“ยังไม่ถึงเวลาให้เ้าดูแล เ้าไม่ต้องถาม” ซย่าหลี่จวินขัดจังหวะจิ่นเซวียนด้วยความไม่พอใจ พวกเขามีที่ดินสองหมู่นั้นอยู่แต่เขาไม่อยากเสียให้จิ่นเซวียน
ไม่ว่าชาติไหนนางก็ไม่มีดวงเื่ครอบครัว น่าเศร้ายิ่งนัก ชาติที่แล้วพี่ชายคนโตวางเพลิงฆ่านางเพื่อทรัพย์สมบัติ มาชาตินี้ท่านพ่อผลักนางลงหลุมทั้งเป็เพื่อสินสอดทองหมั้น ความสัมพันธ์ช่างเหินห่างนัก นางกับซย่าจิ่นอวิ๋นยืนข้างกัน คนหนึ่งแต่งตัวเหมือนคุณหนู อีกคนเหมือนขอทาน ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน
ในเมื่อพวกเขาทำตัวไร้ยางอาย แล้วนางจะไว้หน้าพวกเขาทำไม?
“วันนี้ข้าขอบอกไว้ ณ ที่นี้ ตัวข้ายอมตายดีกว่าให้พวกท่านสมหวัง หากไม่คืนที่นาสินเ้าสาวมาข้าก็ไม่แต่ง ใครเป็ผู้รับสินสอดตระกูลซ่งมา คนนั้นก็แต่งเองเถิดเ้าค่ะ”
แม่หนูไม่ทำเขาผิดหวังจริงๆ ในเมื่อนางอยากสร้างปัญหาก็ให้นางทำไป เขาจะยืนดูอยู่ข้างๆ เอง
“นายท่านซย่า ตามธรรมเนียมพวกข้าให้สินสอดหกสิบแปดตำลึง พวกเ้าต้องให้สินเ้าสาวอย่างน้อยสี่สิบห้าสิบตำลึง” คำพูดของซ่งผิงทำซย่าหลี่จวินร้อนใจ ครานั้นเขาแต่งเสี่ยวเกาซื่อให้สินสอดสิบแปดตำลึงก็ถือว่าสูงแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านมิได้บอกว่าบ้านซ่งให้สินสอดเพียงสิบตำลึงเงินหรอกหรือเ้าคะ?” ซ่งผิงมีใจช่วยเหลือนาง จิ่นเซวียนจะทำให้เขาผิดหวังได้อย่างไร พ่อชั่วโกหกนางบอกบ้านซ่งให้สินสอดเพียงสิบตำลึงเงิน เดิมนางก็รู้สึกว่ามันเป็ไปไม่ได้
“ท่านซย่าไม่อธิบายหน่อยหรือ?” ซ่งผิงหงุดหงิด ตอนเขามามอบสินสอดแทนลูกชาย แม่สื่อก็อยู่ นอกจากเงินสินสอดหกสิบแปดตำลึง พวกเขายังให้ผ้าต่วนหนึ่งพับและเครื่องประดับเงินหนึ่งชุดด้วย
“ชิ่งเจีย ท่านอย่าไปฟังเซวียนเซวียนเลยขอรับ” ดวงตาซ่งผิงเฉียบคมจนซย่าหลี่จวินใจฝ่อ
“น้องซย่า เ้าเป็คนมีตำแหน่ง ไม่คิดเลยว่าเ้าจะทำกับเซวียนเซวียนเช่นนี้ นางเป็ถึงบุตรคนโตของฮูหยิน แต่เ้าดูนางแต่งตัวสิ ผ้าพับและเครื่องประดับเงินที่ข้าให้ เ้าคงไม่ได้คิดจะยกมันให้บุตรสาวคนรองทั้งหมดกระมัง”
คำพูดซ่งผิงราวกับตบหน้าซย่าหลี่จวินฉาดใหญ่ สินสอดทองหมั้นที่บ้านซ่งมอบให้นั้น ครอบครัวในละแวกนี้ไม่มีบ้านใดจะได้รับเท่าบ้านซย่า
“ท่านแม่ ทำอย่างไรดีเ้าคะ หรือเราต้องคืนของกลับไป?” ซย่าจิ่นอวิ๋นดึงแขนเสื้อเสี่ยวเกาซื่อเบาๆ ให้นางรีบหาทางแก้ไข
เหล่าเพื่อนบ้านได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทเลยมามุงดูหน้าประตู เมื่อเห็นผู้ชม จิ่นเซวียนจึงตัดสินใจทำเื่ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
“ท่านย่า ข้าไม่เอาที่นาสินเ้าสาวแล้วก็ได้เ้าค่ะ ข้าจะรีบตามท่านลุงซ่งกลับบ้านซ่ง พวกท่านจะได้ประหยัดเสบียงอาหารตามที่ท่านเคยว่าไว้เ้าค่ะ”
จิ่นเซวียนคุกเข่าลงกับพื้นทำเอาพวกเกาซื่อตกตะลึง
“เด็กคนนี้ เ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ท่านย่ารังแกเ้าเมื่อใดกัน” เสี่ยวเกาซื่อค้อมตัวประคองจิ่นเซวียนแต่จิ่นเซวียนสะบัดนางออก
“ข้ารู้ว่าพวกท่านเกลียดชังข้า เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าจะตามท่านลุงซ่งไป ไม่ขอร้องพวกท่านอีก สินสอดทองหมั้นของบ้านซ่ง พวกท่านอยากยกให้อวิ๋นเอ๋อร์ก็ให้ไปเถิดเ้าค่ะ ข้าจะไม่ตำหนิพวกท่าน”
“ร้ายกาจมาก ตอนแม่ของเซวียนเซวียนยังอยู่ หาเงินให้พวกเขาตั้งเท่าใด สมดังคำมีแม่เลี้ยงก็จะมีพ่อเลี้ยงด้วย”
“เฮ้อ เด็กคนนี้น่าสงสารนัก พวกเ้าดูนางแต่งตัว ไม่ต่างอะไรกับขอทานเลย ป้าหลานแซ่เกาต้องอยากได้สินสอดบ้านซ่งแน่ถึงได้รุมรังแกเซวียนเซวียน”
เสียงวิจารณ์จากทุกทิศทุกทางเพ่งเล็งไปที่เกาซื่อและเสี่ยวเกาซื่อ จนพวกนางแทบจะเอามีดมาแทงจิ่นเซวียนเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“พี่น้องทุกท่านมันไม่ได้เป็อย่างที่พวกท่านคิดนะเ้าคะ ท่านแม่ไม่เคยรุนแรงกับพี่จิ่นเซวียน แต่เป็พี่เองที่ไม่อยากแต่งกับคุณชายซ่งถึงได้หาข้ออ้างเ้าค่ะ” ซย่าจิ่นอวิ๋นไม่พอใจที่ทุกคนหัวเราะเยาะท่านแม่
“อวิ๋นเอ๋อร์ เ้าปรักปรำข้าได้อย่างไร ข้าบอกเมื่อใดว่าไม่อยากแต่งให้คุณชายซ่ง” ชาเขียวน้อยอยากเสี้ยมแต่จิ่นเซวียนไม่ยอมหรอก
“ต่อหน้าลุงป้าน้าอา ข้าไม่กล้าพูดโกหกหรอกเ้าค่ะ เหตุผลที่ข้าะโลงแม่น้ำเพราะข้าหิว ั้แ่ท่านปู่จากไปข้าได้กินเพียงวอวอโถว [1] วันละสามชิ้นเท่านั้น บางวันแม้แต่ชิ้นเดียวยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ”
เมื่อเทียบกับนาง ซย่าจิ่นอวิ๋นยังอ่อนหัดนัก
“พี่สะใภ้ท่านร้ายกาจมาก เหตุใดทำกับหลานสาวตัวเองเช่นนี้” จินซื่อที่อยู่ข้างบ้านเกลียดท่าทางยโสของเกาซื่อที่สุด วันนี้พอเกาซื่อล้มนางเลยเหยียบซ้ำ
“เจินเจิน ข้ามิได้บอกให้เ้าทำเสื้อให้เซวียนเซวียนใหม่หรือ?เหตุใดเ้าถึงลืมเล่า” เกาซื่อห่วงชื่อเสียงตัวเองเลยเหลือบมองเสี่ยวเกาซื่อแล้วผลักภาระให้
เสี่ยวเกาซื่อโดนตำหนิลับหลังก็รู้สึกไม่สบายใจ
“เซวียนเซวียนเอ๋ย ข้าปฎิบัติต่อเ้าอย่างดี เหตุใดจึงใส่ร้ายข้าเล่า คนไม่รู้จะคิดว่าข้าทำร้ายเ้านะ” เสี่ยวเกาซื่อมองจิ่นเซวียนอย่างน้อยอกน้อยใจ ส่วนจิ่นเซวียนไม่คิดให้โอกาสนางแก้ตัว
“พวกท่านมัดข้าไว้กับเตียงห้าวันห้าคืนหลังขึ้นจากแม่น้ำ หากไม่ใช่เพราะข้าโชคดีคงไม่มีแรงมายืนพูดกับพวกท่านตรงนี้ ท่านแม่ ข้าทบทวนตัวเองแล้ว ข้าไม่ได้ทำผิดต่อท่าน เหตุใดท่านถึงอยากเอาชีวิตข้าล่ะเ้าคะ”
นังเด็กสารเลวนี่กล้าพูดความจริงต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ น่าขยะแขยงนัก
เสี่ยวเกาซื่อโกรธจนหน้าดำคล้ำ
“เด็กน้อยผู้น่าสงสาร ให้ข้าดูหน่อยว่าเ้าเจ็บตรงไหนบ้าง” จินซื่อเดินมาจับแขนจิ่นเซวียนเพื่อตรวจดูและพบรอยมัดบนข้อมือเด็กน้อย นางปวดใจยิ่งนัก
“หลี่จวิน เ้านี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ เป็ถึงชายชาตรีเป็ใหญ่เป็โตแต่กลับให้ภรรยาดูแลบ้าน เ้าดูสิ่งที่เกิดกับลูกสาวคนโตเ้า” จินซื่อไม่ใช่คนเสแสร้ง แม้นางจะขี้นินทาแต่ก็ใจดีกับจิ่นเซวียนมาก
เพราะนางสนิทกับแม่ของจิ่นเซวียนตอนยังมีชีวิตอยู่ สนิทมากถึงขั้นเป็สหายต่างวัยกัน
“เซวียนเซวียน พ่อไม่ดีเอง ให้อภัยพวกแม่เขาได้หรือไม่” ซย่าหลี่จวินเลวได้ใจจริงๆ เขาพูดประนีประนอมเพราะไม่อยากให้จิ่นเซวียนถือโทษ
“ท่านพ่อเ้าคะ ข้าไม่โทษท่านแม่หรอกเ้าค่ะ ใครใช้ให้ข้ามิใช่ลูกในไส้ของนางเล่า” ทำนางชาเขียวอับอายเป็แค่ผลพลอยได้ แต่จุดประสงค์หลักๆ คือทวงสินเ้าสาว
“เซวียนเซวียน ก่อนหน้าข้าละเลยเ้า จากนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเ้าอีก วางใจเถิด” ซย่าหลี่จวินก็ห่วงชื่อเสียงตนเอง เขาต้องสอบเคอจวี่ [2] หากโดนคนเอาไปพูดคงไม่มีหน้าไปพบสหายร่วมเรียนในสำนักศึกษา
“ท่านพ่อเ้าคะ วันมะรืนข้าก็จะแต่งงานแล้ว ข้ามีเื่ขอร้องท่านเพียงเล็กน้อย หวังว่าท่านจะรับปาก”
ลูกสาวคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว นางตีหน้าซื่อเก่งยิ่งกว่าใคร
“เ้าเป็ลูกคนแรกของข้า เ้าออกเรือน ในฐานะพ่อ ข้าจะจัดงานให้เ้าอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน” แม้ซย่าหลี่จวินจะไม่ชอบจิ่นเซวียน แต่เขาต้องยอมเพื่อชื่อเสียง
“น้องซย่า วันมะรืนเซวียนเซวียนก็จะกลายเป็คนบ้านซ่งแล้ว ข้าหวังว่าเ้าจะปฏิบัติต่อนางอย่างยุติธรรม อย่าให้นางแต่งตัวเหมือนขอทานอีก” ในที่สุดซ่งผิงที่เงียบมานานก็เอ่ยปาก
เชิงอรรถ
[1] วอวอโถว หมายถึง อาหารชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งข้าวโพด แป้งข้าวฟ่าง หรือธัญพืชอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะเป็โคน ตรงก้นเป็หลุม
[2] สอบเคอจวี่ หมายถึง ระบบการสอบคัดเลือกข้าราชการของชาวจีนหรือที่พูดกันติดปากว่าการสอบจอหงวน เริ่มปรากฏใช้ครั้งแรกสมัยราชวงศ์สุย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้