ปากหนาทรงสวยที่ยังคงขยับพ่นคำขู่ออกมาไม่หยุด และในขณะที่เขายังไม่ทันพูดจบประโยค ฉันที่รู้สึกตื่นตระหนกั้แ่ประโยคแรกด้วยกลัวว่าผู้ใหญ่ที่ตนเคารพรักอย่างป้านีกับพี่รามจะเป็อันตรายไป นั่นจึงทำให้ฉันได้แต่รีบตกปากรับคำคนตรงหน้าแทบจะทันที
“ได้...ได้...ฉันยอมแล้ว ฉันยอมทำงานล้างหนี้ที่ฉันไม่ได้ก่อให้กับนายแล้ว...ฮึก...ฮึก...ฉันยอมแล้ว...แต่อย่าไปยุ่งกับครอบครัวฉันเลยนะ ฉันขอร้อง” ฉันละล่ำละลักรับปากอย่างไม่รีรอ พร้อมกับก้อนสะอื้นที่ตีตื้นจุกเข้ามาที่ลำคอจนยากที่จะต้านทานไว้ได้
แต่ถึงกระนั้น ฉันที่กำลังตกอยู่ในภาวะสิ้นหวังและหวาดกลัวแค่ไหน แต่ฉันต้องไม่ยอมตกเป็เหยื่ออีกเป็ครั้งที่สองแน่ ๆ ในเมื่อเขา้าให้ฉันใช้หนี้ ฉันก็จะทำ แต่มันต้องอยู่ภายใต้สัญญาใหม่ที่เขียนขึ้นเท่านั้น
“ถะ...ถ้างั้น นะ...นายก็เขียนสัญญาใช้หนี้มาซิ” ฉันทวงสัญญาเพราะกลัวว่าเขาจะตุกติกพลิกลิ้นทีหลัง
“นี่มึงไม่ไว้ใจกูขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง
“ใช่...!! เพราะนายมันคนเห็นแก่ตัว ดังนั้นฉันต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเองไม่ให้นายมาเอาเปรียบได้อีก และฉันจะไม่มีวันไว้ใจคนอย่างนายเด็ดขาด!!” ความโกรธที่พุ่งขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้ฉันเผลอลืมความกลัวที่มีไปจนหมดสิ้น จนเผลอต่อปากต่อคำออกไปอย่างไม่กริ่งเกรง
“หึหึ...ดี...ตรงดีอย่างนี้...กูชอบ” แต่คนที่ควรจะไม่พอใจกลับกลั้วหัวเราะในลำคอแทน ก่อนที่คำพูดของคนตรงหน้าจะทำให้หัวใจของฉันวูบไหวแปลก ๆ
ใบหน้าเนียนขาวฉายวาบด้วยเืฝาดจนแก้มแดงระเรื่อทันที ด้วยเหตุที่มาจากความโกรธบวกเข้ากับคำพูดที่ดูจะกำกวมของคนตรงหน้า
ฉันรีบสลัดความรู้สึกทุกอย่างที่มีทิ้ง ก่อนจะตั้งสติแล้วคิดหาวิธีที่นับจากนี้ฉันจะต้องไม่เสียเปรียบเขาอีกต่อไป
ฉันสอดสายตามองหากระเป๋าคู่ใจของตัวเองเพราะ้ามือถือที่อยู่ในนั้น แต่ทว่า ณ ตอนนี้ที่นี่ฉันกลับไม่พบสิ่งของที่ฉัน้าเลย
“หาอะไร...” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นฉันคล้ายกับมองหาอะไรสักอย่าง
“กระเป๋าของฉันล่ะ...” ฉันถามเพราะนึกได้ว่าั้แ่ฟื้นขึ้นมายังไม่เห็นกระเป๋าตัวเองเลย
“เดี๋ยวไอ้ริกคงเอามาให้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ยังคงทรงพลังอยู่
ส่วนฉันที่แม้จะดีใจที่กระเป๋าตัวเองไม่ได้หายไป แต่ในใจก็ยังอยากได้โทรศัพท์เพื่อมาทำการบางอย่างอยู่ดี
“จะเอาไปทำอะไร...” เขาที่ยังไม่คงหายสงสัยเอ่ยถามต่อ
“จะเอาโทรศัพท์” ฉันตอบไปตามความจริง พร้อมกับนึกสงสัยว่าเขาจะถามทำไมก็ในเมื่อกระเป๋ามันเป็ของฉัน ฉันก็ย่อมอยากได้คืนอยู่แล้ว
แต่หลังจากที่เขาได้ฟังคำตอบของฉันก็กลับทำหน้าถมึงทึงขึ้นมาทันที พร้อมกับตวัดตามองมาที่ฉันด้วยความไม่พอใจ
ส่วนฉันที่ไม่เข้าใจในท่าทางที่แสดงออกมาของเขาแบบนั้น ก็เลยเลือกที่จะไม่ใส่ใจต่ออากัปกิริยานั้น เพราะสิ่งสำคัญสำหรับฉันตอนนี้นั่นก็คือ ฉัน้าอะไรก็ได้ที่จะสามารถมาสร้างหลักฐานเพื่อกันไม่ให้ฉันต้องโดนคนตรงหน้าเอาเปรียบได้อีก
และในเมื่อตอนนี้ เวลานี้ ฉันเองก็ไม่มีโทรศัพท์ ปากกากระดาษก็ไม่มี วิธีเดียวที่ฉันคงทำได้ในตอนนี้นั้นก็คือ การที่ฉันเอ่ยปากพูดกับเขาไปตรง ๆ ว่าฉัน้าอะไร
“ฉันขอยืมโทรศัพท์ของคุณหน่อย...”
--- ดีแลน Talk ---
ผมที่นั่งมองคนตรงหน้ามาสักพักด้วยความสงสัยที่จู่ ๆ เธอก็ยื่นมือมาขอยืมโทรศัพท์ผมเอาดื้อ ๆ จนผมเองถึงกับงงเป็ไก่ตาแตก เพราะตอนแรกยังนั่งตัวสั่นงันงกเป็ลูกนกกลัวผมอยู่เลย
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ~~
ณ โกดังเก็บของ
หลังจากที่ผมเห็นว่าเธอนั้นจู่ ๆ ก็เงียบลงไปเหมือนกำลังคิดทบทวนอะไรบางอย่างอยู่นาน ผมที่เริ่มชักจะรำคาญคนตรงหน้าจนอยากแกล้งเธอให้หนำใจ เพราะใครใช้ให้เธอดันตรงสเปคผมขนาดนี้
โดยเฉพาะเมื่อผมได้รู้ความจริงบางอย่าง...และผมก็ยังมีความลับบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกให้เธอได้รู้...
“นายครับ เอ่อ...สัญญานั้นกับไอ้ตัวคนกู้มัน...” ไอ้ริกลูกน้องคนสนิทของผม มันที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างในเอกสาร และในขณะที่มันกำลังจะเอ่ยบอกความจริงกับผม มันก็ถูกผมตวัดมองด้วยสายตาอันดุดันทันที
“มึงมีอะไร” ผมถามเพราะอยากรู้ว่าคนตรงหน้ามัน้าจะพูดอะไร
“นายครับ...สัญญาของไอ้คนกู้ที่เราลากตัวมันมาวันนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิงที่เป็คนค้ำคนนี้นะครับ สัญญามันคนละฉบับกัน” ริกกระซิบบอกผู้เป็เ้านายด้วยกลัวว่านายจะลงโทษคนผิด
“แล้ว...” ส่วนผมที่ตอบมันกลับไปเพียงคำสั้น ๆ พร้อมกับนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีสบาย ๆ อย่างไม่ได้สนใจในสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทเพิ่งบอก
“ก็แล้วผมไม่เข้าใจ...” ริกที่ยังคงสงสัยต่อสิ่งที่เ้านายตนทำ อดถามออกมาไม่ได้
“แล้วกูต้องอธิบาย...หรือไง...!!” ผมเลิกคิ้วสูงปรายตามองลูกน้องขี้สงสัย อย่าง้าที่จะบอกให้รู้ว่าผมนั้นรู้ตัวอยู่แล้วว่ากำลังทำอะไร
ส่วนริกที่เห็นทีท่าของผู้เป็นายที่แสดงออกมาอย่างนั้น ด้วยความหวาดหวั่นกลัวว่าตัวเองจะเผลอไปลามปามเ้านายตัวร้ายเข้าถึงกับรีบเอ่ยปากแก้ตัวเป็พัลวัน
“โธ่...ไม่ใช่อะไรหรอกครับนาย ผมจะได้ตามน้ำถูก...” ริกที่หัวไวรีบอธิบายเพื่อเอาตัวรอด
“หึ...กะล่อนนักนะมึง” ผมแค่นเสียงในลำคอใส่ลูกน้องตัวดี ก่อนจะมองตรงไปยังภาพตรงหน้าด้วยแววตายิ้มกระหยิ่มใจ
เพราะทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้ริกลูกน้องคนสนิทของผมมันสงสัยอะไร นั่นก็เพราะว่าจริงอยู่ที่ผู้หญิงคนที่ถูกจับตัวมาในฐานะผู้ค้ำนั้นกับไอ้คนที่ผมเพิ่งลากเข้ามาแล้วอ้างว่าเป็ตัวคนกู้ในสัญญาฉบับเดียวกันกับเธอ
...แท้ที่จริงแล้ว...ทั้งสองคนไม่ได้มีชื่อในสัญญาเดียวกัน...
และถึงแม้ผมที่ลากไอ้ผู้ชายคนนั้นมากระทืบเพราะมันคิดจะเบี้ยวหนี้ผมมันคือเื่จริงก็ตาม และในสัญญาของมันก็ติดหนี้ผม 100 ล้านบาทจริงก็ตาม แต่ข้อไม่จริงนั่นก็คือในส่วนสัญญาของเธอที่มีคนกู้เป็อีกคน ไอ้คนกู้คนนั้นคนที่ผมยังไม่ได้ตัวมันมา...มันมีสัญญาที่เธอเป็คนค้ำมูลค่าเพียงแค่ 1 ล้านเท่านั้น...
ส่วนไอ้ 100 ล้านที่ผมบอกเธอนะเหรอ ผมแอบเติมศูนย์ไปเมื่อก่อนหน้านี้เอง...แต่ถ้าจะถามว่าผมทำไปเพราะอะไรนะเหรอ...หึหึ...ผมเองก็อยากจะรู้คำตอบเหมือนกันว่า...ทำไม!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้