ที่แท้ก็เป็เช่นนี้
หลินเมิ้งหยาลอบแสยะยิ้มเย็นในใจ ทว่าสีหน้ายังฉงนสงสัย
“ข้าเองก็แปลกใจ เ้าสำนักเซี่ยจะเตรียมสู่ขอแม่นางตู้ที่ทั้งงดงามทั้งฉลาดเฉลียวท่านนี้เมื่อใดเล่า?”
นางเลิกคิ้วขึ้น จ้องเซี่ยหานตาไม่กระพริบ เพียงแต่ั์ตาซ่อนประกายดาบคมกริบเอาไว้
ครู่ต่อมาเซี่ยหานรู้สึกว่าตนเองคล้ายมีอันตรายมาเยือน มิเช่นนั้นแผ่นหลังเขาจะสั่นสะท้านได้อย่างไร?
“ข้ารับปากว่าจะต้องดูแลแม่นางตู้ให้ดี แต่มิได้รับปากว่าจะสู่ขอนางเป็ภรรยา แม่นางตู้งดงามอ่อนโยน ข้าต้องเลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้แน่นอน!”
เขากล่าวเสียงเข้ม หลินเมิ้งหยามองเห็นรอยยิ้มบนหน้าตู้หลิงแข็งค้าง
บัดนี้นางเพิ่งเข้าใจว่าเพราะเหตุใดดรุณีนางนี้ถึงเอะอะโวยวายที่หน้าประตูเฟิงซ่าซิง
เกรงว่าประโยคที่นางะโออกไปก่อนหน้าทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีภัยคุกคามจึงมาหยั่งเชิงกระมัง
อ้อมโค้งใหญ่ถึงเพียงนี้ ช่างเป็ดรุณีตู้ที่หาได้ยากจริงๆ
“เ้าสำนัก ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!”
“ใช่แล้ว แม่นางตู้รู้สึกกับท่านเช่นไร ใช่ว่าท่านไม่รู้ นางเป็สตรีในห้องหอคนหนึ่ง ยินยอมละทิ้งชีวิตสุขสบายมาลำบากติดตามท่านในสถานที่เยี่ยงนี้ ความคิดเช่นนี้กระทั่งคนหยาบอย่างข้ายังมองแล้วรู้สึกซาบซึ้ง ตำแหน่งฮูหยินเ้าสำนักนี้ ท่านมอบให้นางก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว!”
คำพูดเดียวของเซี่ยหานทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ทว่าเซี่ยหานยังไม่ทันตอบอะไร ตู้หลิงก็กระแอม ฝืนคลี่ยิ้มออกมา
“ทุกคนอย่าล้อข้าเล่นเลย อันที่จริงข้ารู้ดีว่าแต่ไรมาพี่ใหญ่เซี่ยไม่เคยมีความรู้สึกแบบชายหญิงต่อข้า”
คิดไม่ถึงเลยว่าดรุณีนางนี้มีเหตุผลมากกว่าที่นางคาดไว้เสียอีก
ทุกคนเห็นนางพูดถึงเพียงนี้แล้วก็ไม่ดึงดันพูดเื่นี้ต่อ
ถึงอย่างไรดรุณีน้อยก็หน้าบาง ทนรับเสียงสัพยอกได้เพียงสองสามประโยคเท่านั้น
“พี่ใหญ่เซี่ย เมื่อครู่พวกพี่ชายน้องชายมิได้ตั้งใจ ท่านอย่าใส่ใจเลย ตู้หลิงขออภัยท่านด้วย”
รินสุราจอกหนึ่ง ไม่ว่าตู้หลิงมีความคิดเยี่ยงไร แต่สุดท้ายแล้วนางยังแสดงท่าทีผ่อนคลายออกมา กระนั้นหลินเมิ้งหยายังมองบางอย่างออก
บนโต๊ะอาหาร แม้ว่าตู้หลิงไม่เอ่ยถึงเื่นี้อีก ทุกคนเองก็ล้วนได้ยินคำพูดนั้นของนาง เช่นนี้แล้วใครยังจะล้อเล่นเื่นี้อีกเล่า?
ทว่าตู้หลิงกลับดื่มจอกแล้วจอกเล่า รินสุราให้เหล่าพี่ชายน้องชาย กีดกันนางและหลงเทียนอวี้ออกไปอย่างสิ้นเชิง
นางกลับไม่ยี่หระ ทว่าความรู้สึกที่ตู้หลิงมอบให้นางกลับไม่ดีนัก
หลังกินข้าวแล้ว เซี่ยหานพาพวกเขามาส่งที่สุดเขตตำบล
“พวกท่านรีบกลับไปเถอะ หากข้าที่นี่มีข่าวอะไร ข้าจะเร่งส่งคนเข้าเมืองไปหาท่าน”
เซี่ยหานยังยืนกรานไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากนาง
กระนั้นนางมิได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย เพียงแต่ตู้หลิงคนนั้นทำให้นางสนใจเล็กน้อย
“ได้ แต่เซี่ยหาน ข้าแนะนำเ้า ระวังตู้หลิงด้วย”
“นี่เพราะอะไร? หากเพราะเื่ของหยุนเอ๋อร์ พี่หญิงใหญ่ ท่านโปรดวางใจ แม้ข้ารับปากเฟิงจื่อว่าจะต้องช่วยเขาดูแลตู้หลิงให้ดี แต่ข้าคิดตกแล้ว ข้ามิได้ชอบนาง ฉะนั้นหากตบแต่งนางเป็ภรรยา ข้าต้องทำให้นางเสียใจเป็แน่ เื่นี้ข้าจะพูดกับนางให้ชัดเจน”
สิ่งที่นางเดา ไม่ผิดดังคาด
ครุ่นคิด นางยังตัดสินใจเอ่ยถามเื่นี้
“แต่เพราะเหตุใดคนในสำนักของเ้าล้วนคิดว่านางและเ้าเป็คู่กันเล่า? นี่หรือว่าก่อนหน้านี้เ้าเคยพูดเื่นี้หรือ?”
ใบหน้าเซี่ยหานแข็งค้างเล็กน้อย นางเข้าใจในทันใดว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
“ครานั้นเฟิงจื่อถูกพิษจนลมหายใจรวยริน ข้าเองก็ร้อนใจจึง...”
“เซี่ยหาน เื่ที่รับปากคนอื่นต้องทำให้สำเร็จ เ้ารับปากข้าก่อนว่าจะดูแลหยุนเอ๋อร์ชั่วชีวิต บัดนี้เพื่อปลอบพี่น้องของเ้า เ้ารับปากแต่งผู้อื่นเข้ามาเป็ภรรยา เช่นนั้นเื่นี้เป็เ้าที่ผิดแล้ว”
แม้เซี่ยหาน้าปลอบพี่น้องของตนเอง แต่หลินเมิ้งหยายังคิดว่าใช้ไม่ได้
เซี่ยหานมุ่นคิ้ว มิได้โต้ตอบ
“เอาล่ะ นี่เป็เื่ของตัวเ้าเอง ข้าไม่พูดมากแล้ว เอาเช่นนี้เถอะ พวกเราไปก่อนแล้ว”
นางเหลือบมองข้างหลังเขาแวบหนึ่ง ตู้หลิงและคนเ่าั้ยืนอยู่หน้าประตู แสร้งว่ามาส่งนาง ทั้งที่จริงแล้วมาดูเซี่ยหาน
“ข้าจะจัดการให้ชัดเจนเอง พี่หญิงใหญ่ พบกันวันหน้า”
นางผงกศีรษะ ทว่ารู้สึกไม่พอใจเซี่ยหานเล็กน้อย
เห็นว่าเซี่ยหานจากไปแล้ว ความหงุดหงิดในใจยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“เซี่ยหาน ไม่ใช่เซี่ยหานคนเดิมแล้ว”
นางเสียดายเล็กน้อย แต่บุรุษข้างกายกลับเปล่งเสียงทุ้ม
“ไม่ เขายังเป็เซี่ยหานคนเดิม”
นางหันหน้าไปมองเขาตาไม่กระพริบ
นี่...หมายความว่าอะไรเล่า?
“ไปเถอะ พวกเรากลับกันก่อน”
เขาลูบศีรษะนาง แต่พานางไปที่โค้งหนึ่ง
“พวกเรามิใช่ว่าจะกลับกันหรือ? เมื่อครู่เซี่ยหานยังพูดว่าไปทางนั้น?”
นางถูกเขาพาเดินผ่านตรอกแห่งนั้นเข้ามา
เดินเข้ามาได้ไม่ไกลก็มาถึงหน้าเรือนนับว่าหรูหราแห่งหนึ่ง
“ที่นี่คือที่พักชั่วคราวของพวกเรา”
เขาพูดอธิบาย ทว่านางกลับมีสีหน้าตกตะลึง
“เ้ามีทรัพย์สินที่นี่ด้วย?”
หลงเทียนอวี้มองนาง ผงกศีรษะเบาๆ
หลินเมิ้งหยารีบย่อกายกอดต้นขาของเขาเอาไว้
“ถู่หาว [1] ขอกอดต้นขาหน่อย!”
เขาคล้ายโง่เขลาแล้ว ไม่เข้าใจว่านางกำลังใช้ลูกไม้อะไร
“เ้ามิใช่ว่ากอดต้นขาอยู่หรือ? อีกอย่าง ข้ามิใช่ถู่หาว”
“ไม่! เ้านั่นล่ะ! ไปที่ใดล้วนมีบ้าน เ้าไม่ใช่ถู่หาวแล้วคืออะไร?”
นางกอดขาเขาไว้พร้อมออดอ้อน ถึงอย่างไรใบหน้านี้ก็มิใช่ใบหน้านาง อับอายสักหน่อยจะเป็ไร
หลงเทียนอวี้รู้ว่านางกำลังล้อเขาเล่น สีหน้าจนใจหลายส่วน พลิกมืออุ้มนางขึ้น
“ปล่อยข้าลง ข้าเดินเองได้”
“อย่าโวยวาย ระวังถูกคนเห็น”
เขากระซิบเตือน ส่วนหลินเมิ้งหยารีบเก็บเสียง
ถู่หาวพูดไม่ผิดเลยสักเศษเสี้ยว ในเวลานี้ต้องไม่ทำตัวโดดเด่น
หากพูดว่าบ้านของเซี่ยหานเป็เพียงเรือนของปุถุชนแล้วล่ะก็ สถานที่ที่บุรุษของนางเตรียมไว้ก็ถือว่าเป็เรือนพำนักของคนที่มีเงินไม่มาก
ประตูเดียว เรือนหลังเดียว แม้เล็กอยู่บ้าง แต่ทุกที่ล้วนสะดวกสบาย
ภายนอกภายในเรือนล้วนสะอาดสะอ้าน กระนั้นเขายังพานางดูเรือนหน้าเรือนหลังรอบหนึ่ง หลังมั่นใจแล้วว่าปลอดภัย ทั้งสองจึงกลับโถงหลัก
หลินเมิ้งหยานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ สายตาลุ่มลึกจับจ้องบุรุษของตน
“เหตุใดจึงมองข้าเยี่ยงนี้?”
“ข้ามองเ้าเพราะข้าไม่เข้าใจ” นางขยับเข้าใกล้ในทันใด จ้องตาเขาอย่างละเอียด “ตกลงเ้าแอบทำเื่ลับหลังข้ามากน้อยเพียงใด?”
หากพูดว่าที่ผ่านมาหลงเทียนอวี้มอบความรู้สึกคล้ายูเาสูงตระหง่านและแข็งแรงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นบัดนี้หลงเทียนอวี้ก็ทำให้นางรู้สึกว่าเขาคือมหาสมุทรลึกสุดหยั่งถึง
มองดูแล้วสงบนิ่ง แต่ภายในกลับมีความลึกลับซ่อนอยู่
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าภายใต้การแสดงของเขาซ่อนความั์อะไรเอาไว้
โดยเฉพาะคนเคียงหมอนอย่างนาง หยั่งเชิงเขาคล้ายเป็เื่น่าสนใจมากอย่างไรอย่างนั้น
“เ้าลองเดา?”
เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ ั์ตาเปล่งประกายอ่อนโยน
หลินเมิ้งหยาคิดว่าชั่วชีวิตนี้ตนเองไม่มีวันหนีรอดเงื้อมมือเขาไปได้แล้ว
คล้ายเห้งเจีย [2] ตีลังกาหนึ่งครั้งไปได้ไกลถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้ นั่นแล้วอย่างไรเล่า?
ลงท้ายก็ยังต้องกลับมาอยู่ข้างกายเขาอย่างเชื่อฟังดุจเดิมมิใช่หรือ?
กระนั้นเขาร้ายกาจกว่าพระยูไลมาก ทั้งที่รู้ว่านางไม่้าเป็นกในกรง กระนั้นก็เปลี่ยนผืนนภาให้กลายเป็กรงของนาง จากนั้นขังตัวเขาไว้ภายในด้วย
ทำเช่นนี้แล้ว หากสักวันหนึ่งนางมีโอกาสหนีออกไปแล้วอย่างไรเล่า?
ั้แ่ต้นจนจบนางยังอาลัยอาวรณ์เขาอยู่ดี
“ข้าไม่เดาหรอก แต่ในเมื่อเ้าสามารถซื้อเรือนที่นี่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องร่วมมือกับเซี่ยหานแล้วกระมัง? แม้เขาคนนั้นไม่เลว แต่มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด”
หลงเทียนอวี้แปลกใจเล็กน้อย เขาเตรียมตัวตอบคำถามนางอยู่นานแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้กลับมองข้ามไปทั้งอย่างนี้เลย
นี่หรือว่าเป็แิใหม่?
เลิกคิ้ว เขาระบายยิ้มพูดกับนาง
“นี่คือทางเลือกสุดท้าย เ้าและข้าแม้้าตลาดผี แต่พวกเราไม่มีเวลาดูแลที่นี่มากนัก เซี่ยหานแม้มีปัญหาไม่น้อย แต่เขาคือตัวเลือกเหมาะสมที่สุดในการทำเื่นี้”
นางเบ้ปาก
ไม่ผิด เซี่ยหานไม่ว่าความสามารถหรือคุณสมบัติ แม้ว่าไม่นับว่าเป็อันดับหนึ่ง แต่เซี่ยหานก็ไม่มีพันธะแล้ว เทียบกับคนอื่น เขาย่อมดีกว่ามาก
หากภายภาคหน้านาง้าตลาดผี เช่นนั้นขั้วอำนาจเดิมที่มีอยู่ต้องไล่กัดพวกเขาคล้ายหมาบ้าเป็แน่
คราวนี้มีเพียงคนเฉกเช่นเซี่ยหานที่สามารถละทิ้งคุณธรรมมุ่งขึ้นไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับและเดิมพันทั้งหมดเป็ครั้งสุดท้าย
มีความโเี้เช่นนี้ เซี่ยหานจึงจะสามารถทำสำเร็จได้
ส่วนนางและหลงเทียนอวี้มีฐานะอ่อนไหว หากทำพลาดเื่ใดไป เช่นนั้นย่อมหมายถึงทั้งชีวิต
เป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาสามีภรรยามิใช่ควบคุมทั้งแคว้นเว่ย
หนึ่งเพราะเหนื่อยเกินไป สองเพราะพวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายกับวันเวลาที่ต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อ่ชิง
สารภาพตามตรง พวกเขา้าหาใครสักคนมาดูแล
เซี่ยหานมีความทะเยอทะยานนี้ บังเอิญพวกเขามีเป้าหมายร่วมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ข้ารู้ ข้าถึงโมโหอย่างไรเล่า เ้าดูเถอะ วันนี้ตู้หลิงคนนั้นเห็นได้ชัดว่ามีใจให้เขา ยังมีพวกปี่พวกขลุ่ยเ่าั้อีก ข้าเพิ่งช่วยชีวิตสหายของพวกเขา ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้ยินคำพูดเ่าั้ของข้า แต่เ้าดูพวกเขา ถึงกับล้อเล่นเื่อย่างนี้ต่อหน้าข้า นี่หรือว่าพี่สาวภรรยาอย่างข้าตายไปแล้ว?”
นางคาดเดาความนัยของคนเ่าั้ได้
ั้แ่สมัยโบราณ กองกำลังใต้พื้น โดยเฉพาะพวกเข่นฆ่าต่อยตีเฉกนี้ล้วนมีทัศนคติสองประการต่อสตรีของหัวหน้า
บางทีอาจไม่ยี่หระ ไม่ว่าใครก็ได้
โดยทั่วไปแล้วพี่สะใภ้ล้วนเป็คนภายนอก อาจไม่ล่วงรู้เลยตลอดชีวิตว่าบุรุษของตนหากินในยุทธภพ
บางทีอาจเป็ผู้ช่วยอยู่ภายใน คือศรีภรรยาที่สามารถช่วยเหลือจัดการดูแลเื่ของพี่ใหญ่ตนเองได้ทำนองนั้น
เห็นได้ชัดว่าในสายตาคนเ่าั้ ตู้หลิงคือคนจำพวกหลัง
หมายเหตุ
ถู่หาว [1] หมายถึงเศรษฐี คนร่ำรวยใช้เงินฟุ้งเฟ้อ
เห้งเจีย [2] หมายถึงซุนหงอคง ตัวละครจากนวนิยายเื่ไซอิ๋ว
