แต่ไหนแต่ไรจื่อเจี้ยนหลานไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนจะกลายเป็เ้าสำนักอิ่นเซียน แม้กระทั่งหลังจากเย่เฟิงสังหารฉีหลินจือแล้ว สิ่งที่เธอคิดในใจคือ ในที่สุดตนก็เป็อิสระเสียที เพราะเื่ของอำนาจนั้น เธอไม่ปรารถนามันเอาเสียเลย จึงไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะพูดเช่นนี้ และมอบป้ายสำนักอิ่นเซียนยกให้เธอเป็เ้าสำนักอิ่นเซียน
พระเ้า เธอเพิ่งมีระดับพลังแค่ยี่สิบปีเองนะ แล้วจะเป็เ้าสำนักได้อย่างไร? หากเื่นี้แพร่กระจายออกไป จะพูดกันว่าสำนักอิ่นเซียนตกต่ำไม่เหมือนก่อนหรืออย่างไร? สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือเหล่าศิษย์ที่เหลือต่างก็เชื่อฟังนี่สิ!
“แกชื่อเจี้ยนอีเซิงใช่ไหม?” เย่เฟิงเหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ด้านข้าง “ั้แ่นี้ไป แกคือาุโผู้คุมกฎของสำนักอิ่นเซียน คอยช่วยเหลือเ้าสำนักจื่อเจี้ยนหลานจัดการงานภายในสำนัก ตอนนี้ในนามของผู้าุโคุมกฎ เรียกศิษย์ทั้งหลายของสำนักอิ่นเซียนที่หลบซ่อนอยู่ข้างนอกกลับมาให้หมด!”
เจี้ยนอีเซิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
าุโผู้คุมกฎ!
แม้ไม่ได้เป็เ้าสำนัก แต่ได้เป็าุโผู้คุมกฎก็ยังดี อย่างน้อยก็อยู่ใต้อำนาจของผู้นำเพียงคนเดียว สำหรับจื่อเจี้ยนหลานที่ได้เป็เ้าสำนัก เจี้ยนอีเซิงเข้าใจเธอดี เธอคงไม่สนใจเื่ในสำนักมากนัก หรือพูดอีกอย่างคือแท้จริงแล้วอำนาจภายในสำนักอิ่นเซียนล้วนตกเป็ของเขา!
การรวบรวมศิษย์ที่อยู่ข้างนอกทั้งหมดของสำนักอิ่นเซียนกลับมานั้นไม่ใช่เื่ยาก ด้วยฐานะาุโผู้คุมกฎสามารถจัดการได้ง่ายมาก
“รับทราบครับ!”
เจี้ยนอีเซิงตอบรับคำสั่งทันที!
เขามีความสุขทีเดียว แต่ลูกศิษย์คนอื่นที่อยู่โดยรอบและอยู่คนละฝ่ายต่างเศร้าสลด ช่างโชคร้ายนักที่อำนาจของสำนักตกเป็ของเจี้ยนอีเซิง
ศีรษะที่อยู่บนพื้นป็นผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวมาก ทำให้ทุกคนไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
จนกระทั่งเย่เฟิงพาจื่อเจี้ยนหลานออกไปด้านหลังูเา จิตใจที่อึดอัดของพวกเขาก็โล่งใจ และเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสำนักอิ่นเซียนโฉมใหม่...
“เธอเป็ลูกบุญธรรมของฉีหลินจือ น่าจะว่ารู้แหล่งเก็บสมบัติของสำนักอิ่นเซียนอยู่ที่ไหนใช่ไหม?”
เย่เฟิงมองจื่อเจี้ยนหลานที่ใบหน้าค่อยๆ มีเืฝาดก่อนเอ่ยถาม
เขาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหลินซือฉิง นำทรัพย์สินจำนวนมากกลับไปให้เธอ แม้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะปกป้องหลงหว่านเอ๋อร์ไม่ดีพอจนเธอได้รับาเ็ แต่ถ้าไม่มีคนจากสำนักงานแห่งนี้ สถานการณ์อาจแย่กว่าที่เป็อยู่ก็ได้
“อืม อยู่ด้านหลังูเา”
หลังจากกินยาถอนพิษ จื่อเจี้ยนหลานก็รู้สึกว่าสารพิษในร่างกายถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็วและใช้เวลาเพียงไม่นานเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อ่อนแอ เธอเดินตามเย่เฟิงไปขณะที่แก้มแดงเล็กน้อย และหัวใจเต้นรัว นี่เป็ความรู้สึกแปลกที่เธอไม่เคยััมาก่อน
เมื่อเดินผ่านซากปรักหักพังที่เหลือจากทะเลเพลิง สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทั้งสองคนคือสะพานโซ่ทอดตัวไปยังูเาอีกลูก ด้านล่างเป็เมฆหมอกล่องลอยภายใต้แสงจันทร์สลัว
“เดินผ่านโซ่เส้นนี้ก็จะไปถึงูเาที่อยู่ด้านหลัง” จื่อเจี้ยนหลานเอ่ยเสียงเบา “ที่นั่นคือถ้ำคั่วชางซานของจริง เป็สถานที่ต้องห้ามของสำนักพวกเราด้วย ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ไปยังเขตด้านหลังของูเาได้ ยกเว้นเ้าสำนัก”
“นี่คือกฎที่ฉีหลินจือตั้งไว้สินะ?” เย่เฟิงอมยิ้ม
สถานที่เก็บสมบัติเช่นนี้ไม่อนุญาตให้ศิษย์เข้าไป สถานที่เช่นนี้ในโลกเทวะ เหล่าเ้าสำนักต่างเฝ้ารอให้ศิษย์ได้เข้าไปฝึกฝน เพื่อจะเพิ่มความแข็งแกร่งของสำนักได้อย่างรวดเร็ว
“อืม นายรู้ได้ยังไง?”
จื่อเจี้ยนหลานประหลาดใจเล็กน้อย
“เดาเอาไง”
เย่เฟิงเอ่ยเสียงเบา มีเพียงคนอย่างฉีหลินจือซึ่งเคยแย่งชิงตำแหน่งเ้าสำนักเท่านั้น ถึงสร้างกฎแปลกประหลาดเช่นนี้ได้ คงเพราะในใจเกิดหวาดกลัว หากศิษย์แข็งแกร่งเกินไป อาจคิดแย่งชิงตำแหน่งเ้าสำนักของเขาก็ได้...
เย่เฟิงอุ้มจื่อเจี้ยนหลานลอยผ่านกลุ่มเมฆหมอกจากสะพานโซ่ไปยังยอดูเาฝั่งตรงข้าม และััได้ถึงพลังฟ้าดินอันบริสุทธิ์ที่อยู่รอบๆ
แน่นอนว่ามันเป็สถานที่เก็บสมบัติ!
ใบหน้าเย่เฟิงเต็มไปด้วยความสุข เมื่อพิจารณาจากความหนาแน่นของพลังฟ้าดินแล้ว หากฝึกตนอยู่ที่ใจกลางถ้ำคั่วชางซานก็สามารถเพิ่มระดับพลังได้เร็วขึ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้มีระดับพลังเพียงสิบปีจะสามารถเพิ่มได้ถึงสามสิบปีนั่นเอง และนี่คือความเร็วที่พิเศษเป็อย่างยิ่ง
ในโลกเทวะ หากเป็ศิษย์ที่มีภูมิหลังแข็งแกร่งก็ง่ายที่จะบรรลุระดับพลังห้าสิบปี เนื่องจากสำนักจะเตรียมสมบัติ์ไว้ให้ดูดซับเพื่อเพิ่มระดับพลัง แต่หากระดับพลังเกินห้าสิบปี การเพิ่มขึ้นของพลังจะเชื่องช้าอย่างยิ่ง เหตุผลสำคัญคือสมบัติ์ในธรรมชาตินั้นมีจำกัด แต่ละประเภทสามารถดูดซับได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น! หลังจากผู้ฝึกฝนดูดซับสมบัติ์แต่ละชนิด หาก้าเพิ่มระดับพลังอีกก็ทำได้เพียงอาศัยเวลาผ่านไปเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว บทบาทของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มปรากฏ
หากเป็ร่างชีพจรเซียนเช่นหลงหว่านเอ๋อร์ ความเร็วในการฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าน่าทึ่งเป็อย่างยิ่ง แต่ถ้าค้นพบสถานที่นี้ ความเร็วของการฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นกว่าคนอื่นสองเท่า ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มผู้มีอำนาจจึงฝึกแบบวิถีเซียนระดับกลางและระดับสูงได้ และแน่นอนว่าในโลกเทวะก็คือเ้ายุทธจักรที่แม้แต่คนแข็งแกร่งอย่างซูเฟยหยิ่งก็ยังเป็ไปไม่ได้ที่จะรับมือ
“สมบัติของเ้าสำนักอยู่ตรงไหน?”
เย่เฟิงรู้สึกถึงความหนาแน่นของพลังฟ้าดินที่อยู่รอบๆ ตัวและอยากรีบไปจากที่นี่แทบไม่ไหว เนื่องจากหลงหว่านเอ๋อร์ยังอยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงเพื่อรอเขานำยาถอนพิษกลับไป
สำหรับถ้ำคั่วชางซานแห่งนี้ เย่เฟิงในตอนนี้ไม่มีเวลามากพอที่จะเก็บตัวฝึกฝน
“ตามฉันมา”
จื่อเจี้ยนหลานหน้าแดงเล็กน้อยตอนจับมือเย่เฟิงเพื่อพาเขาเดินลึกเข้าไปในูเา
บางทีอาจเป็เพราะรู้ว่าเย่เฟิงอยากไปจากที่นี่แล้ว สิ่งล้ำค่าของจื่อเจี้ยนหลานในเวลานี้คือ่เวลาพิเศษที่ได้อยู่กับเย่เฟิง นี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้จับมือผู้ชายคนหนึ่ง ความรู้สึกช่างยิ่งใหญ่และทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยขึ้นด้วย...
เย่เฟิงััได้ถึงมืออ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกจึงไม่ได้สลัดทิ้ง พลางรีบเดินเข้าไปในถ้ำหลังเขา กลิ่นอายพลังฟ้าดินที่อยู่ในถ้ำยิ่งทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสดชื่น
ถ้ำนี้เป็สถานที่ซึ่งฉีหลินจือเก็บตัวฝึกเป็เวลาห้าปี
ส่วนหลักของถ้ำคั่วชางซานมีเส้นทางเชื่อมต่อไปอีกถ้ำ จื่อเจี้ยนหลานคุ้นเคยกับเส้นทางนี้จึงพาเย่เฟิงผ่านเข้าไปได้สบายๆ ไม่นานนักก็มาถึงห้องศิลาที่มีตราผนึก
“มันเปิดยังไง?”
เย่เฟิงกวาดจิตหยั่งรู้ออกไปและพบทรัพย์สมบัติมากมายซ่อนอยู่ในห้องศิลานี้ ประตูศิลาหนาหนึ่งเมตรหากจื่อเจี้ยนหลานไม่รู้วิธีเปิด เย่เฟิงคงต้องทำลายประตูโดยใช้กระบี่
“เปิดด้วยป้ายของเ้าสำนัก”
จื่อเจี้ยนหลานปล่อยมือจากเย่เฟิง หยิบป้ายเ้าสำนักออกมาและใส่มันเข้าไปในรอยแยกของกำแพงศิลา จากนั้นบิดเล็กน้อย ประตูศิลาหนาหนึ่งเมตรค่อยๆ เคลื่อนไปด้านข้างตามที่คาดไว้
จื่อเจี้ยนหลานในตอนนี้ไม่สนใจสำนักอิ่นเซียนแม้แต่น้อย สมบัติเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อันใดเลย แต่ถ้ามันเป็ประโยชน์สำหรับเย่เฟิง เธอก็จะให้อีกฝ่ายไปทั้งหมดโดยไม่คิดอะไร อย่างไรในห้องศิลานี้ก็มีสมบัติมากมาย เย่เฟิงเพียงคนเดียวจะเอาไปได้สักเท่าไร?
นั่นเพราะเธอไม่รู้เลยว่า เย่เฟิงมีสิ่งที่เรียกว่า ‘แหวนมิติ’ อยู่กับตัว ไม่ว่าสมบัติชิ้นนั้นจะเล็กหรือใหญ่เพียงใด เขาล้วนสามารถเก็บไปได้หมด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้