เซียวจิ่นยิ้มอ่อนโยนและกล่าวว่า “เจิ้นคิดเช่นนี้เช่นกันเวลานี้หลินเจาอี๋เบิกบานใจขึ้นบ้างหรือไม่?”
หลินชิงเวยกล่าว “เบิกบานใจขึ้นเล็กน้อยเพคะ ฝ่าาช่างมีเมตตาและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก”นางพูดแล้วก็หันไปมองเซียวเยี่ยนที่ยืนหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่ที่นั่นนางยิ้มหว่านเสน่ห์เต็มที่ “รบกวนเสด็จอาช่วยเรียกหมอหลวงเข้ามาได้หรือไม่เพคะข้า้าใช้เข็มเงินในล่วมยาของหมอหลวง”
เซียวจิ่นกล่าว “ไม่ต้องแล้ว บนโต๊ะทางนั้นมีล่วมยาอยู่ใบหนึ่งเ้าไปหยิบมาใช้เถิด”
หลินชิงเวยเลื่อนสายตามองข้ามไป เห็นบนโต๊ะตัวนั้นมีล่วมยาขนาดกะทัดรัดใบหนึ่งวางอยู่ล่วมยาใบนี้แตกต่างจากล่วมยาของหมอหลวง ดูกะทัดรัดสักหน่อยดูไปแล้วไม่เหมือนล่วมยา ดังนั้นหลินชิงเวยจึงไม่ได้สังเกตเห็นั้แ่แรก
หลินชิงเวยหิ้วล่วมยาข้ามมา สิ่งของข้างในนั้นมีน้ำหนักพอตัวเมื่อเปิดออกดูนางถึงกับทึ่มทื่อไปเลยทีเดียวข้างในนั้นมีชั้นในสามชั้นชั้นนอกสามชั้น อย่าได้ดูว่าล่วมยาใบนี้เหมือนจะเล็กทว่าด้านในกลับมีช่องมากมายวางสิ่งของได้ไม่น้อยหลินชิงเวยหยิบกระเป๋าผ้าสำหรับใส่เข็มเงินเปิดออกดูก่อน ข้างในมีเข็มเงินขนาดต่างๆมันสะท้อนแสงวิบวับ อีกทั้งล้วนเป็ของใหม่ทั้งสิ้นทำให้ดวงตาของหลินชิงเวยเป็ประกายขึ้นทันที
เซียวจิ่นกล่าวอีกว่า “เมื่อวานได้ยินเ้าเอ่ยถึงเจิ้นเองคิดว่าเ้าควรจะมีล่วมยาเป็ของตนเองสักใบ เช่นนี้เ้าพอใจหรือไม่?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินชิงเวยงดงามดึงดูดสายตายิ่งนัก“ไม่อาจพอใจได้มากไปกว่านี้แล้วเพคะ เชิญฝ่าานอนลงเพคะหม่อมฉันจะปรนนิบัติฝ่าาให้สบายเนื้อสบายตัวไปทั้งร่างเลยทีเดียวเพคะ”พูดแล้วนางก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาเป็กรงเล็บ ทำท่าบีบนวด และกล่าวอย่างทะลึ่งตึงตังว่า“ยามนี้หม่อมฉันจะปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ของฝ่าาแล้วนะเพคะ”
เซียวจิ่น “...”
เซียวเยี่ยนกล่าวเสียงเย็นว่า “ให้เปิ่นหวางทำเถิด”
“ไม่ต้อง ให้เจิ้นทำเองดีกว่า”เซียวจิ่นยกมือทั้งคู่ของตนปลดเสื้อคลุมชั้นนอกของตนออกเพียงแต่เขาไม่อาจถอดกางเกงของตนได้ ด้วยขาทั้งสองข้างมิอาจงอเพื่อยกขึ้นมาได้ไม่รอการช่วยเหลือจากเซียวเยี่ยน หลินชิงเวยลงมืออย่างรวดเร็ว นางจับเอวกางเกงของเซียวจิ่นมั่นมือจากนั้นปลดกางเกงของเขาลง
หลินชิงเวยมีสีหน้าประหลาดใจ “ได้ ครานี้ไม่อาจทักทายกับสหายน้อยของฝ่าาได้แล้วเพคะ”
เซียวจิ่นยังกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนดังเดิม “เจิ้นคิดว่าเช่นนี้แล้วก็ไม่ต้องปลดกางเกงชั้นในกระมังยังเป็เสด็จอาที่สอนวิธีการนี้ให้กับเจิ้น”
หลินชิงเวยหันหน้าไปถลึงตาใส่เซียวเยี่ยนครั้งหนึ่งเซียวเยี่ยนกล่าวว่า “หลินเจาอี๋ตั้งใจถวายการรักษาฝ่าาเถิดส่วนเื่เ่าั้ที่จะมีหรือไม่มีนั้น คิดให้น้อยจะดีที่สุด”
“สิ่งใดที่ว่ามีหรือไม่มี?” เสียงหัวเราะของหลินชิงเวยพร่างพราวไปด้วยเสน่ห์จับใจผู้คน“เสด็จอาร้ายกาจยิ่งนัก!”
เซียวเยี่ยน “...”
จากนั้นหลินชิงเวยนั่งลงริมเตียงนอนของเซียวจิ่นนางเอ่ยขึ้นทั้งที่มิได้หันหน้ามาว่า “รบกวนเสด็จอาจุดเทียนมาวางไว้ข้างมือหม่อมฉันได้หรือไม่?”
การกระทำของเซียวเยี่ยนรวดเร็วยิ่งนักปลายนิ้วทั้งสิบของหลินชิงเวยจับเข็มเงินเอาไว้ นางลนปลายเข็มกับเปลวไฟจากนั้นฝังลงบนร่างกายของเซียวจิ่น ไม่อาจประเมินนางต่ำไปจริงๆลำพังเพียงแค่การฝังเข็มก็เพียงพอที่จะทำให้หมอหลวงทั้งสำนักหมอหลวงต้องอยู่อย่างอับอายขายหน้า
หลินชิงเวยขับเืที่มีพิษในร่างกายของเซียวจิ่นออกมาได้อีกคำหนึ่ง
ต่อมาเซียวจิ่นจึงพักผ่อนอยู่ในตำหนักบรรทมหลินชิงเวยเก็บล่วมยาออกไปนอกตำหนักบรรทม นางเอ่ยถามเซียวเยี่ยนว่า “พิษที่เหลืออยู่ในร่างกายของฝ่าาส่วนหนึ่งเป็พิษที่สะสมจากการที่หมอหลวงใช้ยาไม่ถูกกับโรคมาโดยตลอดอีกส่วนหนึ่งก็คือพิษที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเสด็จอาทราบหรือไม่ว่าด้วยเหตุใดร่างกายของฝ่าาจึงได้มีโรครุมเร้าเช่นนี้?”
เซียวเยี่ยนกล่าว “เ้าสอบถามเื่เหล่าเพื่ออันใดกัน?”
หลินชิงเวยกล่าว “ต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงของโรคจึงจะใช้ยาให้ถูกกับโรค”
เซียวเยี่ยนหลุบตาลงมองหน้านาง“เปิ่นหวางว่าเ้าเพียงแต่อยากรู้อยากเห็นมากกว่า”
หลินชิงเวยยิ้มจนตาหยี เสียงหัวเราะของนางเหมือนลูกแมวน้อยเกียจคร้านตัวหนึ่ง“เสด็จอาช่างเข้าใจหม่อมฉันยิ่งนัก”
“ฮึ เมื่อคืนเปิ่นหวางทำสิ่งของหายไป”
“เอ๊ะ ท่านอ๋องไฉนจึงไม่ระมัดระวังเช่นนี้ระยะนี้มักจะทำสิ่งของตกหล่นเสมอ?” หลินชิงเวยกล่าวซ้ำเติม“ครั้งนี้ท่านอ๋องทำสิ่งของอันใดตกหล่นเล่า? เป็ของล้ำค่าอีกหรือ?”
เซียวเยี่ยนหรี่ตามองนางอย่างเ็าพลางกล่าวอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า“เป็เครื่องประดับสวมเอว เปิ่นหวางไม่เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับเ้า”
หลินชิงเวยแตะคางของตนและกล่าวราวกับกำลังครุ่นคิด“ที่ท่านพูดถึงเป็หยกทรงกลมสีม่วงชิ้นหนึ่งใช่หรือไม่? งดงามไม่เลวแต่มันตกเป็ของเ้าของคนใหม่แล้ว”
“เ้าคืนสิ่งของมาจะดีที่สุด”
หลินชิงเวยเอนกายเข้าใกล้เซียวเยี่ยน นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย“เมื่อคืนนี้ใครใช้ให้เสด็จอารังแกข้าเล่า นั่นเป็เพียงการชดเชยอย่างหนึ่ง แหะๆ วันนี้ข้าไม่ได้นำติดตัวมาด้วยท่าน้าสิ่งของคืน ดูเหมือนจะเป็ไปไม่ได้”
เซียวเยี่ยนโกรธเสียจนไม่อาจเอ่ยวาจาออกมาได้
หลินชิงเวยฮัมเพลงแล้วประสานมือไว้ด้านหลังพร้อมกับทำทีจะเดินจากไปจะมาแข่งหน้าหนากับพี่สาวเช่นนั้นหรือ เ้ายังอ่อนหัดไปหน่อย
“ยืนอยู่ตรงนั้น” เซียวเยี่ยนร้องเรียกอยู่ด้านหลัง
หลินชิงเวยหันกลับไป กล่าวกลั้วหัวเราะว่า“เสด็จอายังมีอะไรจะชี้แนะ?”
เซียวเยี่ยนก้าวเข้ามาสองก้าว ยืนอยู่บนระเบียงทางเดินกับนาง อากาศในวสันตฤดูของวันนี้แจ่มใสนักแสงแดดที่ส่องผ่านมุมชายคาเรือนสะท้อนกลับมาบนพื้นหลินชิงเวยสวมกระโปรงสีเขียวอ่อน ขับให้ผิวพรรณของนางยิ่งขาวผ่อง ผมหน้าม้าที่งองุ้มลงเล็กน้อยแนบติดไปกับหน้าผากของนางดวงตาที่อยู่บนใบหน้านั้นเจิดจ้ากว่าแสงแดดในวสันตฤดู
“เปิ่นหวางได้ยินมาว่า เมื่อคืนจ้าวเฟยไปเยือนตำหนักของเ้าถูกงูกัดใช่หรือไม่?”
“ข่าวของเสด็จอาช่างรวดเร็วแม่นยำจริงๆ” หลินชิงเวยกล่าว“เสด็จอามีราชกิจล้นมือ ไม่เพียงแต่ต้องยุ่งอยู่กับงานในราชสำนักยังต้องมากังวลเื่ภายในตำหนักใน ใช่แล้วอย่างไรเล่า? จ้าวเฟยควรจะได้รับบทเรียนงูที่กัดนางนั้นไม่มีพิษ หาไม่แล้ววันนี้จะต้องเตรียมงานศพของจ้าวเฟยเป็แน่”
เซียวเยี่ยนกล่าวเสียงหนักปนเปไปด้วยการตักเตือน“เปิ่นหวางไม่ใช่เคยพูดกับเ้าแล้วหรือไร ให้เ้าเก็บสิ่งของเ่าั้ให้ดีเ้าคิดว่าเ้าเป็ผู้ถวายการรักษาพระอาการของฮ่องเต้แล้ว เ้าจะกระทำการตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ?”
หลินชิงเวยตื่นตะลึง “เสด็จอาพูดเช่นนี้ไม่มีเหตุผลเป็จ้าวเฟยเองที่มารนหาที่ถึงที่ ไม่ใช่ข้าสั่งให้งูไปหานางอีกทั้งนางยัง้าจะวางเพลิงเผาแปลงสมุนไพรที่ข้าปลูกขึ้นมาอย่างมิง่ายดายแล้วยังเตรียมจะกระทำการรังแกข่มเหงซินหรูของข้า ในวังหลวงแห่งนี้ข้ามิอาจพึ่งพาอาศัยผู้ใดได้ยิ่งไม่ต้องคาดหวังว่าเสด็จอาจะช่วยเหลือข้า ข้าช่วยตนเองด้วยตนเองก็มีความผิด?”นางมองตาเซียวเยี่ยน “ให้จ้าวเฟยทำลายความทุ่มเทกายใจของข้าให้มอดไหม้แล้วเผาข้าและซินหรูจนกลายเป็ศพสองศพ เสด็จอาจึงจะพอใจใช่หรือไม่?”
ดูเหมือนนางจะเข้าใจความหมายของเขาผิดไปแล้ว...
เขาดูเหมือนจะฟังออกถึงความเคียดแค้นของนางด้วยคิดว่าเขากล่าวโทษนางเพราะจ้าวเฟย แต่ต่อให้เป็เช่นนี้เขาก็คร้านที่จะอธิบาย
หลินชิงเวยยังคงกล่าวอีกว่า “อ้อ ข้ากระจ่างแจ้งแล้วเสด็จอามาซักไซ้ไล่เรียงความผิดของข้า หรือระหว่างจ้าวเฟยและเสด็จอาก็มีความเกี่ยวข้องกันเช่นกัน?ข้าดูแล้วจ้าวเฟยผู้นั้นแม้จะมิได้มีรูปโฉมงดงามประดุจเทพเซียน แต่ก็ถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียวเสด็จอาจะชมชอบนางก็เป็เื่ที่พอจะเข้าใจได้เพียงแต่เสด็จอาคงต้องควบคุมตนเองสักหน่อย จ้าวเฟยเป็ผู้หญิงของฝ่าา”
หลินชิงเวยพูดแล้วก็หัวเราะอย่างเอาเป็เอาตาย
เซียวเยี่ยมโมโหจนแทบจะกระอักเื “หากเ้ายังพูดจาส่งเดชอีกเปิ่นหวางคงต้องพิจารณาจริงๆ แล้วว่าควรจะเย็บปากของเ้า!”