ยังมีเหตุการณ์อีกมากมายในภายหลัง ที่ทำให้จิงซิงอี้ จิงเซียว และลั่วเยี่ยน มีความสนิทสนมใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะลั่วเยี่ยนที่รักจิงซิงอี้เหมือนทั้งน้องชายและลูกชาย เพราะวัยที่ห่างกันถึง 20 กว่าปี
จิงซิงอี้หยุดคิดเื่ของลั่วเยี่ยน เขาเตรียมสมุนไพรสำหรับถุงหอมเสร็จแล้ว และจะเอาไปบรรจุใส่ถุงที่คลินิกในวันพรุ่งนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีคนไข้มาหรือไม่ เวลาว่างของเขาจึงมีมาก
เนื่องจากหมู่บ้านเจียวจูมีขนาดเล็ก ชื่อเสียงของคลินิกก็ยังไม่เป็ที่รู้จัก การที่จะให้มีลูกค้าจากภายนอกมาหา จึงต้องใช้เวลานาน จิงซิงอี้จึงหาทางที่จะทำการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามา
ในขณะที่เขากำลังเก็บอุปกรณ์ทำถุงสมุนไพรลงกล่องอยู่นั้น เขาก็รู้สึกว่ามีตัวอะไรดึงขากางเกง เมื่อก้มลงมองจึงพบว่าเป็เ้าลูกสุนัขจิ้งจอกยืนเกาะขาของเขา มันคงจะวิ่งมาจากห้องที่แม่ของมันนอนรักษาตัว
เมื่อชายหนุ่มก้มลงมอง มันก็ส่งเสียงเห่าเบาๆ และวิ่งพาเขาไปที่ประตู เหมือนจะชวนให้ตามไป
จิงซิงอี้จึงเดินตามมันไปที่ห้อง และพบแม่สุนัขจิ้งจอกลุกขึ้นยืน และกินน้ำในถ้วยอยู่ มันมองเขาอย่างระแวง แต่ก็ไม่มีท่าทีดุร้าย เหมือนมันรู้ว่าเขาคือผู้ช่วยชีวิต และจะไม่ทำอันตรายมันและลูก
จิงซิงอี้เดินเข้าไปใกล้ทีละนิด เขายื่นมือเข้าไปใกล้ๆ และถามว่า จะขอดูแผลมันได้หรือไม่ เขาชี้ไปที่แผลของมัน และทำมือบอกให้มันนอนลง
แม่สุนัขจิ้งจอกจ้องตาเขา แต่ก็ค่อยๆ นอนลง ในขณะที่เ้าตัวเล็กวิ่งไปซุกไซ้แม่ของมัน ชายหนุ่มตรวจแผลของมันอย่างระมัดระวัง และพูดกับมันว่า
“เืหยุดไหลแล้วนะ อีกพักจะเอาข้าวกับยามาให้กินนะ”
ในระหว่างนั้น พนักงานส่งของจากร้านขายอาหารสุนัขก็มาถึงหน้าบ้านพอดี จิงซิงอี้รีบเดินออกไปรับของ ในขณะที่เ้าตัวเล็กก็วิ่งตามมาด้วย เมื่อเห็นคนแปลกหน้า มันส่งเสียงขู่และทำตัวฟูๆ
จิงซิงอี้รีบขอบคุณคนส่งของและปิดประตูทันที เขาไม่แน่ใจว่าเ้าตัวเล็กจะแค่ขู่หรือเปล่า มันอาจจะกลัวคนมาทำร้ายแม่ของมันที่นอนเจ็บอยู่ข้างใน และกัดมนุษย์ได้
จากนั้น ชายหนุ่มก็เดินกลับไปเตรียมอาหารเย็นให้ทั้งกับคนและสุนัขจิ้งจอก เขาอดคิดไม่ได้ว่า จะต้องรีบหารายได้เพื่อเลี้ยงทั้งคนและสุนัขจิ้งจอก ถึงแม้ว่าจิงเซียวจะไม่้าเงินจากเขา แต่เขาก็อยากจะตอบแทนคุณตาที่เลี้ยงดูเขามาั้แ่เล็ก
จิงซิงอี้เดินเข้าไปในครัว และเตรียมอาหารให้ทั้งแม่และลูกจิ้งจอก ในระหว่างนั้น เ้าตัวเล็กแอบวิ่งตามเข้ามา มันนั่งดูเขาเตรียมอาหารอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อได้กลิ่นไก่และผักต้ม น้ำลายก็ไหลหยดลงพื้นแหมะๆ เมื่อจิงซิงอี้หันมาเห็น เขาก็หัวเราะก๊ากออกมา
เมื่อจัดการให้อาหารและยากับเ้าสองตัวเรียบร้อยแล้ว เขาจึงกลับมาทำอาหารเย็นสำหรับคนต่อ
อาหารเย็นวันนี้ จิงซิงอี้คิดว่าจะใช้ไก่ที่เพิ่งซื้อมาจากบ้านลุงซ่ง กับผักและผลไม้ที่เก็บจากในสวนหลังบ้านมาปรุง
เขาคิดว่าจะทำผัดโป๊ยเซียน เพราะวันนี้เขาใช้แรงงานและทำกิจกรรมหลายอย่างั้แ่เช้า ถ้าทำอาหารที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน สามทุ่มก็คงจะยังไม่ได้กินข้าวเย็น
จิงซิงอี้จึงหั่นไก่ หอมหัวใหญ่ แครอท กะหล่ำปลี ดอกไม้จีน เห็ดหูหนู และวุ้นเส้นเป็ชิ้นเล็กๆ จากนั้นจึงตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป ใส่หอมหัวใหญ่ลงไปผัดจนสุกนิ่ม ตามด้วยเนื้อไก่ผัดพอเริ่มสุก ก็ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม เหล้าจีน น้ำตาลทรายเล็กน้อย และใส่ผักทั้งหมดผัดด้วยไฟแรง ใส่วุ้นเส้น เติมน้ำซุป โรยด้วยต้นหอมและขึ้นฉ่าย สักพักพอผักเริ่มสลด ก็ยกลงตักใส่จาน
อีกเมนู เขาคิดว่าจะทำแกงจืดจากผักที่เหลือ เขาใช่น้ำซุปโครงไก่ที่เตรียมเอาไว้มาตั้งไฟ เติมแครอท กะหล่ำปลี เห็ดหูหนู และปรุงรสด้วยเกลือกับ ซีอิ๊วขาวพริกไทย เมื่อสุกนุ่มได้ที่แล้วจึงตักใส่ถ้วย ตักข้าวกล้องสองถ้วย และยกอาหารทั้งหมดใส่ถาดไปที่โต๊ะกินข้าว
ั้แ่อายุมากขึ้น จิงเซียวไม่ชอบกินเนื้อสัตว์มาก บางวันเขาก็ไม่กินอาหารเย็น โดยกินแค่ซุปผัก บางครั้งก็ผักลวกต้มและผลไม้ ทำให้จิงซิงอี้ติดนิสัยการกินแบบนี้มาด้วย แต่วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยและหิวมากมาก จึงลงมือทำอาหารเย็นเพื่อชดเชยพลังงานที่ขาดหายไป
ในระหว่างที่พวกเขากินอาหารเย็น ก็ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดีกับเ้าสองตัว จิงซิงอี้คิดว่า เขาจะเปิดประตูเล็กหลังบ้านเอาไว้ เผื่อพวกมันอยากจะออกไปข้างนอก เพราะมันเป็สัตว์ป่า จึงไม่สามารถกักขังให้อยู่ในบ้านแบบสัตว์เลี้ยงได้
หมู่บ้านที่นี่ยังคงมีความเงียบสงบอยู่ จึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีโจรเข้ามาขโมยของ และบ้านของเขายังเป็บ้านหลังสุดท้ายที่อยู่ติดกับชายป่า ไม่มีคนเดินผ่านไปมาบ่อยนัก
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มเล่าเื่คลินิกว่า ตอนนี้มีคนไข้มาน้อยมาก เขากลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ ทำให้จิงเซียวต้องหัวเราะออกมา
จิงซิงอี้เล่าต่ออย่างจริงจังว่า เขาเลยคิดจะวางแผนโปรโมทคลินิกด้วยการไปรักษาฟรีกับเพื่อนเก่าที่เรียนมาด้วยกัน และตอนนี้ทำงานที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยแพทย์ และเขาจะไปรักษาฟรีที่หมู่บ้านจินิที่อยู่ใกล้ และจะแจกถุงหอมสมุนไพรที่มีที่อยู่ติดต่อด้วย
จิงเซียวยิ้ม เขานึกถึงคำพูดของคนอื่นที่บอกว่า จิงซิงอี้โง่มากที่มาเปิดคลินิกในหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ แต่จิงเซียวรู้นิสัยดื้อดึงของจิงซิงอี้ เขาจึงไม่เคยห้าม และเขารู้ฝีมือในการรักษาของหลานชายคนนี้ดี
ที่จริงแล้ว ั้แ่ตอนใกล้จะเรียนจบ มหาวิทยาลัยที่เขาเรียนมา อยากจะให้ทุนเขาเพื่อเรียนต่อและกลับมาเป็อาจารย์ แต่เขาปฏิเสธ และยังมีโรงพยาบาลใหญ่บางแห่งติดต่อให้เขาไปทำงานด้วย แต่จิงซิงอี้ก็ปฏิเสธอีก และเลือกมาอยู่ที่บ้านนอกแบบนี้
จิงซิงอี้้าจะกลับมาอยู่กับจิงเซียวที่อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ระยะหลังมานี้ สุขภาพของจิงเซียวทรุดโทรมลงไป ถึงเขาจะเป็แพทย์จีนที่มีฝีมือดี แต่อาการที่เขาเป็เกิดจากการสะสมของสารพิษในร่างกายมาหลายปี
่ที่ชายหนุ่มเดินทางไปเรียนต่อที่ปักกิ่ง เขาแทบจะไม่มีเวลาได้กลับมาหาจิงเซียวเลย เมื่อเรียนจบ เขาจึงไม่รอช้าที่จะกลับมาดูแลจิงเซียวที่อาศัยอยู่หมู่บ้านนี้คนเดียว
สำหรับจิงเซียวแล้ว เงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขามีเงินมากพอที่จะสนับสนุนความฝันของหลานชาย ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางใดก็ตาม การให้หลานชายได้ทำตามความฝัน จึงเป็เป้าหมายสำคัญใน่บั้นปลายชีวิตของจิงเซียว
แต่จิงเซียวเข้าใจจิงซิงอี้ดี เขาหาเงินเองมาั้แ่เด็กๆ เขาจะใช้เงินของจิงเซียวเฉพาะในสิ่งที่จำเป็ ชายหนุ่มจึงดิ้นรนที่จะมีเงินและเลี้ยงตัวเองได้ โดยไม่้าเบียดเบียนจิงเซียว
