โลกใบนี้รวมถึงคนในหมู่บ้านสกุลอ๋าวแล้ว สำหรับอ๋าวหรานไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ล้วนเป็คนแปลกหน้า แต่อาจจะเพราะยืมร่างของเ้าของร่างเดิมมา เขาจึงมีความรู้สึกร่วมอยู่บ่อยครั้ง แม้จะรู้สึกเสียใจอย่างห้ามไม่อยู่ แต่สุดท้ายก็สามารถความคุมตัวเองไว้ได้อย่างมีเหตุผล
แต่ไม่เหมือนกับเหยียนเฟิงเกอ เพราะสำหรับเขา ตระกูลอ๋าวคือบ้านของเขา พ่อแม่ของอ๋าวหรานถึงแม้จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ของเขา แต่ความรู้สึกที่มีนั้นเป็ของจริง ความรู้สึกนั้นมีชัยเหนือสายเื แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกับสลายไปราวกับเถ้าถ่าน ไม่มีบ้าน คนสำคัญตายจาก ความอดกลั้นที่คนผู้นี้มีอยู่ในตอนกลางวันหลังจากเมามายมันก็ปะทุออกมา ความเข้มแข็งที่แสดงออกมาในหลายวันนั้นก็เป็แค่การแสดงเท่านั้น จู่ๆ อ๋าวหรานก็รู้สึกได้ ที่เ้าของร่างเดิมตบหน้าเขา ด่าเขาว่าเป็คนที่เลี้ยงไม่เชื่องนั้นสร้างาแให้เขาแค่ไหน คิดว่าคงเหมือนใช้มีดกรีดทีละแผล ทีละแผล ลงบนหัวใจเขา แล้วสาดเกลือใส่
ตอนที่อ่านนิยายนั้นไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อได้มาเป็หนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ถึงค้นพบว่า คนในนิยายพวกนี้น่าสงสารขนาดไหน จิ่งฝานก็ดี เหยียนเฟิงเกอก็ดี ล้วนเป็แค่หนุ่มน้อยอายุขึ้นเลขสิบเท่านั้น หากเป็ในยุคปัจจุบัน คงยังออดอ้อนพ่อแม่ ยังดื้อรั้นไม่เอาการเอางาน
อ๋าวหรานรู้สึกว่าตัวเองมีน้องชายให้ต้องดูแลเพิ่มขึ้นอีกคน จึงโอบไหล่เขา “ไม่ใช่ไม่เหลืออะไรแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีท่านกับข้า วันหน้าพวกเราค่อยสร้างหมู่บ้านสกุลอ๋าวขึ้นมาใหม่ ให้ตระกูลอ๋าวกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวท่านจะเรียนไปเปล่าๆ ได้อย่างไรต้องให้โลกรู้สึกถึงมัน เชิดชูมันด้วย”
เหยียนเฟิงเกอกลั้นก้อนสะอื้นพยักหน้า ส่งเสียง อืม ที่มีเค้าสะอื้นติดต่อกันหลายครั้ง “ข้ายังไม่ได้เจอพ่อบุญธรรมกับแม่...กับอาจารย์หญิงเป็ครั้งสุดท้ายเลย”
อ๋าวหรานชะงักไป “เรียกแม่เถอะ เมื่อก่อนเป็ข้าที่ไม่รู้ความ มักจะรังแกท่าน ท่านเก่งกว่าข้า ข้ากลัวท่านจะแย่งความรักจากท่านแม่ไป ท่านอย่าโกรธเลยนะ”
เหยียนเฟิงเกอได้ยินก็เงยหน้า ดวงตาแดงก่ำจนทำให้คนสงสาร อึกอักอยู่นานจึงส่ายหน้า “ข้า...ไม่ได้โกรธ”
หลังจากที่เหยียนเฟิงเกอนับถือหัวหน้าหมู่บ้านสกุลอ๋าวเป็พ่อแล้วนั้น แม่ของอ๋าวหรานก็ให้เหยียนเฟิงเกอเรียกนางว่าแม่เช่นกัน เอาแต่เรียกอาจารย์หญิงดูไม่สนิทเท่าเรียกแม่ ั้แ่เล็กเหยียนเฟิงเกอไม่เคยได้รับรู้ถึงความรักของครอบครัว แม่ของอ๋าวหรานอ่อนโยนใจดี คนที่อ่อนโยนเช่นนี้ทำให้เหยียนเฟิงเกออยากจะนับถือนางเป็แม่จากใจจริง แต่อ๋าวหรานไม่ยินยอม เหยียนเฟิงเกอแย่งชิงความยิ่งใหญ่ของเขาในฐานะนายน้อยไป ตอนนี้ยังมาแย่งแม่ของเขาไปอีก ความโกรธนี้จะยอมรับได้อย่างไร เมื่องานรับบุตรบุญธรรมเสร็จสิ้นลง อ๋าวหรานก็พาพวกลูกหลานในตระกูลไปซ้อมเหยียนเฟิงเกอ
ั้แ่เหยียนเฟิงเกอมาถึงยังตระกูลอ๋าวนั้น ก็ถูกอ๋าวหรานต่อยตีบ่อยๆ ทุกครั้งที่โดยอ๋าวหรานต่อยตีเขาก็ไม่ส่งเสียงร้องและไม่เอาคืน ยินยอมยืนให้ต่อยตีอยู่อย่างนั้น ปกติอ๋าวหรานก็ยังรู้จักเพลาแรงอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้โกรธจนแทบจะะเิแล้ว งานรับบุตรบุญธรรมสำหรับเขาแล้วก็เหมือนเป็การหาคนนอกมาแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านของเขา แล้วพ่อแม่ของเขายังรักคนคนนี้มาก ความโกรธนี้ไม่อาจไปลงที่พ่อแม่ แน่นอนว่าเหยียนเฟิงเกอก็ต้องรับเคราะห์แทน
หลังจากถูกซ้อมไปครั้งนั้นอ๋าวหรานก็สั่งว่าห้ามเหยียนเฟิงเกอเรียกแม่ของเขาว่าแม่เป็การส่วนตัว ถ้าหากกล้าเรียก มีกี่ครั้งก็จะโดนซ้อมทุกครั้ง เหยียนเฟิงเกอตอบรับอย่างเชื่อฟัง ขอแค่บิดามารดาของอ๋าวหรานไม่อยู่ก็จะเรียกว่าอาจารย์หญิงอย่างเชื่อฟัง คำว่า ‘แม่’ นี้เกรงว่าคงทำได้แค่เรียกกลับไปกลับมาในใจเป็ร้อยเป็พันรอบแทน
คนทั้งสองนั่งเงียบอยู่บนหลังคา ดื่มสุราด้วยกัน ถึงแม้จะเป็กลางดึก แต่ดวงจันทร์ด้านหลังส่องสว่างเป็อย่างมาก ดังคำที่ว่ายืนสูงมองได้ไกล ถึงแม้ไม่อาจมองเห็นทั้งตระกูลจิ่งได้ แต่สิ่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะสายตาใกล้ๆ ขุนเขา สายน้ำ ดอกไม้ใบหญ้าที่ปรากฏอยู่ให้เห็น ช่างงดงามอย่างยิ่ง
“เ้าเปลี่ยนไปเยอะเลย” ค่ำคืนเงียบสงัด จู่ๆ เหยียนเฟิงเกอก็พูดออกมา อ๋าวหรานยังไม่ทันได้ตอบคำ เหยียนเฟิงเกอพูดต่อว่า “เ้าทำเื่ที่เมื่อก่อนทำไม่ได้ได้ตั้งหลายอย่าง สามารถ...วางแผนอย่างรอบคอบรัดกุม แล้วยัง...กับข้า...”
“แล้วยังยอมพูดดีๆ กับท่าน” อ๋าวหรานจิบสุราไปคำหนึ่ง เขารู้สึกว่าวันนี้ดื่มมากไปแล้ว “ผ่านเหตุการณ์มามากมาย บ้านก็ไม่มีแล้ว ถ้ายังไม่รู้จักโตอีก ชีวิตที่ท่านแม่แลกไว้เพื่อปกป้องข้าก็คงจะเสียเปล่า”
เหยียนเฟิงเกอส่งเสียงอืมออกมาเบาๆ รออยู่นาน พูดอีกว่า “ข้านึกว่าเ้าจะเกลียดข้า”
อ๋าวหราน “ข้าจะเกลียดเ้าทำไม?”
เหยียนเฟิงเกอ “ตอนที่ตระกูลอ๋าวประสบภัยข้าไม่ได้อยู่ด้วย...”
“เหยียนเฟิงเกอ ต่อให้เ้าอยู่ก็ไม่มีประโยชน์” ได้ยินประโยคนี้ มือของเหยียนเฟิงเกอชะงักไป หน้าตาดำคล้ำเล็กน้อย อ๋าวหรานพูดต่อว่า “ไม่แน่แม่ข้ายังต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยสองชีวิต อีกทั้ง ข้าเชื่อฟังกว่าท่านเยอะ แม่ข้าให้ข้าไป ข้าก็จะจากไปอย่างเชื่อฟัง แต่เ้าไม่ เ้าดื้อยิ่งกว่าเ้าเด็กจิ่งจื่อนั่นอีก หากตอนนั้นเ้าอยู่ด้วย ต้องดวลกับคนพวกนั้นให้ตายกันไปข้างหนึ่ง สุดท้ายก็เจ็บหนักทั้งสองฝ่าย เ้าเป็เช่นนี้ แม่ข้าต้องตายตาไม่หลับแน่!”
ไหสุราในมือของเหยียนเฟิงเกอในยินเสียงปริแตก
อ๋าวหรานมองเขา “ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
เหยียนเฟิงเกอไม่ตอบ แต่คำตอบทั้งหมดก็อยู่ในความเงียบนั้นแล้ว
“ดังนั้น ดีแล้วที่ท่านไม่อยู่” เหยียนเฟิงเกอนิ่งเงียบ อ๋าวหรานพูดต่อว่า “ในเมื่อสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปดีๆ ได้ เช่นนั้นก็ต้องทำเื่ที่คนยังมีชีวิตอยู่ควรจะทำ ข้ายังสามารถปล่อยวางทุกอย่างได้ ท่านแก่กว่าข้าสองปี คงจะไม่ยึดติดไร้เหตุผลยิ่งกว่าข้าหรอกนะ? หากท่านคิดจริงๆ ว่าตัวเองยังทำหน้าที่ของลูกได้ไม่ดีพอ เช่นนั้นต่อไปก็ต้องฟังข้า อย่างไรเสียข้าก็เป็สายเืเพียงคนเดียวของท่านพ่อที่ยังเหลืออยู่”
เหยียนเฟิงเกอมองเขา ดวงตาคู่นั้นที่มึนเมามาทั้งคืนดูเหมือนจะแจ่มชัดขึ้นในทันใด แทนที่ความสับสนงุนงงเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน สีหน้าเช่นนี้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เ็าราวกับน้ำแข็ง จึงดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไรนัก
แต่ทว่าไม่ว่าจะอย่างไร ในใจของอ๋าวหรานก็โล่งไปเปราะหนึ่ง คาดว่าคนคนนี้คงจะไม่ดื้อรั้นดันทุรัง ทำให้ตัวเองกลายเป็เพียงอาวุธสังหารที่ไร้ความรู้สึกอีก
สักพักหนึ่ง เหยียนเฟิงเกอค่อยๆ เก็บไหสุราที่ปลายเท้าเงียบๆ เขาค่อยๆ พยุงตัวเองยืนขึ้น พูดเสียงเบามาคำหนึ่งว่า “ได้”
คนทั้งสองลงมาจากหลังคา ต่างคนต่างกลับไปนอน อ๋าวหรานดื่มสุราไปเต็มท้องแล้ว จึงไม่กระหายอีก เมื่อนอนลงบนเตียงก็รู้สึกมึนหัว
ด้านนอกจู่ๆ ก็มีเสียงเหยียนเฟิงเกอลอดเข้ามา “ท่านแม่...ตอนสุดท้ายนางเป็อย่างไร?”
อ๋าวหรานคิดอยู่นานถึงพูดว่า “ยังคงงดงามเหมือนเดิม ก็แค่ว่าเืบนตัวมีมากสักหน่อย”
เสียงด้านนอกเงียบไปนาน พูดอีกว่า “เช่นนั้นท่านพ่อล่ะ?”
“ตอนที่ข้าเห็นหน้าท่านเป็ครั้งสุดท้ายนั้น เป็ตอนที่ท่านกำชับให้ข้ากับท่านแม่ซ่อนตัวให้ดีๆ ท่านถือกระบี่ออกไปสู้กับศัตรู ตอนหลังข้ากับท่านแม่ไม่วางใจ จึงตามไปด้วย” ตอนนี้เป็ฉากในนิยายต้นฉบับ อ๋าวหรานไม่เคยเห็นกับตา “สุดท้ายก็เป็ท่านแม่ที่บอกให้ข้าหนีมา ท่านอยู่ไกลจากข้ามาก ข้ามองเห็นแค่ความกังวลและคาดหวังในดวงตาของท่าน ไม่ได้พูดอย่างอื่นออกมาแม้แต่ประโยคเดียว”
“......” ด้านนอกเงียบมาก อ๋าวหรานได้ยินเพียงแค่เสียงกลั้นลมหายใจของเหยียนเฟิงเกอ เงียบจนทำให้คนสงสาร อ๋าวหรานคิดว่าบนหมอนคงเปียกเป็วงกว้าง จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกเข็มตำจนเจ็บ
——
เมื่อตื่นขึ้นมา ด้านนอกสว่างแล้ว อ๋าวหรานบิดี้เีอย่างสบายตัว
หลับไปคืนหนึ่ง ผมยาวของเขาถูกทับจนยุ่งเหยิง ั้แ่ที่มาถึงยังโลกนี้ อย่างอื่นอ๋าวหรานยังพอคุ้นชินได้ ยกเว้นผมยาวนี่ที่ทำให้เขาทรมาน ทั้งยากที่เกล้า และเกะกะ ตอนแรกๆ จึงต้องให้เด็กรับใช้เกล้าผมให้เขา แต่เขาไม่ชินจริงๆ แล้วก็คิดว่าคงไม่อาจให้คนอื่นมารวบผมให้ไปชั่วชีวิต แต่จะตัดให้สั้นก็ดูไม่ค่อยเหมาะสม อย่างไรเสียเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เ้าจะมาไว้ทรงผมที่ไม่เหมือนกับใครในยุคนี้เลยมันคงจะแปลกประหลาดอยู่
เพราะทำอะไรไม่ได้อ๋าวหรานจึงคิดเรียนรู้ที่จะทำด้วยตนเอง ให้เด็กรับใช้มาสอนเขาว่าจะใช้ปิ่นยึดผมไว้ได้อย่างไร แล้วใช้ผ้ารัดผมอย่างไร ยังดีที่เขานับว่ามีฝีมืออยู่ เรียนไปสองครั้งก็ทำได้แล้ว อย่างเดียวที่ค่อนข้างลำบากคือผมที่ยาวถึงครึ่งเมตรนี่เขามักจะหวีรวบขึ้นไปไม่ค่อยได้ อีกทั้งหวีไปหวีมาก็มักจะมีผมสองสามเส้นร่วงลงมา ตอนหลังจึงคิดวิธีขึ้นมาได้ ทุกครั้งที่จะเกล้าผมเขาจะนั่งบนเก้าอี้แล้วโค้งเอวลงไป แบบนี้แค่มัดๆ ไป ผมก็จะรวบติดกันเป็มัดเดียว แล้วก็ใช้หวี หวีๆ ไปก็เรียบแล้ว ทั้งประหยัดแรงและประหยัดเวลา
ตอนที่เหยียนเฟิงเกอเข้ามานั้น เห็นอ๋าวหรานโค้งเอวค้อมศีรษะยุ่งอยู่กับผม ในใจก็รู้สึกว่าตลกขึ้นมาเสียเฉยๆ จึงเดินเข้าไป “ข้าช่วยเ้าดีกว่า”
อ๋าวหรานก้มหัวอยู่มองไม่เห็น พูดแค่ว่า “ไม่เป็ไร จะเสร็จแล้ว” ่นี้ฝึกมานาน งานเกล้าผมนี่เขาทำได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว แค่ไม่นานก็เกล้าผมเสร็จ
เหยียนเฟิงเกอ “ทำไมเ้าไม่ให้เด็กรับใช้ช่วยเ้า?”
“อย่างไรเสียก็อยู่บ้านคนอื่น สร้างความลำบากให้คนอื่นน้อยหน่อยจะดีกว่า” เหตุผลนี้เรียกได้ว่าฟังดูดีเป็อย่างยิ่ง อย่างไรเสียข้ออ้างที่อ๋าวหรานใช้บอกจิ่งฝานนั้นใช้กับเหยียนเฟิงเกอไม่ได้ผล เหยียนเฟิงเกอรู้นิสัยของเขาดี แค่เป็คนในยุทธภพที่ที่บ้านค่อนข้างมีหน้าตา ั้แ่เด็กก็มีคนรับใช้รุมล้อม สาวรับใช้เป็พรวน แค่อ้าปากก็มีข้าวมาป้อนให้ถึงที่ จะไม่คุ้นเคยกับการมีคนรับใช้ใกล้ชิดได้อย่างไร?
เหยียนเฟิงเกอคิดแล้วคิดอีก พูดอย่างจริงจังว่า “วันหน้าข้าจะช่วยเ้าเกล้าผม”
อ๋าวหรานเข็ดฟัน เ้าเด็กนี่คงไม่ใช่ว่าถูกเขาชักนำจนเกินไปแล้วนะ กำหนดให้ตัวเองเป็ลูกน้องภายใต้อิทธิพลของตระกูลอ๋าว ยอมสู้ถวายชีวิตให้เขาได้ทุกเมื่อ และรับหน้าที่รับใช้เขาทุกอย่าง
“ศิษย์พี่ ท่านอย่าเลย ตอนนี้ตัวข้าทำเองได้ทุกอย่าง ก็แค่เกล้าผมเท่านั้น หากิญญาท่านพ่อข้าใต้ดินรับรู้ว่าข้าทำกับท่านเหมือนเป็เด็กรับใช้ คงต้องปีนขึ้นมาตีข้าเป็แน่”
“พูดเหลวไหล!” เหยียนเฟิงเกอพูดจบ คิดดูก็เข้าใจความหมายที่แฝงไว้ของอ๋าวหราน พูดอีกว่า “ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น เ้านับเป็น้องชายข้าแล้ว ดูแลเ้านั้นเป็เื่สมควร ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องดีใจแน่”
อ๋าวหรานยิ้ม ยังดี อย่าคิดเป็อย่างอื่นก็พอ “งั้นก็ขอบคุณศิษย์พี่แล้ว วันหน้าจะรบกวนท่านตลอดเวลาเลย”
เหยียนเฟิงเกอพยักหน้า แยกริมฝีปากยิ้ม ก้อนน้ำแข็งก้อนนี้อยากจะแสดงความปรารถนาดี แต่น่าเสียดายยิ้มนี้ดูจางเสียจนน่าสงสาร “เ้าโตแล้ว ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อน”
อ๋าวหราน “ทุกคนก็ต้องโตขึ้นกันทั้งนั้น เมื่อก่อนใช้ชีวิตสุขสบายเกินไป ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ และยังไม่รู้จักจัดการเื่ต่างๆ ”
เหยียนเฟิงเกอมองเขาเงียบๆ ไม่พูดไม่จา หน้าตาแสดงความสงสาร อ๋าวหรานรู้สึกหน้าหนาเล็กน้อย ยิ้มพูดว่า “เมื่อก่อนที่เคยรังแกท่าน ท่านห้ามเอาคืนเชียวนะ”
ถึงแม้เหยียนเฟิงเกอจะไม่ได้ตอบคำ แต่อ๋าวหรานแน่ใจ ในใจของคนคนนี้คงตอบรับแล้ว
อ๋าวหรานลุกขึ้นพูดว่า “ท่านล้างหน้าล้างตาหรือยัง ข้าไม่มีเด็กรับใช้ ไม่มีคนไปตักน้ำให้”
เหยียนเฟิงเกอ “ข้าเห็นบ่อน้ำแล้ว”
“ฉลาด” อ๋าวหรานพยักหน้ายิ้มๆ “ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าไปล้างหน้าสักหน่อย อีกสักพักจะพาท่านไปรู้จักพวกจิ่งฝาน”
เหยียนเฟิงเกอพยักหน้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้