เมื่อเห็นประโยคที่ว่าสามารถสร้างพื้นฐานพลังให้คนธรรมดาได้ความดีใจและใก็ผสมกันเกิดขึ้นมาในใจของหลินลั่วหราน เธอกลั้นลมหายใจก่อนที่จะมองลงไป
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอห่อเหี่ยวลงคือ ข้อความที่ว่า“ข้ามสมุทรมีเผิงไหล” นั้นเป็ส่วนสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้แล้วหน้าที่หลินลั่วหรานเปิดอยู่นั้นเป็หน้ารองสุดท้ายพอดีเนื้อหาด้านหลังต่างก็เละเทะจนอ่านไม่ออก แม้แต่ตัวหนังสือยังแทบจะมองไม่เห็นดังนั้นจึงไม่รู้ว่าด้านหลังของประโยคที่ว่า “ชี้ทางแห่งเทพให้...” นั้นคืออะไร
เธอวางหนังสือลง หลินลั่วหรานบอกตัวเองว่าให้สงบใจเอาไว้
หนังสือทั้งเล่มนั้นทุกเก็บรักษาเอาไว้เป็อย่างดีแต่ทำไมหน้าสุดท้ายกลับพร่าเลือนจนมองไม่ออกแบบนั้น? มันเป็เพราะมีคนทำขึ้นหรือเพราะธรรมชาติกันแน่...ถ้าหากว่าเป็อย่างแรก แล้วมีจุดประสงค์อะไรกัน
ผู้บังคับบัญชาฉินเคยบอกเอาไว้ว่า เพราะว่า “พื้นฐานพลัง” ทำให้คนในโลกแห่งการฝึกศาสตร์ไม่ผูกสัมพันธ์กับคนธรรมดาและการที่ชายนักปราชญ์บ้าคลั่งคนนั้นไม่ชอบใจตระกูลฉิน ก็เป็เพราะ “พื้นฐานพลัง” เช่นกัน...ถ้าหากว่าพื้นฐานพลังจะสามารถสร้างขึ้นได้จากเทพคนหนึ่งแล้วทำไมถึงได้ไม่มีข่าวอะไรหลุดรอดออกมาเลยแม้แต่น้อยในโลกของการฝึกศาสตร์เคยมีนักปราชญ์ที่ทำแบบนี้เพื่อทายาทของตัวเองหรือเปล่า?
เพราะว่าการฝึกของพวกเขาต่ำไปหรือว่าเป็เพราะเป็แค่ตำนานที่ไม่มีอยู่จริงกันแน่?
ยังคงไม่ต้องพูดถึงเื่การฝึกของตัวเองที่ยังต่ำต้อยแต่แม้ว่าจะมีเทพอยู่จริง ท้องทะเลนั้นแสนกว้างใหญ่ ทางเข้า “เผิงไหล” ไม่ใช่อะไรที่หลินลั่วหรานจะตามหาได้ด้วยตัวคนเดียว
หลินลั่วหรานถอนลมหายใจออกมา ก่อนที่จะปิดหนังสือลงเสื่อในมือสานเสร็จเป็ที่เรียบร้อยแล้ว เธอนั่งลงบนเสื่อสานเตรียมที่จะเข้าสู่สมาธิ เธอจัดการความคิดต่างๆ ในหัวให้เรียบร้อย กลิ่นหอมอ่อนๆของหญ้าทำให้เธอรู้สึกค่อยๆ สงบลง
แม้แต่คนที่มีความรู้มากมายอย่างท่านเทพป๋ายก็ยังเคยบอกเอาไว้ตลอดการฝึกศาสตร์ราวๆ หกร้อยปีต่างก็ไม่เคยเห็นนักปราชญ์คนไหนสลายจิตได้ด้วยตาของตัวเองนั่นมันจะต้องอยู่ระดับไหนกันนะ ถึงจะสามารถถูกเรียกว่า “เทพที่แท้จริง” ได้? ตัวของนักปราชญ์ที่อยู่อาศัยที่หลิ่งหนานนั้น ก็เขียนเอาไว้เช่นกันว่ามันคือคำพูดสุดท้ายของนักปราชญ์คนนั้น แต่ประโยคสุดท้ายที่ว่า “เผิงไหลข้ามสมุทร” มันดูมีความเชื่อถือต่ำเกินไป
แต่ไม่ว่าจะเป็อย่างไร มันก็ยังคงเป็ความหวังสุดท้ายของหลินลั่วหราน
ถ้าเพื่อแม่แล้ว ลองออกไปหา “เผิงไหล” ดูสักหน่อย จะเป็อะไรไป? แม้ว่ามันจะไม่สำเร็จแต่เธอก็ยังมีไข่มุกที่มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่อีก ถ้าหากจะหาทางยืดอายุให้แม่ได้เธอก็น่าจะมีเวลาให้การจัดการแก้ไขเื่มีมากขึ้น!
ความกังวลในใจของหลินลั่วหรานผ่อนคลายลงอีกครั้งภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้จิตใจของหลินลั่วหรานมีความสุขสูงขึ้นเพราะเื่พลังพื้นฐานของเสี่ยวลั่วตงก่อนที่จะถูกเื่ที่แม่ของเธอไร้พื้นฐานพลังฉุดให้ลงต่ำเมื่อตอนนี้พบว่ายังพอจะมีโอกาสอยู่มันก็ทำให้จิตใจของเธอกลับมาสู่ระดับสมดุลเป็ปกติ ในตอนนี้ร่างกายของเธอเบาสบายลงก่อนที่จะพบว่า จิตใจของเธอในตอนนี้นั้น ทำให้ตัวของเธอปล่อยน้ำออกมาเสื้อผ้าต่างเปียกชื้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อหลินลั่วหรานไปอาบน้ำกลับมา แสงสว่างก็เริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเื่ราวมากมาย ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ด้านในของคฤหาสน์ตระกูลหลิน เริ่มที่จะมีเสียงส่งออกมาและมันแสดงให้เห็นว่าวันใหม่กำลังจะมาถึง
เวลาราวๆ เจ็ดโมงเช้า นอกจากลั่วตงแล้วคนในคฤหาสน์หลินต่างก็ตื่นขึ้นมาหมดแล้วเมื่อมองไปยังแผ่นหลังของผู้เป็แม่ที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่หลินลั่วหรานก็รวบรวมความกล้า เธอจะต้องตั้งใจฝึกศาสตร์เพราะว่าไม่ว่าจะทำให้ศักยภาพของไข่มุกเพิ่มมากขึ้นหรือว่าจะข้ามสมุทรไปตามหาเขาแห่งเทพ ต่างก็ต้องใช้ความสามารถทางการใช้ศาสตร์เป็ตัวช่วยทั้งนั้น
เมื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถที่จะทำอะไรในห้องครัวได้ เธอก็เดินไปที่ด้านนอกก่อนที่จะปล่อยพลัง “เวทเติบโต” ให้กับเหล่าต้นหนามเหล็กให้เรียบร้อย ในที่สุดพวกมันก็ปรากฏเถาเล็กๆ ออกมาและเริ่มพันขึ้นไปยังเสารั้วเหล็ก หลินลั่วหรานพึงพอใจกับมันมาก อีกสักสามสี่วันพวกมันก็น่าจะปรากฏเป็รูปเป็ร่าง และมีความสามารถในการทำให้มึนงงแล้ว
“รุ่นน้องซู รู้หรือเปล่าว่าการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ จัดตอนไหนเหรอ?”
หลีซีเอ๋อร์และเปาเจียนั้นต่างก็ช่วยผู้เป็แม่อยู่ในครัวคนที่รดน้ำดอกไม้อยู่จึงมีเพียงซูอี้เหรินคนเดียวหลินลั่วหรานนึกไปถึงห่อสิ่วโอวหนาแน่นในพื้นที่ลึกลับ จึงอดจะถามออกมาไม่ได้
ซูอี้เหรินวางสายน้ำในมือลง “เริ่มมาได้ราวๆเดือนกว่าแล้วครับ รุ่นพี่ไม่รู้เหรอครับ?” เขาถามออกมาด้วยความสงสัยก่อนที่จะเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ หลินลั่วหรานนั้น “หายตัว” ไป เขาก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาก่อนจะเริ่มอธิบายให้เธอฟัง
ในตอนแรกหลินลั่วหรานคิดว่าเื่แบบนี้คงจะมีการแลกเปลี่ยนเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเริ่มไปเดือนกว่าแล้วเธอก็ได้แต่คิดว่าตัวเองคงพลาดไป จึงรู้สึกผิดหวังขึ้นมา แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อได้ฟังจากที่ซูอี้เหรินบอก มันก็ไม่ได้เป็อย่างที่เธอคิดเลยแม้แต่น้อย!
การแลกเปลี่ยนในยุคศตวรรษที่ 21 ตามหลักการแล้วมันควรจะจัดขึ้นที่ไหน?
ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยเสียงนกและกลิ่นอายของต้นไม้ใบหญ้า? นั่นคงจะโบราณเกินไป
หรือว่าเป็การประมูลลับ คิดให้มันดูดีกว่านี้หน่อยได้ไหม!
ในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ผู้คนต่างก็สบายขึ้น ผู้คนต่างก็ไม่สามารถออกห่างจากกันไปไหนได้นอกเสียจากอินเทอร์เน็ตแล้ว ก็คงจะไม่มีอย่างอื่นใด
ซูอี้เหรินบอกกับหลินลั่วหรานว่า โลกแห่งการฝึกศาสตร์ในทุกวันนี้มีฟอรั่มเป็ของตัวเองมาตั้งนานแล้ว ต้องใช้ชื่อจริงในการลงทะเบียนหลังจากที่ยืนยันตัวตนแล้ว ก็จะสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนของในฟอรั่มได้ ที่รัก นี่มันสุดๆ ไปเลย พวกเขาน่าจะรวมส่งทั้งหมดใช่ไหม!
เมื่อซูอี้เหรินพูดจบ หลินลั่วหรานก็หนาวสั่นขึ้นมาก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยชอบการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตเท่าไรและก็เสพติดการไปซื้อด้วยตัวเองไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าแม้แต่การฝึกศาสตร์ก็จะยังหนีเื่นี้ไม่พ้น!
แม้ว่าจะเป็คฤหาสน์ในป่าเขา แต่ว่าคอมพิวเตอร์นั้นเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ซูอี้เหรินก็รีบบอกให้หลินลั่วหรานไปลงทะเบียน ฟอรั่มนั้นมีชื่อว่า “กลุ่มพิทักษ์การฝึกศาสตร์” คนทั่วไปไม่สามารถหาฟอรั่มที่ถูกซ่อนเอาไว้ลึกขนาดนี้ได้เจอหรือแม้ว่าจะพบเข้า ก็จะคิดว่าด้านในนั้นเป็เพียงกลุ่มคนที่มีงานอดิเรกทางด้านนี้เท่านั้น
เพราะว่าหัวข้อกระทู้ของพวกเขานั้น ดูเกินเหตุเกินจริงไป...
อย่างเช่นซูอี้เหริน ชื่อที่ใช้ในการลงทะเบียนของเขาคือ “ซูอี้เหรินผู้ไม่เคยโกรธใคร” ก็ยังได้รับการยืนยันไปแล้วมาดูกระทู้ที่เขาตั้งกันเถอะ ”สามารถนอนสมาธิได้ไหม?”“ประสบการณ์จริงในสถานที่ลึกลับใจกลางเมอร์บิวดา...กระทู้นี้กำลังลงอย่างต่อเนื่องรบกวนอย่าข้ามไปง่ายๆ!”
หลีซีเอ๋อร์เดินผ่านมาทางห้องหนังสือ เธอจึงโผล่หัวเข้ามาดูเมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานกำลังดูฟอรั่มนั่นอยู่ ความสนใจของเธอก็ลดลงทันที
เมื่อหลินลั่วหรานถามถึงเหตุผล เธอถึงได้บอกออกมาว่าเธอนั้นฝึกศาสตร์อยู่ในป่าเขา อาจารย์นั้นเข้มงวดมากแต่ก็ไม่อยากให้พวกบรรดาลูกศิษย์ล้าสมัย จึงซื้อคอมพิวเตอร์ให้คนละเครื่องแต่ว่าอินเทอร์เน็ตนั้นถูกปิดกั้นเอาไว้ ให้เข้าได้เฉพาะฟอรั่มนี้ หลีซีเอ๋อร์อ่านมันจนอยากจะอ้วกออกมาดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นสนใจอะไรมันเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหลีซีเอ๋อร์ส่งคำขอเป็เพื่อนเข้ามาหลินลั่วหรานก็ต้องพยายามอย่างมาก เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองแสดงกิริยามองบนออกมาใส่ ”รุ่นน้องหลีที่้าความดูแลปกป้อง” ?! นี่มันอสรพิษที่ทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูชัดๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ถึงได้พากันเอ็นดูเอาใจใส่เธอ!
เมื่อได้พบกับหลินลั่วหรานอีกครั้ง ซูอี้เหรินก็ยิ่งรู้สึกว่า “รุ่นพี่หลิน” ความจริงแล้วเป็คนง่ายๆในตอนที่หลินลั่วหรานกำลังลงทะเบียน หลีซีเอ๋อร์บอกออกมาว่าให้ใช้ชื่อว่า “รุ่นพี่หลินที่ง่ายๆ สบายๆ” ซูอี้เหรินก็รีบพยักหน้าลงอย่างจริงจังหลินลั่วหรานถูกพวกเขาดึงดัน จนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงยอมใช้ชื่อนั้นไปโดยปริยายก่อนที่จะไล่ทั้งสองคนให้ออกมาจากห้องหนังสือ
หลินลั่วหรานส่งคำขอลงทะเบียนไป ก่อนที่จะตั้งกระทู้ “้าดอกมี่เิ” ลงในบอร์ดแลกเปลี่ยนผ่านไปสักพักก็มีคนเข้ามาถามอย่างระมัดระวังว่า
“ใช่รุ่นพี่หลินลั่วหรานหรือเปล่า?”
หลินลั่วหรานจึงตอบกลับไปว่า ใช่ รุ่นน้องมากมายและคนที่เพิ่งจะเข้ามาในการฝึกศาสตร์ ก็พากันเข้ามาทำให้ฟอรั่มมือใหม่หัดฝึกศาสตร์แทบจะะเิ
“รุ่นน้อง รีบเข้ามาดูรุ่นพี่หลินเร็วเข้า!”
“รุ่นพี่ ดอกมี่เิคืออะไรเหรอ?”
“รุ่นพี่ ได้โปรดช่วยรับเลี้ยงดูด้วย สามารถจัดเตียงได้”
หลินลั่วหรานถูกการตอบรับของพวกเขาทำเอาตาลายไปหมด แต่เธอก็ไม่ได้โมโหอะไรอินเทอร์เน็ตก็เป็แบบนี้แหละ เพราะว่ามีระยะห่างที่ไกลแสนไกลและก็ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงดังนั้นหลินลั่วหรานก็ยินดีที่จะให้พวกเขาวุ่นวายกันแบบนี้และก็ไม่ได้อยากจะหวังให้พวกเขามาเคารพอะไรเธอ
เมื่อเห็นว่าพวกเขาต่างก็เข้ามานอกเื่กันทั้งนั้นหลินลั่วหรานอาจจะมาผิดเวลาก็ได้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไม่มีใครมี “ดอกมี่เิ” หลินลั่วหรานก็ตั้งกระทู้ใหม่ขึ้นมา “ห่อสิ่วโอวร้อยปี ฤทธิ์ยาบริสุทธิ์ สนใจแลกเปลี่ยนทิ้งข้อความเอาไว้ได้” เมื่อเห็นว่ามันเป็ฟอรั่มที่มีคนน้อยมาก เธอจึงออฟไลน์ออกไป
หลังจากทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว หลินลั่วหรานก็เตรียมจะเข้าไปในเมืองหลีซีเอ๋อร์โวยวายอยากจะไปด้วย แต่ก็ถูกซูอี้เหรินดึงเอาไว้เพราะเกรงว่ารุ่นพี่หลินอาจจะมีธุระส่วนตัวที่ต้องทำ
ด้วยพื้นฐานนิสัยของเป่าเจียนั้น ไม่อาจจะออกห่างตัวเมืองได้เพียงแค่ให้เธอมาดูแลพ่อกับแม่แทนตั้งสามเดือน มันก็น่าจะทำให้เธอลำบากมากพอแล้ว
หลินลั่วหรานจึงพาเธอเข้าไปซื้อของด้วยกันในเมืองมันก็เป็เหมือนการจี้จุดตายของเธอ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ขึ้นไปรอหลินลั่วหรานอยู่บนรถแล้ว
ในตอนที่หลินลั่วหรานขับรถ BMW ผ่านหน้าคฤหาสน์หมายเลข 7 ไปนั้น ชายชราสวมชุดคนไข้ก็กำลังโมโหอยู่
“ตามหาเ้าของคฤหาสน์หมายเลข 18 ไม่เจอ? พวกแกนี่มัน เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!”
เหล่าบอดี้การ์ดนั้นเต็มไปด้วยความเกรงกลัว ่นี้อารมณ์ของท่านประธานนั้นหนักขึ้นทุกวันหากไม่ระมัดระวังก็จะสามารถเสียเพื่อนร่วมงานไปได้และตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคนแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่อาจจะสืบหาตัวเ้าของที่เพิ่งย้ายเข้ามาในคฤหาสน์หลังที่ 18 เมื่อสามเดือนก่อนได้เลย คนที่สามารถซื้อคฤหาสน์แบบนี้ได้แม้ว่าจะมีความสามารถในการปกปิดตัวตนอยู่สูง แต่ก็น่าจะมีร่องรอยอะไรบ้าง
อินทรีทองนั้นปรากฏตัวบินวนเหนือคฤหาสน์หมายเลข 18 เป็บางเวลา สองวันที่ผ่านมาชายชรามองเสียจนตาจะลุกขึ้นมาเป็ไฟอยู่แล้วเขาเป็คนในโลกแห่งธุรกิจ ดังนั้นเมื่อจะทำอะไร ก็ชอบที่จะวางแผนเอาไว้ก่อนแล้วจึงค่อยลงมือทำ นกวิเศษแบบนี้เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าจะต้องมีที่มาที่ไปถ้าหากว่าไม่สามารถสืบตัวเ้าของคฤหาสน์หมายเลข 18 ออกมาได้อย่างละเอียด เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรบุ่มบ่ามได้
“สืบต่อไป ถ้าสืบไม่พบ ก็ไม่ต้องกลับมาอีก!”
ผู้ดูแลบ้านขึ้นมาส่ง “ยา” ให้กับเขา ชายชราจึงสั่งให้พวกบอดี้การ์ดลงไป
เมื่อเขาจัดการทานเม็ดเจลลี่สีแดงนั่นลงไปเสร็จประตูห้องก็ถูกเปิดของด้วยมือบาง หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ เดินเข้ามาภายในห้องเธอลดแว่นตากันแดดสีดำลง ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน “คุณปู่ขา”
เมื่อเห็นว่าคนที่มาเยี่ยมเยือน คือหลานสาวสุดที่รักของเขาอารมณ์โมโหของเขาก็ลดหายไปกว่าครึ่ง “ลี่เอ๋อร์หนูไม่ได้มาหาปู่ตั้งหลายวัน”
ลี่เอ๋อร์พยุงให้ชายชรานั่งลง ใบหน้าของเธอถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม “คุณปู่น่ะไม่รู้อะไร ทั้งบริษัท้าให้หนูอยู่ดูแลยุ่งจนไม่มีเวลานอนแล้วค่ะ” เธอพูดพร้อมกับหยิบเอาเอกสารขึ้นมาเพื่อ้าให้ชายชราเซ็นรับรอง
ชายชราเปิดดูผ่านๆ ก่อนที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน “เอกสารการซื้อ?”
ลี่เอ๋อร์พยักหน้าลง “ที่จะซื้อ เป็ร้านเก่าโบราณอายุกว่าร้อยปีแล้วค่ะถ้าพวกเราไม่้า ซื้อมาแล้วคค่อยทุบทิ้งก็ได้”
ชายชราคิดไตร่ตรองอยู่สักพัก แต่ก็ยังคงไม่เซ็นรับรองลงไปเพียงแค่บอกว่าให้รอก่อน
เมื่อเห็นว่าเอกสารที่ตัวเองเสนอไปถูกปฏิเสธ ลี่เอ๋อร์ก็ไม่พอใจขึ้นมาแต่ก็อดทนเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปที่เื่อื่นแทน “คุณปู่คะ เอาแบบนี้ไหมคะ ถ้าลี่เอ๋อร์สืบเื่เ้าของคฤหาสน์หมายเลข 18 มาได้ คุณปู่จะต้องยอมตกลง?”
ริมฝีปากของชายชราขยับขึ้นเบาๆ “หนูได้ยินหมดแล้ว?”
ั้แ่ที่มีเื่ในตอนที่ไปรุยลี่เมื่อปีที่แล้วความไม่พอใจของพวกผู้บริหารที่มีต่อเธอก็มากขึ้น ถ้าหากว่าคุณปู่ที่ป่วยหนักของเธอสามารถกลับมาดีขึ้นได้... ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น ก็ยากที่จะจินตนาการ!
ดังนั้นเอกสารการซื้อฉบับนี้เธอจะต้องทำให้มันได้อย่างที่้า จะต้องทำให้คุณปู่เห็นด้วยให้ได้