผล หากนับแบบนี้ เวลาเพียงครึ่งเดือนก็คงจะออกผลแล้ว”
เจินจูดวงตาวาววับ ในใจเริงร่าอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ เธอในฐานะชาวบ้านธรรมดาที่สามารถใช้ประสิทธิภาพแม้เพียงบางส่วนของโลกใบเล็กนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มิติช่องว่างก็สามารถคุ้มครองความปลอดภัยและที่นายังทำให้พืชผลเจริญเติบโตด้วยความรวดเร็ว เท่านี้ก็เป็กำไรที่ยิ่งใหญ่ก้อนโตแล้ว
เธอหายใจเข้าออกลึกๆ หลายเฮือกด้วยความรู้สึกเป็สุข กลิ่นหอมสดชื่นที่เป็เอกลักษณ์ของหญ้าสงบจิตซึมลึกเข้าไปในปอด
ผ่านไปได้สักพักหนึ่ง เจินจูไม่กล้าอยู่ในมิติช่องว่างนานนัก ประตูใหญ่ของบ้านเพียงแค่งับไว้ หากว่าจู่ๆ มีใครบุกเข้ามา คงจะยุ่งยากน่าดู
ความคิดเธอค่อยๆ ฉายภาพ พริบตาเดียวก็กลับมาในห้อง ดึงประตูห้องเปิดมองสีท้องฟ้า กะดูท่าทางน่าจะเป็เวลาเก้าโมงสิบโมงได้ ยังห่างจากเวลาอาหารเที่ยงมากนัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงตั้งใจเดินรอบบริเวณใกล้เคียงรอบหนึ่ง เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเล็กน้อย
เชิงอรรถ
[1] เจ่าเหนียนเกา คือ ขนมเค้กพุทราจีน
[2] เกาปิ่ง คือ ขนมเค้กและขนมเปี๊ยะ