เหอตงเซิงยังเอ่ยเสริมว่า “มีหลานสะใภ้เช่นนี้ บรรพบุรุษสกุลอวี๋ของพวกเ้าคงสั่งสมบุญไว้มากจริง ไม่เช่นนั้นด้วยวิชาหมอที่เห็นชีวิตผู้คนเป็ต้นไม้ใบหญ้าเช่นนี้ของท่านหมออวี๋ ข้าคงต้องแนะนำให้ท่านอย่าได้ตรวจโรคอีกเลย”
ใบหน้าชราของอวี๋หรูไห่แดงก่ำ เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเกว่า “นายท่านเหอสั่งสอนได้ถูกต้องขอรับ”
เหอตงเซิงคร้านจะสนใจเขา เขามองไปทางเจียงชิงเหอที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดท่านหมอเจียงจึงอยู่ที่นี่ด้วย?”
เจียงชิงเหอนั่งดูสีหน้าของอวี๋หรูไห่อยู่ด้านข้างมาพักใหญ่ ในใจของเขาลอบยินดีอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเหอตงเซิงเอ่ยถาม เขาก็ไม่คิดปิดบังความตั้งใจ
“ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญแม่นางเมิ่งไปเป็หมอประจำสำนักหุยชุนขอรับ โชคดีที่นายท่านเหอมาช้าอยู่สักหน่อย มิเช่นนั้นเกรงว่าข้าคงไม่อาจซื้อใบสัญญาซื้อขายตัวของแม่นางเมิ่งมาไว้ในมือเสียแล้ว” เขาจงใจเอ่ยเย้ยหยัน
หลังจากอวี๋หรูไห่รู้ว่าเหอตงเซิงมาด้วยเจตนาใด ได้แต่นึกเสียใจภายหลังจนแทบกระอักเื ยิ่งได้ยินเจียงชิงเหอเอ่ยเช่นนี้ เขาถึงกับโมโหจนเจ็บไปถึงตับ
เมื่อเหอตงเซิงได้ยินเช่นนั้นพลันมองสีหน้ามืดคล้ำดำเขียวของอวี๋หรูไห่ ก่อนหลุดเสียง ‘อุ้บ’ หัวเราะเสียงดังลั่น เอ่ยชื่นชมว่า “ท่านหมอเจียงช่างดูคนได้แจ่มแจ้ง ดวงตาแหลมคมนัก ด้วยทักษะวิชาหมอของแม่นางเมิ่ง การอยู่ในสกุลอวี๋นับว่าเป็ไข่มุกเปื้อนฝุ่นจริงๆ หมอที่ดีเช่นนางสมควรอยู่ในโรงหมออย่างสำนักหุยชุน! แต่น่าเสียดาย...”
เหอตงเซิงหันกลับไปมองสิ่งที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าไหมสีแดงในมือของบ่าวรับใช้ทั้งสองคน
“น่าเสียดายอะไรหรือขอรับ?” เจียงชิงเหอไม่เข้าใจ
“ข้าตั้งใจเตรียมแผ่นป้ายเกียรติคุณให้แม่นางเมิ่งเป็พิเศษ ยามนี้นางจะไปเป็หมอที่สำนักหุยชุนของเ้าแล้ว แผ่นป้ายใบนี้คงไร้ประโยชน์เสียแล้ว” เหอตงเซิงลุกขึ้นยืน เขาเดินไปทางเด็กรับใช้แล้วเลิกผ้าไหมสีแดงที่ปกคลุมเอาไว้ออก
อวี๋เจียวเดินเข้ามาจากนอกห้องและมองไปยังแผ่นป้าย พบเพียงอักษรสีทองสี่ตัวสลักไว้บนแผ่นไม้สีแดงว่า--- มือหมอคืนชีพ กรอบทั้งสี่ด้านใช้โลหะแกะสลักปิดทองคำเปลวลายดอกไม้ แลดูมีสง่าราศียิ่งนัก
เหอตงเซิงมองอักษรตัวใหญ่ทั้งสี่แล้วแย้มยิ้ม “ย่อมต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ หากแม่นางเมิ่งไปเป็หมอที่สำนักหุยชุน ป้ายนี้ก็จะถูกส่งไปยังสำนักหุยชุนของพวกเรา มือหมอคืนชีพช่างขับให้สำนักหุยชุนโดดเด่นอย่างยิ่ง”
อวี๋หรูไห่ถึงกับตาลายเพราะแผ่นป้ายทองคำเปลวนั้น เขาใช้แขนเสื้อขยี้หางตา จดจ้องอย่างหักใจไม่ได้ เขาเป็หมอมาทั้งชีวิต คิดอยากจะแขวนป้ายเกียรติคุณไว้หน้าประตูมาเนิ่นนาน แต่วิชาหมอของเขากลับอยู่ในระดับหมอเร่ร่อน ผู้ที่มาตรวจโรคล้วนเป็เพียงชาวบ้านที่ปวดหัวตัวร้อนทั่วไปเท่านั้น ผู้ใดจะมอบแผ่นป้ายเกียรติคุณอย่างใจคอกว้างขวางเช่นนี้ให้สกุลอวี๋ของเขาเล่า
แผ่นป้ายเกียรติคุณอันงดงามเปี่ยมราศีเช่นนี้อยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว อย่าได้เอ่ยถึงว่าอวี๋หรูไห่นึกริษยาเพียงใด เขาช่างโง่เขลา เหตุใดอยู่ดีๆ จึงขายใบสัญญาซื้อขายตัวของอวี๋เจียวไปได้ อีกเพียงนิดเท่านั้น แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น แผ่นป้ายเกียรติคุณนี้ก็จะตกเป็ของสกุลอวี๋ของพวกเขาแล้ว
หากใบสัญญาซื้อขายตัวของเมิ่งอวี๋เจียวยังอยู่ แขวนแผ่นป้ายเกียรติคุณนี้...อวี๋หรูไห่แค่นึกอยู่ในหัวก็รู้สึกว่าภาพนั้นงดงามจนใจเต้นระรัว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนขายใบสัญญาซื้อขายตัวของอวี๋เจียวให้เจียงชิงเหอไปแล้ว ก็นึกเสียใจจนอยากทุบอกตนเอง
ความผิดพลาดร้ายแรงเพียงครั้งเดียวก็จะกลายเป็เื่ที่ต้องเสียใจไปชั่วชีวิต โอกาสอันดีที่จะได้สร้างชื่อเสียงให้บรรพบุรุษสกุลอวี๋และกลายเป็ท่านหมอเลื่องชื่อในป่าต้นซิ่งอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เขากลับทำลายด้วยมือของตนเอง!
“ลำบากนายท่านเหอแล้ว” อวี๋เจียวยกยิ้มบางกล่าวขอบคุณเหอตงเซิง
เหอตงเซิงเห็นนางเดินเข้ามาพลันเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน เอ่ยพลางแย้มยิ้ม “ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงสักนิด! วันนี้นอกจากข้าจะมามอบเงินค่ารักษาให้แม่นางเมิ่งแล้ว ข้ายังอยากจะขอโทษเ้าเช่นกัน ก่อนหน้านี้ใจร้อนเพราะอาการป่วยของบิดาจึงได้มาก่อเื่ถึงจวน บ่าวไพร่ไม่รู้หนักเบาทำตัวไร้มารยาทต่อแม่นางเมิ่ง ถือได้ว่ามีความผิด หวังว่าแม่นางเมิ่งจะให้อภัย”
อวี๋เจียวนั่งลงบนเก้าอี้ หลังจิบชาร้อนจึงเอ่ยว่า “นายท่านเหอพูดเกินไปแล้ว เดิมทีก็เป็เพราะคนในจวนจัดเทียบยาผิดจนทำร้ายนายท่านผู้เฒ่าเหอ สกุลอวี๋ของข้าเป็ฝ่ายทำผิดก่อน”
ครั้นได้ยินอวี๋เจียวกล่าวเช่นนี้ สายตาที่เหอตงเซิงใช้มองนางยิ่งฉายแววชื่นชม ยามนี้เขาลดท่าทีและเกียรติของตนถึงเพียงนี้ แต่เมิ่งอวี๋เจียวกลับไม่หยิ่งผยองในวิชาหมอของตน ในทางกลับกันยังยอมรับความผิดของตนอย่างเปิดเผย เหอตงเซิงยิ่งรู้สึกว่านิสัยใจคอของนางสูงส่งน่าคบหา
“แม่นางเมิ่งไม่ถือโทษนับเป็เื่ดี” เหอตงเซิงเลิกผ้าแพรสีแดงอีกหนึ่งผืนที่คลุมอยู่บนถาดในมือของข้ารับใช้อีกคน เอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “นี่คือเงินค่ารักษาหนึ่งร้อยตำลึง ขอแม่นางเมิ่งโปรดรับไว้ด้วย”
อวี๋เจียวมองก้อนเงินทอแสงแวววับบนถาดเงิน ดวงตาผลซิ่งโค้งขึ้นเล็กน้อย “นายท่านเหอใจกว้างเกินไปแล้ว เงินค่ารักษาไม่ได้มากมายถึงเพียงนั้น”
เหอตงเซิงรีบเอ่ย “หากแม่นางเมิ่งไม่รับก็เท่ากับยังขุ่นเคืองที่ตอนนั้นข้าฝืนรั้งเ้าให้อยู่ในจวน”
คราวนี้อวี๋เจียวไม่ปฏิเสธ “ในเมื่อนายท่านเหอกล่าวเช่นนั้น ข้าก็จะรับเอาไว้”
เหอตงเซิงหัวเราะพอใจ “พ่อบ้านดูแลจวนบอกว่าคราวก่อนพวกเขาทำลายข้าวของในจวนไปไม่น้อย ข้ายังตั้งใจเตรียมข้าวของมาชดใช้ให้พวกเ้าอีกจำนวนหนึ่งด้วย”
ครั้นพ่อบ้านสกุลเหอที่อยู่ด้านข้างเห็นเขาเอ่ยถึงตนเองจึงรีบส่งยิ้มประจบให้อวี๋เจียว จากนั้นชี้นิ้วสั่งให้เด็กรับใช้กลุ่มหนึ่งนำข้าวของที่เมื่อครู่เพิ่งยกลงจากรถม้าเข้ามาทดแทนข้าวของในจวนสกุลอวี๋
ั้แ่เหอตงเซิงเดินเข้ามา อวี๋จิ่นเหยียนกับอวี๋จิ่นซูล้วนยืนดูอยู่ด้านข้าง ยามนี้อารมณ์ภายในใจของพวกเขาซับซ้อนจนยากจะคาดเดา นายท่านเหอผู้นี้พูดจาหยาบคายกับท่านปู่ของพวกเขา แต่กลับแสดงท่าทีสนิทสนมกับอวี๋เจียว ราวกับคนทั้งสองมีฐานะเท่าเทียมกันอย่างไรอย่างนั้น
อีกทั้งเมิ่งอวี๋เจียวยังวางตัวสง่าผ่าเผยไม่ถ่อมตนหรือหยิ่งยโส สุขุมเยือกเย็นยามสนทนากับเหอตงเซิง ถึงแม้ไม่เอาอกเอาใจ แต่ก็ไม่เสียมารยาท ไม่เหมือนแม่นางน้อยไม่รู้ความในหมู่บ้านเล็กๆ กระทั่งปัญญาชนในสกุลอวี๋อย่างพวกเขาสองคนยังด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำได้เพียงยืนอยู่มุมหนึ่ง ไม่มีคุณสมบัติให้เอ่ยสิ่งใดแทรกเสียด้วยซ้ำ
แม้แต่ท่านปู่ของพวกเขายังไร้เกียรติถึงเพียงนั้น ทำได้เพียงแย้มยิ้มประจบสอพลอ พวกเขายิ่งไม่อาจเทียบ
อวี๋เจียวไม่มีอารมณ์มาใส่ใจความคิดของแต่ละคนในห้องนี้ ครั้นนางนึกถึงสิ่งได้ยินขณะเดินเข้ามาในห้องจึงเอ่ยถามเจียงชิงเหอว่า “ท่านหมอเจียง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
เจียงชิงเหอชำเลืองมองอวี๋หรูไห่ครู่หนึ่ง หัวเราะอย่างลำพองใจเอ่ยว่า “แม่นางเมิ่งปฏิเสธข้าถึงสองครั้ง นับแต่โบราณมีการเชื้อเชิญขงเบ้งสามหน วันนี้ข้าจึงเลียนแบบคนโบราณ คิดอยากจะเชิญแม่นางเมิ่งไปเป็หมอที่สำนักหุยชุนอีกครั้ง”
เขาล้วงเอาใบสัญญาซื้อขายตัวในถุงเงินแล้วยื่นให้อวี๋เจียว “นี่คือใบสัญญาซื้อขายตัวของแม่นางเมิ่ง ข้าซื้อมาจากท่านหมออวี๋ เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจ ข้าขอคืนใบสัญญานี้ให้แม่นางเมิ่ง”
อวี๋เจียวรับใบสัญญามา เลิกคิ้วมองไปทางอวี๋หรูไห่
อวี๋หรูไห่สีหน้าอัดอั้น แม้จะส่งยิ้มประจบให้อวี๋เจียว ทว่าในใจกลับรู้สึกไม่ดียิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเจียงชิงเหอจงใจ ทั้งที่รู้ว่าอวี๋เจียวรักษานายท่านผู้เฒ่าเหอจนหายดี เดิมทีคนสกุลเหอก็ไม่มีทางมาเอาเื่เขาอีก แต่ก็ยังจงใจเอ่ยเช่นนั้นจนทำให้เขายอมมอบใบสัญญาออกไป
ครั้นหวนนึกว่าเมื่อครู่ตนยัดใบสัญญาใส่มือเจียงชิงเหอด้วยท่าทางร้อนรนเพียงใด อวี๋หรูไห่คิดอยากจะตัดมือตนทิ้งเสียประเดี๋ยวนั้น
อวี๋เจียวหัวเราะเยาะ อวี๋หรูไห่ห่วงหน้าตารักชื่อเสียง เกรงว่ายามนี้คงจะเ็ปไม่น้อย
“ขอบคุณท่านหมอเจียงสำหรับความหวังดีเ้าค่ะ ท่านเสียเงินซื้อใบสัญญานี้ไปเท่าใดหรือเ้าคะ?” อวี๋เจียวเอ่ยถามเจียงชิงเหอ
เจียงชิงเหอยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง เอ่ยว่า “ท่านหมออวี๋เรียกเงินห้าสิบตำลึงจากข้า”
อวี๋เจียวมองไปทางอวี๋หรูไห่ ดวงตาผลซิ่งแฝงรอยหยัน “เงินซื้อใบสัญญาข้าก็จ่ายให้ท่านไปแล้วมิใช่หรือ ต่อให้ท่านรักเงินทองเพียงใด ท่านก็ไม่ควรจะหลอกเอาเงินท่านหมอเจียง เมื่อครั้งก่อนท่านบอกว่าไม่รู้ว่าเอาใบสัญญาไปวางไว้ที่ใด ไม่ยอมเอาออกมาให้ข้า เหตุใดเมื่อท่านหมอเจียงจ่ายเงินซื้อก็หาใบสัญญาพบเสียแล้ว?”
ใบหน้าของอวี๋หรูไห่ประเดี๋ยวซีดประเดี๋ยวแดง อธิบายอย่างใจฝ่อว่า “เมื่อสองวันก่อนท่านย่าของเ้าเก็บตู้เสื้อผ้าถึงได้เจอพอดี...”
