กู้ตงหยางไม่เคยพบสตรีนางใดใจกล้ายั่วโทสะเขาเช่นนี้มาก่อน ซ้ำยังทำด้วยหน้าตาใสซื่อราวกับเขาต่างหากที่เป็ฝ่ายผิด! เขาให้นางจัดห้องพักให้แม่นางเฉียวฉู่ ก็จัดห้องนางไว้ใกล้ห้องนอนของเขา
แล้วนี่อะไร เขาสั่งให้บ่าวไพร่เอาสุรารสแรงมาดื่ม แต่นางกลับให้คนนำสุราหวานบ้าบออะไรมา ซ้ำยังอ้างว่าเพื่อรักษาสุขภาพของเขาเห็นเขาเป็คนป่วยหรือไรกัน หรือตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพไม่คู่ควรกับนาง ขนาดยอมให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเป็สาวใช้ แม่ทัพใหญ่บันดาลโทสะจนยกมือทุบไปบนโต๊ะอย่างแรง จนทหารที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ถึงกับสะดุ้งโหยง
“นางอยู่ที่ใด”
“นาง?” ทหารสองคนหันมามองหน้ากัน “หมายถึงแม่นางเฉียวฉู่หรือขอรับ?”
“ข้าหมายถึง...”
เอ่อ...ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ
“จ้าวจื่อรั่ว”
ทหารทั้งสองยังทำหน้างุนงงหนักกว่าเดิม ยิ่งทำให้แม่ทัพใหญ่โมโหเพิ่มขึ้นไปอีก เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เดินดุ่มๆ ไปยังเรือนทางปีกซ้ายของจวน จำได้ว่าตอนนางมาถึง เขาให้พ่อบ้านจัดที่พักให้ พ่อบ้านก็จัดเรือนปีกซ้ายทั้งที่เรือนของเขาอยู่ปีกขวา คนพวกนี้ก็อย่างไรกัน ช่างรนหาที่ตายโดยแท้ มีใครกันแยกห้องสามีภรรยาอยู่คนฟากของจวนเช่นนี้
แม่ทัพใหญ่เดินไปที่เรือนของนาง ทว่ายังไม่ทันพ้นประตูวงพระจันทร์ก็เห็นเ้าตัวขนสีขาววิ่งมาชนขาจนมันเสียหลักเซไปทางอื่น เขาก้มมองเ้า ‘แพะน้อย’ อายุน่าจะประมาณแค่สองเดือน ดูจากสายตาเอาเื่มันแล้วก็ทำให้เขาขมวดคิ้วไม่รู้ตัว
“เปาเป่า กลับมานี่”
เสียงหวานใสร้องเรียกปนหัวเราะทำให้ยามอาทิตย์อัสดงมีชีวิตชีวา เขาเงยหน้าขึ้นมองพลันสบตากับเ้าของร่างเล็กที่เดินเร็วๆ มาทางเขา แววตากลมโตกระจ่างเบิกกว้างขึ้นดูคล้ายใก่อนจะปรับอารมณ์วูบหนึ่งหลุบตาลง
“ท่านแม่ทัพ” จ้าวจื่อรั่วคารวะอย่างมีมารยาท “ท่านมาถึงเรือนของข้า มีเื่ใดรึเ้าคะ”
“จวนข้า ข้าจะไปที่ใดต้องรายงานเ้ารึ”
จ้าวจื่อรั่วเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่านางทำเื่ใดผิดจึงทำให้เขาดูอารมณ์ร้ายนัก นางยังไม่ทันเอ่ยปากอธิบาย เ้าแพะน้อยทำท่าจะวิ่งพุ่งเข้าใส่ท่านแม่ทัพ
“เปาเป่า!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เ้าแพะน้อยสีขาวก็พุ่งเข้าใส่ จ้าวจื่อรั่วร้องอย่างใ แต่กู้ตงหยางก้มลงหิ้วคอแพะน้อยขึ้นมาไว้ก่อน
‘เ้านี้มันร้ายจริง!’
“เหตุใดมีแพะอยู่ในจวนได้”
“เป็แพะจากโรงครัวเลี้ยงเอาน้ำนมเ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่ที่ถูกส่งมาเป็สาวใช้รับใช้ฮูหยินรีบพูดขึ้น “เ้าแพะน้อยตัวนี้ั้แ่ได้พบหน้าฮูหยินก็เดินตามไม่ยอมห่าง จนฮูหยินขอนำมันมาเลี้ยงไว้ดูเล่นเ้าค่ะ”
ปกติบ่าวไพร่แทบไม่มีผู้ใดกล้าปริปากพูดกับเ้านาย แต่ยามนี้เพื่อปกป้องฮูหยินจึงกล้าพูดขึ้น กู้ตงหยางประหลาดใจยิ่งนัก นางมาอยู่จวนเขาไม่นานกลับซื้อใจคนในจวนได้ เห็นทีว่าเขาจะประเมินสตรีสกุลจ้าวน้อยเกินไป
จ้าวจื่อรั่วย่อมไม่เข้าใจความคิดของกู้ตงหยาง นางพึ่งระลึกเสมอว่าตนเองเป็เพียงผู้อาศัย จะทำสิ่งใดต้องเกรงใจเ้าของบ้าน แม้แพะตัวนี้เป็แพะของจวน แต่นางนำมาเลี้ยงที่เรือนของตน อาจทำให้เขาไม่พอใจได้ ก่อนที่เขาสั่งการใดออกมา นางจึงรีบเอ่ยปากสั่งเสี่ยวฉู่เสียก่อน
“รีบพาเปาเป่าไปเถิด วันนี้เล่นซนทั้งวันแล้ว”
“เ้าค่ะ”
เสี่ยวฉู่รีบเข้าไปอุ้มเ้าแพะน้อยออกไปทันที ทำให้ยามนี้ในเรือนของนางไม่มีบ่าวไพร่คนอื่นคอยรับใช้ เหลือเพียงนางและผู้เป็เ้าของจวนเท่านั้น
ยามตะวันพลบค่ำท้องฟ้าเป็สีแดงเรื่อคล้ายย้อมแก้มนวลให้แดงปลั่ง ริมฝีปากบางขบเม้มจนเรียบตึงอย่างครุ่นคิด นางแต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวใบบัว เรือนผมก็เกล้าอย่างเรียบง่าย แตกต่างจากเฉียวฉู่ราวฟ้ากับดิน ทว่าภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับให้ความรู้สึกอ่อนโยน สงบนิ่งและสบายใจ
“ท่านแม่ทัพ” จ้าวจื่อรั่วเรียกเสียงเบาด้วยยังไม่เข้าใจว่าเขา้าสิ่งใด “ท่านมาถึงเรือนข้ามีสิ่งใดหรือเ้าคะ เหตุใดไม่ให้บ่าวไพร่มาเรียกข้าไปพบ”
กู้ตงหยางได้สติก็สูดลมหายใจลึก พลันได้กลิ่นหอมของอาหาร ทำให้นึกได้ว่าตนเองยังไม่ได้กินมื้อเย็น เขากระแอมไอขึ้นเล็กน้อยแล้ววางท่าราวกับสนทนากับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของตน
“เ้าใช่ไหมที่เป็คนเปลี่ยนสุราของข้า”
“อ่อ...เื่นั้นเป็ข้าเองเ้าค่ะ” นางยิ้มรับแต่โดยดี “หมอทหารแจ้งว่าท่านแม่ทัพยังมีอาการาเ็เรื้อรังไม่ควรดื่มสุรารสแรง ข้าจึงเปลี่ยนเป็สุรายาให้ท่าน”
“หมอทหารกล้าเอาเื่นี้มาพูดกับเ้ารึ!” เขาขึงตาใส่นาง แต่หญิงไม่หลบสายตาซ้ำยังคงระบายยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ทุกคนล้วนเป็ห่วงสุขภาพของท่านแม่ทัพใหญ่ผู้กุมกำลังพลทหารนับแสน ข้าอยู่หลังบ้านช่วยได้เพียงเล็กน้อย จึงรับปากท่านหมอทหารว่าจะช่วยดูแลเื่อาหารการกินของท่านแม่ทัพเ้าค่ะ”
พูดออกไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจ หลายวันก่อนหมอทหารพูดคุยกับนางจึงพอได้รับรู้ความลับเล็กๆ เื่นี้ นางจึงได้แต่ปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพของท่านแม่ทัพ หญิงสาวเห็นเขายังยืนนิ่งเป็ท่อนไม้อยู่จึงเอ่ยถาม
“ท่านแม่ทัพกินอะไรมาหรือยังเ้าคะ ข้าทำน้ำแกงหัวปลาไว้ ท่านอยากลองชิมสักชามไหมเ้าคะ”
แววตานางเหมือนเด็กที่อยากอวดของเล่น เอาเถอะ แค่น้ำแกงชามเดียวไม่เสียเวลานัก เขาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปด้านใน ั้แ่รับนางมาไว้ในจวนตลอดจนเข้าพิธีแต่งงาน เขาไม่เคยเข้ามาดูความเป็อยู่ของนางเลยสักนิด เรือนของนางตบแต่งเรียบง่าย นอกจากภาพอักษรที่แขวนที่ผนังและต้นไม้เล็กๆ ไม่กี่กระถางแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดเป็พิเศษ
“เหตุใดเ้าทำตัวอัตคัดยิ่งนัก”
จ้าวจื่อรั่วถูกตำหนิก็นิ่งไป นางอดก้มมองตนเองไม่ได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตาคมกริบจ้องมองอยู่ หรือเขาจะคิดว่านางทำตัวไม่สมฐานะเป็ฮูหยินของท่านแม่ทัพ
“ข้าเป็สตรีที่ออกเรือนแล้วไม่ควรแต่งกายสีสันฉูดฉาด เกล้าผมก็ทรงของสตรีที่ออกเรือน ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพ้าให้ข้าปรับปรุงจุดไหนเ้าคะ”
นางถามกลับด้วยแววตาใสซื่อแต่ทำเอากู้ตงหยางอยากกระอักโลหิตออกมา กินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร ช่างกล้าต่อปากต่อคำกับเขานัก แต่เขาเป็บุรุษทั้งแท่งจะมาโต้เถียงกับสตรีก็ไม่ใช่เื่ เขาจึงนั่งลงที่เก้าอี้กลมแล้วโบกมือไปมา
“ไปยกน้ำแกงของเ้ามา”
“เ้าค่ะ”
หญิงสาวก้าวออกไปแล้ว เขาจึงกวาดตามองโดยรอบอย่างสำรวจ ทุกอย่างเรียบง่ายจนน่าประหลาดใจ ผิดกับห้องของเฉียวฉู่ เขาไม่ได้ช่วยเพียงนาง แต่สตรีอีกหลายคนที่ถูกช่วยมาพร้อมกัน แต่นางอ้างว่าตนเป็บุตรสาวของเฉี่ยวโจว เ้าเมืองต้าเหลียง เขาจึงรับตัวนางไว้และให้คนส่งข่าวเพื่อไปแจ้งกับบิดาของนาง จะได้ส่งคนมารับคนกลับไป
ครู่ต่อมาจ้าวจื่อรั่วประคองถาดใส่อาหารเดินกลับเข้ามา นางวางอาหารบนโต๊ะแล้วค่อยปรนนิบัติเขาอยู่ด้านข้าง
“เ้าเข้าครัวเอง?”
“ทางโรงครัวส่งสำรับอาหารมาครบทุกมื้อ แต่ข้าอยู่ว่างๆ จึงทำอะไรเล่น ท่านแม่ทัพลองชิมดูนะเ้าคะ”
นางเกรงว่าเขาจะตำหนิผู้อื่น ปกตินางอยู่ที่จวนสกุลจ้าวก็เข้าครัวทำอาหาร ทั้งของตัวเองและน้องๆ รวมทั้งของผู้อื่น ยามมารดายังมีชีวิตอยู่ เพราะมีบุตรชายจึงไม่ค่อยมีใครกล้ารังแก แต่เมื่อมารดาตายและน้องยังเล็ก น้องชายคนรองอายุสิบสองขวบ คนเล็กเพียงหกขวบ นางจึงต้องเข้มแข็งดูแลน้องๆ ด้วยตนเอง
กู้ตงหยางชิมน้ำแกงหัวปลา หลังกลืนน้ำแกงลงท้องแล้วรู้สึกสบายตัว นอกจากอาหารอุ่นร้อนพอดีแล้วยังให้รสชาติกลมกล่อมอีกด้วย
จ้าวจื่อรั่วเห็นเขากินไปหลายคำจึงใจชื้น กล้าเอ่ยถามเขา “ท่านแม่ทัพจะรับข้าวไหมเ้าคะ ยังมีปลาผัดเปรี้ยวหวานกับ ผัดผักเ้าค่ะ”
เขาพยักหน้าแทนคำตอบรับเพียงแค่นั้นหญิงสาวก็หมุนตัวเดินออกไป เขาแปลกใจที่นางไม่เรียกคนรับใช้ ก็นึกได้ว่า เสี่ยวฉู่อุ้มแพะไปเก็บ แต่นางก็ใช้เวลาไม่นาน อาหารก็วางบนโต๊ะ แม้เป็อาหารง่ายๆ แต่เลิศรสไม่น้อย เขาเองยังไม่กินมื้อเย็นจึงเผลอกินเข้าไปจนเกลี้ยงทุกอย่างจึงนึกได้ว่า... อาหารบนโต๊ะเป็ของนาง ครั้นจะถามก็ปากหนักเกินไป จึงได้แต่ทำหน้านิ่งและรับน้ำชาจากนางมาดื่ม
“ไม่รู้ว่าคนสกุลจ้าวกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนถึงกล้าส่งสาวใช้มาเป็ฮูหยินแม่ทัพใหญ่เช่นข้า”
จ้าวจื่อรั่วได้ยินพลันชะงักมือไปเล็กน้อย แต่ยังส่งผ้าเปียกให้เขาเช็ดมือ
“เป็เพราะราชโองการของฮ่องเต้ หากไม่แล้ว ข้าเป็เพียงลูกอนุไม่อาจเอื้อมตำแหน่งสูงส่งนี้” นางกล่าวอย่างเจียมตัว “แต่ท่านวางใจได้ ข้าจะอยู่ในที่ของตนเองอย่างสงบเ้าค่ะ”
‘อยู่ในที่ของตัวเอง’
เขาแค่นหัวเราะในลำคอแล้วยื่นหน้าไปใกล้หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“เ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน อย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย”
พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดทิ้งให้หญิงสาวนั่งเพียงลำพัง แม้จเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้
ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.