ฉือหางไม่เคยเห็นสตรีผู้นี้มาก่อน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย มองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างระแวดระวัง
หญิงสาวคนนั้นอยู่ในชุดสีชมพู สะอาดเรียบร้อย มองดูที่ฉือหางด้วยรอยยิ้ม "คุณชายฉือ ข้าเรียกเ้า!"
“ข้าไม่รู้จักเ้า” ฉือหางไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวตรงหน้าเขาด้วยซ้ำ เขาก้มศีรษะลง เตรียมที่จะเดินอ้อม
“คนแซ่ฉือ ใครบอกให้เ้าเดินไป!”
เสียงเอาแต่ใจดังมาจากด้านหลัง
“เ้าโง่หรือไง ข้าเรียกเ้าตั้งนาน เ้าไม่ได้ยินหรือไง?”
ทันทีที่ฉือหางหันศีรษะ เขาก็ผงะ ก่อนที่จะเห็นร่างของหญิงสาวอย่างชัดเจน
"หรือเ้าคิดว่าทุกคนในโลกสกุลฉือกันหมดทุกคนหรือไง สมองของเ้าน้ำเข้าหรือไง โง่เหมือนหมู..."
หลังจากถูกก่นด่าไปยกใหญ่ ฉือหางก็เงยหน้าขึ้นและเห็นหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขา บนศีรษะของนางปักด้วยปิ่นเงินลายหงส์ ใส่กระโปรงร้อยจีบสีฟ้าปักลายผีเสื้อด้วยด้ายสีเงิน สวมรองเท้าผ้าไหมปักลายดอกชบาและนกยูง
รูปร่างของนางสวยบอบบาง แม้ใบหน้าของนางจะแสดงออกถึงความหงุดหงิด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่งามเพริศพริ้งเสียหาย คิ้วของนางย่นกลายเป็วง ปิ่นสีเงินบนศีรษะก็แกว่งไปมาเบาๆ ตามการเคลื่อนไหว เพิ่มความน่ารักขึ้นอีกหลายส่วน
ตลาดที่เดิมทีคึกคักก็สงบลงทันที ฉือหางมองไปยังสภาพแวดล้อมรอบๆ ผู้คนต่างมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
สาวน้อยอารมณ์ร้าย เอ่ยถ้อยคำสามหาว กลับไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย
ฉือหางชำเลืองมองหญิงสาว จากนั้นหันสายตาไปทางอื่น "อืม แม่นาง เ้าเป็ใครหรือ?"
......
บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของสกุลเจียง เจียงโหรว เป็ที่รู้จักของทุกคนในเมือง เมื่อได้ยินคำถามของฉือหาง พวกเขาแต่ละคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เจียงโหรวเป็สาวงามอันดับหนึ่งของที่นี่ และเป็ที่เลื่องลือว่าเป็คุณหนูผู้เอาแต่ใจ
เจียงโหรวหยุดชะงักชั่วคราว มองไปที่ฉือหางด้วยความประหลาดใจ ชี้นิ้วมือที่ตัวเอง และทันใดนั้นก็ขึ้นเสียง "ข้าเป็ใคร เ้าไม่รู้จักข้างั้นหรือ?"
ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองไปที่สตรีที่อยู่เบื้องหน้า ทรงผมของนางไม่ใช่ทรงผมของหญิงออกเรือน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน เขาก้มศีรษะลง และพูดอย่างละล้าละลัง "แม่นาง ข้าไม่รู้จักเ้าจริงๆ"
ทันใดนั้น เจียงโหรวอยากจะฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าคนอยู่ตรงหน้า แต่แล้วนางก็ต้องควบคุมมือของนางถึงขั้นรู้สึกได้ว่ามือชา
ดวงตาของเจียงโหรวเบิกกว้าง นางพึมพำและกลั้นหายใจเงียบๆ เป็เวลานาน ก่อนที่นางจะพยายามตั้งสติได้อีกหน นางแผดเสียงะโอย่างหงุดหงิดว่า "ซิ่งฮวา!"
"คุณชายฉือ ท่านเป็ผู้ช่วยชีวิตคุณหนูของข้า รวมถึงผู้ที่เดินทางพร้อมพวกเรา เมื่อครั้งที่พวกเราเข้าไปในถิ่นทุรกันดารในป่า" ซิ่งฮวาเดินไปด้านหน้าของฉือหางและกล่าวเสียงเบา
หลังจากนั้นไม่นาน ฉือหางก็พูดว่า "อืม" และก้มศีรษะลง "ถ้าไม่มีอะไร ข้าขอตัวกลับก่อน"
"ใครบอกว่าไม่มีอะไร?" เจียงโหรวเดินไปข้างหน้าฉือหางอย่างเ็า มองไปที่บุรุษที่รูปร่างสูงกว่าตัวนางราวหนึ่งศีรษะ[1] น้ำเสียงของนางเ็า "ข้าได้ยินมาว่าเ้าตกลงมาจากูเาจนเป็อัมพาต แต่สภาพของเ้าตอนนี้ ดูเหมือนว่าเ้าจะหายป่วยแล้ว”
"อืม ข้านอนติดเตียงเป็เวลาสองสามเดือน แต่ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว" ฉือหางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าปราดหนึ่ง เวลานี้สายมากแล้ว หากเขากลับดึก กู๋หยู่ไม่กินข้าวเพราะกำลังรอ เขาจะทำอย่างไร "ข้าต้องขอตัวกลับก่อน"
เจียงโหรวโมโหถึงกับลมแทบจับ นางหยุดหายใจไปชั่วขณะ จากนั้น นางก็ตั้งสติกลับมาอีกครั้ง นางคว้าแขนของฉือหาง กัดฟันพูดอย่างไร้ความปรานีในเวลาเดียวกันว่า "ใครบอกว่าข้าไม่มีอะไร ข้าจะพาเ้าไปกินข้าว!"
แขนถูกคว้าไว้ ฉือหางมองไปที่มือเล็กขาวเนียนสองข้าง ขมวดคิ้วเล็กน้อย "แม่นาง เ้าปล่อยจะดีกว่า!"
ซิ่งฮวารีบโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของเจียงโหรว พูดพึมพำสองสามคำ
"ก็ได้" การแสดงออกบนใบหน้าของเจียงโหรวผ่อนคลายลงมาก นางปล่อยแขนของฉือหางก่อนจะกอดอกของตนเอง สายตามองไปที่ร่างของฉือหางอย่างกำเริบเสิบสาน พูดอย่างโอหังว่า "วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะเชิญเ้าทานข้าวด้วยกัน"
"ขอบคุณมาก แต่ข้าไม่ไป" ฉือหางโบกมืออย่างรวดเร็ว เขาพูดด้วยความวิตกกังวล "ภรรยาของข้าทำอาหารเย็นแล้ว ตอนนี้ข้าจะกลับบ้านแล้ว"
อารมณ์โมโหที่กว่าจะสงบลงไม่ใช่เื่ง่ายนั้น กลับถูกตีกลับคืนสู่สภาพเดิมภายในเวลาพริบตา หญิงสาวกำมือแน่นด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน
บังอาจยิ่งนัก คุณหนูอย่างนางเชิญเขาไปทานอาหารเย็นด้วย นั่นคือวาสนาจากการทำความดีมาหลายภพของเขา แต่เขากลับอาจหาญปฏิเสธนาง!
ฉือหางถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ท่าทีหลีกเลี่ยงเพราะความหวาดกลัวด้วยความเร็วของฉือหาง เป็เหตุให้เจียงโหรวรู้สึกโกรธสุดจะทน
"หลายเหริน!" เจียงโหรวะโสุดเสียงที่มี ทันใดนั้น ก็มีชายฉกรรจ์สองสามคนปรากฏตัวยืนอยู่ข้างหน้าเจียงโหรว นางชี้นิ้วมือไปที่ใบหน้าของฉือหาง กัดฟันพูดด้วยความโกรธจนแทบจะะเิว่า "ไล่คนที่อยู่แถวนี้ออกไปให้หมด!"
"ขอรับ"
ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบบริเวณถูกไล่ออกไปภายในพริบตา
ฉือหางขมวดคิ้ว
"ข้าให้โอกาสเ้า แต่เ้าไม่ไป!" เจียงโหรวมองไปที่ฉือหางด้วยความขยาดแขยง "วันข้างหน้าแม้เ้าจะขอร้องข้า ข้าก็จะไม่ให้โอกาสเ้าอีกต่อไป"
"อืม" ฉือหางตอบด้วยเสียงหงุดหงิด มองไปที่เจียงโหรว "งั้นข้าขอตัวกลับก่อน"
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนไป ฉือหางก็หันหลังกลับและจากไป
เจียงโหรวมองไปที่เงาด้านหลังที่จากไปของฉือหาง ใบหน้าของนางสลับเปลี่ยนเป็สีน้ำเงินและขาวซีด จากนั้นนางก็ะโสุดเสียงว่า "กลับ!"
เมื่อมองไปที่ฉือหางอย่างขุ่นเคือง เจียงโหรวก็จากไปอีกทางหนึ่ง
นางเป็คุณหนูสกุลเจียง ท่านปู่ของนางคืออัครมหาเสนาบดีในราชวงศ์ปัจจุบัน นางมักจะได้ทุกสิ่งที่นาง้าเสมอ มีอะไรบ้างที่นางไม่เคยได้ ไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่นางอยากจะเชิญผู้ช่วยชีวิตของนางไปทานอาหารเย็น แต่คนคนนั้นกลับไม่เห็นคุณค่า
เขาไม่ทานอาหารกับนาง สมน้ำหน้า เดาว่าเขาไม่เคยกินอาหารดีๆ มาก่อนในชีวิตนี้ สมน้ำหน้าที่ในชีวิตนี้เขาเป็ได้แค่คนต่ำตม ไม่ได้ใช้ชีวิตดีๆ มีความสุข
เมื่อฉือหางเดินเลี้ยวไปที่ประตูด้านหลังของโรงเตี๊ยมอู่ฝู เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังตั้งแผงขายเครื่องประดับทองและเงินจำนวนมาก
เมื่อหลายอึดใจก่อนเขาเห็นผู้หญิงคนนั้นปักปิ่นสีเงินบนศีรษะ มันจะต้องดูดีมากแน่ หากปักไว้บนศีรษะของกู๋หยู่
สายตาของฉือหางจับจ้องไปที่ปิ่นปักผมบนแผงลอย สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาล้วนเป็ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของเด็กสาวที่กำลังอุ้มโต้ซา
มุมริมฝีปากของเขาม้วนโค้งอย่างควบคุมไม่ได้ ฉือหางรีบเดินไปทางถนนใหญ่
ปิ่นปักผมที่นี่ดูไม่ดีเท่ากับที่สตรีคนนั้นใช้ จะซื้อปิ่นให้กู๋หยู่ทั้งที แน่นอนจะต้องซื้ออันที่ดีที่สุด
คิดได้ดังนั้นฉือหางก็เดินไปที่ร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเอ้อของร้านเครื่องประดับยืนเฉื่อยชาอยู่หน้าโต๊ะกั้นแสดงสินค้า เมื่อเขาเห็นคนเข้ามา เขาก็เปล่งเสียงทักทายอย่างสุภาพ "ท่านลูกค้า เชิญด้านใน!"
แต่เมื่อเสี่ยวเอ้อเห็นฉือหางอย่างชัดเจน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ คลายลง สายตาของเขาก็เ็า จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ
ฉือหางมองไปที่โต๊ะที่เรียงรายด้วยประดับด้วยเครื่องประดับทองและเงิน ดวงตาของเขาเป็ประกายเล็กน้อย
"พี่เสี่ยวเอ้อ นี่ราคาเท่าไรหรือ?" เมื่อฉือหางเห็นปิ่นปักผมหยกหลากสีแท่งหนึ่ง เขาคิดว่ามันสวยงามมาก
เสี่ยวเอ้อในร้านเช็ดกล่องเครื่องประดับด้านหนึ่งด้วยผ้าขนหนู พลางชำเลืองมองที่ปิ่นปักผมที่ฉือหางชี้นิ้ว และพูดอย่างสบายๆ ว่า "ราคาสิบตำลึง"
สิบตำลึงหรือ?
แพงมาก
จำนวนเงินสิบตำลึงนี้เพียงพอที่จะเลี้ยงชาวนาทั้งครอบครัวเป็เวลาหลายปี
ั้แ่กู๋หยู่แต่งงานกับเขา นางก็ไม่ได้ใช้ชีวิตดีๆ เลยแม้แต่วันเดียว
เขามีเงินในมือมากกว่าหกสิบตำลึง ด้วยเงินจำนวนมากเช่นนี้ แม้เขาจะซื้อปิ่นปักผมแท่งนี้ แต่เงินที่เหลือก็เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะใช้จ่าย
"ห่อสิ่งนี้ให้ข้าด้วย" ฉือหางพูดพร้อมกับหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า
เมื่อเสี่ยวเอ้อได้ยินถ้อยคำของฉือหางก็รีบวางของในมือไว้ข้างๆเดินมาหาฉือหางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ท่านนี้เป็บุรุษร่ำรวย
"นายท่าน ท่านดูก่อน ท่าน้าอะไรอื่นอีกหรือไม่?" เสี่ยวเอ้อมองฉือหางตาปริบๆ พูดอย่างกระตือรือร้น
"ไม่แล้ว" ฉือหางหยิบเงินสิบตำลึงออกมาวางไว้บนโต๊ะโดยตรง "ห่อให้ข้าด้วย"
"ได้เลย" เสี่ยวเอ้อรับเงินอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบหยิบกล่องไม้และวางปิ่นลงในกล่องไม้อย่างระมัดระวัง จากนั้นถือกล่องไม้มายื่นไว้ข้างหน้าฉือหางด้วยมือทั้งสองด้วยความเคารพนอบน้อม
ฉือหางรับกล่องไว้และเก็บมันอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็จากไป
หลินกู๋หยู่ผัดกับข้าวเสร็จนานแล้ว และข้าวต้มก็ต้มสุกนานแล้ว นางไม่รู้วิธีทำเจียนปิ่ง และไม่คุ้นเคยกับการกินเจียนปิ่ง นางรู้สึกว่ามันแข็งมาก
ที่บ้านมีแป้งไม่น้อย นางขอคำแนะนำจากตระกูลหวัง นึ่งหมั่นโถวมากกว่าสิบลูก
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว หลินกู๋หยู่กำลังนั่งอยู่ในห้อง ตั้งหน้าตั้งตาทอดมองออกไปข้างนอก
บนถนนที่นี่ไม่มีแสงไฟ ทุกครัวเรือนที่นี่ทำใจไม่ได้ที่จะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าด ถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางจะทำอย่างไรดี?
ด้วยเหตุนี้ หลินกู๋หยู่จึงตั้งใจจะออกไปข้างนอก ทันใดนั้นเองนางก็ได้ยินเสียง "ต้าๆๆ" ข้างนอก
หลินกู๋หยู่รีบลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก
โต้ซานั่งอยู่้าของกล่องไม้ ถือไม้เล็กๆ ในมือ และวิ่งเต้นรอบๆ
เดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว หลินกู๋หยู่เห็นฉือหางนั่งอยู่บนเกวียนลา ขับให้ลาวิ่งไปทางนี้
ในขณะที่เกวียนวิ่งมาถึงประตูบ้าน ฉือหางก็รีบลงจากเกวียน สายตามองหลินกู๋หยู่อย่างอ่อนโยน "ข้ากลับมาแล้ว"
“ทำไมเ้าถึงกลับมาช้าเช่นนี้ ท้องฟ้ามืดแล้ว” หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะพูด สายตาพินิจมองไปที่ร่างของฉือหาง ก่อนที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว เ้ารีบเข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปส่งเกวียนคืนให้ท่านป้าหวังเอง"
ฉือหางหยิบถุงเงินออกจากร่างกายและส่งให้หลินกู๋หยู่
“นี่คือ?” หลินกู๋หยู่มองไปที่ถุงที่โป่งพอง เอ่ยถามอย่างสงสัย
“เงินที่ได้จากการขายหมาป่าในวันนี้ เ้าเก็บเถอะ” ฉือหางพูดพลาง เขาขยับมือล้วงหน้าอก กำลังจะเอาบางสิ่งออกมา แต่แล้วก็หยุดชั่วคราว “ข้าจะเอาเกวียนไปคืนให้ท่านป้าหวัง”
“อย่าเพิ่งไป เรายืมเกวียนของเขามา มอบของให้พวกเขาด้วยก็ดี ประจวบเหมาะข้าเพิ่งนึ่งหมั่นโถว เอาไปให้พวกเขาสองสามลูกเถอะ” หลินกู๋หยู่พูดพลาง หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
ถ้าเป็คนก่อนนี้ เขาคงจะถูกก่นด่าว่าไม่รู้จักคุณค่าของอาหาร คิดไม่ถึงว่ายังจะส่งของกินให้คนอื่น
หลินกู๋หยู่ออกมาพร้อมกับตะกร้าหนึ่งใบ ด้านในมีหมั่นโถวหกลูก ซึ่งคลุมด้วยผ้าขาว้า
"อืม ดี" แม้ว่าฉือหางจะพูดไม่เก่ง แต่กระนั้นเขาก็มีการพบปะติดต่อผู้คนด้านนอกเป็เวลานาน เขารู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร
แต่ไหนแต่ไร มิตรไมตรีระหว่างผู้คนเกิดจากการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
สำหรับการปฏิบัติตัวของหลินกู๋หยู่เช่นนี้ ฉือหางพอใจมาก
เมื่อฉือหางกลับมา เขาเห็นว่าหลินกู๋หยู่เริ่มตักข้าวต้มใส่ชามแล้ว
“เ้าล้างมือแล้วหรือยัง?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามอย่างใจเย็น โดยไม่หันกลับมอง
สาปเสื้อบริเวณหน้าอกของฉือหางนูนขึ้นเพราะสิ่งของด้านใน เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างที่กำลังง่วนอยู่กับงานด้านหน้าพลางเดินไปข้างหน้า
“ยังเลย ข้า...”
หลินกู๋หยู่หันศีรษะมองฉือหาง เห็นว่าเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น "รีบไปล้างมือเถอะ เ้าทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว เ้าไม่เหนื่อยหรือ?"
เ้าไม่เหนื่อยหรือ?
ฉือหางไม่ได้ตอบคำถามนี้ ทว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
…………………………………………………
[1] หนึ่งศีรษะ มาตราวัดควาสูงเท่ากับยี่สิบเิเในปัจจุบัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้