ในทะเลจิตสำนึกมีดอกบัวก่อตัวขึ้นมา
และเวลาเดียวกันนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง
“วี๊ด…”
เสียงกู่ร้องก้องดัง ตามมาด้วยเงากระเรียนนิพพานออกมาจากดอกบัว โบยบินอยู่ในทะเลจิตสำนึก…
เงากระเรียนเปรียบดังเทพเซียน รูปร่างสง่างาม ร่างกายขาวนวลเสมือนหิมะ ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีขาวบริสุทธิ์ ราวกับเมฆหมอก ล่องลอยดุจเซียน์ หากไม่แยกแยะให้ดี ตราประทับตัวนี้มิได้แตกต่างจากกระเรียนเมฆาระดับสูงมากนัก
ตราประทับสองอัน! นี่…มันเื่อะไรกัน?
จั๋วอวิ๋นเซียนมึนงงไปหมดแล้ว เขาไม่เคยได้ยินว่าคนคนหนึ่งจะสามารถมีตราประทับได้ถึงสองอันมาก่อน? หรือเป็เพราะในร่างของเขามีสองิญญา!
เมื่อคิดได้เช่นนี้จั๋วอวิ๋นเซียนจึงเงียบกริบ
เทียนเสียมีความเป็มาลึกลับยิ่ง ถึงแม้จะมิได้เผยพลังให้เห็น แต่ฝีมือเล็กน้อยของเขาก็ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนใจนเนื้อเต้นแล้ว
หากจั๋วอวิ๋นเซียนคาดเดาไม่ผิด ดอกบัวั์ในความว่างเปล่าน่าจะเป็ตราประทับของเทียนเสีย แม้แต่ตราประทับกระเรียนสีชาดของเขาก็ได้รับผลกระทบ มันเกิดการกลายพันธุ์ ยกระดับจนเหนือกว่ากระเรียนสีชาด ทั้งยังแฝงด้วยพลังหยางบริสุทธิ์
หวนคืนสู่ต้นกำเนิด กายาหยางบริสุทธิ์
หากเป็ยุคสมัยโบราณ มันก็คือสัญลักษณ์ที่สำคัญของการโบยบินสู่วิถีเซียน หากผู้บำเพ็ญเซียนหวนคืนต้นสู่กำเนิด ก็จะสามารถผลัดร่างเปลี่ยนกระดูก วิวัฒนาการกลายเป็กายาหยางบริสุทธิ์อย่างแท้จริงได้ การได้กลายเป็เซียนก็จะเป็เพียงเื่ของเวลาเท่านั้น
แน่นอนว่าถึงแม้ตราประทับกระเรียนสีชาดจะมีระดับเพิ่มขึ้น แต่กลับมิได้รวมตัวเป็ิญญาแท้จริง ยังไม่นับเป็สิ่งมีชีวิตแท้จริง มันเพียงมีพลังหยางบริสุทธิ์ติดมาด้วยเท่านั้น เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเส้นทางการบำเพ็ญเซียนของจั๋วอวิ๋นเซียนหลังจากนี้
เพียงแต่หลังจากกระเรียนสีชาดเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็มิอาจนับว่าเป็กระเรียนสีชาดได้อีก คงต้องเรียกมันว่า ‘เซียนกระเรียน’ จึงจะเหมาะสมกว่า…สูงส่งสง่างาม ก้าวข้ามทุกสรรพสิ่ง
น่าเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มิได้ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกยินดีแต่อย่างใด ในใจของเขายังคงรู้สึกเหมือนความฝัน บนโลกนี้ไม่เคยมีผลสำเร็จที่ได้มาโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนและไม่มีโอกาสที่เข้ามาอย่างไร้สาเหตุ ดังนั้นในใจของเขามักจะรักษาความใจเย็นและระวังตัวอยู่เสมอ
ดังคาด หลังจากที่กระเรียนสีชาดวิวัฒนาการกลายเป็เซียนกระเรียน ปณิธานน่ากลัวสายหนึ่งปกคลุมจั๋วอวิ๋นเซียนเอาไว้ เหมือนฟ้าดินไม่ยอมรับ เป็ศัตรูกับโลกทั้งใบ!
ถูกความเ็ปทรมานฉีกกระชากิญญา!
ปณิธานชั่วร้ายกำลังกัดกร่อนจิตใจของเขา!
ทว่าจั๋วอวิ๋นเซียนมิได้เสียความเชื่อมั่นของตัวเองไป
ในเมื่อมีปัญหาที่คิดไม่ตก เช่นนั้นก็ไม่ต้องคิดมาก เพียงแค่รอดชีวิตให้ได้ เดี๋ยวสักวันก็จะได้รู้คำตอบเอง
……
“ฟู่ว ฟู่ว!”
เพียงแค่คิดเพลิงิญญาก็ถูกจุดใหม่อีกครั้ง เปลวสีขาวบริสุทธิ์ชำระล้างตราประทับเซียนกระเรียน
หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ…
ความเร็วในการชำระล้าง เรียกได้ว่ามิอาจจินตนาการได้!
ภายใต้การชำระล้างจากธารดาราอันกว้างใหญ่ ิญญาของจั๋วอวิ๋นเซียนฟื้นฟูกลับมาเก้าส่วนในชั่วพริบตา!
กระบวนการนั้นยากลำบากมาก เ็ปยิ่งกว่าตอนที่ไปชำระิญญาครั้งแรกถึงสิบเท่า!
เขาเห็นแสงิญญาเก้าสายวนเวียนรอบตราประทับเซียนกระเรียนด้วยความกระตือรือร้น ทั้งว่องไวและสง่างาม
ทว่าทั้งหมดนี้ยังไม่จบลง
“ฟู่ว!”
ภายใต้การสนับสนุนของจั๋วอวิ๋นเซียน แสงิญญาสายที่สิบจึงก่อเกิดสิ่งมีชีวิต
ทำลายล้าง! ทำลายล้าง! ทำลายล้าง!
ปณิธานฟ้าดินที่น่ากลัวผ่าลงที่กลางจิตใจของจั๋วอวิ๋นเซียน ิญญาของเขากำลังจะดับสูญ!
ิญญาหลอมเก้ารอบถึงขีดจำกัดั้แ่สมัยโบราณแล้ว
เขาไม่เคยได้ยินว่าเหนือกว่าเก้ารอบยังมีรอบที่สิบด้วย แต่เขาตอนนี้มิได้สนใจแล้ว เพียงแค่ต่อต้านปณิธานฟ้าดินตามสัญชาตญาณ ตั้งสมาธิชำระล้างตราประทับของตัวเองต่อ
เขา้าพลัง เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งมากกว่านี้!
……
เก้าคือตัวเลขสูงสุด สิบคือความสมบูรณ์แบบ
และเหนือกว่าความสมบูรณ์แบบยังมีความเหนือชั้น เหนือกว่าความเหนือชั้นก็คือความสูงส่ง!
“ตูม ตูม ตูม!”
จั๋วอวิ๋นเซียนเปรียบดังโขดหินท่ามกลางคลื่นมหาสมุทรคลั่ง ปล่อยให้ปณิธานฟ้าดินโหมซัด แต่ยังคงตั้งมั่นไม่ไปไหน
จากนั้นในสมองของเขาปรากฏภาพแปลกประหลาดภาพหนึ่ง มันคือภาพวาดที่เขาเคยเห็นในสถาบันวิถีเซียน…
มีเงาร่างหนึ่งนั่งอยู่บนยอดหน้าผา ไม่ขยับเขยื้อนมานับสิบปีนับร้อยปี เสมือนเป็ก้อนหินก้อนหนึ่ง สงบนิ่งและธรรมดา มองดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน เชยชมฤดูกาลแปรผัน ััการเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน รอคอยวันที่มหาสมุทรแห้งเหือด
กำเนิดบนยอดผา อาบแสงตะวันและจันทรา
ไม่รับรู้เหตุการณ์ภายนอก ข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนาน
……
“ฟู่วๆ!”
แสงเส้นที่สิบเอ็ดถือกำเนิดขึ้นมา ก้าวข้ามพันธนาการ!
แสงเส้นที่สิบสองถือกำเนิดขึ้นมา สูงส่งเหนือสรรพสิ่ง!
แสงิญญาสิบสองสาย หลอมิญญาสิบสองรอบ
ภายใต้การโจมตีจากปณิธานฟ้าดิน แสงิญญาทั้งสิบสองสายเริ่มหลอมรวมกัน
จั๋วอวิ๋นเซียนลืมตาขึ้นทันที แสงสว่างตัดผ่าความมืดมิด ราวกับฟ้าดินแรกกำเนิด แสงสว่างไร้สิ้นสุด
……
เป็ครั้งแรกที่จั๋วอวิ๋นเซียนััได้ถึงพลังที่แท้จริง พลังที่ควบคุมโชคชะตาของตัวเอง
ปณิธานดุจ์ ก้าวข้ามเหนือสรรพสิ่ง
ถึงแม้จะเป็เพียงปณิธานสูงสุด แต่จิตใจของจั๋วอวิ๋นเซียนกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน เหมือนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถพันธนาการจิตใจของเขาได้อีก
เพลิงหยางบริสุทธิ์ แสงสว่างส่องประกาย
กระเรียนโบยบินสู่ท้องฟ้าราวกับสายลม
พร์ตื่นขึ้นอีกครั้ง ราวกับเปลวเพลิงและสายลม
จากนั้นพลังอันชั่วร้ายก็หลอมรวมเข้ากับจิตใจของเขา มันก็คือความเกลียดชังในใจของเขาเอง
……
ณ ท่าเรือหลงหยา ผู้คนมากมายมุ่งดู บรรยากาศหนักอึ้ง
“โเี้จริงๆ! ถึงกับยอมตายไปพร้อมกันเลย!”
“เฮ้อ เ้าเด็กที่ถูกคลื่นพลังซัดกระเด็นเมื่อครู่นี้ตายไปแล้วกระมัง?”
“ยังไม่ตาย ยังมีลมหายใจอยู่! โชคชะตาของเด็กคนนั้นไม่เลวเลย ไม่เพียงมิได้ถูกะเิตาย ยังถูกคลื่นพัดเข้าไปในท่าเรือหลงหยา นับว่าเอาชีวิตรอดไปได้”
“ไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้เป็ใครกัน ถึงกับไปหาเื่นิกายเซียนโม่เหมินได้ ช่างน่าสงสาร!”
“เหอะเหอะ คนที่น่าสงสารต้องมีจุดที่น่ารังเกียจแน่! ไม่แน่ว่าอาจจะเป็พวกลูกคุณหนูตระกูลไหนสักแห่งที่ไม่รู้เื่ราว เผลอไปยั่วโมโหคนของนิกายเซียนโม่เหมิน จนถูกไล่ล่าหนีมาที่นี่…ผลสรุปคนรับใช้ต้องตายเพื่อช่วยชีวิตเขา ถึงแม้ตอนนี้เขายังมีชีวิต แต่ก็คงใกล้ถึงฆาตแล้ว”
“มิผิด ท่าเรือหลงหยามิใช่ที่ที่ใครก็มาได้”
……
“เอ๊ะ! ทุกคนดูเร็ว! ยอดฝีมือของนิกายเซียนโม่เหมินยังไม่ตาย!”
“ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย! ฮิฮิฮิ ไม่เสียทีที่เป็นิกายเซียนโม่เหมิน มีฝีมือการเอาตัวรอดเก่งกาจจริงๆ!”
“ทุกคนอย่าหาเื่นะ แค่ดูอย่างสนุกก็พอแล้ว คนของนิกายเซียนโม่เหมินจะไปหาเื่มิได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
……
ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ มองดูด้วยท่าทางสนุกสนาน
ณ เวลาเดียวกันนั้น มีกลุ่มคนห้ากลุ่มรวมตัวกันตรงทางเข้าท่าเรือ พวกเขาแบ่งเป็ห้าขั้วอำนาจของท่าเรือหลงหยา แบ่งเป็ ‘สำนักเถี่ยเจี้ยน’ แห่งต้าิ ‘สำนักเสวี่ยเตา’ แห่งต้าหยวน ‘สำนักไห่ซา’ แห่งต้าหมั่น ‘พรรคเซวียนสุ่ย’ แห่งต้าซ่ง และ ‘หอหานหยิ่ง’ แห่งต้าถัง
ถึงแม้ท่าเรือหลงหยาจะเป็เขตชายแดนของต้าถัง แต่กลับมิได้เป็พื้นที่ของต้าถังเพียงผู้เดียว ถึงอย่างไรทะเลล่วนซิงก็เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์มากมาย จึงเกิดการแย่งชิงไม่หยุด ตอนสร้างท่าเรือขึ้นมาทั้งห้าแคว้นได้ทำสัญญากัน ว่าด้วยสถานที่แห่งนี้จะถูกดูแลโดยขั้วอำนาจของห้าแคว้น การเข้าออกท่าเรือต้องจ่ายเงินตามจำนวนอัตราส่วน
ถ้ามีคนทำลายกฎระเบียบของที่นี่ จะถูกทั้งห้าแคว้นจับกุม หรือแม้กระทั่งถูกลงโทษ
ดังนั้นสำหรับคนธรรมดาแล้ว ท่าเรือหลงหยาเป็สถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย อย่างน้อยนิกายเซียนโม่เหมินก็ยังไม่แข็งแกร่งถึงขั้นต่อกรกับราชวงศ์ทั้งห้าแคว้นได้
