หลังจากได้รับรองเท้าเหมันต์คลั่งมาแล้ว หลงอวี้ก็รีบสวมด้วยความตื่นเต้นทันที อยากทดลองความสามารถของมัน
พริบตานั้น ไอเย็นะเืเสียดแทงกระดูกก็ได้ห่อหุ้มขาทั้งสองข้างไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ ทว่าในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความยินดี
หลังจากสวมรองเท้าแล้ว ััได้ชัดเจนว่า ไอเย็นที่แฝงอยู่ภายในรองเท้าสามารถเพิ่มความเร็วให้กับเขาด้วย!
‘วิชาวายุก้าวพริบตาของข้าบรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว ถ้าใช้รองเท้าศึกคู่นี้ เกรงว่าความเร็วของข้าจะเพิ่มสูงขึ้นมากถึงหนึ่งเท่าเต็มๆ!’
หลงอวี้คิดในใจเช่นนั้น จากนั้นก็ใช้วิชาวายุก้าวพริบตา เขาตัวเบาดุจสายลม เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วบนยอดเขา
ด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้เลี่ยวเล่อเล่อตาลาย แอบคิดในใจว่า แม้เ้าหมอนี่จะบื้อไปหน่อย ชอบต่อยตีกับชาวบ้าน แต่ความสามารถในการเรียนรู้วิชาวิทยายุทธ์ก็สูงมาก
เลี่ยวเล่อเล่อเข้าลัทธิก่อนหลงอวี้สามวัน ถึงตอนนี้ นางมีวิถียุทธ์เพียงขั้นสี่เท่านั้น ส่วนเื่วิทยายุทธ์นั้น นางเลือกฝึกวิชาวายุก้าวพริบตา แต่ตอนนี้เพิ่งจะสำเร็จถึงขั้นกลาง ห่างชั้นกับหลงอวี้มากเหลือเกิน
“ยุทธภัณฑ์แต่ละชิ้นล้วนสร้างิญญาได้”
ตอนที่หลงอวี้คุ้นชินกับรองเท้าเหมันต์คลั่งแล้ว ผู้เฒ่าขาวได้อธิบายต่อ
“หากเ้าใช้งานยุทธภัณฑ์ชิ้นนี้เป็เวลานาน เ้าจะสามารถสร้างสายสัมพันธ์กับยุทธภัณฑ์ได้ และจะแสดงความสามารถที่ลึกกว่านั้นของยุทธภัณฑ์ออกมา หรืออาจถึงขั้นทำให้ยุทธภัณฑ์มีจิตสำนึกเป็ของตัวเอง แต่การจะสร้างสายสัมพันธ์กับยุทธภัณฑ์ไม่ใช่เื่ที่ทำได้ง่ายดาย ข้าสอนวิธีการให้ไม่ได้เสียด้วย เ้าต้องหาวิธีการเอาเองแล้วล่ะ”
สร้างสายสัมพันธ์กับยุทธภัณฑ์?
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นถึงกับตกตะลึง ยุทธภัณฑ์ทุกชิ้นสามารถสร้างิญญา หรืออาจถึงขั้นมีจิตสำนึกเป็ของตัวเองได้เลยหรือ?
เื่นี้ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ เขาคิดว่ายุทธภัณฑ์เป็เพียงอาวุธที่ใช้ต่อสู้อย่างเดียวเสียอีก ไม่คิดว่ายุทธภัณฑ์ของแผ่นดินเทียนอวี้จะพิสดารถึงเพียงนี้
เพียงแต่เื่นี้ หลงอวี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่นนั้น การสร้างสายสัมพันธ์กับยุทธภัณฑ์คงยากมากแน่ เป็ไปได้ว่ายุทธภัณฑ์ระดับสูงของเฟิงฉางเกอ กระบี่โบราณปิ่งโถง ที่ให้เฟิงเหยาหยิบยืมชิ้นนั้น น่าจะยังไม่มีิญญาสถิตเป็แน่
“ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากเลย ยังเหลือเวลาอีกห้าวันก่อนถึงวันเดินทางไปป่าโสมโบราณ ห้าวันนี้ ข้าจะใช้มันฝึกวิชากายาพิชิตมารก่อน ส่วนวายุก้าวพริบตาตอนนี้ยังไม่มีช่องว่างให้พัฒนา...”
หลงอวี้คิดเช่นนั้น ก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มเพื่อทำความคุ้นเคยกับความเร็วของรองเท้าเหมันต์คลั่ง จากนั้นก็กลับไปในกระท่อมไผ่ เริ่มฝึกยกระดับวิชากายาพิชิตมารอย่างเต็มกำลัง!
การเดินทางไปป่าโสมโบราณของหลงอวี้ครั้งนี้ นอกจากจะได้เผชิญหน้ากับเหล่าผู้มีพร์ของลัทธิสยบฟ้าแล้ว ยังได้พบกับอัจฉริยะวัยเยาว์จากสำนักน้ำแข็งเยือกและลัทธิพันไหมด้วย
และในสำนักน้ำแข็งเยือกนั้นก็มีคนรู้จักของหลงอวี้อยู่ด้วย นั่นก็คือ ‘เฟิงเหยา’
‘อย่างน้อยก็ห้ามแพ้ให้กับเฟิงเหยาเด็ดขาด!’
หลงวี้คิดในใจเช่นนั้น ครั้งก่อนตอนที่เฟิงเหยากลับมาที่ตระกูลเฟิงและสั่งให้คนใช้มากำจัดเขานั้น นางก็มีวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว ทั้งยังได้กระบี่โบราณปิ่งโถงของเฟิงฉางเกอมาด้วย พลังต่อสู้จึงแข็งแกร่งถึงขีดสุด
ต้องรู้ว่ากระบี่โบราณของเฟิงฉางเกอนั้น เป็ถึงยุทธภัณฑ์ระดับสูง ทรงพลังกว่าตราวายุปราณของฉินเทียนเชวี่ยหลายเท่า
ขอบเขตวิถียุทธ์นั้นไม่ได้ทะลวงขีดจำกัดกันได้ง่ายๆ แต่ถ้าเฟิงเหยาใช้พลังของกระบี่โบราณปิ่งโถงด้วยละก็ นางจะต้องแข็งแกร่งกว่าเทียนเชวี่ยแน่
หากหลงอวี้ไม่ฝึกวิชากายาพิชิตให้สำเร็จถึงขั้นสูงละก็ คงไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของเฟิงเหยาได้
การจะฝึกวิชากายาพิชิตมารให้สำเร็จถึงขั้นกลางได้ ต้องใช้ลมปราณหลอมกระดูก แต่การจะฝึกให้สำเร็จขั้นสูงต้องใช้ลมปราณหลอมเนื้อหนัง ทั้งสองขั้นตอนนี้ล้วนเป็ขั้นตอนที่เ็ปทรมานแสนสาหัส!
แต่หลงอวี้ไม่กลัวความเ็ปอยู่แล้ว ขอเพียงผ่านสองขั้นตอนนี้ไปได้ สำเร็จวิชาถึงขั้นสูง ร่างกายของเขาก็จะทนทานขึ้นอีกหลายเท่าตัว
เสียสละแค่นี้ก็นับว่าคุ้มค่ามาก
“ลมปราณหลอมกระดูก!”
หลงอวี้นั่งขัดสมาธิบนเตียงไม้ไผ่ในกระท่อม โคจรลมปราณทั่วร่างกายให้แทรกซึมเข้าไปในกระดูกทั่วร่าง จากนั้น เขาพลันรู้สึกเจ็บๆ คันๆ ไปทั่วร่างกาย จนเขาต้องกัดฟันอดทน
ความเ็ปที่กระดูกนั้นทรมานกว่าชีพจรก่อนหน้านี้นับร้อยเท่า!
หากคิดจะหลอมกระดูกให้สำเร็จ แต่จิตใจไม่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวเกินคนละก็ นั่นย่อมไม่มีทางทำได้แน่ และสิ่งที่หลงอวี้มีมากที่สุดคือความเด็ดเดี่ยวนี่เอง!
ตอนที่หลงอวี้กำลังฝึกอยู่นั้น เลี่ยวเล่อเล่อจะแวะมาดูเป็ระยะ พอเห็นสีหน้าเ็ปทรมานของหลงอวี้ ก็อดเป็ห่วงไม่ได้
หากผู้เฒ่าขาวไม่ได้บอกไว้ว่า การฝึกวิทยายุทธ์ประเภทฝึกกายจะเ็ปแสนสาหัสละก็ เลี่ยวเล่อเล่อคงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลงอวี้ไปแล้ว
ถึงรู้อยู่แล้ว ก็ยังอดปวดใจไม่ได้
‘พยายามเข้า’
เลี่ยวเล่อเล่อให้กำลังใจหลงอวี้ในใจ
ผ่านไปสองวัน ในที่สุดหลงอวี้ก็หลุดพ้นจากความเ็ปของการหลอมกระดูกได้แล้ว ด้วยความเด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อ ในที่สุดก็สำเร็จวิชากายาพิชิตมารถึงขั้นกลางแล้ว
“วิชากายาพิชิตมารขั้นกลาง ทำให้พลังพื้นฐานของข้าเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อยเลย อีกทั้งความทนทานของกระดูกก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุดด้วย”
หลงอวี้ตาเป็ประกายด้วยความยินดี
“การโจมตีที่ระดับพลังเท่ากัน จากนี้ไปคงทำร้ายข้าได้แค่เนื้อหนังเท่านั้น ไม่สามารถทำลายกระดูกข้าได้อีกต่อไป!”
หากสำเร็จวิชาถึงขั้นสูงละก็ แม้แต่เนื้อหนังของเขาก็จะแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า การโจมตีระดับต่ำกว่าวิถียุทธ์ขั้นห้าจะไม่ต่างอะไรกับการสะกิดเลย!
คำอธิบายของวิชากายาพิชิตมารบอกไว้ว่า วิชากายาพิชิตมารที่สำเร็จถึงขั้นสูงจะสามารถรวบรวมลมปราณสร้างเป็ม่านเหล็กพิชิตมารได้ พลังป้องกันไม่ธรรมดา
แม้จะยังมีวิถียุทธ์ไม่ถึงขั้นเจ็ดก็สามารถปล่อยลมปราณสู่ภายนอก สร้างม่านเหล็กพิชิตมารนอกร่างกาย ป้องกันการโจมตีจากพลังระดับเดียวกันได้ทั้งหมดเลยทีเดียว
“กายาพิชิตมาร ต้องบรรลุขั้นสูงให้ได้”
หลงอวี้มีแววตาหนักแน่น เริ่มฝึกฝนอีกครั้งโดยไม่หยุดพัก
ครั้งนี้ เป็การใช้ลมปราณหลอมเนื้อหนัง แค่่เริ่มฝึก ิัของเขาก็แตกออกราวกับลายบนกระดองเต่า เืไหลซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง!
ราวกับมีคนใช้มีดกรีดบนตัวเขานับร้อยพันครั้ง ความเ็ปของหลงอวี้ยากจะจินตนาการได้
เพียงแต่หลงอวี้สามารถกัดฟันทนไว้ได้ นี่เป็ความเ็ปของการเปลี่ยนเนื้อผลัดหนัง หากผ่านไปได้ หลงอวี้ก็จะราวกับหนอนไหมลอกคราบกลายเป็ผีเสื้อก็ไม่ปาน ได้เนื้อหนังใหม่ทั้งหมด แข็งแกร่งทนทานฟันแทงไม่เข้า!
หลงอวี้ต้องทนทุกข์ทรมานตลอดเวลาสามวันสามคืน ในที่สุดเนื้อหนังของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ใต้เตียงไม้ไผ่ มีเนื้อหนังเก่าๆ กองอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนบนตัวของหลงอวี้ได้มีเนื้อหนังใหม่ถูกสร้างขึ้น เนื้อหนังที่ถูกลมปราณหลอมขึ้นใหม่นั้น เรียบเนียนราวกับิัของทารกทว่าก็แข็งแกร่ง ราวกับมีลมปราณปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่งก็ไม่ปาน แข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว
“วิชากายาพิชิตมารขั้นสูง ชีพจร กระดูก เนื้อหนัง ทั้งหมดล้วนถูกลมปราณหล่อหลอม ทั่วร่างไร้จุดอ่อน หากคิดจะทำร้ายข้า อย่างน้อยก็ต้องมีพลังแข็งแกร่งกว่าเท่านั้นถึงจะทำได้!”
ไม่เพียงแค่นั้น กายาพิชิตมารที่สำเร็จถึงขั้นสูงแล้ว ยังสามารถรวบรวมลมปราณมาอัดแน่นที่ผิวกายกลายเป็ม่านเหล็กพิชิตมาร เพิ่มพลังป้องกันให้สูงขึ้นได้ในพริบตา
ต่อให้ปะทะวิชาวายุปราณทะลวง คมมีดวายุที่ปล่อยออกจากตราวายุปราณของฉินเทียนเชวี่ยตรงๆ เขาก็สามารถใช้ม่านเหล็กพิชิตต้านรับไว้ได้!
แน่นอนว่าพลังนี้เผาผลาญลมปราณค่อนข้างมาก หลงอวี้ใช้ได้เฉพาะในจังหวะสำคัญเท่านั้น
เขาลืมตาขึ้น ลงจากเตียงไม้ไผ่ ในที่สุดก็เผยสีหน้าพึงพอใจ
ตัวเขาตอนนี้ หากได้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดเช่นฉินเทียนเชวี่ยอีกครั้งละก็ เขาก็สามารถต่อสู้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยก็ไม่าเ็สาหัสขนาดนี้อีก
หลังจากบรรลุกายาพิชิตมารขั้นสูงแล้ว พละกำลังที่เขามีทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสามหมื่นห้าพันชั่ง เป็สี่หมื่นสองพันชั่ง เพิ่มขึ้นไม่น้อยทีเดียว
‘ต่อไปก็มุ่งหน้าสู่ป่าโสมโบราณของราชวงศ์ แย่งชิงโสมโบราณระดับสูงมาให้ได้ หากทำได้เช่นนั้น น่าจะสามารถยกระดับวิถียุทธ์สู่ขั้นเจ็ดและปล่อยลมปราณออกสู่นอกร่างกายได้!’
หลงอวี้คิดในใจเช่นนั้น
โอกาสที่ได้เข้าป่าโสมโบราณครั้งนี้ เขาต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด จะต้องยกระดับพลังตัวเองขึ้นอย่างก้าวะโให้ได้!
......
บัดนี้ ตัวแทนของลัทธิสยบฟ้าที่ถูกเลือกให้เข้าร่วมป่าโสมโบราณได้มารวมตัวกันใต้หุบเขาสยบฟ้าแล้ว
ทั้งหมดสิบห้าคน ล้วนเป็ยอดฝีมือวัยเยาว์ที่ยกระดับขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นหกได้ก่อนอายุยี่สิบปีทั้งสิ้น
“เฟิงชิงชิง ได้ยินว่าไอ้สวะของพวกตระกูลเฟิงก็จะไปป่าโสมโบราณด้วยไม่ใช่หรือ ทำไมยังไม่โผล่หัวมาอีก?”
ชายรูปร่างใหญ่โตกำยำ โครงหน้าคมกริบราวกับใบมีดในกลุ่มคน แสดงสีหน้าหงุดหงิดรำคาญ
“มันคิดว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหน ถึงปล่อยให้พวกเราสิบห้าคนต้องรอมันคนเดียวแบบนี้?”
ชายผู้นี้ก็คือพี่ชายของถานเยว่ ถานเจียนนั่นเอง!
ถานเจียนตอนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในลัทธิสยบฟ้า เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เขาสามารถทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นแปดได้สำเร็จ ด้วยพลังอันแข็งแกร่งสุดขีด ตอนนี้เขาได้กลายเป็ลูกศิษย์ระดับสูงอันดับหนึ่งแล้ว!
ถานเจียนตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนถึงจะอายุครบยี่สิบปี เห็นได้ชัดว่าอนาคตยาวไกลไร้สิ้นสุด อาจสามารถก้าวข้ามขอบเขตของวิถียุทธ์ทั้งเก้าขั้นขึ้นสู่อีกระดับชั้นได้เลยทีเดียว!
ความสำเร็จระดับนี้ ดูจะเหนือกว่าเฟิงอวิ๋นเสียอีก ในกลุ่มสิบห้าคนที่ได้เดินทางไปป่าโสมโบราณครั้งนี้ ถานเจียนนับว่าแข็งแกร่งที่สุด
ส่วนสาวน้อยชุดน้ำเงินที่ถานเจียนกำลังพูดด้วยนั้น ดูแล้วเพิ่งจะอายุเพียงสิบแปด แต่สีหน้าของนางกลับเ็าและหยิ่งยโสเป็ที่สุด จากรูปลักษณ์แล้ว นางดูคล้ายคลึงกับเฟิงหยางและเฟิงอวิ๋นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็คนของตระกูลเฟิงแห่งเมืองกวนอวี้เช่นกัน
‘เฟิงชิงชิง’ เป็น้องสาวของเฟิงหยาง แม้จะอายุน้อยกว่าเฟิงหยาง แต่ระดับพลังกลับสูงกว่าเฟิงหยาง นางขึ้นมาถึงขั้นเจ็ดได้แล้ว เป็ลูกศิษย์ระดับสูงของลัทธิสยบฟ้าเช่นกัน!
เมื่อได้ยินเสียงบ่นของถานเจียน เฟิงชิงชิงก็กระแทกเสียงเ็า
“อย่าเอาไอ้สวะนั่นมาข้องเกี่ยวกับตระกูลเฟิง ส่วนเื่ทำไมมันยังไม่มา เ้าไปถามผู้าุโอวี้เอาเองดีกว่า”
ด้านหน้าสุดของทั้งสิบห้าคนนั้น ชายชราชุดดำผู้หนึ่งกำลังหลับตาทำสมาธิ เขาคือผู้าุโอวี้ที่เฝ้าหอวิทยายุทธ์นั่นเอง
เพียงแต่ตอนนี้ ผู้าุโไม่ได้ร่วมวงสนทนากับผู้คน เพียงยืนนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในฐานะที่ถานเจียนเป็อันดับหนึ่งของลูกศิษย์ระดับสูง ย่อมมีสิทธิ์พูดคุยกับผู้าุโอวี้อยู่แล้ว
“ผู้าุโอวี้ เ้าหลงอวี้นั่นทำไมยังไม่มา หากมันทำให้เราเสียเวลาในการเดินทางไปยังป่าโสมโบราณของพวกเราจะทำอย่างไร?”
ถานเจียนถามผู้าุโอวี้อย่างดุดัน
“มาแล้วไม่ใช่หรือ?”
ผู้าุโอวี้กล่าวอย่างเฉยชา จากนั้นผู้คนทั้งหลายก็หันกลับไปมอง เห็นชายหนุ่มชุดน้ำเงินผู้หนึ่งกำลังเดินลงมาจากปากทางเข้าหุบเขา
ชายหนุ่มผู้นั้นคือหลงอวี้ ในการเป็ตัวแทนของลัทธิสยบฟ้าครั้งนี้ เขาได้สวมใส่เครื่องแบบของลูกศิษย์ระดับล่าง
ตอนที่หลงอวี้ปรากฏตัว สายตาของคนจำนวนไม่น้อยพลันฉายประกายดุร้าย
โดยเฉพาะเฟิงชิงชิงและถานเจียนนับว่าชัดเจนที่สุด พวกเขาไม่อาจปิดบังจิตสังหารที่มีต่อหลงอวี้ได้แม้แต่น้อย