เล่มที่ 7 บทที่ 188 ยืมพลัง
“ข้าจะรอดูว่าเ้าอาศัยพลังจากยันต์เซียนหนีจากข้าได้หรือไม่…” เมื่อสิ้นเสียง อสุรกายกุ่ยหวังก็เริ่มโคจรไออสูรอันเข้มข้นอีกครั้ง ทันใดนั้นทั่วทั้งรัศมีพันจ้างก็กลายเป็ดั่งนรกน่าสะพรึงกลัว…
“หึหึ…” หลินเฟยยังคงยิ้มเช่นเดิม ที่เก็บไออสูรนั่นเอาไว้ตั้งนานก็เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ อสุรกายกุ่ยหวังอาศัยมีดบินฮั่วอู๋ที่มีมนต์สะกดสามสิบหกสาย สำแดงเป็ร่างอวตารซึ่งมีพลังใกล้เคียงร่างจริง แม้แต่นักพรตเฮยซานก็ยังพ่ายแพ้มาแล้ว หากปล่อยให้อาศัยพลังจากมีดบินฮั่วอู๋ต่อ แล้วขั้นมิ่งหุนเคราะห์สองอย่างหลินเฟยมีหรือจะสามารถต้านทานได้?
หลินเฟยจึงคิดอาศัยไออสูรนี้ขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายสามารถใช้พลังจากมีดบินฮั่วอู๋ได้อีก แบบนี้จึงค่อยเป็การต่อสู้ที่ยุติธรรมขึ้นมาหน่อย…
ไออสูรเข้มข้นปกคลุมทั่วทั้งร่าง…
ทันใดนั้นก็มีโครงกระดูกมากมายปรากฏขึ้นมา แถมยังมีเสียงโหยหวนดังแว่วมาเป็ระยะ บริเวณ้าก็มีเมฆดำปกคลุมและสายฟ้าผ่าเป็ระยะ หลินเฟยรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจมอยู่ในบ่อโคลน หากหยุดนิ่งก็จะยิ่งจมลงไปเรื่อยๆ หากดิ้นรนก็จะยิ่งจมลงเบื้องล่างอยู่ดี…
หลินเฟยปลดปล่อยปราณกระบี่ทั้งสี่ออกมา ปราณกระบี่อิ๋นเหวินและซีรื่อนั้นเป็เหมือนน้ำแข็งกับไฟคอยคุ้มกันทั่วร่างกายของเขา หากมีิญญาร้ายตนใดเล็ดลอดเข้ามา ก็จะถูกบดขยี้จนแหลกสลายในพริบตา ส่วนปราณกระบี่ไท่อี๋ก็หมุนวนจนเกิดเป็ค่ายกลกระบี่หุ้ยหยวนคอยสะบั้นสายฟ้าที่ฟาดลงมาเป็ระยะ ขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะหลุดจากเขตแดนนี้อย่างไร จู่ๆก็มีเงาสูงนับพันจ้างปรากฏขึ้นมาเสียก่อน...
และนี่ก็คือร่างจริงของอสุรกายกุ่ยหวัง
ท่ามกลางเขตแดนน่าสะพรึงกลัวแห่งนี้ อสุรกายกุ่ยหวังก็ได้สำแดงร่างจริงออกมาแล้ว แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้จึงเท่ากับตายสถานเดียว...
หลินเฟยไม่คิดลังเลอีกต่อไป สองมือของเขาเริ่มบงการพลังอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยปราณกระบี่ทงโยวออกมา จากนั้นห้วงมิติหยินหยางก็เกิดแยกออก ทำให้ท่ามกลางเขตแดนน่าสะพรึงกลัวเกิดรอยแยกสายหนึ่งขึ้นมา หลินเฟยจึงถือโอกาสนี้มุดเข้าไปในรอยแยกนั้นทันที...
หลินเฟยเพิ่งจะจากย่างกรายเข้าไปในรอยแยกนั้นไม่นาน เงาสูงนับพันจ้างก็ยื่นมือเข้ามาทันที และพริบตาต่อมาก็เกิดเสียงแตกกระจายดังสนั่น เพราะเขตแดนในตอนนี้ได้ถูกอสุรกายกุ่ยหวังบีบจนแหลกละเอียดเสียแล้ว หลินเฟยเห็นดังนั้นก็อดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้ ครั้งนี้ถือว่าเหนือความคาดหมายสำหรับเขาจริงๆ เพราะอสุรกายกุ่ยหวังถึงกับสำแดงร่างจริงออกมา คิดจะสังหารเขาให้ตายตกไปพร้อมกับเขตแดนนั้น โดยไม่กลัวว่าจะได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ยังดีที่หลินเฟยไหวตัวทัน รีบใช้ปราณกระบี่ทงโยวสะบั้นตัดห้วงมิติหยินหยาง ไม่อย่างนั้นละก็ เกรงว่าคงจะเป็เหมือนเขตแดนนั้น ที่ถูกบีบจนแตกละเอียดคามือ...
แน่นอนว่าเป็อย่างที่คิดไว้...
หลินเฟยหนีเข้าไปในรอยแยกได้ไม่นาน ร่างของอสุรกายกุ่ยหวังก็กระตุกทันที ไออสูรรอบตัวถึงกับขาดสะบั้นไป อีกทั้งยังไม่อาจไหลลื่นได้เช่นเดิม ที่เป็เช่นนี้ก็เพราะเมื่อครู่อสุรกายกุ่ยหวังได้บีบเขตแดนของตนเองจนแตกไปด้วย ต่อให้มีพลังเทียบเท่าผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน ก็ย่อมถูกพลังย้อนกลับได้เช่นกัน
“ตอนนี้แหละ!” หลินเฟยอาศัย่เวลานี้สะบั้นปราณกระบี่ทงโยวออกไปอีกครั้ง
พริบตาต่อมาห้วงมิติหยินหยางก็แตกออกอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านเหลือเพียงสีขาวกับสีดำ ภายใต้ห้วงมิติสองสีนี้ จู่ๆก็ปรากฏเป็เสาหยกขนาดใหญ่แปดต้นออกมาอย่างเลือนราง
เสาหยกทั้งแปดพุ่งออกมาจากห้วงมิติด้วยความเร็วพร้อมเสียงสั่นะเืรุนแรง ทันใดนั้นก็เกิดแรงกดดันสายหนึ่งปกคลุมไปทั่วรัศมีร้อยลี้...
เสาหยกแต่ละต้นมีอักขระจำนวนมากสลักอยู่ จากนั้นอักขระเ่าั้ก็ทยอยสว่างเรืองรองขึ้นมา โดยอักขระเหล่านี้มีหน้าตาประหลาดคล้ายสัตว์ขนาดใหญ่แสนอัปลักษณ์ พริบตาที่อักขระเรืองรอง ก็มีกระแสโเี้เข้มข้นแพร่กระจายปนอยู่ด้วย
ค่ายกลแปดอสูรหลิงเป่าขนาดั์ปรากฏออกมาแล้ว...
คราวนี้ต่อให้เป็อสุรกายกุ่ยหวังก็ยากที่จะหนีรอดไปได้ เพราะบัดนี้ได้ถูกค่ายกลดูดเข้าไปเสียแล้ว...
หลินเฟยรีบวาดมือบงการค่ายกลทันที ท่ามกลางกระแสความโเี้ ก็มีลำแสงสายหนึ่งเชื่อมโยงเข้ากับค่ายกลคุ้มกันเมือง จากนั้นก็มีลำแสงสายหนึ่งพุ่งทะลุก้อนเมฆลงมาสู่ค่ายกลแปดอสูรหลิงเป่า
ตลอดกว่าหนึ่งเดือนที่อาศัยที่เมืองวั่งไห่ หลินเฟยไม่ได้ทำเพียงหลอมกระบี่ขายในราคาแพงอย่างเดียวเท่านั้น...
ความจริงแล้ว ั้แ่ถูกอสุรกายกุ่ยหวังทำร้ายผ่านห้วงมิติ หลินเฟยก็เตรียมตัวไว้แล้ว นอกจากจะเก็บไออสูรสายนั้นไว้ เขายังเตรียมค่ายกลแปดอสูรนี้อีกด้วย...
และนี่ก็ไม่ใช่ค่ายกลแปดอสูรหลิงเป่าที่อยู่หลังร้านหลอมอาวุธฟานซื่อ
เพราะค่ายกลนั้นมีขนาดเล็กเกินไป...
สิ่งที่หลินเฟยเตรียมไว้คือค่ายกลที่มีเสาขนาดั์ทั้งแปด หากมันะเิพลังออกมา ต่อให้เป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันก็ไม่อาจหนีรอดไปได้...
และพลังระดับนี้ก็ไม่ได้อาศัยแค่หินิญญาอย่างเดียวเท่านั้น...
บัดนี้หลินเฟยกำลังยืมพลังจากค่ายกลคุ้มกันเมืองมาอีกด้วย!
เขาจึงยอมทุ่มหินิญญานับหมื่น กวาดซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าจากหอว่านเย่วมา จากนั้นก็โคจรเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูหลอมสิ่งพวกนี้เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็ไอิญญาเข้มข้นหลั่งไหลเข้าสู่ค่ายกลคุ้มกันเมือง..
สิ่งที่หลินเฟยทำตอนนี้ก็คือการแลกเปลี่ยนกับค่ายกล โดยใช้ไอิญญามหาศาลแลกกับพลังนั่นเอง...
และแล้วก็เป็อย่างที่คิดไว้ ยิ่งไอิญญาเข้มข้นเท่าใด ค่ายกลที่หลับใหลมานานก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เสาหยกขนาดั์ทั้งแปดก็เรืองแสงขึ้นเรื่อยๆ...
เวลายังคงผ่านไปช้าๆ ของวิเศษชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูหลอมกระทั่งกลายเป็ไอิญญาไหลเข้าสู่ค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสัตว์ร้ายทั้งแปดในค่ายกล จากตอนแรกที่เป็เงาเลือนราง ตอนนี้ก็เริ่มรวมตัวจนชัดเจนขึ้นแล้ว...
ขณะที่หลินเฟยกำลังทุ่มหลอมทุกอย่างอยู่นั้น จู่ๆใบหน้าของเขาก็กลับถอดสีโดยพลันสี...
“หื้อ?”
หลินเฟยกระตุกใขึ้นมา บัดนี้คิดจะหยุดก็ไม่ทันเสียแล้ว เพียงครู่เดียวก็มีขุมพลังสายหนึ่งปรากฏขึ้น
ทว่าขุมพลังนั้นมันไม่ได้โจมตีหลินเฟยตรงๆ แต่กลับทำให้รู้สึกสะพรึงกลัวต่อความยิ่งใหญ่ชนิดที่ไม่อาจต่อกรได้...
และที่สำคัญก็คือหลังจากขุมพลังนี้ปรากฏออกมา พลังที่ถูกดึงมาจากค่ายกล ก็ถูกดูดกลับไปทันที ทำให้สัตว์ร้ายทั้งแปดในค่ายกลเริ่มกลับมาเลือนราางดังเดิมเหมือนกับจะสูญสลายไปได้ทุกเมื่อ...
หลินเฟยรู้ดีว่ากำลังเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว
หากสัตว์ร้ายทั้งแปดสลายไป อสุรกายกุ่ยหวังจะต้องพุ่งออกมาแน่นอน ถึงเวลานั้นแผนการต่างๆที่เตรียมไว้จะต้องสูญเปล่าเป็แน่
คิดได้ดังนั้นหลินเฟยก็ตั้งสติมั่น ก่อนจะเร่งส่งกระแสจิตเข้าไปในขุมพลังสายนั้นทันที โดยไม่มีเวลาคำนึงถึงงผลที่ตามมาอีกแล้ว ซึ่งบางทีเขาอาจจะถูกพลังย้อนกลับก็ได้...
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หากไม่สำเร็จ ต่อให้ไม่ถูกพลังย้อนกลับจนตาย สุดท้ายก็ต้องตายใต้เงื้อมมืออสุรกายกุ่ยหวังอยู่ดี...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------