ครั้นกูเฟยเยี่ยนได้ยินสิ่งที่เฉิงอี้เฟยเอ่ยออกมา นางจึงตระหนักได้ในทันทีว่าตนเองตกหลุมพรางของเขาเสียแล้ว
เมื่อสักครู่นี้ที่นางเอ่ยว่าไม่แต่งงานตลอดกาลไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้นางจะไม่แต่งงาน แต่หมายความว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงานกับเขา เขาเจตนาเข้าใจผิด
กูเฟยเยี่ยนเดือดดาลจนไม่อยากจะอธิบายพลันกลอกตามองบน “คนบ้า! ”
เฉิงอี้เฟยฉีกยิ้มจนยากที่จะมองออกว่าเขาล้อเล่นหรือจริงจัง
ทันใดนั้นกูเฟยเยี่ยนก็เขย่งปลายเท้าขึ้นพลันยกมือขึ้นกดปลายคางของเขาเพื่อห้ามมิให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เฉิงอี้เฟย ท่านแม่ทัพเฉิง เ้าจริงจังหน่อยได้หรือไม่? ”
ในที่สุดเฉิงอี้เฟยก็เริ่มเอาจริงเอาจัง “แพทย์หญิงน้อย สำหรับเ้าแล้วเกรงว่าข้าจะมีความจริงจังมาั้แ่เริ่มต้น ถ้าเ้าไม่แต่งงาน ข้าก็สามารถรอได้ นานเพียงใดข้าก็จะรอ”
กูเฟยเยี่ยนเกิดโทสะทว่านางไม่มีทางเลือกอื่น นางยังคงไม่ผ่อนปรน
เื่ราวของความรู้สึกมิอาจผ่อนปรนได้
หญิงสาวเอ่ยว่า “เฉิงอี้เฟย ข้าไม่้าแต่งงานกับเ้า ทั้งชีวิตนี้ไม่้าแต่งงานกับเ้า! ”
เฉิงอี้เฟยผู้ดุดันและเอาแต่ใจไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะอึดอัด “ปีนี้เ้าอายุสิบแปดปี ชีวิตนี้ยังอีกยาวไกล เหตุใดจึงต้องพูดเช่นนี้? บางทีเ้าอาจเปลี่ยนใจ? ”
กูเฟยเยี่ยนปล่อยคางของเขาออกพลางเอ่ยออกมา “ใช่แล้ว ชีวิตนี้ยังอีกยาวไกล บางทีเ้าอาจเปลี่ยนใจไม่รอข้า เหตุใดเ้าจึงต้องเอ่ยคำสัญญาเช่นนี้? ”
เฉิงอี้เฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “แพทย์หญิงน้อย เหตุใดเ้าถึงฉลาดเพียงนี้? เช่นนี้ดีหรือไม่ พวกเรามาพนันกันสักรอบ? พนันว่าใครจะเปลี่ยนใจก่อน”
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจเลยแม่แต่น้อย หญิงสาวตีหน้าเ็าเพื่อ้าไล่เขาออกไป ทว่าเฉิงอี้เฟยกลับเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าหากว่าเ้าเปลี่ยนใจก่อน เ้าก็แต่งงานกับข้า ถ้าหากว่าข้าเปลี่ยนใจก่อน ข้าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต”
คนฉลาดเช่นกูเฟยเยี่ยนยังเกือบจะเวียนหัวกับคำพูดอ้อมไปอ้อมมาของเขา
หญิงสาวหันหลังเดินเข้าตัวบ้านโดยไม่สนใจไยดีเฉิงอี้เฟย
นางมองกูเอ้อร์เย่กับหวังฟูเหรินโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ “พวกท่านไม่สามารถตัดสินใจเื่การแต่งงานของข้าได้! คืนสินสอดทองหมั้นกลับไปให้หมด! ”
นางเอ่ยแล้วแสร้งทำเป็เหลือบมองหลินฟูเหรินด้วยความเอือมระอา “หลินฟูเหรินผู้เฒ่า ขาทั้งสองข้างของท่านแม่ทัพเฉิงหายดีเป็ปกติแล้ว พวกเราไม่ติดหนี้บุญคุณกันและกัน ในวันนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ บัดนี้ข้ากลายเป็ศาสตราจารย์แพทย์ และเป็กรรมการบริหารกิตติมศักดิ์ของหุบเขาเสินหนง ตระกูลเฉิงไม่อยู่ในสายตาของข้า! ”
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนเอ่ยจบก็สบถแ่เบาพลางหันหลังเดินออกไป
หลินฟูเหรินผู้เฒ่าตกตะลึงตาค้าง ต่อให้นางชื่นชอบและประทับใจกูเฟยเยี่ยนมากเพียงใด นางก็มิอาจทนต่อการปฏิเสธเช่นนี้ได้! การปฏิเสธเช่นนี้ถือเป็การเหยียดหยามกันชัดๆ!
หลินฟูเหรินผู้เฒ่ามองกูเอ้อร์เย่กับหวังฟูเหริน ก่อนจะหันไปมองเฉิงอี้เฟยที่ยืนอยู่หน้าประตู ในยามนี้นางโมโหจนพูดอะไรไม่ออก นางจึงสะบัดแขนเสื้อพลางสาวเท้าออกไป
เฉิงอี้เฟยอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออกจึงรีบติดตามออกไป เขาไม่ยอมรับไม่ได้ว่าแพทย์หญิงน้อยเฉลียวฉลาดเสียจริง นางทำอะไรเขาไม่ได้จึงลงมือทางด้านมารดาของเขา
ทันทีที่เฉิงอี้เฟยกับหลินฟูเหรินผู้เฒ่าเดินออกไป กูเอ้อร์เย่กับหวังฟูเหรินต่างก็มองหีบสมบัติล้ำค่ามากมายภายในห้องด้วยความปวดใจ พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีเงาดำเคลื่อนตัวผ่านหน้าประตูห้องโถงเฟิงหวา
กูเฟยเยี่ยนลากร่างกายที่แสนอ่อนล้ากลับไปที่เหยาหัวเก๋อ หญิงสาวปิดประตูพลางถอนหายใจ จากนั้นจึงพิงไปที่ขอบประตูเพราะเหนื่อยจนไม่้าเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงสาวก็ยิ้มให้กับตนเอง
วันนี้เกิดเื่ราวมากมาย แม้ว่าจะอ่อนเพลียแต่โดยรวมแล้วก็คุ้มค่าต่อความดีใจ ในโลกที่ให้ความสำคัญต่อ “ฐานะ” นั้น ยามนี้นางมีฐานะสองอย่างที่เพียงพอจะทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวแล้ว!
กูเฟยเยี่ยนยกหวางเป่าติงขึ้นมาลูบเบาๆ พลันเอ่ยในใจ “หวางเป่าติงน้อย เ้ารอคอยอีกนิด รอให้ข้ายืนหยัดให้ได้ก่อน ข้าจะตามหาความลับของปิงไห่กับท่านอาจารย์ให้พบอย่างแน่นอน”
กูเฟยเยี่ยนกำลังวางแผนลับๆ เสียงเคาะประตูด้านหลังก็ดังขึ้นมา
หญิงสาวคิดว่าผู้ที่มาในตอนนี้คือกู้เอ้อร์เย่ นางจึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ข้าจะพูดเป็ครั้งสุดท้ายว่าเ้าไม่สามารถตัดสินใจเื่การแต่งงานของข้าได้! อย่ามาสร้างความรำคาญแก่ข้า! ”
ใครจะไปทราบว่าคนภายนอกจะตอบกลับมาเช่นนี้ “ถ้าหากข้าจะตัดสินใจให้ได้เล่า? ”
เสียงนี้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เพียงแต่ยังคงทุ้มต่ำและไพเราะ
กูเฟยเยี่ยนใจนเกือบจะทำหวางเป่าติงตกลงจากฝ่ามือ โชคดีที่หวางเป่าติงห้อยอยู่บนเอวของนาง
นางรีบหันหลังไปเปิดประตู ผู้ที่อยู่ด้านนอกมีร่างกายสูงโปร่ง เขาสวมใส่ชุดจิ้นจวงสีดำและหน้ากากสีเงิน ท่ามกลางความมืดในยามราตรี เขายิ่งดูโดดเดี่ยวและลึกลับยิ่งนัก
กูเฟยเยี่ยนพูดโพล่งออกมา “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น! ”
ใช่แล้ว ผู้ที่มาก็คือจวินจิ่วเฉินที่ปลอมกายมา หลังจากที่เขากลับเข้ามาในเมือง เขาไม่ได้กลับไปที่จิ้งหวางฝู่แต่พุ่งตรงมาที่ตระกูลกู
จวินจิ่วเฉินสาวเท้าเข้าไปในห้องพลันปิดประตูลง เขาสำรวจข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านพักหลังนี้จึงพบว่าถึงแม้บ้านพักหลังนี้จะเล็กแต่ก็ครบครัน ชั้นล่างถูกแบ่งออกเป็สองห้องคือห้องน้ำชากับห้องหนังสือ ชั้นบนน่าจะเป็ห้องนอน
เขามาที่นี่เป็ครั้งแรก ทว่าก็ไร้ซึ่งความเกรงใจจนดูเหมือนว่าเขาเป็เ้าของห้องแห่งนี้ เขารินน้ำใส่แก้วหนึ่งใบให้กูเฟยเยี่ยนบริเวณโต๊ะน้ำชาเพื่อส่งสัญญาณให้นางเดินไปหา
กูเฟยเยี่ยนเลิกคิ้วพิจารณาเขา ภายในใจลอบแสดงความยินดี เพราะเมื่อสักครู่นี้ตนเอง้าอาบน้ำ โชคดีที่นางไม่ได้ไปอาบน้ำทันทีที่กลับมาถึง ไม่อย่างนั้นนางจะต้องถูกหมอนี่เอารัดเอาเปรียบอีกแน่นอน!
หญิงสาวเว้นระยะห่างเพื่อระวังตัว จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “เ้าจำเป็ต้องมากลางดึกตลอดเลยหรือ? ”
จวินจิ่วเฉินเอ่ยเตือนสติ “ข้าเคาะประตูแล้วนะ”
ในคราวที่อยู่ในิเย่วจวีของจิ้งหวางฝู่ หญิงสาวสั่งให้เขาเคาะประตู
กูเฟยเยี่ยนไม่รู้จะตอบเช่นไรจึงเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “เ้ามาหาข้าทำไมกัน? มีข่าวของปิงไห่แล้วหรือ? ”
จวินจิ่วเฉินจึงถามย้อนกลับไป “ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว เ้าเข้าใจเนื้อหาในใบสั่งยาแผ่นนั้นหรือยัง? ”
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากูเฟยเยี่ยนมีงานมากมายจนมีเวลาพักหายใจหายคอเมื่อครู่นี่เอง ใบสั่งยาแผ่นนั้นยังคงถูกซ่อนไว้ในแขนเสื้อของนาง
นางเริ่มต่อรองโดยไร้ซึ่งความรู้สึกผิด “หากเ้าบอกข่าวของปิงไห่ให้ข้ารับรู้ล่วงหน้า บางทีข้าอาจจะสามารถครุ่นคิดออกมาในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นอาจต้องใช้เวลาอีกกว่าครึ่งเดือน”
จวินจิ่วเฉินโบกมือให้นางเข้าไปหาโดยไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆ
กูเฟยเยี่ยนดีอกดีใจเพราะคิดว่าเขานำข่าวของปิงไห่มาจริงๆ นางรีบเดินเข้าไปใกล้ แต่ใครจะไปทราบว่าจวินจิ่วเฉินจะพิจารณาใบหน้าของนางพลางเอ่ยถาม “ต่อสู้มาหรือ?”
กูเฟยเยี่ยนนึกไม่ถึงว่าเขาจะรับรู้เื่ราวเร็วเพียงนี้ นาง้าหลีกเลี่ยงทว่าจวินจิ่วเฉินยกมือขึ้นมากดปลายคางของนางเพื่อบีบบังคับให้แหงนศีรษะขึ้นมา ในขณะที่กูเฟยเยี่ยนกำลังจะปัดมือเขาออก เขาก็เอ่ยออกมาอย่างเ็า “อย่าขยับ”
หญิงสาวไม่ได้เชื่อฟังมากนักเพราะนางยังคงดิ้นไปมา จวินจิ่วเฉินตรึงปลายคางของนางเอาไว้โดยที่ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งปลดคอเสื้อของนางออก “อย่าขยับ ข้าจะดูาแ”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงทันทีที่คอเสื้อของตนถูกปลดออก นางหยุดการเคลื่อนไหวเพราะก่อนหน้านี้เคยได้บทเรียนมาแล้ว นางไม่สามารถเอาชนะชายคนนี้ได้ หากยังคงเคลื่อนไหวต่อ ผลลัพธ์ยากที่จะคาดเดาได้
จวินจิ่วเฉินปลดกระดุมคอเสื้อของกูเฟยเยี่ยนเพียงแค่หนึ่งเม็ด จากนั้นจึงตั้งใจมองรอยขีดข่วนบนลำคอโดยมิได้มองลงไปด้านล่าง เพียงครู่เดียวเขาก็เลิกแขนเสื้อของนางขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ซึ่งเป็ดั่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด แขนทั้งสองข้างของกูเฟยเยี่ยนมีรอยแผลเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มากทว่าก็ขัดหูขัดตาเขาเหลือเกิน
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ผ่านมาหนึ่งวันแล้วยังไม่ทายาอีก? ”
่เวลาที่อยู่ในพระราชวัง กูเฟยเยี่ยนจัดการาแบนใบหน้าเรียบร้อยแล้ว ในขณะนี้ไม่มีร่องรอยใดๆ หลงเหลืออยู่ สำหรับาแบนลำคอกับแขนนั้นมีไม่มาก นางจึงไม่ได้สังเกตเห็นมัน
ทันทีที่เห็นท่าทางไม่พอใจของจวินจิ่วเฉิน ความตึงเครียดของกูเฟยเยี่ยนก็สงบลงโดยที่ตัวนางเองยังไม่รู้ตัว ในใจของนางปรากฏถึงความคุ้นเคยเล็กน้อยที่ตนเองก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ว่าคืออะไร…