กระบี่ของจ้านอู๋มิ่งค่อยๆ เคลื่อนออก ยิ่งออกไป ยิ่งช้าลง สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน คล้ายดั่งขุนเขามหาบรรพตกดทับลงบนปลายกระบี่ ตัวสั่นในแต่ละก้าว
ทุกคนโดยรอบที่เตรียมดูเื่ขบขันล้วนพากันดวงตาเบิกกว้าง ศิษย์สำนักกระบี่ิญญาก็มองจนตกตะลึงเช่นกัน นี่มันวิชากระบี่แบบไหนกัน? หรือบางทีอาจไม่สามารถจะเรียกว่าเป็วิชากระบี่ เป็เพียงแค่ท่ากระบี่ง่ายๆ กระบี่หนึ่งเท่านั้น แต่ว่า ก็เพราะเป็ท่ากระบี่ง่ายๆ นี้ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังกดดันอันมหาศาลดุจขุนเขาบรรพตสายหนึ่ง พวกเขารู้สึกว่า การรุกไปข้างหน้าทุกหนึ่งนิ้วของกระบี่ในมือจ้านอู๋มิ่ง ความหนักอึ้งในใจพวกเขาก็เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง เวลานี้ ไม่มีผู้ใดคิดว่าจ้านอู๋มิ่งไม่ทราบวิธีใช้กระบี่อีกต่อไปแล้ว
การแสดงออกของราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยก็เคร่งขรึมขึ้นมาแล้วเช่นกัน ขณะกระบี่ของจ้านอู๋มิ่งผลักออกไปสามฟุต เขาก็ััได้แล้วว่ากลิ่นอายความดุร้ายที่กระจายอยู่ในอากาศ ทั้งหมดล้วนมากันที่ปลายกระบี่ หนึ่งกระบี่นี้ ดูแล้วธรรมดาและเรียบง่าย แต่กลับปิดผนึกทุกตารางนิ้วของพื้นที่บริเวณโดยรอบไว้แล้ว ไม่ว่าราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยจะหลบไปทิศทางใด ล้วนไม่สามารถที่จะรอดพ้นการโจมตีของกระบี่เล่มนี้ เนื่องจากกระบวนท่ากระบี่เชื่องช้าเกินไป ช้าจนไม่ว่าท่านจะทำการเคลื่อนไหวหลีกเลี่ยงใดๆ เขาล้วนมีเวลาที่จะเปลี่ยนทิศทางการโจมตีได้
หนึ่งกระบี่ที่ไร้กระบวนท่าเหนือกว่ามีกระบวนท่า ในที่สุดราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยก็เข้าใจความคิดของจ้านอู๋มิ่งแล้ว ไม่ว่าใช้กระบี่หรือหมัด สุดท้ายเขาก็บังคับให้ตนต้องหักหาญปะทะกับเขาโดยตรง เผชิญกับท่ากระบี่อันแยบยลเช่นนี้ของจ้านอู๋มิ่ง หากไม่ถอยออกจากขอบเขตโจมตีของเขา ก็ได้แต่ต้องหักหาญปะทะโดยตรง
มองกระบี่ที่เชื่องช้าชวนให้เสียวฟันของจ้านอู๋มิ่งแล้ว เฝิงอู๋เซวี่ยหงุดหงิดแล้วจริงๆ ไม่ว่าตนจะออกท่ากระบี่จากมุมใดๆ ล้วนสามารถจู่โจมถึงร่างกายฝ่ายตรงข้ามก่อนจ้านอู๋มิ่งทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากมิใช่สามกระบวนท่าที่สามารถหลบเลี่ยงแต่มิอาจโจมตีตามข้อตกลง เขาก็สามารถตัดศีรษะจ้านอู๋มิ่งแล้วด้วยการโต้กลับเพียงครั้งเดียว
ในการต่อสู้ยามปกติ รูปแบบท่ากระบี่ผายลมสุนัขเช่นนี้ของจ้านอู๋มิ่ง ต่อให้อีกฝ่ายไม่ตอบโต้กลับ แต่อย่างไรก็ได้แต่รับประทานฝุ่นตามก้นผู้อื่นเท่านั้น ไหนเลยจะสามารถแทงถูกร่างกายผู้อื่น แต่เวลานี้ เฝิงอู๋เซวี่ยไม่มีพื้นที่ว่างให้เว้นระยะห่างได้ ไม่สามารถโจมตีโต้ตอบกลับอีกด้วย สิ่งที่สามารถทำได้มีเพียงแค่ออกแนวกระบี่ป้องกันตัว
ทุกคนที่ชมการต่อสู้ล้วนเข้าใจเจตนาของจ้านอู๋มิ่งแล้ว ลอบด่าจ้านอู๋มิ่งร้ายกาจนัก วิธีการของจ้านอู๋มิ่งคือละทิ้งการป้องกันไปอย่างสมบูรณ์ ถึงข้าจะรวบรวมสภาวะพลังอย่างเชื่องช้าเพียงใด ใช้เวลานานแค่ไหน ก็ยังนับเป็หนึ่งกระบวนท่า และก็ไม่ต้องหวั่นเกรงถูกเ้าโจมตีโต้ตอบกลับ ข้าสามารถเตรียมกระบวนท่าใหญ่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล ภายในพื้นที่วงกลมเล็กๆ เช่นนี้ เฝิงอู๋เซวี่ยยังคงหลบหลีกจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว
พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ฟ้าดินควบแน่นบนกระบี่ในมือจ้านอู๋มิ่งอย่างบ้าคลั่ง ตัวกระบี่สั่นสะท้านขึ้นมา ทุกคนรู้สึกได้ถึงความเคร่งขรึมหนักแน่นจากฝีเท้าของจ้านอู๋มิ่ง
ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ว่าเมื่อพลังของกระบี่ะเิออก จะต้องรุนแรงดุจกระแสน้ำเชี่ยวกราก คล้ายดังเทกระหน่ำลงมาจากูเา ดั่งคลื่นลูกใหญ่ในทะเลพายุคลั่ง เขาจึงมิกล้าชะล่าใจ แต่เขาก็ไม่ได้วิตกกังวล จ้านอู๋มิ่งเป็นักบ่มเพาะพลังกายภาพ เน้นพลังแข็งแกร่งเป็จุดแข็ง แต่มรรคากระบี่นั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก มิใช่แค่มีพลังความแข็งแกร่งก็ใช้ได้แล้ว แม้การโจมตีของจ้านอู๋มิ่งจะรุนแรงเหมือนขุนเขามหาบรรพตถล่มลงมาแล้วอย่างไรเล่า กระบวนท่ากระบี่ของตนเพียงพอจะใช้วิธีสี่ตำลึงปาดพันชั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนท่ากระบี่ของจ้านอู๋มิ่งที่สามารถจับวิถีได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้ หนักหน่วงรุนแรงนั้นหนักหน่วงอยู่ กลับไร้พลังติดตามมาคอยสนับสนุนตามหลัง เพียงแค่เขาต้องเตรียมพร้อมให้ดี เท่านี้ก็ไม่สามารถส่งผลคุกคามต่อเขาแต่อย่างใด
นี่เป็รูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างกับการสัประยุทธ์เมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ทำให้ผู้คนหายใจมิทั่วท้องเช่นเดียวกัน ความเร็วของหนานกงเฉิงรวดเร็วจนทำให้ผู้คนมิสามารถมองเห็นได้ชัดเจน เป็ความเร็วสุดยอดชนิดหนึ่ง เวลานี้ ความเร็วของจ้านอู๋มิ่งกลับเชื่องช้าที่สุด เชื่องช้าจนทำให้ผู้คนนึกถึงหอยทากที่กำลังเดินเล่น ความเชื่องช้าชนิดนี้ เชื่องช้าจนถึงจุดที่ทำให้ผู้คนทนทานมิไหว ราวกับช้าลงอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็จะสิ้นลมหายใจล้มลงแล้วก็มิปาน นั่นคือสภาวะพลังที่บรรยายมิถูกชนิดหนึ่ง เชื่องช้าจนถึงขีดสุดแล้ว ราวกับทำให้ห้วงกาลเวลาหยุดชะงักลง พวกเขาเข้าใจยากยิ่งนัก ไฉนจ้านอู๋มิ่งจึงคิดเล่ห์เหลี่ยมการต่อสู้น่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้ ถึงแม้นี่อาจเป็เพียงกระบวนท่ากระบี่โดดเดี่ยวกระบี่หนึ่ง แต่กลับบรรลุถึงอีกระดับขอบเขตหนึ่งแล้ว เชื่องช้าถึงขีดสุด
ในเวลานี้เซียนกระบี่หลายคนได้ตระหนักรู้ขึ้นมาชนิดหนึ่ง เคล็ดวิชากระบี่ที่แท้จริง ไม่จำเป็ต้องเร็วที่สุดเสมอไป กระบวนท่ากระบี่ที่น่ากลัวที่สุดไม่จำเป็ต้องมีรูปแบบอันสลับซับซ้อน เหมือนเช่นกระบี่นี้ของจ้านอู๋มิ่ง เรียบง่ายอย่างยิ่ง สูงสุดคืนสู่สามัญ กลับสู่พื้นฐาน แต่มีสภาวะพลังที่สามารถทำลายทุกสิ่ง
ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาเริ่มกังวลแทนเฝิงอู๋เซวี่ย มุมมองต่อจ้านอู๋มิ่งในสายตาของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายแล้ว คนผู้นี้คืออัจฉริยะอย่างแท้จริงผู้หนึ่ง ไม่เคยได้ยินผู้ใดพูดมาก่อนว่า เคล็ดวิชากระบี่ของจ้านอู๋มิ่งน่าอัศจรรย์เพียงใด ตลอดจนไม่เคยมีผู้ใดเห็นจ้านอู๋มิ่งใช้กระบี่มาก่อนด้วยซ้ำ เขาหยิบกระบี่ขึ้นมาอย่างลวกๆ เล่มหนึ่ง ก็สามารถแสดงสภาวะพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้
ร่างของราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยก้าวไปข้างหน้าอย่างสบายๆ ก้าวหนึ่ง ลดระยะห่างจากจ้านอู๋มิ่งลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาทุกคู่กระจ่างขึ้นวูบ ถึงแม้หนึ่งก้าวของราชันกระบี่จะดูเหมือนทำให้ระยะห่างระหว่างจ้านอู๋มิ่งสั้นลง แต่เนื่องจากระยะห่างที่สั้นลงแล้ว พลังที่ควบแน่นบนตัวกระบี่จ้านอู๋มิ่งก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากไม่มีพื้นที่เพียงพอให้จ้านอู๋มิ่งรวบรวมพลังแห่งฟ้าดินและโจมตีด้วยพลังรุนแรงได้ยากเช่นกัน
“ข้าถึงกับรู้สึกได้ถึงพลังของมหาปฐีด้วยกระบี่นี้!” สายตาของชายชราเคราขาวในหอสมบัติจิติญญาที่อยู่ในระยะไกลฉายแววประหลาดใจขึ้นวูบ มองดูกระบี่นี้ของจ้านอู๋มิ่งอย่างเคร่งขรึม
ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยก้าวออกหนึ่งก้าว รูปแบบท่ากระบี่ของจ้านอู๋มิ่งมีบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น พลังธรรมชาติแห่งฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนไหวของเฝิงอู๋เซวี่ย พลันปลายกระบี่สั่นไหวและความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับถูกชักนำโดยเฝิงอู๋เซวี่ย กระบี่ที่เคร่งขรึมยิ่งนักเมื่อครู่นี้ พลันรวดเร็วประดุจสายฟ้าทันใด หนึ่งเชื่องช้ากับหนึ่งรวดเร็วฉับไว คล้ายดั่งจะฉีกกระชากจิติญญาของเหล่าบรรดาผู้ชมที่จิตสมาธิจดจ่ออยู่กับตัวกระบี่จ้านอู๋มิ่งอย่างเงียบสงบ หลายคนครางออกมาอย่างเ็ปคราหนึ่ง พวกเขาดูเหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของจิติญญา นั่นคือเสียงของกระบี่แหวกอากาศ
เฝิงอู๋เซวี่ยก็คาดไม่ถึงอยู่บ้างเช่นกัน การเคลื่อนไหวของเขากลับทำให้กระบี่จ้านอู๋มิ่งเร่งความเร็วขึ้น อีกทั้งความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ราวกับลูกโป่งที่ล่องลอยช้าๆ พลันกลายเป็อุกกาบาตหนักหน่วงลูกหนึ่งไปแล้ว เขามิอาจไม่ใช้กระบี่เข้าปะทะ เขามิได้มีเจตนาโจมตี เพียงแค่ฉุดกระชากและชักนำพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่รวบรวมไว้บนกระบี่จ้านอู๋มิ่งออกไป
กระบี่ของเฝิงอู๋เซวี่ยะเิพลังออกเป็พายุหมุนคล้ายคลื่นทะเลลูกหนึ่งก็มิปาน ดุจเส้นด้ายเกลียวไหมพันตัวกระบี่จ้านอู๋มิ่งไว้แแ่ และยามนี้เอง สิ่งที่เหนือความคาดหมายได้เกิดขึ้นแล้ว
กระบี่ของจ้านอู๋มิ่งคล้ายดั่งทนทานไม่ได้เกิดเสียงดัง "เพียะ" ขึ้นครั้งหนึ่ง ะเิกระจายออกเป็เศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน
กระบี่ของจ้านอู๋มิ่งแตกหักแล้ว ทุกคนพากันใงงงัน ไม่นานทุกคนก็ได้สติกลับคืนและเข้าใจ เดิมกระบี่ในมือจ้านอู๋มิ่งก็เป็เพียงแค่อาวุธจิติญญาระดับต่ำ ไม่สามารถแบกรับสภาวะพลังอันรุนแรงหนักหน่วงเช่นนี้ได้อยู่แล้ว กระบี่จ้านอู๋มิ่งได้สะสมพลังไว้นานเกินไป พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ทั้งหมดอัดไว้บนตัวกระบี่ กระบี่เล่มนั้นได้ถึงจุดวิกฤติเนิ่นนานแล้ว
หลังจากเฝิงอู๋เซวี่ยฟาดฟันกระบี่ออก สำนึกกระบี่ที่พลิ้วไหวเช่นสายน้ำนั้นปะทะกับอาวุธจิติญญาระดับต่ำเล่มนั้นซึ่งถึงจุดวิกฤติแล้วของจ้านอู๋มิ่ง ก็เหมือนเช่นฟางเส้นสุดท้ายที่จะบดขยี้ทับอูฐจนตาย และสุดท้ายกระบี่จึงแตกหักเป็เศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เฝิงอู๋เซวี่ยก็คาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเป็เช่นนี้ ยามนี้ถ้าเขาแทงกระบี่ออกไปข้างหน้า ย่อมสามารถสังหารจ้านอู๋มิ่งให้ดับสูญด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่พวกเขามีข้อตกลงกันอยู่ก่อน ถึงแม้จะไม่มีผู้ตัดสินชี้ขาด แต่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนได้ยินกับหูตนเองแล้ว นอกจากเขาสามารถฆ่าทุกคนที่นี่จนหมดสิ้น มิฉะนั้นเมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป สำนักกระบี่ิญญาเองก็ปกป้องเขาไม่ได้
นอกจากนี้เขาไม่จำเป็ต้องทำเช่นนั้นก็ได้ สามกระบวนท่าผ่านไป จ้านอู๋มิ่งต้องตายอย่างมิต้องสงสัย และเวลานี้กระบี่ของจ้านอู๋มิ่งแตกกระจายเป็ชิ้นๆ แล้ว ไม่มีผลคุกคามอีกต่อไป สภาวะพลังน่าสะพรึงกลัวที่สร้างขึ้นโดยจ้านอู๋มิ่งได้สลายหายไปจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือสกัดกั้นชิ้นส่วนเหล่านี้ให้มากที่สุด อย่าปล่อยให้เขายิงใส่จุดอันตรายของตน
“ติง ติง ติง…” กระบี่ของราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยรวดเร็วยิ่งนัก ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน มันมิอาจไม่ฝืนเก็บกระบวนท่ากระบี่ เปลี่ยนมาเป็การป้องกัน แต่ในชั่วระยะเวลาอันสั้นก็ยังคงกวาดเศษดาบหักขนาดเท่าเม็ดถั่วนับไม่ถ้วนกระเด็นออกไปในทันที สำหรับเศษกระบี่ชิ้นเล็กๆ เ่าั้ ไม่สามารถทำให้เขาาเ็ได้ อย่างมากที่สุดก็แค่ถากเป็รอยเล็กๆ บนิัเท่านั้นเอง
จ้านอู๋มิ่งล่าถอยหลังรวดเร็วหลายก้าว มองดูด้ามกระบี่ในมืออย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นปฏิกิริยาอันรวดเร็วของราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยก็รู้สึกมีความผิดหวังอยู่บ้าง
ลำแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งลงดุจพายุฝนฟ้าคะนองก็มิปาน เศษชิ้นส่วนกระบี่จ้านอู๋มิ่งล้วนยิงลงพื้นจนหมดสิ้น ทำให้ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยาเ็เพียงแค่รอยถลอกของิัไม่กี่แห่งเท่านั้น ตลอดจนมีรอยเืเส้นเล็กๆ ปรากฏบนข้อมือเส้นหนึ่ง เสื้อสีเขียวก็ปรากฏรูขนาดเล็กแห่งหนึ่งเช่นกัน
กระบี่เล่มนั้นะเิรุนแรงเกินไปแล้ว เศษชิ้นส่วนมากมายจนแม้แต่เฝิงอู๋เซวี่ยก็ไม่สามารถปัดป้องสกัดกั้นได้ทั้งหมด
“นี่ก็คือกระบี่ของเ้า น่าเสียดายแล้ว!” ในดวงตาของเฝิงอู๋เซวี่ยฉายแววดูแคลนวูบวาบ เมื่อครู่มีโอกาสฆ่าจ้านอู๋มิ่งมากมายยิ่งนัก แต่เขาอดกลั้นไว้ เนื่องจากเดิมพันครั้งนี้ เขาต้องชนะแน่นอนแล้ว
ตอนเริ่มต้น เขายังรู้สึกว่ากระบี่นี้ของจ้านอู๋มิ่งสร้างความกดดันให้เขาในระดับหนึ่ง แต่กระบี่ของจ้านอู๋มิ่งไม่ได้ให้เขาได้แสดงฝีมือ ถ้าจ้านอู๋มิ่งมิใช่เลือกอาวุธจิติญญาระดับต่ำเล่มนั้น และเลือกอาวุธจิติญญาชั้นสูงในมือของหนานกงเฉิงละก็ ตอนจบก็อาจไม่น่าเศร้าเพียงนี้
มีคนรู้สึกเสียดายแทนจ้านอู๋มิ่ง หากมิใช่กระบี่มีปัญหา บางทีผลลัพธ์อาจจะแตกต่างออกไป น่าเสียดายจ้านอู๋มิ่งเสแสร้งแกล้งทำมากจนเลยเถิดไป ผลก็คือพ่ายแพ้ด้วยอาวุธจิติญญาระดับต่ำที่ชำรุดเล่มหนึ่ง
ศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานอารมณ์เศร้าหมอง ขุ่นข้องหดหู่กับความพ่ายแพ้ของจ้านอู๋มิ่ง พวกเขาแค้นใจตนเองว่าไฉนไม่เตือนจ้านอู๋มิ่งั้แ่แรกให้เปลี่ยนเป็กระบี่ที่ดีกว่าเล่มหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งมองๆ กระบี่ที่เหลือเพียงด้ามกระบี่ในมือ ยักๆ ไหล่พูดอย่างอับจนปัญญาว่า “นี่มิใช่กระบี่ของข้า เป็กระบี่ที่ข้าหยิบขึ้นมา แตกสลายก็แตกสลายไปแล้ว มิมีสิ่งใดน่าเสียดายเช่นกัน”
“เ้ายังมีอีกสองกระบวนท่า หวังว่าเ้าสามารถเปลี่ยนเป็กระบี่ที่ดีหน่อยสักเล่มหนึ่ง มิฉะนั้น เ้าก็จะไม่มีโอกาสแล้ว” เฝิงอู๋เซวี่ยมองจ้านอู๋มิ่ง กล่าวล้อเลียนขึ้น
“ขอบคุณสำหรับความใส่ใจของเ้า แต่ว่าดูเหมือนว่าข้าจะไม่จำเป็ต้องใช้กระบวนท่าที่สองและสามอีกแล้ว” ในดวงตาของจ้านอู๋มิ่งฉายรอยยิ้มแปลกๆ ขึ้นวูบ เพิ่มแววเย้าหยอกขึ้นมาชนิดหนึ่ง
ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ หลังจากฟังคำพูดของจ้านอู๋มิ่งแล้วเขาใจหายวาบขึ้น เวลานี้ ความรู้สึกด้านชาและคันยุบยิบชนิดหนึ่ง เริ่มลามมาจากบนข้อมือและหน้าอกที่มีรอยขีดข่วนจากเศษกระบี่หัก พอก้มหน้ามองดู ต้องตื่นตระหนกจนหน้าเปลี่ยนสี เนื่องจากตรงรอยเืที่ข้อมือ กลับมีแมลงตัวเล็กๆ เล็กละเอียดเท่าปลายเข็มนับไม่ถ้วน คืบคลานออกมา
“พิษมีชีวิต!” ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยโพล่งอุทานเสียงต่ำ ก่อนที่ทุกคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาสะบัดกระบี่ตัดแขนที่าเ็ทิ้งอย่างกะทันหัน
โลหิตสดๆ พุ่งออกมาจากแขนข้างที่ขาด จ้านอู๋มิ่งทะยานร่างหลบวูบ ไม่กล้าให้โลหิตนั้นกระเด็นถูกร่างกายตน
“เ้าต่ำช้า!” ในที่สุดราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยก็เข้าใจแล้ว ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือแผนการที่จ้านอู๋มิ่งจัดเตรียมไว้ ั้แ่แรกเขาก็ไม่สมควรเดิมพันสามกระบวนท่าอะไรนั่นกับจ้านอู๋มิ่งแล้ว เนื่องจากจ้านอู๋มิ่งไม่ได้คิดที่จะต่อสู้กับเขาอย่างยุติธรรม เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจ้านอู๋มิ่งจะมีพิษมีชีวิตของราชันพิษได้อย่างไร พิษมีชีวิตยังถูกฉาบบนอาวุธจิติญญาระดับต่ำที่ดูธรรมดาอย่างยิ่งเล่มนั้นด้วย
จ้านอู๋มิ่งไม่ได้ใช้อาวุธจิติญญาระดับสูงของหนานกงเฉิงเพราะมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เขาได้คำนวณความทนทานของอาวุธจิติญญาระดับต่ำไว้แล้ว เตรียมพร้อมที่จะะเิอาวุธจิติญญาระดับต่ำเล่มนั้นออกเป็เศษซากได้ทุกเมื่อ เฝิงอู๋เซวี่ยยังคิดอย่างโง่เขลาว่าพลังการต่อสู้ของจ้านอู๋มิ่งจำกัดอยู่เพียงแค่นี้ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนตกอยู่ในหลุมพรางของจ้านอู๋มิ่งเนิ่นนานแล้ว!