หลิวเต้าเซียงทักทายหมอหลวงจ้าว พ่อครัวจางและจิ้นเซี่ยว จากนั้นจึงไปที่ห้องโถงใหญ่
จากนั้นได้ยินเสียงคนขานร้องของขวัญดังขึ้น เกาจิ่วมอบเป็เงินจำนวนสิบตำลึง พ่อครัวจางมอบเหล้าชั้นดีสองไหกับเนื้อวัวชั้นดี กัวซิวฝานมอบคำมงคลแถบประตูหนึ่งคู่กับสมบัติสี่ประการหนึ่งชุด หมอหลวงจ้าวมอบโสมชั้นดีหนึ่งชิ้นกับเงินห้าตำลึง สุดท้ายก็เป็ของที่จิ้นเซี่ยวช่วยซูจื่อเยี่ยขนเข้ามา ได้ยินเสียงขานว่าเป็ภาพลูกหลานหนึ่งภาพ แจกันกระเบื้องลายไม้ไผ่สูงตระหง่านหนึ่งคู่ ชุดชากระเบื้องสีม่วงครบชุด กับมีดตัดกระดาษชั้นดีสองด้าม
สิ้นเสียงขาน เท้าของหลิวเต้าเซียงก็เหยียบลงที่หน้าประตูห้องโถงใหญ่พอดี
นางกับซูจื่อเยี่ยกล่าวทักทายและทำความเคารพกัน จากนั้นกำลังจะลุกขึ้นไปรินน้ำชาให้ทุกคน แต่ชั่วขณะนั้นมีลมพัดผ่าน เงาร่างชุดสีชมพูผลักนางให้ล้มไปอีกทาง แล้วตรงดิ่งเข้าไปหาซูจื่อเยี่ย
“คุณชายซู เ้ามาั้แ่เมื่อใด ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องมา โอ้ ไม่เจอกันปีเดียว เ้าตัวสูงขึ้นอีกแล้ว ข้าต้องแหงนคอมองเ้าแล้ว!”
หลิวเต้าเซียงลุกขึ้นจากพื้นด้วยความรำคาญ ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!
สีหน้าของหลิวซานกุ้ยไม่ค่อยดีนัก จำเป็ต้องทำถึงขั้นนี้หรือ? ต้องเหยียบหน้าบุตรสาวของตนเพื่อปีนขึ้นไปแบบนี้
อารมณ์ของพ่อที่มีคุณธรรมยี่สิบสี่ประการกำลังไม่ดีนัก
“หลันเอ๋อร์ ทำตัวให้เหมาะสมหน่อย!”
น้ำเสียงของเขาฟังดูดุดันยิ่งนัก!
หลิวเสี่ยวหลันคิดไม่ถึงว่า พี่สามที่นางรังแกได้โดยง่ายมาตลอดจะกล้าดุใส่
“พี่สาม คุณชายซูกับข้าคุ้นเคยกันดี ข้าแสดงความดีใจไม่เหมาะสมตรงไหน?”
นางไม่ได้ไร้สมองไปเสียทีเดียว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มิอาจยอมรับความเห็นแก่ตัวของตนเอง
หลิวซานกุ้ยเดินไปด้านหน้าหลิวเต้าเซียงด้วยความหงุดหงิด ช่วยพยุงนางขึ้นมาแล้วเอ่ยถามอย่างละเอียดอ่อน “ลูกรัก เจ็บตรงไหนหรือไม่?”
“ท่านพ่อ ข้าเจ็บที่ข้อศอก แล้วก็หัวเข่าด้วย”
ก่อนหน้านี้นางหันหลังให้ประตูห้องโถง คิดไม่ถึงว่าหลิวเสี่ยวหลันจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้
หลิวเสี่ยวหลันถูกหลิวซานกุ้ยเพิกเฉยจึงเกิดความโมโหในใจ ยิ่งทวีความเกลียดชังที่มีต่อหลิวเต้าเซียง
หากไม่ใช่เพราะนางตัวดีคนนี้ พี่สามจะไม่เอ็นดูตนเองได้อย่างไร หากไม่ใช่นางตัวดีคนนี้ พี่สามจะหักหน้านางต่อหน้าคนมากมายได้อย่างไร
คนน่าเกลียดย่อมมีเหตุผลของคนน่าเกลียด
อย่างน้อย นางก็เลือกที่จะเพิกเฉยต่อความจริงที่หลิวเต้าเซียงเป็บุตรสาวแท้ๆ ของหลิวซานกุ้ย!
“เอาเถิด เต้าเซียง ข้าก็แค่ชนโดนเ้าหนเดียว ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หากเ้ารู้สึกโกรธ อาเล็กจะให้เ้าชนคืนหนึ่งที ดีหรือไม่?”
ดวงตาของซูจื่อเยี่ยฉายแววขยะแขยง ช่างเป็คนที่โง่เขลายิ่งนัก!
หลิวเสี่ยวหลันไม่รู้เื่นี้ นางคิดว่าตนเองจัดการทุกอย่างได้ดีมาก คุณชายซูที่นางชอบต้องคิดว่าหลิวเต้าเซียงเป็หญิงสาวที่อ่อนแอแน่นอน
“คุณชายซู ให้เ้าเห็นเื่น่าอายเสียแล้ว จะว่าไปนี่ก็ผ่านมาเป็ระยะเวลานานที่ไม่ได้เจอคุณชายซู”
“คุณชายซูสบายดีหรือไม่?”
ซูจื่อเยี่ยยังคงเงียบต่อไป!
หลิวเสี่ยวหลันยังคงถามต่อ และตอแยไม่เลิก!
“คุณชายซูรูปร่างสูงขึ้นไม่น้อย แต่ว่า คิกๆ ดูรูปงามขึ้นไม่น้อยเช่นกัน”
“คุณชายซู ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเ้าอยู่ในเมืองหลวง เมืองหลวงสนุกหรือไม่? ได้ยินว่าเมืองหลวงมีขนาดใหญ่กว่าอำเภอสิบเท่า”
“คุณชายซู หลังจากที่เ้าจากไป ข้ากับท่านแม่ก็คอยนึกถึงเ้า ร่างกายของเ้าเป็อย่างไรบ้าง? แล้วก็ หลังจากนั้นท่านแม่ข้าคิดถึงของอร่อยๆ มากมาย นางทำเป็ทุกอย่าง เพียงแต่ตอนนั้นกังวลเกี่ยวกับอาการาเ็ของคุณชาย จึงไม่ได้คิดถึงเื่นี้”
นี่เป็วิธีเรียกความสนใจจากซูจื่อเยี่ยอีกแล้ว
และเป็การกล่าวหาว่าหลิวเต้าเซียงเอาแต่ของกินมาหลอกล่อเขา ไม่ได้ทำดีด้วยอย่างแท้จริง
แม่สาวน้อยคนนั้น?
เมื่อนึกถึงริมฝีปากเรียวเล็กของนาง ยามที่ส่งยิ้มให้ก็จะเผยฟันสวยงามที่เรียงกันเป็ระเบียบ ทั้งยังมีความเอาอกเอาใจ ไม่ต้องใช้สมองก็รู้ได้ว่าแม่สาวน้อยกำลังมีแผนร้ายอะไรอยู่
แต่เขาไม่ได้เกลียดนาง
ในทางตรงกันข้าม เขาชอบมองดูด้านที่มีชีวิตชีวาของนาง
ยามที่นึกถึง มุมปากของเขาก็ชี้ขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลิวเสี่ยวหลันมองเขาอยู่ตลอดเวลา ย่อมไม่มีทางคลาดสายตากับรอยยิ้มของเขาได้ จึงคิดในใจว่าท่านแม่พูดถูก เมื่อใดที่เอ่ยถึงความใส่ใจที่มีต่อเขา คุณชายในท่านอ๋องผู้นี้ก็จะดีใจ
“นอกจากนี้ คุณชายซู ครั้งที่แล้วขนมที่เ้าส่งคนเอามาให้ โอ้ แสนอร่อยเลยล่ะ ท่านแม่ข้าเคยพาข้าไปหาญาติที่จังหวัด เคยได้กินขนมในจังหวัดมากมาย แต่กลับไม่มีอันใดเทียบกับที่คุณชายซูส่งมาได้เลย”
“อีกอย่าง คุณชายซูชอบกินปลาหลี่อวี๋หรือไม่? นานๆ จะมาสักหน เพียงเอ่ยปากให้พี่สามไปจับก็พอ ฝีมือการจับปลาของเขานั้นร้ายกาจนัก”
หลิวเต้าเซียงกลอกตามองบน ไม่เห็นหรือว่าวันนี้ที่บ้านกำลังจัดงานขึ้นบ้านใหม่? ใกล้จะถึง่เพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ใครจะยังไปจับปลากัน?
หางตาของซูจื่อเยี่ยมองไปเห็นตอนที่นางกลอกตาพอดี พลันอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
จากนั้นก็ได้ยินหลิวเสี่ยวหลันยังคงเกลี้ยกล่อมเขาไม่หยุด เพื่อให้เขาไปพักค้างคืนที่บ้านของนาง
ซูจื่อเยี่ยเริ่มรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ
เขายกเปลือกตาขึ้นและมองไปที่ประตู
จิ้นเซี่ยวผู้ซึ่งได้ยินเสียงเอะอะ จึงเดินเข้ามาและชะงักฝีเท้าอยู่ที่ขอบประตู
ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขาถูกสายตาของเ้านายสะกดนิ่งอยู่ตรงนั้น
จิ้นเซี่ยวอยากร้องไห้เสียจริง ผู้หญิงบ้ามาจากไหนกัน ไม่มีคนดูแลให้ดี กลับมาทำให้เ้านายของตนหงุดหงิด สมควรตายจริงๆ
“ผู้หญิงบ้าจากไหนกัน กล้ามาเสียมารยาทกับเ้านายข้า ใครก็ได้ มาลากนาง โยนตัวออกไป”
เมื่อเ้านายเคืองโกรธแล้ว เขาในฐานะที่เป็คนรับใช้ข้างกายต้องทำตัวร้ายเพื่อจัดการเื่นี้โดยเร็ว
“อะไรนะ เ้าเป็แค่คนรับใช้ กล้าแตะต้องผู้มีพระคุณของเ้านายหรือ? เ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ”
หลิวเสี่ยวหลันเป็เพียงเด็กสาวตัวน้อยที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง แต่ชอบอาศัยบารมีของจวนตระกูลหวงและทำท่าวางอำนาจบาตรใหญ่
จิ้นเซี่ยวรู้แล้ว เด็กบ้าที่พุ่งเข้ามาตรงหน้ากะทันหัน ที่แท้ก็คือบุตรสาวของหลิวฉีซื่อ คนที่สวมบทผู้ช่วยชีวิตอย่างหน้าไม่อาย
ไม่น่าแปลกใจที่เ้านายของเขาจะมีท่าทีเหมือนถ่ายไม่ออก
“อ้อ เ้าคงเป็แม่นางหลิวเสี่ยวหลันที่อ่อนโยนน่าคบหาผู้นั้นสินะ? เป็ไปได้อย่างไร ได้ยินว่าหลิวฉีซื่อเป็สาวรับใช้ข้างกายของฮูหยินของผู้ช่วยผู้ว่าการจังหวัด น่าจะได้รับการสั่งสอนมารยาทชั้นสูง หากออกเรือนไปก็สามารถเป็ภรรยาหลวงที่มีเกียรติ เ้าจะเป็แม่นางคนนั้นได้อย่างไร เ้าต้องเป็ตัวปลอมแน่”
จิ้นเซี่ยวเป็ใคร คนรับใช้ส่วนตัวของซูจื่อเยี่ยในจวนอ๋อง มีคนประเภทใดบ้างที่เขาไม่เคยเห็น พูดตามความจริงแม้แต่ผู้ช่วยหวงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“ฮึ เ้ารู้ว่าท่านแม่ข้าออกมาจากจวนตระกูลหวง ยังกล้าเสียมารยาทเช่นนี้” หลิวเสี่ยวหลันตอนนี้กำลังถูกไฟโมโหแผดเผาสมอง คำพูดคำจาจึงไม่เหมือนปกติ
“หุบปากเดี๋ยวนี้!” หลิววั่งกุ้ยยืนหน้าแดงอยู่ตรงประตู และตามมาด้วยชุ่ยหลิวที่นำเื่นี้ไปฟ้อง
หลิวเต้าเซียงเยาะเย้ยในใจอย่างเ็า หลิววั่งกุ้ยคงเกลียดเวลาที่คนพูดถึงเื่นี้ที่สุด แต่หลิวเสี่ยวหลันกลับเอ่ยออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
หลิววั่งกุ้ยจะเข้าเป็บัณฑิตขุนนาง เื่นี้เขาแทบจะอยากปิดบังไว้ แต่หลิวเสี่ยวหลันมักชอบเอ่ยปากพูดไปทั่ว
ลองคิดดู หากหลิววั่งกุ้ยได้บรรจุเป็บัณฑิตจริง เวลาที่คนเอ่ยถึงพื้นหลังย่อมต้องพูดว่า คนที่เป็ลูกสาวรับใช้ติดตัวของฮูหยินของผู้ช่วยหวงสินะ อ้อ เป็ชนชั้นต่ำนี่เอง นี่เป็การตบหน้าอย่างแรง เขาคือผู้มีการศึกษา เขาต้องเข้าบรรจุเป็ขุนนาง หากว่าถูกคนเอ่ยถึงเช่นนี้ เทียบเท่ากับการดูิ่ ไม่มีใครยอมคบหาคนที่มีต้นกำเนิดเช่นนี้แน่
แม้ว่ามารดาของเขาจะเป็ชนชั้นบริวาร แต่ก็ดีกว่าต้นกำเนิดที่เป็ชนชั้นต่ำ
ชนชั้นต่ำเป็ระดับล่างสุด ใครใช้ให้บรรพบุรุษของตระกูลฉีเกิดจากหอนางโลม!
“วันนี้พวกท่านโดนทำของกันหรืออย่างไร พี่สามไม่เอ็นดูข้า พี่สี่ ท่านก็รังแกข้าด้วยอีกคน”
หลิวเสี่ยวหลันบทจะร้องก็ร้องออกมา เหมือนกับว่าได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก
วันมงคลแบบนี้ กลับถูกอาละวาดจนกลายเป็เช่นนี้ เป็ใครก็คงหงุดหงิด
หลิวซานกุ้ยในฐานะเ้าบ้านไม่้าให้ทุกคนเสียอารมณ์ จึงเกลี้ยกล่อม “หลันเอ๋อร์ เ้าไปนั่งที่โต๊ะก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะให้พี่สะใภ้เ้าเก็บไก่ไว้ให้เ้าหนึ่งตัว จะได้เอากลับไปกินที่บ้าน”
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองหลิวเสี่ยวหลันอย่างเหนื่อยใจและะโว่า “อาเล็ก เ้า้าอะไรกันแน่ วันนี้เป็งานฉลองขึ้นบ้านใหม่ของครอบครัวข้า เ้ากลับวิ่งมาบีบน้ำตาร้องไห้ที่ห้องโถงใหญ่เพื่ออะไรกัน คนไม่รู้คงคิดว่าเกิดเื่อะไรขึ้น อย่าลืมสิว่าสุขภาพของท่านปู่กับท่านย่าก็ยังแข็งแรงดีอยู่”
ประโยคนี้ดึงให้หลิวฉีซื่อและหลิวต้าฟู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทันใดนั้นหลิวเสี่ยวหลันก็กลายเป็หญิงสาวอกตัญญู นี่เป็การสาปแช่งบิดามารดาให้ตายเร็ว!
จากนั้นคนที่ไม่รู้สถานการณ์ก็ถือถ้วยข้าวเดินเข้ามาดู
“ข้าว่าฉีหรุ่ยเอ๋อร์ เ้าควรสั่งสอนลูกสาวให้ดีนะ เดี๋ยวจะขาดทุนเอานา”
“นั่นสิ เอาบุญคุณมาบังคับกัน ช่างหน้าไม่อายเหลือเกิน”
“เฮ้อ พวกเ้าไม่เข้าใจ ัให้กำเนิดั หงส์ให้กำเนิดหงส์...”
ลูกหนูเกิดมาก็ต้องขุดรู บุตรสาวของหลิวฉีซื่อเพียงแค่เหมือนแม่ก็เท่านั้น
นี่เป็การด่าหลิวฉีซื่อทางอ้อม คงเพราะรู้เื่ในวัยสาวของนางมาบ้าง อย่างเช่น การที่นางเคยคิดอยากไต่เต้าขึ้นเตียงของนายท่านหวงมาก่อน
หลิวฉีซื่อไม่พอใจที่ถูกกดดันจากท่านย่าหวง ในเวลานี้เมื่อได้ยินคําพูดที่บีบคั้น นางจึงโยนตะเกียบและก้าวไปที่ห้องโถงใหญ่
ชายชราแอบพูดกับท่านย่าหวงอย่างเงียบๆ ว่า “หลิวฉีซื่อคนนี้ไม่เคยเห็นซานกุ้ยอยู่ในสายตาเลย คงเกลียดชังน่าดู!”
ท่านย่าหวงไม่รู้จะคิดให้เป็สิ่งใด จึงถอนหายใจ “เด็กคนนี้นิสัยซื่อตรง แต่ก็เติบโตมาได้ พวกเราเองก็นับว่าไม่ละอายใจต่อคนที่ล่วงลับไปแล้ว”
คำพูดมีความนัย เพียงแต่คนรอบข้างอาจจะฟังไม่เข้าใจ
ท่านย่าหวงทอดถอนใจเงียบๆ
ทางด้านของหลิวฉีซื่อ เมื่อเข้าห้องไปเห็นภาพที่บุตรสาวกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น คำพูดของคนที่มาร่วมงานก็ไม่น่าฟังยิ่งขึ้น
หลิวฉีซื่อมองสองพ่อลูกหลิวเต้าเซียงด้วยสายตาพิฆาต จากนั้นเข้าไปโอบกอดบุตรสาว นางตั้งใจอาศัยโอกาสนี้ให้จางกุ้ยฮัวคายเงินออกมา
เพียงแต่ว่า......
ขณะที่นางกำลังจะก้าวเท้าต่อนั้น แขนเสื้อของนางก็ถูกดึง
เมื่อมองไป คนที่ดึงก็คือบุตรชายสุดที่รักของนางนั่นเอง
“ลูกรัก เหตุใดเ้าจึงอยู่ที่นี่ แล้วไม่ไปนั่งอยู่ที่โต๊ะ?”
หลิววั่งกุ้ยมีใบหน้าเขียวปั๊ดยามที่มองหลิวเสี่ยวหลันร้องไห้สะอื้น แววตาเผยความรังเกียจออกมา “ท่านแม่ วันนี้เป็วันดีขึ้นบ้านใหม่ของพี่สาม มีเื่อะไรก็คุยกันวันหลัง ไม่เพียงแค่บรรดาญาติมิตรที่ดูอยู่ ทั้งยังผู้สูงศักดิ์ก็มองอยู่ เสี่ยวหลันทำนิสัยเช่นนี้ แล้วจะแตกต่างอย่างไรกับหญิงข้างถนน? ต่อไปนางจะไม่ออกเรือนแล้วหรือ?”
เมื่อเทียบกัน บุตรชายย่อมสำคัญกว่า
หลิวฉีซื่อกลัวหลิววั่งกุ้ยจะโกรธ จึงรีบกล่าวทักทายซูจื่อเยี่ย จากนั้นจึงดึงหลิวเสี่ยวหลันให้ถอยออกไปไม่กี่ก้าว แล้วยิ้มเจื่อน “คุณชายซู ก่อนหน้านี้ข้าเองก็อยากมากล่าวทักทาย เพียงแต่เห็นคุณชายกำลังยุ่ง เช่นนั้นจึงไม่รบกวนแล้ว”
ซูจื่อเยี่ยรู้สึกโชคดี “ไม่มีปัญหา”
เขาไม่ได้พูดอะไรและก็ไม่ได้โกรธ มีเพียงจิ้นเซี่ยวที่คุ้นเคยกับเขามากเท่านั้นที่รู้ว่า เ้านายเกิดความขยะแขยงต่อคนอย่างหลิวฉีซื่อยิ่งนัก
-----
