ชายชราไฝดำขายน้ำเต้าหู้ได้เงินมากจนอารมณ์ดี เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นเด็กชายทั้งสี่ของบ้านหลี่ก็รีบะโเรียกลูกค้าด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “น้ำเต้าหู้ น้ำเต้าหู้หอมๆ มาดื่มน้ำเต้าหู้กันจ้า” ในน้ำเสียงเคล้าไปด้วยอารมณ์ภาคภูมิใจและหยิ่งยโสสุดเปรียบ ทั้งยังแฝงไปด้วยความยั่วยุจางๆ
เขาต้องใช้ความพยายามอยู่หลายวัน จึงจะทำน้ำเต้าหู้ออกมาได้ ตอนนี้นับเป็เ้าแรกในตำบลจินจี ไม่แน่ว่าอาจเป็เ้าแรกในระยะร้อยลี้นี้ก็เป็ได้ เขารู้สึกว่าตนเองช่างมีบุญวาสนาสูงจริงๆ
ลูกค้าเก่าผู้หนึ่งกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ตาแก่ เ้าะโดังเช่นนี้ทำเอาข้าใหมด น้ำเต้าหู้หกหมดแล้ว”
“ข้าจะเติมให้ใหม่” ชายชราไฝดำหัวเราะ เติมน้ำเต้าหู้ให้ลูกค้าไปครึ่งช้อน หางตามองเห็นเด็กชายสี่คนของบ้านหลี่เดินผ่านข้างร้าน จึงจงใจกล่าวขึ้นว่า “น้ำเต้าหู้ของข้าอร่อยหรือไม่”
ลูกค้าเก่าหลายคนพากันตอบว่า “อร่อย”
ชายชราผู้หนึ่งดื่มเพียงถ้วยเดียวยังรู้สึกไม่พอใจ ถึงกับส่งถ้วยว่างเปล่าให้ชายชราไฝดำแล้วกล่าวว่า “เอามาให้ข้าอีกถ้วยหนึ่ง”
ชายชราไฝดำส่งเสียงไปทางเด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่ “ได้เลย”
ั้แ่บ้านหลี่เริ่มขายอาหารในตำบลจินจี ร้านเกี๊ยวของชายชราไฝดำก็ขายไม่ดี เป็เช่นนี้มาหลายเดือน จนทำให้ชายชราไฝดำเป็โรคเครียด คราวนี้เขาทำน้ำเต้าหู้ออกมาได้ ทำให้ระบายความขุ่นเคืองไปได้ในที่สุด ย่อมรู้สึกสบายใจ
ทางด้านนี้รู้สึกสบายใจแล้ว ส่วนทางเด็กชายบ้านหลี่กลับรู้สึกไม่สบายใจเลย
ยามสนธยา เมื่อเด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่กลับถึงบ้านก็เล่าเื่ชายชราไฝดำขายน้ำเต้าหู้ให้ครอบครัวฟัง ทุกคนต่างมีสีหน้าเป็กังวล
“ข้าไปสืบมาแล้ว ท่านลุงขายน้ำเต้าหู้ถ้วยละหนึ่งทองแดง น้ำเต้าหู้ใส่น้ำตาลสองทองแดง”
น้ำเต้าหู้ใช้ทุนต่ำมาก ถั่วเหลืองหนึ่งชั่งทำน้ำเต้าหู้ได้สิบชั่ง น้ำเต้าหู้หนึ่งถ้วยหนักไม่ถึงหนึ่งชั่ง ดังนั้นหนึ่งชั่งจึงแบ่งได้สิบกว่าถ้วย ได้กำไรสูงมาก
“พวกเรายืนดูอยู่ครู่หนึ่ง ที่ร้านของท่านลุงมีคนมาซื้อน้ำเต้าหู้มากเลยทีเดียว ทุกคนล้วนอยากจะลองของแปลกใหม่”
“วันนี้ท่านลุงทำน้ำเต้าหู้ออกมาได้ พรุ่งนี้ก็อาจทำเต้าฮวยและเต้าหู้ออกมาได้”
“หากท่านลุงขายเต้าหู้กับเต้าฮวย กิจการเต้าหู้ของบ้านเราจะยังดีอยู่หรือไม่”
หลี่ซานมีสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ทันไรก็มีคนทำน้ำเต้าหู้ออกมาขายแล้ว” เต้าหู้ของพวกเขาเพิ่งจะขายได้ไม่ถึงร้อยวัน ก็มีคนโม่ถั่วเหลืองทำน้ำเต้าหู้ออกมาได้แล้ว ชายชราขายเกี๊ยวผู้นี้ฉลาดมากจริงๆ
“จะทำน้ำเต้าหู้ไม่ต้องใช้ทักษะสูงอันใด ขอเพียงมีเครื่องโม่หินและถั่วเหลือง ลองนำไปโม่สักหลายรอบก็ทำออกมาได้แล้ว นี่เป็สาเหตุที่ว่าทำไมข้าจึงไม่ให้พวกท่านขายน้ำเต้าหู้เ้าค่ะ” หลี่หรูอี้คิดไม่ถึงว่าผู้ที่ทำน้ำเต้าหู้ออกมาได้เป็คนแรกจะเป็ชายชราไฝดำร้านเกี๊ยวที่นางรู้สึกขัดตาผู้นั้น ตอนนี้นางนับถือชายชราไฝดำอยู่ส่วนหนึ่ง ไม่กล้าดูถูกคนยุคนี้อีกต่อไป
หลี่อิงฮว๋ากล่าวอย่างเนิบช้า “ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง” ก่อนหน้านี้พวกเขาอยากขายน้ำเต้าหู้ แต่หลี่หรูอี้ไม่เห็นด้วยมาตลอด ก็เพราะกลัวผู้อื่นกินแล้วจะลอกเลียนแบบได้โดยเร็วนี่เอง
หลี่หรูอี้เห็นคนในครอบครัวมีสีหน้ากระวนกระวายใจ โดยเฉพาะหลี่ซานที่ชักสีหน้ายิ่งกว่าอะไร ก็กล่าวต่อไปว่า “การทำเต้าฮวยยากกว่าการทำน้ำเต้าหู้ และการทำเต้าหู้ก็ยากกว่าการทำเต้าฮวย”
หลี่เจี้ยนอันกล่าวขึ้นว่า “หากท่านลุงทำเต้าฮวยและเต้าหู้ออกมาได้ครอบครัวเราจะทำอย่างไรดี” กิจการขายส่งเต้าหู้ตระกูลหลี่ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นนี้ เป็เพราะขายสินค้าที่มีหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดิน หากชายชราไฝดำทำเต้าหู้ออกมาได้ เช่นนั้นกิจการเต้าหู้ตระกูลหลี่คงย่ำแย่ลง
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ “หากจะทำเต้าหู้ก็ต้องใช้น้ำดีเกลือ ท่านลุงอาจจะทำเต้าฮวยออกมาได้ แต่ทำเต้าหู้ออกมาไม่ได้แน่นอน ขอเพียงพวกเรารักษาความลับไม่ให้เื่น้ำดีเกลือหลุดออกไป ก็จะไม่มีผู้ใดทำเต้าหู้ออกมาได้ พวกท่านไม่จำเป็ต้องกังวลเื่กิจการเต้าหู้ของพวกเราหรอกเ้าค่ะ”
น้ำดีเกลือต้องใช้ดีเกลือเป็ส่วนผสมพิเศษ ไม่ใช่สิ่งที่พบหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป แรกเริ่มเดิมทีหลี่หรูอี้หาอยู่นานกว่าจะพบหินเกลือที่อยู่ในูเา ซึ่งหินเกลือเหล่านี้ก็ถูกย้ายมาอยู่ใต้ดินของบ้านหลี่หมดแล้ว
นอกจากนี้หากหาดีเกลือพบก็ยังต้องมีทักษะฝีมือในการผสมน้ำดีเกลือมาทำเต้าหู้อีกด้วย หลี่หรูอี้สอนคนบ้านหลี่ชนิดจับมือทำ แต่กระทั่งตอนนี้ทั่วทั้งบ้านก็มีเพียงหลี่สือผู้เดียวที่เรียนจนเป็
หลี่ฝูคังพยักหน้า “น้องห้ากล่าวได้มีเหตุผล”
จ้าวซื่อมองหน้าสามี อารอง และบุตรชาย ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เต้าหู้เป็ทักษะวิชาประจำตระกูลของพวกเรา ห้ามนำสูตรออกไปเผยแพร่เป็อันขาด”
ทุกคนตอบรับพร้อมกัน “พวกเราจะไม่เผยแพร่แน่นอน”
เมื่อครอบครัวหลี่กินอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว หลี่ซานก็ยังคงหนักอกหนักใจ กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ทำการค้ามิสู้ปลูกพืชทำนาจริงๆ วันนี้หาเงินได้ก็ยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะหาเงินได้หรือไม่”
เด็กชายบ้านหลี่มองหน้าสบตากัน ที่บ้านเรามีวันนี้ได้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับการปลูกพืชทำนาแม้แต่ครึ่งส่วน
จ้าวซื่อกล่าวขึ้นว่า “พี่ซาน ท่านอย่าได้กล่าววาจารันทดไปเลย เราต้องยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อเดินหน้าต่อไปอีกหมื่นก้าว หรูอี้ของพวกเรามีความคิดมากมาย ต่อให้ครอบครัวเราไม่ขายเต้าหู้ก็ยังขายอย่างอื่นได้”
“ยังคงเป็ท่านแม่ที่เข้าใจข้า” หลี่หรูอี้ไม่รู้สึกกดดันเท่าใดนัก แต่เพื่อคลายความขุ่นมัวให้ทุกคน จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราขายส่งเต้าหู้ได้เงินมากกว่าขายปลีกนะเ้าคะ”
หลี่เจี้ยนอันถามว่า “น้องห้า ตอนนี้ครอบครัวเรามีรายได้วันละเท่าใดหรือ”
หลี่หรูอี้กล่าวเบาๆ “กำไรสุทธิสามตำลึงเ้าค่ะ”
เด็กชายทั้งสี่กล่าวอย่างตื่นเต้น “มากเพียงนี้เชียวหรือ!”
จ้าวซื่อกล่าวอย่างยินดีว่า “หนึ่งเดือนได้เงินสามสิบหกตำลึง หนึ่งปีก็ได้หลายร้อยตำลึง”
หลี่ซานส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข สายตาที่มองไปยังบุตรชายเจือไปด้วยความอ่อนโยนและคาดหวัง “พวกเ้าต้องเรียนหนังสือให้ดี ไม่ต้องกังวลว่าบ้านเราจะไม่มีเงินแล้ว”
“เมื่อก่อนพวกเราไม่เคยคิดเลยว่าหนึ่งเดือนจะหาเงินได้มากเพียงนี้” จ้าวซื่อวางมือทั้งสองลงบนท้อง กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เด็กสองคนนี้ล้วนเป็คนมีบุญ เมื่อคลอดออกมาก็จะมีชีวิตที่ดี”
อย่างไรก็ตาม หลี่หรูอี้มีใจทะเยอทะยานสูงกว่านั้น หนึ่งเดือนได้สามสิบหกตำลึงยังไม่ตรงตามเป้าหมายของนาง “เต้าหู้ของพวกเราผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความ้า วันนี้น้าเฟิงคุยกับข้าเื่ขอเพิ่มปริมาณซื้อขายเต้าหู้อีกแล้ว ข้าคิดว่าั้แ่วันมะรืนเป็ต้นไปจะขายเต้าหู้เพิ่มเป็หนึ่งพันหกร้อยชั่ง”
“ดีๆๆ” หลี่ซานกล่าวคำว่า ดี ติดต่อกันหลายครั้งทั้งยังยิ้มไม่หุบ “ข้ากำลังกังวลว่า จะไม่มีงานให้ทำอยู่พอดี เป็เช่นนี้ก็ดี ได้ทำเต้าหู้เพิ่มขึ้นวันละหกร้อยชั่ง หรูอี้เริ่มั้แ่พรุ่งนี้เลยดีหรือไม่” ทำเต้าหู้มากก็ขายได้มาก เื่ดีเช่นนี้เขาย่อมดีใจ
หลี่หรูอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนเพียงนั้นเลย พรุ่งนี้พวกเราต้องไปคุยกับน้าเฟิงก่อนว่า ให้นำถั่วเหลืองมาแลกเต้าหู้ได้ในอัตราถั่วเหลืองสิบชั่งแลกเต้าหู้ได้สี่ชั่งครึ่ง”
ราคาถั่วเหลืองในปัจจุบันอยู่ที่สิบชั่งสิบห้าทองแดง ราคาขายส่งเต้าหู้คือ สี่ชั่งครึ่งสิบหกทองแดง
ถั่วเหลืองสิบชั่งนำมาแลกเต้าหู้ได้สี่ชั่งครึ่ง ดูแล้วคล้ายบ้านหลี่จะเสียเปรียบ
แต่ความจริงถั่วเหลืองสิบชั่งทำเต้าหู้ออกมาได้ห้าสิบถึงหกสิบชั่ง บ้านหลี่มิได้เสียเปรียบแต่อย่างใด
หลี่ซานกล่าวอย่างสงสัย “หรูอี้ ห้องใต้ดินของบ้านเรายังมีถั่วเหลืองอยู่อีกหลายพันชั่ง เ้าจะรับถั่วเหลืองมาเพิ่มอีกทำไม”
หลี่หรูอี้อธิบายอย่างอดทน “ท่านลองคิดดูเถิด ท่านลุงขายเกี๊ยวในตำบลจินจีรู้แล้วว่าต้องใช้ถั่วเหลืองทําน้ำเต้าหู้ เขาต้องซื้อถั่วเหลืองไปเป็จำนวนมากแน่นอน ข้าเกรงว่าผ่านไปอีกระยะหนึ่งถั่วเหลืองจะขึ้นราคา ดังนั้นพวกเราควรซื้อมากักตุนไว้ก่อนหมื่นชั่ง”
หลี่ซานตะลึงพรึงเพริด “หมื่นชั่ง?! มากเกินไปแล้ว”
หลี่อิงฮว๋าเป็ผู้ที่มีหัวการค้ามากที่สุดในหมู่พี่น้อง เขากล่าวว่า “ไม่มากเลยขอรับ ข้าคิดว่าน้องสาวกล่าวได้ถูกต้องแล้ว พวกเราควรกักตุนถั่วเหลืองให้มากสักหน่อย อย่ารอให้ถั่วเหลืองขึ้นราคาแล้วค่อยซื้อ”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้