ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆหยดน้ำกระทบลงบนกระจกรถเสียงดังไม่หยุดท่ามกลางหมอกฝนสามารถมองเห็นต้นไม้บนเขาที่โค่นล้มเป็แนวสายน้ำหลั่งไหลลงมาราวกับจะชำระล้างูเาลูกนี้ให้ราบในพริบตา
ในสภาพอากาศเช่นนีู้เี่อันกำลังติดอยู่บนเขาคนเดียว
เธอจะกลัวมากขนาดไหนนะ?
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยสายฟ้าฟาดเป็เส้นราวกับใบมีด
เขาจำได้ว่าเธอกลัวฟ้าผ่ามากแค่ไหน
“วังหยาง!”ลู่เป๋าเหยียนแทบจะบีบมือถือจนแหลกคามือ “ขับเร็วๆ หน่อย!”
“ไม่ได้ครับ!”วังหยางส่ายหน้า “อากาศแบบนี้ขับเร็วเกินไปจะอันตรายนะครับ”
“หยุดรถเดี๋ยวนี้”ลู่เป๋าเหยียนออกคำสั่ง วังหยางยังไม่ทำตาม ลู่เป๋าเหยียนจึงะโอีกครั้ง
“วังหยาง หยุดรถซะ!”
“ครับ!”
วังหยางเหยียบเบรกอย่างแรงก่อนจะเห็นลู่เป๋าเหยียนเปิดประตูรถออกไป เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“เปิดประตู!”
วังหยางเข้าใจทันทีว่าลู่เป๋าเหยียนจะทำอะไรเขาไม่กล้าปฏิเสธ จึงปีนไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับก่อนจะรัดเข็มขัดนิรภัย
เพราะพายุที่โหมกระหน่ำทำให้เสื้อผ้าของลู่เป๋าเหยียนเปียกชื้นไม่น้อย เส้นผมของเขาเต็มไปด้วยหยดน้ำแต่เขาหาได้สนใจไม่ เมื่อรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วลู่เป๋าเหยียนก็ออกรถในทันทีแลนโรเวอร์สีขาวพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ลู่เป๋าเหยียนขับรถตรงไปอย่างแน่วแน่และรวดเร็วที่น่าแปลกก็คือรถที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาดูนิ่งและมั่นคงหากมือที่กำลังกุมพวงมาลัยนั้นไม่ได้แน่นด้วยความร้อนใจแล้วล่ะก็วังหยางคงสงสัยแล้วว่าเขาเป็นักแข่งรถมืออาชีพที่ชื่นชอบในความเร็วหรือเปล่า
ลู่เป๋าเหยียนเหยียบคันเร่งจนแซงหน้ารถยนต์รอบข้างไปคันแล้วคันเล่าก่อนจะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วังหยางกลืนน้ำลายพลางจับเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่น
การขับรถเร็วขนาดนี้ในสภาพอากาศที่ไม่อำนวยไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตมาล้อเล่น คนขับรถที่มีประสบการณ์หลายปีแบบเขายังไม่กล้าแต่ท่าทางของลู่เป๋าเหยียนเหมือนกำลังขับรถความเร็วแค่หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างไรอย่างนั้น
เขาเคยได้ยินมาว่าลู่เป๋าเหยียนขับรถเก่งมากดูท่าจะเป็อย่างที่ร่ำลือจริงๆ
หนึ่งชั่วโมงกว่าให้หลังพายุฝนก็เริ่มซาลง อีกเจ็ดสิบกิโลเมตรก็จะถึงตำบลซานชิง
ลู่เป๋าเหยียนคืนรถให้กับวังหยางและบอกให้เขาขับรถด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อกลับมานั่งด้านหลังลู่เป๋าเหยียนก็โทรศัพท์ไม่หยุด
วังหยางได้ยินเขาเรียกคนมาอีกจำนวนมากแถมยังติดต่อไปยังหน่วยงานทหารเพื่อขอยืมเฮลิคอปเตอร์รวมถึงทีมงานกู้ภัยที่กำลังเดินทางมาอย่างเร่งด่วน
เขาเพิ่งเคยเห็นลู่เป๋าเหยียนทำอะไรเอิกเกริกแบบนี้เป็ครั้งแรก
ลู่เป๋าเหยียนมีอำนาจมากพอจะทำเื่แบบนี้ได้เพียงแต่ไม่เคยเอามันออกมาใช้ง่ายๆทว่าครั้งนี้เขาทั้งเป็ห่วงและกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
ดูท่าหากก่อนฟ้ามืดยังหาูเี่อันไม่พบคนทั้งตำบลซานชิงคืนนี้คงอย่าได้หวังว่าจะได้นอนหลับอย่างสบาย
บ่ายสามโมงในที่สุดพายุก็เริ่มสงบลง แต่สายฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะซาแม้แต่น้อย
เอี๊ยด!
เสียงเบรกแหลมบาดหูดังขึ้นแลนโรเวอร์สีขาวจอดลงตรงหน้าโรงพักซานชิง โดยมีรถถังนับสิบคันตามมาติดๆ
งานนี้ทั้งโรงพักถึงกับสั่นะเื
ลู่เป๋าเหยียนแค่ก้าวลงจากรถเสียวอิ่งก็จำเขาได้ทันทีเธออดะโอย่างตื่นเต้นไม่ได้
“เขามาแล้วค่ะเขาต้องช่วยเจี่ยนอันได้แน่ๆ!” ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดออกไปแบบนั้นแต่เธอมั่นใจมากว่าลู่เป๋าเหยียนจะช่วยูเี่อันได้อย่างแน่นอน
“ใครกันครับเนี่ย?” ตำรวจนายหนึ่งถาม“ขนาดตำรวจอย่างพวกเรายังขึ้นเขาไปช่วยคนไม่ได้ เขาจะทำได้งั้นเหรอ?”
“ผอ.เครือลู่ลู่เป๋าเหยียน สามีของคุณซู” สารวัตรสิงเองก็จำลู่เป๋าเหยียนได้“เขาจะช่วยคนได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เขาสามารถขอคนและเครื่องไม้เครื่องมือที่พวกเราขอไม่ได้มาในเวลาอันสั้น”
“...”นายตำรวจมองสิ่งที่อยู่ด้านหลังลู่เป๋าเหยียนแล้วจึงต้องสงบปากสงบคำ
ลู่เป๋าเหยียนก้าวเท้าตรงเข้ามาในโรงพักอย่างร้อนใจทว่าหนักแน่นใบหน้าของเขาเคร่งเครียดทำเอาคนทั้งโรงพักพากันเงียบกริบขณะมองมายังชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ
ลู่เป๋าเหยียนเดินตรงมาหาสารวัตรเหยียนทันที
“เจี่ยนอันขึ้นเขาไปั้แ่เมื่อไรครับ”
“ก่อนพายุจะเข้าครับเธอขึ้นไปตรวจสภาพศพของเหยื่อในที่เกิดเหตุ” สารวัตรเหยียนมองนาฬิกาก่อนเอ่ย “เธอติดอยู่ที่นั่นมากว่าห้าชั่วโมงแล้วต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับตอนที่เธอขึ้นเขาไปพวกผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ข้างนอกเลยไม่ได้ขึ้นไปเป็เพื่อนเธอเมื่อครู่เพราะพายุแรงมาก พวกผมจึงไม่สามารถขึ้นเขาไปช่วยเธอได้แต่ทางผมก็ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปทางเบื้องบนแล้วนะครับ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่อยากได้ยินคำขอโทษและไม่คิดจะรอความช่วยเหลือจากทาง ‘เบื้องบน’ ให้มากความเขาเอาเวลานี้รีบไปช่วยคนของเขาเสียยังดีกว่า
“คุณลู่ครับ”ชายในชุดทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เขาคือหัวหน้าหลงซึ่งเป็หัวหน้าทีมกู้ภัย
“คนของพวกเราพร้อมแล้วครับสามารถออกเดินทางได้ทันที”
“พวกคุณมีชุดสำรองติดมาบ้างหรือเปล่า”ลู่เป๋าเหยียนถาม “ผมขอสองชุด”
หัวหน้าหลงนิ่งไปก่อนจะเข้าใจว่าลู่เป๋าเหยียน้าจะทำอะไรเขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปหยิบเครื่องแบบและรองเท้ามาสองชุด
สารวัตรเหยียนเห็นดังนั้นจึงสั่งให้คนในทีมนำทางลู่เป๋าเหยียนกับวังหยางไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ก่อนหน้านี้เวลาูเี่อันต้องทำโอทีลู่เป๋าเหยียนก็มักจะมารอเธออยู่ที่สถานีตำรวจพวกเขาเคยเจอลู่เป๋าเหยียนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งเขามักจะสวมชุดสูทรองเท้าหนังตามแบบฉบับนักธุรกิจ
ตอนนี้เมื่อเขาอยู่ในชุดทหารความเยือกเย็นและเข้มแข็งของลู่เป๋าเหยียนยิ่งดูเด่นชัดจากสุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อมกลายเป็นายทหารผู้แข็งแกร่งทำให้ดูน่าหลงใหลเข้าไปใหญ่
“ว้าว!หล่อเกินไปแล้ว!” เสียวอิ่งอดเพ้อไม่ได้ “เจี่ยนอันคงมีความสุขมากแน่ๆ!”
สารวัตรเหยียนเขกหัวเสียวอิ่งอย่างแรงก่อนจะส่งเสียงเรียกสติคนในทีมให้กลับมา
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม!พวกเราเองก็รีบขึ้นเขาไปช่วยเจี่ยนอันได้แล้ว!”
ตอนนั้นเอง ลู่เป๋าเหยียนกับวังหยางก็ได้ออกเดินทางไปแล้วเรียบร้อย
สารวัตรสิงเองก็เพิ่งเรียกสติกลับมาได้
“พวกผมก็จะขึ้นเขาไปด้วย!จะเร่งหาตัวคุณซูให้พบโดยเร็วที่สุดครับ!”
แลนโรเวอร์สีขาวเคลื่อนที่อยู่ด้านหน้าสุดตามหลังมาด้วยรถถังเกือบสิบคัน และรถตำรวจอีกสี่ห้าคันขบวนรถที่น่าเกรงขามกำลังเคลื่อนตัวไปตามถนนดินลูกรังที่คับแคบเพื่อมุ่งหน้าไปยังตีนเขา
สิบนาทีต่อมารถทุกคันก็จอดลงที่จุดหมาย บรรดาทีมกู้ภัยเรียกรวมพลเสียงบางอย่างดังขึ้นจากไม่ไกล เสียวอิ่งเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบว่าเป็เสียงของเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยสองลำที่กำลังบินสำรวจอยู่บนท้องฟ้า
เสียงอิ่งยกมือทาบอก“ให้ตาย เจ๋งเป็บ้า! ขนาดเฮลิคอปเตอร์ยังมา!”
“คุณลู่ครับ”หัวหน้าหลงเดินเข้ามา “พวกเราจะแยกกันไปสำรวจตามแผนที่นี้ หากทางเราพบตัวคุณนายลู่เมื่อไรจะรีบติดต่อหาคุณทันที”
พูดจบหัวหน้าหลงและทีมงานก็ออกปฏิบัติงานทันทีคนนับร้อยแยกย้ายกันฝ่าสายฝนเข้าไปในูเาร้าง
ูเาที่สลับซับซ้อนขนาดนี้หากูเี่อันคิดที่จะลงจากเขาตอนมีพายุฝนล่ะก็ เธอคงหลงทางเป็แน่ ทุกคนจึงแยกย้ายกันค้นหาเพื่อครอบคลุมพื้นที่ให้กว้างที่สุดไม่ว่าเธอจะอยู่ตรงไหน พวกเขาจะรีบหาตัวเธอให้พบในเวลาอันสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลู่เป๋าเหยียนยืนอยู่ตรงปากทางทีู่เี่อันเดินขึ้นเขาไปเขามองไปยังเส้นทางที่คดเคี้ยวอย่างกังวลใจ
พายุฝนรุนแรงขนาดนี้เธอคงใมากแน่ๆระหว่างนั้นเธอจะคิดถึงเขาบ้างไหมนะ?
“พวกเราไปกันเถอะครับ”วังหยางเอ่ย “ช่วยกันหาตั้งหลายคนแบบนี้คงเจอก่อนฟ้ามืดแน่นอนครับอีกอย่างอาซ้อเองก็ฉลาดขนาดนั้น เธอคงช่วยเหลือตัวเองไม่ให้อยู่ในอันตรายได้”
ลู่เป๋าเหยียนพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นเขาไปกับวังหยาง
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าลู่เป๋าเหยียนจะเป็คนหาเจี่ยนอันพบกันนะ”เสียวอิ่งพูดงึมงำก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงะโไล่หลังลู่เป๋าเหยียนไป
“คุณลู่คะ!”
ลู่เป๋าเหยียนหยุดเดินก่อนจะหันหน้ากลับมาเสียวอิ่งโบกไม้โบกมือเรียกเขา
“เมื่อหลายวันก่อนเจี่ยนอันซื้อสร้อยข้อมือแบบนี้มาค่ะคุณลองสังเกตดูนะคะว่ามันหล่นอยู่ที่ไหนบ้างหรือเปล่า”
“ขอบคุณครับ”
ลู่เป๋าเหยียนออกเดินต่อวังหยางหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา
“หัวหน้าหลงครับช่วยแจ้งทางทีมของคุณให้สังเกตสร้อยข้อมือรูปดอกคามิลเลียสีขาวที่คุณนายลู่ใส่ติดตัวหน่อยนะครับถ้าเจอมันหล่นอยู่ตรงไหน บางทีเธออาจจะอยู่แถวนั้น”
“รับทราบครับ”หัวหน้าหลงรีบสั่งการลูกน้องในทีม “ฟังนะคุณนายลู่ใส่สร้อยข้อมือประดับดอกคามิลเลียสีขาวเธออาจจะถอดมันวางไว้ในที่สะดุดตาเพื่อรอให้คนไปช่วย ไม่ว่าจะคนหรือจะสร้อยก่อนฟ้ามืดเราต้องหาให้เจอสักอย่าง รีบแยกย้ายเร็วเข้า!”
ลมพายุที่พัดกระหน่ำสายฝนเริ่มแรงขึ้นอีกครั้งหยดน้ำที่ร่วงหล่นจากฟ้าตกกระทบลงบนต้นไม้ใบหญ้าส่งเสียงดังไม่ขาดสาย
ลู่เป๋าเหยียนถือไฟฉายในมือแสงไฟสีเหลืองส่องผ่านสายฝนไปมาเพื่อเป็สัญญาณใหู้เี่อันจับสังเกตได้หากเธอเห็นแสงไฟจะได้ร้องะโบอกตำแหน่งพวกเขาขณะเดียวกันลู่เป๋าเหยียนก็คอยสอดส่องไปทุกพื้นที่อย่างคาดหวังว่าจะได้พบหน้าเธอทว่ากลับก็ต้องผิดหวังทุกครั้งไป
ูเาร้างแห่งนี้กว้างใหญ่กว่าที่คิดเมื่อขึ้นมา้าพลางมองไปรอบบริเวณที่มีแต่ป่าสีเขียวรายล้อมหมอกฝนสีขาวที่บดบังทัศนียภาพทำให้เขามองไม่เห็นว่าปลายทางไปสุดอยู่ที่ไหน
คนที่กลัวเสียงฟ้าร้องสุดใจแบบูเี่อันหากต้องมาเห็นภาพตรงหน้า เธอจะใจนร้องไห้เลยหรือเปล่า?
“วังหยางส่งแผนที่มาให้ฉัน” ลู่เป๋าเหยียนเอ่ย
วังหยางไม่รู้ว่าลู่เป๋าเหยียนจะทำอะไรแต่ในเมื่อได้รับคำสั่ง เขาจึงหยิบแผนที่กันน้ำออกมา และจะใช้มือวงตำแหน่งไว้
“นายตำรวจคนที่ขึ้นมาพร้อมกับอาซ้อบอกว่าศพของเหยื่อถูกพบที่นี่ครับ ซึ่งก็คือจุดสุดท้ายที่เขาแยกกับอาซ้อ หลังฝนตกลงมาถ้าอาซ้อจะลงจากเขาล่ะก็เธอคงลงมาทางนี้ แต่สุดท้ายอาจจะหลงทาง”
“พวกเราแยกกันไปหา”ลู่เป๋าเหยียนส่งสัญญาณให้วังหยางเก็บแผนที่ “อย่าขาดการติดต่อ”
“แต่ว่า...”วังหยางเบิกตากว้าง “ไม่มีแผนที่แล้วคุณจะหายังไงล่ะครับ? เอาแผนที่ไปเถอะครับ”
“ไม่ต้อง”ลู่เป๋าเหยียนเอ่ย “ฉันจำได้แล้ว”
วังหยางนิ่งไปขณะที่ลู่เป๋าเหยียนออกก้าวเดินตรงไปข้างหน้า
สายฝนที่ตกลงมาทำให้พื้นดินลื่นกว่าทุกทีถึงรองเท้าทหารจะช่วยได้บ้าง แต่ลู่เป๋าเหยียนก็ลื่นจนเซบ้างเป็ครั้งคราว
ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้กระทบกับภาพลักษณ์ของลู่เป๋าเหยียนในใจวังหยางเลยแม้แต่น้อย
คนที่ความจำดีขนาดนี้ถ้าหาตัวอาซ้อไม่เจอสิแปลก!
