บทที่ 144 เด็กสาวที่ดูคุ้นตา
คนที่ขวางไว้ย่อมไม่ใช่ลู่จิ่งซาน แต่เป็เซียวหัง
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนรถเข็น ท่วงท่าดูสง่างามยิ่งกว่าเซียวหังที่ยืนอยู่เสียอีก
“มานี่สิ” ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงนั้น มองไปที่เด็กสาวแล้วเอ่ยขึ้นว่า “าเ็ตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่เลย” สวี่จือจือตอบ
ตอนที่ถูกขังอยู่นั้น เธอไม่เคยกลัวเซียวจิ้งเหวินเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธออยู่ในโรงพยาบาลทหารด้วย
“เธอก็คือผู้หญิงคนนั้นแหละ” สวี่จือจือกล่าว
อะไรคือผู้หญิงคนนั้น?
ั้แ่เล็กจนโต เซียวจิ้งเหวินไม่เคยถูกใครแนะนำแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
เมื่อหันกลับไปเห็นว่า คนที่คว้ามือเธอไว้คือเซียวหัง ความโกรธของเธอยิ่งทวีคูณ “เซียวหัง นายรนหาที่ตายเหรอ รีบปล่อยมือฉันสิ!”
เซียวหังปล่อยมือเธออย่างเ็า แต่เซียวจิ้งเหวินไม่ได้ปล่อยเขาไปง่ายๆ เธอเงื้อมือขึ้นหมายจะตบหน้าเซียวหัง
“นายเป็ตัวอะไรถึงกล้ามาทำกับฉันแบบนี้” เซียวจิ้งเหวินเงื้อมือขึ้นพร้ะโกนว่า “นายมันก็แค่หมาในตระกูลเซียวของพวกเราเท่านั้น!”
“เหวินเหวิน!”
ขณะที่เซียวจิ้งเหวินเงื้อมือตบลงไป ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาจากด้านหลัง “ลูกทำอะไรอยู่? ขอโทษเสี่ยวหังเดี๋ยวนี้!”
“อารอง” เซียวหังยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็ไร”
“ขอโทษจริงๆ นะ เสี่ยวหัง” เซียวจวินสิงพูดด้วยความรู้สึกผิด “เด็กคนนี้ถูกพวกเราตามใจจนเสียคนไปแล้ว”
ก็จริงที่เธอถูกตามใจจนเสียคน
หลานสาวของเซียวเจิ้นชวน ลูกสาวของเซียวจวินสิง และน้องสาวเพียงคนเดียวของเซียวจั่นหง ในเมืองหลวงแห่งนี้ จะมีคนกล้ารังแกเธอสักกี่คน?
“คุณพ่อ!” เซียวจิ้งเหวินมองเซียวจวินสิงด้วยดวงตาแดงก่ำและความรู้สึกน้อยใจ “เขาร่วมมือกับคนนอกมารังแกหนู ทำไมพ่อยังมาว่าหนูอีก?”
“หนูเกลียดพ่อที่สุดเลย!” เซียวจิ้งเหวินผลักเซียวจวินสิงออกแล้ววิ่งหนีไปพร้อมน้ำตา
“เหวินเหวิน!” เซียวจวินสิงะโเรียกตามหลังไปสองครั้ง แต่ก็ไร้ผล
เซียวจวินสิงยิ้มขอโทษเซียวหัง “อา…จะไปดูเธอก่อนนะ”
พ่อคนนี้เหนื่อยใจเหลือเกิน
“น่าอิจฉาจัง” สวี่จือจือมองตามหลังเซียวจวินสิงแล้วพูดว่า “ถ้าฉันมีพ่อแบบนี้ได้บ้างก็คงดี”
ในชาติที่แล้ว พ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ดีมาก แต่พ่อบุญธรรมเป็พ่อที่เข้มงวดตามแบบฉบับทั่วไป เธอจึงไม่ค่อยเห็นด้านแบบนี้จากเขา
ส่วนในชาตินี้ สวี่จงโฮ่วไม่ต้องพูดถึงเลย
ลู่จิ่งซานรู้สึกเ็ปในใจ
เขาถามเซียวหังด้วยน้ำเสียงเ็า “หวงซานกับตระกูลเซียวทำเพื่อเธอจริงๆ เหรอ?”
“อืม” เซียวหังตอบ พูดจบเขาก็มองลู่จิ่งซานแวบหนึ่ง “คนเมื่อกี้คือลูกชายคนรองของนายท่านเซียว เป็หมอในโรงพยาบาลทหาร แต่ลูกชายของเขานายก็รู้จัก เซียวจั่นหงน่ะ”
ไม่ใช่แค่รู้จักเท่านั้น ทั้งสองยังเคยมีเื่บาดหมางกันด้วย
คราวนี้ ความบาดหมางยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
“ดีมาก” ลู่จิ่งซานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เซียวหังมองอีกฝ่ายอีกครั้ง
ดีมาก?
แต่ลู่จิ่งซานไม่ได้พูดคุยต่อ เขาหันไปพูดกับสวี่จือจือว่า “ทำไมถึงออกมาล่ะ?”
“ฉันคอแห้ง อยากดื่มน้ำ แต่หาพยาบาลไม่เจอ” สวี่จือจือตอบ
เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ตระกูลเซียวเก่งกาจมากใช่ไหม? พวกเราควรหาแพทย์แผนโบราณมาให้เขารักษาขาของคุณให้หายไวๆ แล้วกลับไปดีกว่าไหม?”
“ใช่สิ ต้องโทรไปบอกพวกคุณย่าด้วยว่าฉันสบายดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็ห่วง”
“ผมจัดการให้แล้ว” ลู่จิ่งซานกล่าว “คุณไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรหรอก”
เขาแค่ให้คนไปบอกหญิงชราเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ เขายังมีบางเื่ที่ต้องสืบสวน
ฝั่งนั้น เซียวจวินสิงกำลังจะตามเซียวจิ้งเหวินทัน ทันใดนั้นก็ถูกชายชราคนหนึ่งขวางไว้เพื่อถามทาง เมื่อเซียวจวินสิงอธิบายเส้นทางเสร็จ เงาของเซียวจิ้งเหวินก็หายไปแล้ว
เซียวจวินสิงถอนหายใจ เดินย้อนกลับไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดลง
“เด็กสาวคนนั้น ฉันเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?” เขาพูดกับตัวเอง
“คุณพูดอะไรอยู่?” ซ่งจือเอินเดินมาจากด้านหลังแล้วตบไหล่เขา “ยืนพูดคนเดียวอยู่ตรงนี้ทำไม?”
“ก็แค่เจอเด็กสาวคนหนึ่งเมื่อกี้” เซียวจวินสิงกล่าว “ดูคุ้นตา รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน”
“เด็กสาวเหรอ?” ซ่งจือเอินเลิกคิ้วมองเขา “เด็กสาวแบบไหน?”
“ไม่รู้สิ เป็เด็กสาวที่สะสวยคนหนึ่ง” เซียวจวินสิงยังไม่ทันสังเกตความผิดปกติของภรรยา ยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “แค่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน”
พูดจบ มือของเขาก็มีของเพิ่มมาชิ้นหนึ่ง “ของพวกนี้ให้คุณ ฉันกลับก่อนล่ะ”
เป็ถุงที่หนักมาก
“นี่อะไร?” เซียวจวินสิงถาม
“ไม่รู้สิ” ซ่งจือเอินตอบสั้นๆ
“ส่วนเหวินเหวิน” เซียวจวินสิงนึกถึงท่าทางของเซียวจิ้งเหวินเมื่อครู่แล้วพูด “คุณต้องดูแลเธอให้มากกว่านี้หน่อยนะ”
“ฉันดูแลไม่ไหวหรอก” ซ่งจือเอินมีสีหน้าเ็า “ตอนนี้ฉันเหมือนคนบาปในบ้าน ยังจะกล้าดูแลใครอีก?”
เซียวจิ้งเหวินถูกนายท่านเซียวเลี้ยงมาแบบตามใจ ั้แ่เด็ก พอเธอทำผิด เธอยังไม่ทันพูดอะไร นายท่านเซียวก็เข้ามาขวางไว้เพื่อปกป้อง หวงเหม่ยอวี้ก็มักพูดว่าเธอไม่สมควรเป็แม่ และใจร้าย
เซียวจิ้งเหวินค่อยๆ เติบโตขึ้น และค่อยๆ ห่างเหินจากเธอ
ตอนนี้จะให้เธอดูแล?
ซ่งจือเอินนึกถึงตรงนี้ก็โมโห หันหลังแล้วเดินจากไป
ฝั่งนี้ ลู่จิ่งซานและสวี่จือจือจัดการเื่ออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ขณะที่สวี่จือจือเข็นลู่จิ่งซานออกจากโรงพยาบาล เธอเห็นซ่งจือเอินขึ้นรถไป เธออยากจะเรียก แต่รถเคลื่อนออกไปแล้ว
“เป็อะไร? รู้จักกันหรือ?” ลู่จิ่งซานถาม
“ไม่รู้จัก” สวี่จือจือส่ายหัว “แค่คุณน้าที่ฉันบอกคุณว่าอ่อนโยนมาก แต่ฉันอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้”
“ไปกันเถอะ” เซียวหังขับรถมา
ตอนนี้ลู่จิ่งซานพักอยู่ในบ้านของเซียวหังที่เมืองหลวง เป็เรือนสี่ประสานแบบโบราณ แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับบ้านตระกูลเซียวที่มีตึกสูง ไฟฟ้า และโทรศัพท์
แต่ทำเลไม่เลวเลย
จากความรู้ในชาติที่แล้วของสวี่จือจือเกี่ยวกับเมืองหลวง ย่านนี้ในอนาคตจะกลายเป็ย่านที่เจริญที่สุดของเมืองหลวง
“ที่นี่ดูดีมากเลยนะ” เมื่อเดินเข้ามาในตรอก สวี่จือจือมองสภาพแวดล้อมรอบๆ “ถ้าพวกเรามีบ้านที่นี่สักหลังก็คงดี”
“พี่สะใภ้สายตาดีจริงๆ” เซียวหังยกนิ้วโป้งแล้วกล่าวว่า “ถ้าพี่สะใภ้อยากซื้อบ้าน ผมช่วยดูให้ได้นะ”
“งั้นขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยนะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วกล่าว
เรือนสี่ประสานในเมืองหลวง ชาติที่แล้วแค่ฝันเธอก็ยังไม่กล้าเลย
ตอนดูข่าวสมัยปลายยุคแปดศูนย์เก้าศูนย์ มีกระแสไปทำงานต่างประเทศ บางคนขายเรือนสี่ประสานในเมืองหลวงเพื่อไปหาเงินที่นั่น
พอยี่สิบกว่าปีผ่านไป ราคาบ้านหลังนั้นพุ่งขึ้นหลายเท่า
ตอนนั้นพวกเขายังหัวเราะกันว่า คนแบบนี้ไม่ต้องทำงาน แค่รักษาบ้านไว้ยี่สิบกว่าปี เงินที่ได้ก็มากกว่าที่ไปทำงานต่างประเทศเสียอีก
“ช่วยฉันสืบราคาหน่อยนะ” สวี่จือจือยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าได้ แล้วกล่าวต่อ “ดีที่สุดคือไม่แพงมาก”
ไม่งั้นซื้อไม่ไหวหรอก
ทั้งสามเพิ่งเดินเข้ามาได้ไม่นาน ก็เห็นเอ้อร์เหมาเดินวนไปมาหน้าบ้านเซียวหัง พอเห็นทุกคนกลับมา ดวงตาเขาก็เป็ประกาย “พี่ซาน พี่หัง พวกนายกลับมาแล้ว!”
“หวงซานไปสถานีตำรวจแล้ว”
สวี่จือจือนิ่งอึ้ง
“แล้วก็ออกมาแล้ว” เอ้อร์เหมาพูดอย่างเซื่องซึม
.............................