ซูเจิน“ ลองรวบรวมพลังมาที่ฝ่ามือและจับหนึ่งต้น เผื่อจะขยายไปที่ต้นอื่นด้วย โอ๊ะ! มันแก่จนเหลืองอยู่ต้นเดียว แสดงว่า ต้องจับทุกต้นหรือว่าต้องส่งพลังไปที่แผ่นดิน”
ซูเจินเดินเข้าไปตรงกลางไร่ข้าวโพดรวบรวมพลังครั้งหนึ่งและใช้สองฝ่ามือ วางบนพื้นดิน
“ เอ๊ะ! ทำไมแผ่นดิน เหมือนจะดูดพลังจาก ฝ่ามือล่ะหยุด!ก่อนข้าไม่เหลือพลังแล้วหยุดเดี๋ยวนี้”ซูเจินดึงมือตัวเองออกมาแผ่นดิน จนหงายหลังจนชุดเปื้อนไปด้วยดิน
ขณะที่นางกำลังโมโหอยู่นั้น“ ต้นข้าวโพด! นั้นมันได้ผลข้าวโพดโตจนออกฝักหมดแล้ว แต่หญ้าพวกนั้นมาจากไหนกัน มันคงอยู่พื้นดินเดียวกันพรุ่งนี้คนเก็บต้องเหนื่อยหน่อยนะหญ้าเยอะ ข้าจะไม่ตามมาด้วยเด็ดขาด”
“ แล้วต้นข้าวพวกนี้ล่ะ จะเก็บเกี่ยวยังไงหญ้าเยอะพอกับรวงข้าวเลย ข้าช่วยได้เท่านี้แหละพรุ่งนี้ข้าจะหนีั้แ่เช้า”ซูเจินเดินกลับที่พัก
“ท่านหยุน พรุ่งนี้ข้าขอลากับถ้ำรู้สึกพลังข้าเหมือนจะใช้หมดตัว ต้องไปชาร์จพลังก่อน”
“ อะไรนะ! ไปอะไรของเ้าข้าฟังไม่ถนัด”
“ อ๋อ! ข้าหมายถึงพลังข้าหมดแล้วข้าต้องไปเพิ่มพลังโดยการไปนั่งโคจรในถ้ำน่ะ”
“ ท่านเองก็เหมือนกันถ้ามีเวลา ก็ให้ไปเพิ่มพลังจากการนั่งโคจร พรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางแต่เช้า”
ซูเจินไม่ได้สนใจคำตอบ าก็จบสิ้นแล้วนางไม่ได้เป็ทหารจริงๆเสียหน่อยแค่มาส่งเขาเท่านั้น
“ ข้าแค่มาส่ง กลายเป็คนผู้ประสบภัยน้ำท่วม แถมยังกลายเป็นักรบที่ฆ่ามนุษย์ไปตั้งหลายคน รู้สึกว่าข้าจะแถมเยอะไปแล้ว”นางได้แต่คิดในใจและเดินเข้าที่พักไป
รุ่งเช้าวันใหม่ ซูเจินอยู่นั่งบนหลังม้าพร้อมออกเดินทาง อดมองไปทางโรงครัวไม่ได้
“ พวกเ้า!รีบไปเรียกทหาร ช่วยกันเก็บข้าวโพด มันแก่จนเก็บมาทำเป็อาหารได้แล้ว เมล็ดฝักก็เอามาโม่ทำเป็แป้งแต่ตอนนี้หญ้ามันมาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด” เสียงหนึ่งในห้าพ่อครัวดังขึ้นพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบที่วิ่งมาไกล
“ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือแล้ว แต่ทำไมถึงเอาหญ้าขึ้นมาด้วย ตอนที่ปลูกพวกข้าก็ดึงถอนหญ้าเป็ประจำ ดูตอนนี้สิข้าวโพดกับหญ้าเท่ากันเลย”
“ อย่าว่าแต่ข้าวโพดเลยไปดูรวงข้าวเสียก่อนอยู่ปะปนกับต้นหญ้าต้องรีบเก็บเกี่ยวก่อนที่จะถูกหญ้ามันกลืนกิน เข้าไปหมดจะยากกว่าเดิม”เสียงพ่อครัวคนที่สองดังขึ้น
เสียง เอะอะโวยวายดังลั่น แต่ในเสียงนั้นก็มีความดีใจแฝงอยู่อย่างน้อยพวกเขาก็มีข้าวกิน ซูเจินแอบยิ้มแบบเ้าเล่ห์ ก่อนที่จะขี่ม้าออกไป
ซูเจินแวะซื้ออาหารเล็กน้อยโดยเฉพาะขนม“ ั้แ่มาที่นี่ยังไม่เคยไปเดินตลาดเลย ถ้าใส่ชุดทหารเดินก็น่าเกลียดเกินไป ไว้วันหลังค่อยออกมาเดิน ได้เงินรางวัลมาตั้งหลายตำลึงยังไม่ได้ใช้”
“ตัวตุ่นเ้าเป็อย่างไงบ้าง ข้ากลับมาแล้ว ซื้อขนมมาฝากเ้าด้วยไม่รู้กินเป็ไหม”ซูเจินเอาขนมออกมาวางให้ตัวตุ่นลองกินดู
“ อืม! ถึงมันจะหวานแต่ก็อร่อยข้ากินได้ ดูเหมือนเ้าอ่อนแรงลงรีบไปนั่งโคจรพลังเลย ถ้ามีผลไม้หรืออะไรเหลือก็เอามากินเพิ่มพลัง ไม่อย่างงั้นก็จับปลาหน้าถ้ำมาย่างกิน”
“ ขอบใจเ้ามากที่เป็ห่วง ข้าขอโคจรฝรั่งสักพักก่อน รู้สึกเพลียจริงๆ”ซูเจินนั่ง โคจรพลังสามชั่วยามก็ออกไปจับปลามาย่างกิน
“ เฮ้ย! กำลังวังชาค่อยกลับมาหน่อย นี่ก็เย็นแล้วพรุ่งนี้จะออก ไปเดินเล่นสำรวจข้างนอก คงไม่มีใครต้องมาตามไปปลูกผักแล้ว ขอใช้ชีวิตไปวันๆสักพักก่อน”
หลังจากได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่่สายซูเจิน ออกมาเดินสำรวจทุ่งหน้าแถวที่ไปเจอ หลิวหยุนนอนาเ็อยู่พร้อมกับตัวตุ่น
“แถวนี้ก็อากาศนี้น่ะมีกลิ่นหอมของ ดอกไม้ป่าหลายชนิดรอยปะปนกันอยู่ในอากาศ ”
“ เอ๊ะ!ตรงนั้นทำไม ถึงไม่มีต้นหญ้าขึ้นล่ะเป็รูปวงกลมมีแต่หิน นั้น! มีกล่องแวววาวสะท้อนแสงวางอยู่ตรงพุ่มไม้”ซูเจินรีบวิ่งเข้าไปดูทันที
“ มันเป็กล่องคงไม่ใช่กล่องดนตรีหรอกมั้ง ยุคนี้มีด้วยหรือกล่องดนตรีแต่เป็กล่องแก้วอะไรกันนะ”ซูเจินหมุนกล่องแก้วไปมา
“เ้าหยุดก่อน กล่องนี้จะเปิดไม่ได้ถ้าเปิดเ้าอาจจะจากโลกนี้ไปและไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน”เสียงตัวตุ่นดังขึ้น
“ ทำไมแค่เปิดกล่องแก้วต้องจากโลกนี้ไปด้วย เ้ารู้หรือว่ามันคือกล่องอะไรตัวตุ่น”
“ ข้าเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นยืนถือกล่องแก้วอยู่ในวงกลมที่เป็หินตรงนั้น แล้วมีสายรุ้งกินน้ำเจ็ดสายเกิดขึ้นจากการที่นกห้าบินและทำให้สายน้ำแตกกระจาย แล้วมาอยู่รวมกันตรงนี้เด็กหญิงผู้นั้น ก็เปิดกล่องนี้ขึ้นและพวกเขาทั้งหมดก็หายไป ข้าคิดว่ากล่องนี้จะหายไปด้วยไม่นึกเลยว่ามันจะตกอยู่ตรงนี้”
“ เ้ารู้มั้ยว่าพวกเขาหายไปไหนกัน เด็กที่เ้าว่าก็คือเ้าของถุงมิติและผลไม้ใช่ไหม”
“ ใช่แล้ว ข้าได้ยินพวกเขาคุยกันว่าไปยังโลกข้างบน มีพ่อแม่และเด็กผู้ชายอีกสองคน ที่เข้ามาอยู่ในวงกลมแล้วหายไป”
“ โอ้! มันต้องไปโลกที่มีพลังพิเศษเป็แน่ เด็กน้อยผู้นั้นคงจะรู้ว่าเวลาไหนที่ต้องเปิดกล่องแก้ว เ้าว่าต้องมีสายรุ้งขึ้นพร้อมกันเจ็ดสายยังงั้นหรือ”
“ ใช่แล้ววันนั้นข้าจำได้เป็่เช้าแล้วฝนตก หลังจากฝนหยุดแล้วมีสายรุ้งกินน้ำขึ้นห้าสาย น้องนกตัวนั้นก็บินให้น้ำกระจายตัวอย่างแรงทำให้เกิดสายรุ้งกินน้ำเพิ่มอีกสองสาย นั่นแหละพวกเขาถึงเปิดกล่องแก้วและหายไป”
“ อืม! ถ้าสามารถไป โลกที่มีพลังได้ ก็คงจะดีไหนๆอุตส่าห์มาอยู่ถึงที่นี้แล้ว สร้างสายรุ้งก็ไม่ได้ยากแค่ทำให้ละอองน้ำ มันกระจายไปทั่วกระทบกับแสงเท่านั้น”
“ เื่นี้ต้องปรึกษากับหลิวหยุนดู แต่ถ้าเขาไม่ไป ข้าจะไปเองเ้าจะไปกับข้าไหม ตัวตุ่น”
“ ข้าต้องไปอยู่แล้ว อยู่ที่นี่มาก็หลายพันปีอยากเห็นที่แปลกใหม่บ้าง อาจจะมีพลังทุกที่ไม่ต้องอยู่แต่ในถ้ำก็ได้”
“ข้าจะเก็บกล่องแก้วนี้ไว้ก่อน จะใช้เมื่อไหร่ค่อยนำออกมา”ซูเจินเดินสำรวจอยู่นั้นไม่เจออะไร ก็กลับไปอยู่ในถ้ำตามเดิม
ซูเจินใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำได้เจ็ดวันหลิวหยุนก็ตามมา นางจึงเล่าเื่ที่จะไปโลกข้างบ้นให้ฟัง
“ ท่านหยุนคิดว่ายังไง กับเื่นี้แต่ข้าจะทดลอง และหาทางไปขนาดเราได้พลังจากยาเม็ดเดียวและเนื้อปลา พลังของเรายังสูงกว่าผู้อื่นในเมืองนี้ แล้วถ้าเราไปโลกข้างบนที่ทุกคนมีแต่พลังล่ะ แถมอายุยังยืนยาวเหมือนตัวตุ่นนั้นอีก”
“ เื่นี้ข้าขอคิดดูก่อน ถ้ามีแต่ตัวข้าคนเดียวก็คงจะไปไหนก็ได้ ข้ายังมีครอบครัวท่านพ่อท่านแม่ ข้าคิดว่าถ้าไปแล้วก็คงจะไม่ได้มีวันกลับมาที่นี่อีกเป็แน่”
“ แล้วแต่ท่านเถอะเมื่อถึงเวลาแล้วถ้าท่านไม่มา ข้าก็เดินทางไปผู้เดียวเท่านั้นเอง อ๋อ!มีตัวตุ่นอีกตัวหนึ่ง”
“ บ้านเมืองสงบสุขแล้วคงจะไม่ได้ ทำากันอีกหลายปี ทางค่ายทหารได้ปล่อยให้คนปลูกผักคนเลี้ยงม้ากลับบ้านได้ แต่ถ้าจะกลับมาก็มี ตำลึงให้เ้าสนใจจะทำต่อหรือกลับบ้าน”
“ ข้าจะกลับบ้านไปลาพ่อแม่เพื่อเตรียมตัวไปโลกข้างบน ยามใดที่ฝนตกแล้วมีแดดออกเมื่อนั้นข้าจะเดินทางไปโลกข้างบน”
“ เ้าจะไปจริงรึเจินเจิน โลกที่ไม่รู้จักไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรรออยู่ เ้าไม่กลัวรึ”
“ ชีวิตคนเราอยู่ไม่นานก็ตายอยู่แล้ว ถ้าไปโลกใหม่มันจะตายไวขึ้นหน่อยก็ถือว่าได้ไปแล้ว”หลิวหยุนมองหน้าซูเจิน อย่างชื่นชมที่นางเด็ดเดี่ยวไม่หวงหน้าพะวงหลังแบบเขา
“ ท่านจะพักอยู่ในถ้ำนี้กี่วัน ข้าจะได้อยู่เป็เพื่อน หลังจากท่านกลับไปแล้วข้าก็จะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่”
“ ข้ากะว่าจะมานั่งโคจรพลัง สักสามวันก็จะกลับบ้านเหมือนกัน”
ซูเจินอยู่โคจรพลังในถ้ำจนครบสามวัน นางและหลิวหยุนก็ออกมาจากถ้ำและแยกย้ายกันไป
ซูเจินขี่ม้าไปหาอาทั้งสอง เพื่อชวนกลับบ้าน “ท่านอาทั้งสองจะไม่กลับจริงเหรอเ้าคะ ไม่คิดถึงพี่ชายรึ”
“ซูเจิน เ้ายังเด็กยังไม่รู้เื่ของผู้ใหญ่เอาเป็ว่าถ้าเ้าโตขึ้น ก็จะรู้เองว่าทำไมข้าสองคนไม่กลับไปที่นั่น พวกเราอยู่ที่นี่ก็ดีตอนนี้มีตำลึงเป็ค่าจ้างด้วย”
“ และอีกอย่างหนึ่งเราทั้งสองคนจะแต่งงานในไม่ช้านี้ วันนี้เ้ามาไม่ได้เจอกับว่าที่อาสะใภ้พวกนางน่าจะพากันเข้าไปในเมือง”
“ จริงหรือเ้าคะพวกท่านจะแต่งงานพร้อมกันเลยรึ แล้วว่าที่อาสะใภ้ของข้าเป็ใครที่ไหนหรือเ้าคะ”
“ นางทั้งสอง เป็หลานสาวของแม่ครัว เรารู้จักกันมานานแล้วแต่เพิ่งจะตกลงปลงใจกันตอนเกิดฝนตกน้ำท่วมไหนจะศึกาอีก”ซูเจิน มันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย พร้อมกับเอามือเกาหัวเบาๆ
“ ท่านอาข้ากลับบ้านไม่ถูก ตอนมาก็นั่งรถม้ามาจำทางไม่ได้ท่านเขียนแผนที่ให้ข้าได้หรือไม่”
“ เขียนแผนที่อะไรกัน เ้าขี่ม้าตรงไปยังหมู่บ้านหงข่าย ไปถึงที่นั่นเ้าก็จะจำได้เอง”
“ ถ้าการเดินทางง่ายขนาดนี้ข้าคงจะกลับไปเองได้ ข้าไปก่อนละ ไม่แน่ว่าอาจจะกลับมาก่อนพวกท่านแต่งงาน”ซูเจินขี่ม้าออกไป
“ ความทรงจำของร่างเดิมแทบจะไม่มีเลยคงต้องถามทางไปเอา แม้แต่หน้าพ่อแม่ก็ยังมีแค่เลือนรางเท่านั้น ”
ซูเจินขี่ม้ามาถึงบ้านก็ใช้เวลาหลายชั่วยาม ต้องเสียเวลาลงไปถามชาวบ้านเื่เส้นทาง จะถามจากบนหลังม้าก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ม้าศึก ตัวใหญ่
“เ้าคือซูเจินหรือยิ่งโต เ้ายิ่งขี้เหร่แถมยังใส่ชุดผู้ชายอีกสมกับเป็คนปลูกผักเสียยิ่ง” นี่คือคำแรกของแม่ที่ไม่ได้เจอลูกมาสามปี
“ เ้าไม่ได้ไปปลูกผักหรือทำไมถึงมีม้าศึกตัวใหญ่ขี่มาล่ะ หรือว่าเ้าไปเป็ทหารออกรบ”
“ เปล่าหรอกเ้าค่ะม้าตัวนี้ข้ายืมมาจากค่าย ตอนนี้ไม่มีศึกาแล้วเลยยืมมาได้ ไม่กี่วันก็จะเอากลับไปคืนทางค่ายแล้ว”
“ เ้ายังจะกลับไปอีกหรือ ถ้าเ้ากลับไปใครจะมาทำสวนปลูกผักล่ะเ้าก็เห็นพ่อแม่แก่ลงทุกวัน”
“ พวกท่านมีลูกสาวแต่งงานกับคนใหญ่คนโตไป ไร่สวนไม่ต้องทำก็ได้ให้ชาวบ้านเช่าต่อก็ได้นี่เ้าค่ะ จะได้ไม่ต้องลำบากด้วย”
“ ไม่ได้เราจะไปเกาะพี่ของเ้ากินได้ยังไง มีแต่จะส่งข้าวส่งผักไปให้กิน เขาจะได้รู้ว่าบ้านเราไม่ได้อดอยากมีข้าวให้ลูกสาวกินตลอด”
“ แล้วพี่สี่ล่ะเ้าคะอยู่ที่ไหนข้าไม่เห็นเลย ระหว่างที่ข้าไปอยู่ที่ค่ายนางไม่ได้ช่วยพวกท่านทำสวนปลูกผักหรอกรึ”
“ พี่สี่ของเ้าตอนนี้อายุสิบสี่แล้ว ปีหน้านางก็จะแต่งงานร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจะให้มาตากแดดทำสวนทำไร่ได้ยังไงกัน”
ซูเจินมองหน้าผู้เป็แม่“ ข้าเป็ลูกสาวของพวกเขาจริงหรือเปล่านี่ทำไมถึงเลี้ยงลูกไม่เหมือนกันเลย ปกติคนเล็กสุดต้องสบายสิ ทำไมถึงได้ลำบากกว่าพี่น้องแบบนี้” นางได้แต่คิดในใจพูดออกมาไม่ได้
ตกลงซูเจินกลับบ้าน ต้องมาช่วยพ่อทำสวนเจ็ดวันติดกัน“ ขนาดมีพลังยังเหนื่อยขนาดนี้เฮ้ย! แล้วตอนที่เราไม่อยู่ใครกันช่วยพวกเขาทำ”
“ ท่านพ่อเ้าค่ะขนาดช่วยกันสองคนจนไม่มีเวลาพักยังใช้เวลาตั้งเจ็ดวันแล้วปกติตอนข้าไม่อยู่พวกท่านทำกันยังไงเ้าคะ”
“ ตอนไม่มีเ้าข้าก็ทำไปแบบนี้แหละนอกจากไม่ทันก็จ้างชาวบ้านมาช่วย แต่ว่าพี่สาวของเ้าจะแต่งงานปีหน้า ตำลึงส่วนนั้นก็ต้องเก็บไว้เป็สินสมรสอย่างไงละ”