“นางน่าสงสารจริง ๆ ต่อให้นางเข้าใจพี่สาวผิด แต่ก็ไม่น่าทำกันถึงเพียงนี้” ฮองเฮาพึมพำ พลันเบี่ยงตัวเดินกลับตำหนักไป ท่ามกลางสายตาขององค์ชายสาม ที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบ ๆ โดยไม่เข้าไปวุ่นวาย
“น้ำตาของเ้า ใช้เรียกความสงสารจากฮองเฮาได้ไม่น้อยเลยนะ” คำพูดของจางเหม่ย ทำให้หลิวเหมยชะงัก แล้วทำท่าอึกอัก
“ไม่ร้องไห้แล้วเหรอ? เมื่อครู่ข้ายังเห็นเ้าบีบน้ำตาอยู่ ทั้งที่ตลอดทางมาวังหลวง เ้าไม่มีน้ำตาสักหยด พออยู่ต่อหน้าฮองเฮา น้ำตาก็ไหลรินราวกับสั่งได้!” พระชายาหันแววตาเชือดเฉือนมายังอีกฝ่าย
“พระชายา..ท่านจับผิดข้างั้นเหรอ” หลิวเหมยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมทำตาใสซื่อ
“พระชายา ข้าเป็น้องสาวของท่านนะ เหตุใดท่านจึงคิดจับผิดข้า เมื่อก่อนท่านลืมไปแล้วเหรอ ว่าท่านเมตตาข้าเพียงใด ั้แ่ท่านขึ้นเป็พระชายา ความสนิทสนมของเราสองคนจึงห่างเหิน จนแทบจะกลายเป็ศัตรู” จางเหม่ยก้มลง แล้วยิ้มเล็กน้อย
“ซูเยว่ พาหลิวเหมยไปยังห้องพัก แล้วกลับมาเอายาที่ข้าไปทาให้นางด้วย”
“เพคะ พระชายา” สิ้นรับสั่ง นางกำนัลก็พาตัวหลิวเหมยเดินไปยังห้องพักที่อยู่ท้ายตำหนัก ก่อนพระชายาจางเหม่ยจะเบี่ยงตัวเดินกลับเข้าห้อง ทว่าเดินไปได้เพียงสองสามก้าว ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อร่างขององค์ชายสามเดินมาหยุดตรงหน้า
“องค์ชายสาม” นางอุทานขึ้นเบา ๆ
“เ้ากำลังจะทำอะไร” จางเหม่ยนิ่งเงียบ แล้วทำบ่ายเบี่ยงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“องค์ชายสามหมายถึงเื่ใดเพคะ”
“เื่ที่เ้า พาหลิวเหมยเข้ามายังวังหลวง เ้ากำลังจะทำอันใด” หญิงสาวทอดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วขบคิดในใจเงียบ ๆ
‘เดิมทีเขาไม่ได้สนใจข้ามากนัก แต่เพราะเื่ของหลิวเหมยทำให้เขาลดตัว ตามมาสอบถามข้าด้วยตัวเองเช่นนี้ หมายความว่า เขากำลังจับผิดการกระทำของข้าอยู่’ จางเหม่ยคิดได้ดึงนั้นจึงปั้นหน้ายิ้ม
“หม่อมฉันก็แค่ทำตาม คำขอของท่านแม่ ให้นางเข้ามาในวังเพื่อจะได้อบรมสั่งสอนนางอย่างใกล้ชิด องค์ชายสามไม่ต้องห่วงเพคะ หม่อมฉันจะไม่ลงมือทำร้ายนางอีก”
สิ้นเสียงของพระชายา นางเหลือบไปเห็นหนูตัวหนึ่ง กำลัง มุดออกมาจากหลังประตู ยังไม่ทันตั้งตัว หนูตัวนั้นก็พุ่งเข้ามาหานางด้วยความรวดเร็ว นางหลับตาลง แล้วกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“ต้าเหริน หนู! เอาหนูออกไป!” ชายหนุ่มหันมองหนูตัวนั้นด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนเสียงกรีดร้องของจางเหม่ยยังคงดังอยู่เป็ระยะ
“ต้าเหริน เอามันออกไปจากข้า! เอามันออกไป!” นางยังคงหลับตา แล้วละล่ำละลักขอความช่วยเหลือ ด้วยความหวาดกลัว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เ้าเรียกข้า ว่าต้าเหรินงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ
“หนูไปแล้วหรือยัง เอามันออกไปที!” นางไม่ฟังสิ่งที่เขาถาม ทว่าความหวาดกลัวนั้น ทำให้นางหลับตาแล้วถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนชายหนุ่มจะเอื้อมไปจับกายนางเบา ๆ
“หนูยังอยู่ที่เท้าของเ้า!” สิ้นเสียงขององค์ชายสามเท่านั้น หญิงสาวก็สะบัดตัวไปมา ด้วยความหวาดหวั่น ก่อนร่างของนางจะเซถลา เข้าหาเขาอย่างไม่ตั้งใจ ทว่าแรงของชายหนุ่มที่มีมากกว่า สามารถตั้งรับได้โดยไม่ทำให้ทั้งสองเสียหลักล้มลง
หนูคือสัตว์ตัวเล็ก ที่เยว่หยางเซียวหวาดกลัว เพราะในอดีต นางมักถูกหลิวเหมยกับจางเหม่ยกลั่นแกล้ง โดยการปล่อยหนูเข้าไปในครัวขณะที่นางทำอาหารอยู่ ด้วยความใจึงทำข้าวของล้มกระจัดกระจายเสียหายจนหมด ซ้ำยังถูกแม่เลี้ยงทำโทษซ้ำอย่างหนัก
ขณะที่ร่างเล็กใช้มือสองโอบรัดร่างเขาด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเสียงอีกฝ่ายเงียบไป นางจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วหันมองไปยังเท้าของตัวเองทั้งสองข้าง พบว่าไม่มีเ้าตัวน่ารังเกียจอยู่บริเวณนั้น นางจึงผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะหันกลับมายังชายหนุ่ม หญิงสาวเบิกตากว้างเล็กน้อย เมื่อใบหน้าแนบชิดกับเขาเพียงแค่ฝ่ามือกั้น เมื่อสติกลับมาครบ นางรีบปล่อยมือออกจากองค์ชายสามทันทีด้วยความประหม่า
“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจล่วงเกิน”
“เหตุใดเ้าต้องขอโทษ ในเมื่อคืนวันเข้าหอ เ้าทำกับข้ามากกว่านี้หลายเท่านัก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หญิงสาวหน้าชาวูบหนึ่ง แล้วทำเปลี่ยนเื่
“หม่อมฉันขอตัว ไปเอายาให้หลิวเหมยก่อนเพคะ” นางน้อมกายลง แล้วเบี่ยงตัวเดินจากไป ก่อนมือขององค์ชายสามจะคว้านางได้ทัน
“เดี๋ยวก่อน” คำกล่าวรั้ง ทำให้พระชายาหันใบหน้างดงามกลับมา
“มีอะไรเหรอเพคะ”
“เมื่อครู่ เ้าเรียกข้าว่า ต้าเหริน เหตุใดจึงเรียกข้าเช่นนั้น” จางเหม่ยชะงักนิ่ง รู้ตัวว่าเผลอหลุดเรียกนามลับของเขาออกมา
"หม่อมฉันเรียกพระองค์แบบนั้นเหรอเพคะ”
“ข้าได้ยินกับหู!”
“หม่อมฉันไม่รู้ตัว ว่าเรียกพระองค์เช่นนั้น”
“เหตุใดจึงเรียกข้าว่า ต้าเหริน” เขาถามย้ำ สายตาคมจ้องจับผิดนางอย่างเห็นได้ชัด ก่อนนางจะขบคิดในใจเงียบ ๆ
‘แย่แล้ว...ข้าพลาดเรียกชื่อเขาไป จะแก้ตัวเช่นใด’ ก่อนหญิงสาวจะตั้งสติ แล้วให้เหตุผลด้วยท่าทางไม่สะท้าน
“ด้วยความใ เมื่อครู่หม่อมฉันทำอะไรลงไปก็จำไม่ได้เพคะ ว่าเหตุใดจึงเรียกพระองค์เช่นนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็เพียงแค่ความใของหม่อมฉันเท่านั้นเพคะ” นางยืนยันด้วยสีหน้าราบเรียบ สายตากลมสบตากับองค์ชายสามด้วยความจริงใจ ก่อนเขาจะยอมปล่อยมือออกจากแขนนางช้า ๆ