“มู่เฟิง เ้านี่ช่างโชคดีนัก ข้าได้ยินมาว่าเส้นลมปราณของเ้าได้รับการฟื้นฟูให้กลับคืนแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เ้าจะยังสามารถเข้ามาศึกษาในสำนึกศึกษาเทียนอวิ่นได้ แล้วการเดิมพันกับซั่งกวานเชียนจื้อเป็อย่างไรเล่า? ไม่ใช่ว่าเ้าต้องคุกเข่าขอขมาผู้าุโจ้าวเหิงหรอกหรือ?”
เมื่อมู่ชิงปรากฏตัว น้ำเสียงเ็าที่เขาพ่นออกมาก็ล้วนเต็มไปด้วยถ้อยคำเหน็บแนม
“เ้าหมอนี่เป็ใครกัน เหตุใดปากถึงเหม็นโฉ่เช่นนี้”
ไป๋จื่อเยว่ตอกกลับด้วยน้ำเสียงเ็าเช่นกัน
“เขาคือมู่ชิง เป็ศัตรูคู่แค้นของพี่เฟิง ในอดีตก็พ่ายแพ้ให้กับพี่เฟิงมาตลอด”
มู่ขวงกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“มู่ขวง เ้ากำลังหาเื่ให้ถูกตีอยู่รึ!”
สีหน้าของมู่ชิงดูขุ่นเคืองขึ้นมาทันที เขาตวาดออกมาเสียงเย็น
“มู่ชิง ท่านอาสามขอให้ข้าช่วยสั่งสอนเ้า ทางที่ดีเ้าอย่าได้มายั่วโมโหข้าจะดีกว่า พวกเราไปกันเถอะ”
มู่เฟิงจ้องมองมู่ชิง ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็หันหน้าไปอีกทางและเตรียมจะจากไป
“เหลวไหล ท่านพ่อของข้าจะยอมให้คนอย่างเ้ามาสั่งสอนข้าได้อย่างไร มู่เฟิง ในเมื่อเส้นลมปราณของเ้าฟื้นคืนกลับมาแล้ว เช่นนั้นข้าจะชี้แนะให้เ้าได้เห็นความสามารถของเ้าในตอนนี้เอง”
มู่ชิงกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน ฉับพลันนั้นร่างของเขาก็แผ่ออร่าพลังปราณออกมา ชายหนุ่มดีดปลายเท้าขึ้นก่อนจะพุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว ขณะที่มือของเขาก็อัดแน่นไว้ด้วยพลังปราณสีแดง เขากางกรงเล็บออกและฟาดลงไปบนไหล่ของมู่เฟิงทันที
แววตาของมู่เฟิงพลันเปลี่ยนเป็เ็า เขาหันกลับมาและชกหมัดออกไปโดยตรง
เปรี้ยง...!
พลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกัน เส้นผมของทั้งคู่ปลิวสยายไปตามคลื่นพลังที่สะท้อนกลับออกมา
มู่ชิงก้าวถอยออกไปหลายก้าว สายตาที่เต็มไปด้วยความใของเขาจ้องมองไปทางมู่เฟิงที่ยังคงยืนนิ่ง
เวลานี้วรยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ดแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถทำให้มู่เฟิงขยับได้เลยแม้แต่น้อย!
“เส้นลมปราณของเ้าฟื้นคืนกลับมาแล้วจริงๆ สินะ”
มู่ชิงกล่าวขึ้นด้วยความใ ศิษย์ตระกูลมู่อีกสองคนที่ติดตามเขามาต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน
“อัจฉริยะในอดีตได้หวนคืนกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ”
มู่เฟิงไม่สนใจแม้แต่จะเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาหันหลังกลับก่อนจะเดินจากไป หากไม่ใช่เพราะเวลานี้ท่านอาสามปฏิบัติต่อเขาดีกว่าเมื่อก่อน เขาคงจะลงมือกับมู่ชิงไปแล้วอย่างแน่นอน
มู่ชิงมองตามหลังมู่เฟิงที่เดินจากไป สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด จากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับศิษย์ตระกูลมู่ทั้งสองคน
“พี่เฟิง ข้าอยากจะทุบตีชายผู้นั้นจริงๆ”
มู่ขวงกล่าวขึ้นด้วยความโมโห เนื่องจากในอดีตเขาเคยถูกมู่ชิงทุบตีมาก่อน ดังนั้นเขาจึงมีความ้าที่จะแก้แค้นอีกฝ่าย
“ช่างมันเถอะ ที่แห่งนี้มีคนดีคนชั่วปะปนกันอยู่มากมาย ถึงอย่างไรพวกเราก็มาจากตระกูลมู่เหมือนกัน ดังนั้นควรจะสามัคคีกันเอาไว้จะดีกว่า อีกอย่างเขาก็ยังถือว่าเป็ลูกพี่ลูกน้องของข้าด้วย”
มู่เฟิงส่ายหน้า พวกอัจฉริยะมักกลายเป็ที่ริษยาของผู้อื่น มู่เฟิงเป็ที่ชื่นชอบของคนตระกูลมู่มาั้แ่ยังเด็ก ดังนั้นเป็เื่ปกติที่มู่ชิงจะเกิดความริษยาต่อเขาั้แ่ยังเด็กเช่นกัน
“ช่างเถอะ ข้าเองก็คร้านที่จะพูดถึงชายผู้นั้นแล้ว พี่เฟิง เมื่อวานระหว่างที่ข้ากับจื่อเยว่ออกไปเดินเล่นกัน พวกเราได้พบสถานที่ที่น่าสนใจด้วย ไปกันเถอะ พวกเราจะพาท่านไปดู”
มู่ขวงหัวเราะออกมา จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองก็ดึงมู่เฟิงเข้าไปยังห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ภายในห้องโถงแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางไม่น้อย ทั้งยังมีบัณฑิตจำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ บรรยากาศภายในนั้นคึกคักเป็อย่างมาก และมีเสียงะโโห่ร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริเวณใจกลางของโถงขนาดใหญ่แห่งนี้มีสังเวียนการต่อสู้อยู่หลายเวที บนสังเวียนเ่าั้มีชายหญิงหลายคู่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด บรรยากาศโดยรอบดูครื้นเครงเป็อย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มทั้งสามพยายามเบียดกายเข้าไปด้านใน เมื่อมู่เฟิงได้เห็นการต่อสู้บนสังเวียนเหล่านี้ สีหน้าของเขาก็มีความสงสัยปรากฏขึ้นในทันที
“พี่เฟิง ที่นี่คือโรงพนัน ตราบใดที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้บนสังเวียนได้ ก็จะได้รับคะแนนการเรียนเป็ผลตอบแทน ท่านดูตรงนั้นสิ นั่นคือแท่นเดิมพัน มีหลายคนกำลังใช้คะแนนของตัวเองในการเดิมพันผลการต่อสู้”
ไป๋จื่อเยว่อธิบายด้วยรอยยิ้ม
มู่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนจะถามว่า “พวกเ้าสองคนพาข้ามาที่นี่ คงไม่ใช่เพราะ้าให้ข้าเข้าร่วมในการต่อสู้หรอกนะ?”
“คิกๆ พี่เฟิง ท่านช่างฉลาดยิ่งนัก ท่านดูสิ พวกเราทุกคนล้วนเป็บัณฑิตหน้าใหม่ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็ต้องคิดว่าบัณฑิตหน้าใหม่อย่างพวกเรานั้นไม่ค่อยมีแรงนักหรอก ถึงเวลาที่พี่เฟิงขึ้นไปท้าประลองกับบัณฑิตเก่าสักคน พวกเราก็จะใช้คะแนนทั้งหมดที่มีเดิมพันอยู่ข้างท่าน ทำเช่นนี้แล้วพวกเราจะไม่ได้รับคะแนนคืนกลับมาอย่างมากมายหรอกหรือ?”
ไป๋จื่อเยว่หัวเราะออกมาอย่างเริงร่า ความคิดที่มากเล่ห์เช่นนี้ มู่ขวงไม่มีทางคิดได้อย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของมู่เฟิงก็เป็ประกายขึ้นมาทันที หากทำเช่นนี้พวกเขาย่อมได้รับคะแนนเรียนเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน
“อึก...!”
บนสังเสวียนการต่อสู้ เด็กหนุ่มในชุดสีเหลืองถูกฝ่ามือตบกระเด็นก่อนล้มลงบนพื้น จากนั้นเขาก็กระอักเืออกมา ในขณะที่เด็กหนุ่มในชุดสีน้ำเงินอีกคนกำลังยืนอยู่บนสังเวียนอย่างผ่าเผย
“หลี่ฮวน! หลี่ฮวน!"
บัณฑิตหลายคนที่อยู่ด้านล่างต่างก็ะโโห่ร้องเรียกชื่อของอีกฝ่ายเสียงดัง แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็คนที่ใช้คะแนนของตัวเองเดิมพันข้างอีกฝ่าย นอกจากนี้ยังมีคนบางส่วนลอบสบถด่าเขาเพราะทำให้ตนต้องสูญเสียคะแนนไป
“ฝ่ามือทองคำทลายล้างของหลี่ฮวนผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะฝึกมันจนบรรลุระดับสมบูรณ์แล้ว”
“ถูกต้อง ในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นหก ข้าเกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้ หากเป็ยอดฝีมือระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด บางทีอาจยังพอสู้ได้บ้าง”
บัณฑิตหลายคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
หลี่ฮวนผู้นี้เข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นเป็เวลาสองปีแล้ว
หลี่ฮวนที่ยังยืนอยู่กลางสังเวียนประกาศกร้าวออกมาอย่างภาคภูมิว่า “ยังมีใคร้าท้าประลองอีกหรือไม่?”
ด้านล่างสังเวียนไม่มีใครตอบกลับเลยสักคน เนื่องจากหลี่ฮวนผู้นี้สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาสี่รอบติดแล้ว
บนสังเวียนการต่อสู้นี้มีกฎอยู่ข้อหนึ่งว่า บัณฑิตรุ่นน้องสามารถปฏิเสธคำท้าของบัณฑิตรุ่นพี่และบัณฑิตที่มีวรยุทธ์สูงกว่าตนได้ แต่คนส่วนใหญ่ในบริเวณนี้ล้วนเป็ศิษย์รุ่นก่อน ดังนั้นคนที่สามารถเป็คู่ต่อสู้ของหลี่ฮวนได้จึงมีอยู่ไม่มาก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสักพักแล้ว ก็ยังไม่มีใครขึ้นมาเลยสักคน
แต่ในขณะที่ด้านล่างยังคงไร้เสียงตอบรับนั้น เด็กหนุ่มผู้หนึ่งก็พลันะโออกมา จากนั้นเขาก็ะโขึ้นไปบนสังเวียน และกลุ่มคนด้านล่างก็เริ่มวางเดิมพันกันในทันที หลังจากผู้คนวางพนันแล้ว ทั้งสองคนบนเวทีก็เริ่มต่อสู้กันอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปหลายสิบกระบวนท่า บัณฑิตที่ขึ้นมาใหม่นั้นก็ถูกฝ่ามือของหลี่ฮวนซัดจนสิ้นท่า ทำให้คราวนี้หลี่ฮวนกลายเป็ผู้ชนะที่ชนะมาห้ารอบติดแล้ว และเขาก็ได้รับคะแนนไปไม่น้อย
“จุ๊ๆ เกรงว่าวันนี้คงไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้แล้ว”
บัณฑิตในชุดสีขาวกล่าวขึ้น
“ไม่มีใครเอาชนะได้อย่างนั้นรึ ช่างน่าขัน พวกข้าจะจัดการเอง”
มู่ขวงที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“พวกเ้าน่ะรึ?”
บัณฑิตผู้นั้นก้มมองไปยังอกเสื้อของมู่ขวง เมื่อเห็นว่ามันมีลายเส้นสีครามเพียงขีดเดียว เขาก็แสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามออกมาทันที ลายเส้นเพียงหนึ่งขีดก็แปลว่าเป็บัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้ามา
“เป็บัณฑิตที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ยังไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ หากว่าพวกเ้าสามารถเอาชนะหลี่ฮวนได้ ข้าจะยอมเรียกพวกเ้าว่าท่านปู่เลย”
บัณฑิตในชุดสีขาวผู้นั้นกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“ไอหยา หลานชาย เ้าคอยดูปู่ของเ้าให้ดีแล้วกัน”
คำพูดตอบกลับของไป๋จื่อเยว่ ทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นโกรธเคืองเป็อย่างมาก
“หลี่ฮวนชนะติดต่อกันมาห้ารอบแล้ว หากเขาสามารถเอาชนะในรอบถัดไปได้ เขาจะคว้าหนึ่งในสามของผลคะแนนทั้งหมดจากแท่นเดิมพันที่สามของวันนี้ได้ มีใครจะท้าประลองเขาอีกหรือไม่?”
ทันใดนั้นชายหนุ่มผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเ้ามือก็ะโถามขึ้นเสียงดัง
“มีๆ ๆ”
ไป๋จื่อเยว่รีบะโตอบกลับอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนในสนามมองมาทางเขา
“พี่เฟิง คราวนี้ฝากท่านด้วย”
ไป๋จื่อเยว่หัวเราะอย่างเริงร่า
มู่เฟิงมอบบัตรผลึกสีน้ำเงินให้กับไป๋จื่อเยว่และกล่าวขึ้นว่า “เดิมพันทั้งหมด”
ไป๋จื่อเยว่พยักหน้าและเดินไปยังแท่นเดิมพันพร้อมกับมู่ขวง
มู่เฟิงดีดฝ่าเท้า ก่อนจะะโขึ้นไปบนแท่นประลองที่มีความสูงกว่าสองเมตร และเหลือบมองไปทางหลี่ฮวน
หลี่ฮวนจ้องมองมู่เฟิง เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์บนอกเสื้อของมู่เฟิง เขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวเยาะเย้ยทันทีว่า “เ้าหนู เป็เพียงบัณฑิตหน้าใหม่ แต่กลับกล้ามาท้าทายข้าอย่างนั้นรึ!”
“ว่าอย่างไรนะ บัณฑิตใหม่ มีบัณฑิตใหม่กล้าท้าทายหลี่ฮวน ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย”
“บัณฑิตใหม่ ช่างน่าสนุกนัก เพิ่งมาถึงเมื่อวานไม่ใช่หรือ?”
ทันใดนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังเซ็งแซ่ขึ้นทันที เหล่าผู้ชมต่างก็รู้สึกประหลาดใจ และคนส่วนใหญ่ต่างก็จ้องมองไปทางมู่เฟิงอย่างสบประมาท
“มู่เฟิง เป็บัณฑิตหน้าใหม่ ขอศิษย์พี่โปรดชี้แนะ”
มู่เฟิงประสานมือกำหมัด ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น
“ฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีบัณฑิตหน้าใหม่กล้าท้าทายหลี่ฮวน เร็วเข้า มาวางเดิมพันกันเร็ว มาเดิมพันกันสักตั้งเถอะ!”
อีกด้านหนึ่งของแท่นเดิมพัน เ้ามือกำลังหัวเราะเสียงดัง
“ข้าวางเดิมพันหลี่ฮวน หนึ่งร้อยคะแนน”
“ข้าเดิมพันฝั่งหลี่ฮวนแปดสิบคะแนน ช่างน่าขันนัก บัณฑิตหน้าใหม่จะเอาชนะหลี่ฮวนได้อย่างไร”
ฉับพลันนั้นทุกคนต่างก็เริ่มเข้ามาวางเดิมพัน แน่นอนว่ามีคนวางเดินพันทางฝั่งมู่เฟิงน้อยมาก ซึ่งเป็อัตรายี่สิบสามต่อห้า!
มีเพียงไม่กี่คนที่วางเดิมพันฝั่งมู่เฟิงเพื่อ้าเสี่ยงดวง แต่ก็เป็เพียงแค่คะแนนน้อยนิดเท่านั้น
“ข้าวางเดิมพันฝั่งมู่เฟิง คะแนนเดิมพันหนึ่งพันสามร้อยคะแนน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้