หมอหลวงฉู่ใสูดอากาศที่เย็นเฉียบ เสียงขอร้องให้ยกโทษติดอยู่ในลำคอ เขาหมดสติไปโดยพลัน
ทุกคนนิ่งเงียบ แม้แต่เว่ยเหม่ยเจียก็ยังยืนนิ่งข้างๆ อย่างเชื่อฟังปราศจากความเย่อหยิ่งใดๆ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรสักประโยค
หมอหลวงฉู่ถูกนำตัวออกไปไม่นานก็เกิดเสียงกรีดร้องน่าเวทนาอย่างยิ่งมาจากด้านนอก
ซูจิ่นซีกระตุกยิ้มที่มุมปาก เยี่ยโยวเหยาที่มองเมฆขาวจางๆ ลมพัดเบาๆเอ่ยคำสั่งออกมา ภายในใจกระตุกเกร็ง ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนต่างหวาดกลัวโยวอ๋องมากกว่าเหยียนอ๋องเป็อย่างยิ่งเขาเข่นฆ่าผู้คนได้ในพริบตา ยิ่งกว่านั้นวิธีการลงมือยังเป็การ ‘ถลกหนังเลาะเส้นเอ็น’ วิปริตเป็อย่างมากอีกด้วยช่างน่ากลัวเสียจริง
ซูจิ่นซีนึกได้กะทันหันถึงสิ่งที่ทำกับเยี่ยโยวเหยาไว้ที่สวนหลังจวนสกุลซูพอจะบอกได้เลยว่าเป็การกระทำที่นางหลอกลวงเขาเอาไว้ไม่น้อย และก็ไม่รู้ว่าหากเยี่ยโยวเหยารู้เื่เข้าจะใช้วิธีการใดจัดการกับนาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ แผ่นหลังของซูจิ่นซีก็เย็นวาบ แอบภาวนาอยู่ในใจหวังเพียงว่าชั่วชีวิตของเยี่ยโยวเหยาจะไม่มีวันรู้ความจริงเื่นั้นตลอดไป
ขณะกำลังคิดคาดไม่ถึงว่าเยี่ยโหย่วเหยาก็ได้ลืมตาขึ้นมามองซูจิ่นซีอย่างฉับพลันในใจของซูจิ่นซีตกอยู่ในความหวาดผวายิ่งนัก
ทว่าเสียง “ปัง” ทำให้นางสะบัดหัวอย่างเร็วไม่กล้าที่จะสบตากับเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นหันหลังกลับแล้วเดินอย่างไม่สนใจ เมื่อเดินไปได้เพียงสองก้าวก็พบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของซูจิ่นซีตามมาทันใดนั้นก็หันกลับมาพูดอย่างเ็า “ซูจิ่นซี เหตุใดจึงยังไม่ไปอีก? ”
ซูจิ่นซีสะดุ้งโหยง รีบตามเยี่ยโยวเหยาไปอย่างรวดเร็วทันที
เว่ยเหม่ยเจียมองไปยังซูจิ่นซีที่เดินตามหลังเยี่ยโยวเหยาออกไป สองร่างที่ดูเข้ากันได้เป็อย่างยิ่ง ใบหน้าของเว่ยเหม่ยเจียขาวซีดกำหมัดเล็กแน่น ไม่รู้เหมือนกันว่านางไปเอาความกล้าหาญมาจากที่ใด เว่ยเหม่ยเจียรีบวิ่งพรวดไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อปิดทางเยี่ยโยวเหยาไว้โดยมิได้คาดคิด
“เสด็จพี่ ท่าน... ท่านไปไม่ได้นะเพคะ! เสด็จป้ายังไม่ฟื้นเลยนะเพคะ! ”
“ออกไปให้พ้น! ”
เสียงอันเ็าของเยี่ยโยวเหยาไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย
เว่ยเหม่ยเจียเ็ปใจจนโลหิตแทบจะทะลัก
“เสด็จพี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เสด็จพี่ต้องได้รับการยืนยันว่าเสด็จป้าพ้นอันตรายและฟื้นก่อนจึงจะสามารถไปได้เพคะ!เสด็จป้าเป็มารดาผู้ให้กำเนิดเสด็จพี่นะเพคะ! ”
การใช้เฉินไท่เฟยมาเป็ข้ออ้างทั้งหมดเพื่อที่จะเหนี่ยวรั้งเยี่ยโยวเหยาไว้ล้วนเป็เจตนาที่เห็นแก่ตัวของเว่ยเหม่ยเจีย หากเยี่ยโยวเหยาประทับอยู่ที่นี่นางก็สามารถเห็นเขาได้มากขึ้น
ทว่าความจริงแล้วนั้น การไปจากเฉินไท่เฟยมารดาผู้ให้กำเนิดดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อเยี่ยโยวเหยา เขาไม่เอ่ยสิ่งใดเลยดวงตาเรียวราวกับคมมีดมองไปทางเว่ยเหม่ยเจียอย่างเ็า ไม่แยแส อันตราย และมีรังสีสังหารอย่างเต็มเปี่ยม
เว่ยเหม่ยเจียราวกับถูกขู่จนเกือบจะร้องไห้นางไม่กล้าที่จะขัดความคิดของเยี่ยโยวเหยา แต่กลับกล้าที่จะลงมือกับซูจิ่นซีก่อนเนื่องจากความเย่อหยิ่งทะนงตน ตลอดจนความยากลำบากที่ตนเองต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาเสียงของนางจึงบิดเบือนและแสร้งสะอึกเล็กน้อย
“เสด็จพี่ พูดตามตรงนะเพคะ เวลานี้เสด็จป้ากลายเป็เช่นนี้ เสด็จพี่หนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องท่านควรรับผิดชอบให้ถึงที่สุดไม่ใช่หรือเพคะ? ”
อันที่จริง แม้ว่าเว่ยเหม่ยเจียจะไม่พูดซูจิ่นซีก็คิดจะพูดให้เยี่ยโยวเหยาอยู่ต่อเช่นกันเพราะนางมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากกว่า และยิ่งไปกว่านั้นนางค้นพบสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าในตัวของเฉินไท่เฟย
เพียงแต่ท่าทางเ็าของเยี่ยโยวเหยาที่มีต่อเฉินไท่เฟยมารดาผู้ให้กำเนิดผู้นั้น ทำให้นางไม่มั่นใจว่านางควรจะพูดออกไปดีหรือไม่
การถูกเว่ยเหม่ยเจียบังคับเช่นนี้ ยิ่งทำให้ซูจิ่นซีมีเจตจำนงมุ่งมั่นในการตัดสินใจมากขึ้น
นางเดินไปอยู่ด้านข้างของเยี่ยโยวเหยา กล่าวด้วยเสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้ยิน“ท่านอ๋อง หรือว่า ท่านยังไม่ต้องรีบไปดีหรือไม่เพคะ? แท้จริงแล้วที่เสด็จแม่ยังไม่พ้นจากอันตรายหม่อมฉันพบว่าพระนางได้รับพิษอีกชนิดหนึ่งอยู่ในร่างกายมาเป็เวลายาวนานมีชื่อว่าพิษกระดูกเพคะ”
ไม่ใช่ว่าซูจิ่นซีเต็มใจที่จะให้เว่ยเหม่ยเจียใช้อำนาจคุกคาม และไม่ใช่ว่าซูจิ่นซีไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองไม่ได้มีคุณค่าความสำคัญมากพอในใจของเยี่ยโยวเหยาทว่าอย่างที่นางบอก บนร่างกายของเฉินไท่เฟยมีพิษที่อันตรายอยู่ นั่นก็คือพิษกระดูก
พิษกระดูก แท้จริงแล้วถือว่าเป็พิษเรื้อรังสามารถกัดกร่อนข้อต่อกระดูกของมนุษย์
หากซูจิ่นซีเดาไม่ผิด เฉินไท่เฟยน่าจะพิการขาทั้งสองข้างไม่เอื้อต่อการเดินเพียงแต่ว่านางไม่เคยเห็นเฉินไท่เฟยลุกยืนหรือนั่งบนรถเข็นมาก่อนยิ่งไปกว่านั้นพิษชนิดนี้ยังเป็ยาพิษที่ไม่ปรากฏรูปร่างดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นได้
จนกระทั่งก่อนหน้านี้ที่นางดูอาการให้เฉินไท่เฟยในห้องบรรทมชั้นใน ‘ยาอันเสิน’ ที่เกิดจากพิษของหนอนกู่ใช้ร่วมกันกับ ‘ยาพูเอ๋อร์ิ่’ ผลของยาที่มีต่อร่างกายนั้นจึงขัดกันและกันเมื่อหยินแย่หยางพร่องจึงกลายเป็สิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูจิ่นซีถึงต้องใช้ระบบถอนพิษตรวจวัดออกมา
เฉินไท่เฟยอาเจียนเป็โลหิต วัตถุประสงค์ของสมุนไพรหวาสยงนำมาทำเป็ยา ‘อันเสิน’ ก็เพื่อให้พิษกระดูกนี้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนเช่นกันสถานการณ์ค่อนข้างสลับซับซ้อน สำหรับการเป็หมอพิษคนหนึ่งซูจิ่นซีไม่มีทางที่จะนิ่งดูดายฝ่าฝืนละเมิดจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างแน่นอน
เยี่ยโยวเหยามองความรู้สึกที่แสดงผ่านดวงตาของซูจิ่นซีด้วยความชื่นชมไม่น้อยคาดไม่ถึงกับผลการวินิจฉัยของซูจิ่นซี
ยี่สิบปีที่แล้ว เฉินไท่เฟยยังคงเป็นางสนมอันดับต้นๆ ที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเป็อย่างยิ่งไม่นานหลังจากที่ให้กำเนิดเยี่ยโยวเหยา ก็มีลางบอกเหตุว่านางจะค่อยๆสูญเสียขาทั้งสองข้างไป เวลาผ่านไปไม่นานก็สูญเสียความสามารถในการเดิน หลังจากนั้นยี่สิบปีเป็ต้นมาเฉินไท่เฟยทรงนั่งรถเข็นมาโดยตลอด
ในปีนั้นหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงที่สามารถวินิจฉัยได้ทุกคนล้วนหาสาเหตุเกี่ยวกับอาการโรคของเฉินไท่เฟยไม่พบว่าสาเหตุเกิดมาจากสิ่งใดท้ายที่สุดก็เป็บิดาของซูจิ่นซีซึ่งก็คือหัวหน้าสำนักหมอหลวงคนปัจจุบันที่วินิจฉัยว่านางเป็โรคข้อต่อกระดูกเท้าอักเสบ ทว่าไม่เคยเห็นผลในการรักษาเลย
เฉินไท่เฟยยังเคยสงสัยว่าตนเองจะถูกวางยาพิษ นางแอบตามหาหมอที่มีชื่อเสียงมาตรวจและรักษาอย่างลับๆ ทว่าก็ไม่ได้ผล บางทีอาจมีผู้ที่มีวิชาการแพทย์ที่ล้ำเลิศมองออกทว่าเพราะข้อกังวลมากมายจึงปกปิดความจริง
‘พิษกระดูก’ คำนี้เยี่ยโยวเหยาพึ่งจะเคยได้ยินเป็ครั้งแรกเขาแปลกใจอยู่เล็กน้อย
แต่ที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นคือความสามารถและความกล้าหาญของซูจิ่นซี
เนื่องจากผู้ที่ได้ยินข่าวลือในตอนนั้นอีกทั้งผู้ที่สามารถวินิจฉัยการพิการขาทั้งสองข้างของเฉินไท่เฟยอันเนื่องมาจากพิษได้ส่วนใหญ่ก็ล้วนสามารถเดาถึงความจริงได้เช่นกัน ทว่ากลับไม่กล้าที่จะพูดได้อย่างชัดเจน
ผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ผู้นั้น ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถตัดสินลงโทษได้
“ท่านอ๋อง! ”
ซูจิ่นซีเรียกสติเยี่ยโยวเหยาที่จ้องมองตนเองโดยไม่พูดสิ่งใดเลย
“ซูจิ่นซี ดูท่าแล้วความสามารถของเ้ามีไม่น้อยเลย ถึงแม้ตรวจพบได้ทว่าจะมีวิธีถอนพิษหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยามองที่ซูจิ่นซีด้วยความสนใจ น้ำเสียงที่ถามทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกว่าเยี่ยโยวเหยาไม่เชื่อนาง
ไร้สาระ หากไม่มีความสามารถในการถอนพิษกระดูกที่มากพอซูจิ่นซีจะเอาที่ไหนมากล้าโอ้อวดเล่า มิใช่ว่าเป็การทำลายภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของตนด้วยกำลังของตนหรอกหรือ?
อีกอย่าง ยาพิษกระดูกนี้ก็ช่างดื้อรั้นหัวแข็งเสียจริงถึงแม้ว่าจะเด่นขึ้นมา คุณสมบัติของยาก็จะค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน แม้ว่าจะไม่รุกรามชีวิตของเฉินไท่เฟยในทันทีทว่าก็เหมือนะเิเวลาที่อยู่ในตัวของนางไม่แน่ว่าเมื่อใดจะกำเริบออกมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั่นก็สามารถคร่าชีวิตของนางได้อย่างแน่นอนนี่ช่างไม่ใช่เื่ที่เล่นๆ เอาเสียเลย
“ถอนก็ถอนได้ ทว่า… ”
ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาแล้วเปิดปากพูดออกมาว่า
“หืม? ”
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาเบิกกว้างเมื่อมองซูจิ่นซีอย่างจริงจัง
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ทว่าเครื่องปรุงยาจีนหาได้ยากเพคะข้า้าบัวหิมะเทียนซานที่สดใหม่มาทำเป็ส่วนผสมเพคะ”
“เ้าแน่ใจหรือว่า้าบัวหิมะเทียนซานมาทำเป็ส่วนผสม? ”
ร่างกายของเยี่ยโยวเหยาเย็นลงอย่างกะทันหันเมื่อเข้าใกล้ซูจิ่นซีอีกก้าวหนึ่งราวกับเทพพระเ้ามองลงมาที่ซูจิ่นซี อำนาจแรงบังคับแทบจะทำให้คนหยุดหายใจได้
ซูจิ่นซีมองขึ้นไปหาเยี่ยโยวเหยาโดยไม่แสดงอาการอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยน้ำเสียงของนางยังคงหนักแน่นเหมือนเดิม
“ใช่แล้วเพคะ ท่านอ๋อง! บัวหิมะเทียนซานเพคะหากอยากถอนพิษกระดูกบนร่างของเฉินไท่เฟยขาดส่วนประกอบหลักอย่างบัวหิมะเทียนซานไม่ได้เลยเพคะ”
บัวหิมะเทียนซานนั้นหายาก ทว่าก็มิใช่ว่าจะไม่มี
บัดนี้ก็มีอยู่ในมือของเยี่ยเซินไท่จื่อหนึ่งต้น
ทุกวันนี้ ศิลปะการต่อสู้ของสกุลฮั่วเป็อันดับต้นๆ แห่งจงหนิง พวกเขาคิดจะไต่เต้ายึดอำนาจตงกงโดยตั้งใจจะนำบุตรสาวของตนเองสมรสกับเยี่ยเซินไท่จื่อ หวังคิดที่จะเกี่ยวดองกับราชวงค์ดังนั้นจึงมอบบัวหิมะเทียนซานหนึ่งต้นให้เป็ของกำนัลเพื่อแสดงถึงความจริงใจเื่นี้ผู้คนในเมืองตี้จิงต่างรู้กันดี
และเยี่ยเซินไท่จื่อก็คือผู้ที่เคยถูกคลุมถุงชนกับซูจิ่นซีมาก่อน เนื่องจากว่าตอนแรกซูจิ่นซีโง่เขลาเบาปัญญามาั้แ่เกิดหน้าตาอัปลักษณ์ เยี่ยเซินไท่จื่อจึงวางแผนยกเลิกพิธีหมั้นหมายกับซูจิ่นซีและยิ่งกว่านั้นยังผลักดันซูจิ่นซีให้กับคนโเี้หยิ่งทะนงที่ผู้คนต่างหวาดกลัวอย่างเยี่ยโยวเหยา
ในเวลานั้นร่างกายของเยี่ยโยวเหยาได้รับพิษอย่างรุนแรงเป็ผู้ที่ใกล้จะตาย หากไม่ใช่เพราะดวงชะตาที่ดีของซูจิ่นซีสมุนไพรที่สวนหลังจวนสกุลซูสามารถระงับยาพิษในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาได้ชั่วคราวในเวลานี้กลัวเพียงว่าซูจิ่นซีจะถูกฝังร่วมกับเยี่ยโยวเหยาตามกฎมณเฑียรบาลของราชวงศ์กษัตริย์เสียแล้ว
ความแค้นเช่นนี้ ล้วนเป็ความทรงจำที่จดจำได้ขึ้นใจ
อย่างไรก็ตาม ใน่จังหวะที่สำคัญนี้กลับบอกว่านาง้าบัวหิมะเทียนซานเพื่อทำการถอนพิษให้เฉินไท่เฟยซูจิ่นซีเ้าแน่ใจหรือไม่ว่า้าฉวยโอกาสแก้แค้นที่ตอนแรกเยี่ยเซินไท่จื่อทำให้อับอายขายหน้า