วันต่อมา เถี่ยหลิวหยุนมาหาหวังเค่อแต่เช้า
ทั้งสองไปยังตำหนักหมาป่าประจิมพร้อมกัน
“พรรคเทพหมาป่า์เรากอปรไปด้วยสี่ตำหนัก
ตั้งอยู่โดยรอบูเาิญญา ตำหนักหมาป่าประจิมตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก! นั่น
ข้างหน้านั่น! แต่ตำหนักประจิมไม่ค่อยได้รับความนิยมจากคนในพรรคเท่าไหร่!” เถี่ยหลิวหยุนชี้มือไปยังตำหนักบนเขาที่ห่างไปไม่ไกลพลางอธิบาย
ตอนนี้เอง
ไป๋จินที่คล้ายยืนรออยู่นานแล้วก็ปรากฏขึ้นไม่ไกล
“ศิษย์พี่รอง
รองเ้าตำหนักหวัง! ถงอันอันถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน เชิญทั้งสองท่านตามข้ามา!”
ไป๋จินพูดพลางค้อมศีรษะทักทายเล็กน้อย
“อ้อ?” ทั้งสองผงกศีรษะ
สถานที่คุมขังมิใช่ยอดเขาตำหนักประจิม
หากแต่เป็เนินดินเบื้องล่าง ทั้งหมดก้าวเท้าเข้าไป
ภายในถ้ำถูกประดับด้วยมุกราตรีสว่างเรือง
เมื่อเดินไปได้ชั่วระยะหนึ่งก็พบห้องขัง
ภายในนั้นขังไว้ด้วยนักโทษที่ปรากฏไอมารพ่นออกรอบกาย
พุ่งร่างเข้าใส่ทั้งสามที่เดินผ่านอย่างไร้สติ
“นี่มัน…?” หวังเค่อคิ้วขมวด
“มาร!
พวกมันคือมารร้ายสุดร้ายกาจ เมื่อถูกกักขังไม่อาจกินคนได้
อาการเสพติดของพวกมันก็ะเิออก สุดท้ายกลายเป็สติฟั่นเฟือน สูญเสียสำนึก
เพียงรู้จักแต่จะกินคนเท่านั้น!” ไป๋จินอรรถาธิบาย
“ทั้งหมดล้วนเสียสติแล้ว?”
หวังเค่อถามอย่างประหลาดใจ
“เกือบทั้งหมด!” ไป๋จินตอบ
“อาการเสพติดมาร? ก็คือหากมารถูกขังไว้เป็ระยะเวลานานโดยไม่ได้ดื่มเืมนุษย์
สุดท้ายก็จะกลายเป็บ้า?” หวังเค่อเอ่ยสีหน้าประหลาดพิกล
“ใช่
พวกมันจะเหลือแต่ความกระหายใคร่กลืนกินเนืุ้์ แต่หากได้กินเืมนุษย์
ก่อบาปกรรม พวกมันก็จะคืนสติกลับมา!” ไป๋จินกล่าว
“งั้นพวกนี้…!”
“มารพวกนี้ถูกกักขังเป็เวลานานหลายสิบปี
อีกไม่นานพวกเราก็จะกำจัดมันแล้ว!” ไป๋จินบอก
หวังเค่อเผยสีหน้าประหลาดแต่ไม่พูดอะไรออกมา
“ถงอันอันเล่า? นี่ยังไม่ลึกพออีกหรือ? พวกเราเดินมานานขนาดนี้ยังไม่ถึงอีก?”
เถี่ยหลิวหยุนขมวดคิ้ว
“ถงอันอันศักดิ์ฐานะในลัทธิมารสูงส่ง
ดังนั้นพวกเราจึงควบคุมตัวมันเป็พิเศษ ใกล้จะถึงแล้ว!” ไป๋จินตอบ
ทั้งสามเดินมาชั่วครู่
ก่อนจะได้ยินเสียงคำรามทึบทึมยาวเหยียด
“โฮกก~~~~~~~~!”
นี่เป็เสียงโหยหวนหม่นมืด
เหล่ามารทั้งหมดในห้องขังพลันขดกายตัวสั่นสะท้าน
“นี่คือ…?” หวังเค่อเอ่ยอย่างแปลกใจ
เบื้องหน้าคือหลุมดำลึกไม่เห็นก้นที่ถูกกางกั้นไว้ด้วยรั้ว
มองดูราวกับไร้ก้นบึ้ง หากทว่าเสียงคำรามกลับดังออกมาจากหลุมนั้น
แถมพวกมารทั้งหลายเมื่อได้ยินเสียงกลับต้องหวาดผวาจนตัวสั่นงันงก?
“นั่นมารร้ายไร้เทียมทาน
ยังไม่ตายอีกหรือ?” เถี่ยหลิวหยุนเอ่ยอย่างคาดไม่ถึง
“มารไร้เทียมทานที่ถูกสะกดไว้ใต้เขาิญญา
ข้าได้ฟังที่อาจารย์เล่ามา มันเป็มารประเภทไหนกัน? ทำไมต้องสะกดไว้?
แค่ฆ่ามันยังไม่พอหรือ?” หวังเค่อเอ่ยกังขา
“ข้าเองก็ไม่รู้
ได้ยินอาจารย์บอกว่า มารที่ถูกสะกดไว้ใต้เขาิญญาตนนี้แข็งแกร่งสุดเปรียบ
แถมฆ่าไม่ตาย!” เถี่ยหลิวหยุนส่ายหัว
“ไม่น่านะ? มีมารที่ฆ่าไม่ตายด้วย?” หวังเค่อเดินเข้าไปใกล้หลุมดำด้วยความอยากรู้
“ศิษย์น้อง ระวังด้วย
เดี๋ยวจะตกลงไป! ถ้าตกลงไปจะไม่สามารถปีนขึ้นมาได้!” เถี่ยหลิวหยุนเรียก
“ไม่เป็ไรหรอก
มันถูกูเาิญญาสะกดเอาไว้นี่ ออกมาไม่ได้อยู่แล้ว” หวังเค่อเอ่ยยิ้มๆ
เถี่ยหลิวหยุนผงกศีรษะ
ทว่าไป๋จินกลับหลบลี้ไปไกลห่าง หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้หลุมลึก
“พี่ไป๋ ท่านทำอะไร? ต้องกลัวขนาดนั้น? มารไร้เทียมทานถูกสะกดไว้ตั้งนานแล้ว
ถ้ามันจะออกคงออกมาแล้ว ท่านจะหลบไปทำอะไร?” หวังเค่อเอ่ยอย่างแปลกตา
“ไม่ ไม่ทำไม รีบไปกันเถอะ!”
ไป๋จินเร่ง
“โฮก!”
เสียงคำรามของมารไร้เทียมทานก้องออกมาจากปล่องหลุมลึกอีกครั้ง
มารทั้งหลายสั่นเทิ้ม ไม่กล้าส่งเสียงสักแอะ ไป๋จินยิ่งเร่งฝีเท้ากว่าเดิม
“เ้าไป๋จินนี่สงสัยหัวสมองมีปัญหา
ดันกลัวเสียงคำรามของมารไร้เทียมทานด้วย? เ้ามารนั่นก็ถูกสะกดมานานแล้ว
ยังจะกลัวอะไร?” หวังเค่อเอ่ยเสียงพิกล
“จะไปรู้ได้ยังไง!
มันอาจจะเป็คนนิสัยตาขาวอยู่แล้วก็ได้!” เถี่ยหลิวหยุนเองก็รู้สึกแปลกๆ
หวังเค่อและเถี่ยหลิวหยุนยังคงเดินลึกเข้าไปในถ้ำ
ตามการนำทางของไป๋จิน
ไม่นานก็มาถึงห้องขังของถงอันอัน
รอบห้องขังปรากฏศิษย์พรรคเทพหมาป่า์หลายคนที่ยืนรายล้อม
ทุกคนมือกุมกระบี่พร้อม คล้ายกริ่งเกรงถงอันอันหลบหนี
ถงอันอันถูกขังไว้ในห้อง
หากปราศจากโซ่ตรวน คนนั่งอย่างเงียบงันคล้ายกำลังรอความตาย
“ไม่ ไม่ถูกต้อง ศิษย์พี่รอง
ระวังด้วย!” หวังเค่อร้องออกมากะทันหัน
ตูม!
ทันใดนั้น
ลูกกรงขนาดมหึมาก็ร่วงหล่นลงจากฟ้า ครอบร่างหวังเค่อและเถี่ยหลิวหยุนไว้ภายในทันที
ตอนแรกหวังเค่อกำลังจะหนี
แต่กระบี่หลายเล่มถูกตวัดออกมาจ่อลำคอจนหวังเค่อต้องดึงโล่อาคมออกมาปัดป้อง
ท้ายที่สุดจึงถูกขังไว้ ไม่อาจหลบหนีออกไปได้
“ทลาย!”
เถี่ยหลิวหยุนหน้าเปลี่ยน
มันสะบัดกระบี่ตัดใส่กรงขัง ทว่ากรงนี้เองก็เป็อาวุธวิเศษ
บังเกิดม่านพลังป้องกันออกมาจนไม่สามารถตัดขาดได้
“ไป๋จิน นี่เ้าทำอะไร?”
เถี่ยหลิวหยุนะโไปยังไป๋จินที่อยู่ไม่ห่าง
“ศิษย์พี่รอง ไม่ต้องะโ
พวกมันเป็พวกเดียวกับถงอันอัน!” หวังเค่อะโสีหน้าเปลี่ยน
หวังเค่อกำซี่กรงด้วยมือทั้งสองข้างแน่น
พลางจ้องถงอันอันเขม็ง
ชั่ววินาทีที่มันมองเห็นถงอันอัน
มันก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เนื่องเพราะสภาพถงอันอันดูเรียบร้อย ผมเผ้าเข้าที่
ไร้รอยาแหรือร่องรอยเสื้อผ้าขาดวิ่น นี่ใช่สภาพคนที่ถูกสอบสวนหรือไง? ชัดเจนว่าถงอันอันไม่ได้ถูกตำหนักประจิมสอบสวน
“ไป๋จิน มันเป็พวกมาร?”
เถี่ยหลิวหยุนมองหวังเค่อด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
ทว่า
ไป๋จินกลับค้อมศีรษะกล่าวต่อถงอันอัน “ท่านผู้ดูแล ข้าพาคนมาแล้ว!”
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์หลายคนโดยรอบล้วนเชื่อฟังคำสั่งของไป๋จิน
ทั้งหมดชี้ปลายกระบี่มาทางพวกหวังเค่อ
ถงอันอันในคุกยืนขึ้นทันที “ดีมาก!”
“ถงอันอัน? ไป๋จินรับใช้เ้า? มันเองก็เป็มาร?” หวังเค่อถามเสียงเย็น
“ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ใช่
คิดว่าซุนซงคือศิษย์ลัทธิมารคนเดียวในพรรคหรือไง? ไม่มีทาง
ยังมีคนของข้าอยู่อีก! หวังเค่อ คิดไม่ถึงล่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ถงอันอันสีหน้าอำมหิต ขณะค่อยๆ สาวเท้าเข้ามา
“ตำหนักประจิมถูกพวกมารแทรกซึม?”
เถี่ยหลิวหยุนแสดงสีหน้าหวาดหวั่น
“ไม่อย่างงั้น เ้า
เถี่ยหลิวหยุน เ้าคิดว่าปีนั้นเ้าถูกจับได้ยังไง?” ถงอันอันแค่นเสียงเหยียด
“ปีนั้น? ปีนั้น? ข้าว่าแล้ว
เส้นทางที่พวกเราใช้เป็ความลับอย่างที่สุด คนอื่นนอกจากศิษย์ในพรรคล้วนไม่ล่วงรู้
ที่แท้ข้าก็ถูกพวกตำหนักประจิมหักหลัง? ไม่ ไม่
ยี่สิบปีมานี้ พวกเ้าแฝงตัวมาอยู่ในพรรคของเรามากมายเท่าไหร่แล้ว?” เถี่ยหลิวหยุนพลันร่ำร้องออกมา
“ศิษย์พี่รอง
ท่านถูกจับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน?” หวังเค่อมองดูเถี่ยหลิวหยุน
“ใช่ ยี่สิบปีก่อน
ในงานชุมนุมประตูั ข้าเป็ตัวแทนของพรรคเทพหมาป่า์เข้าไปสรรหาศิษย์ใหม่
แต่ขากลับกลับถูกซุ่มโจมตี ข้าคิดว่าทุกอย่างเป็เพียงเื่บังเอิญ ผู้ใดจะคาด
ผู้ใดจะคาด…!” เถี่ยหลิวหยุนเอ่ยด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
“ศิษย์พี่รอง ไม่ต้องห่วง
ยี่สิบปีผ่านมา พรรคมารยังไม่อาจยึดครองพรรคเทพหมาป่า์ได้
หมายความว่าพวกที่แทรกซึมเข้ามาล้วนเป็มารระดับต่ำและมีจำนวนน้อย บางทีพวกนี้อาจเป็ทั้งหมดแล้วก็ได้!
ไม่เช่นนั้น ผ่านมายี่สิบไป ไฉนยังน่าสมเพชปานนี้?” หวังเค่อปลอบใจ
“น่าสมเพช? เฮอะ หวังเค่อ ความตายกรายศีรษะ ยังจะปากเก่งอีก?” ไป๋จินตวาดพลางจ้องเขม็ง
“ความตายมาถึง? อ้อ ไป๋จิน ข้าว่าเ้าต่างหากที่กำลังจะตาย!” หวังเค่อแค่นเสียงเย็น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้ากำลังจะตาย?
เ้ายังคิดว่าจะออกไปได้อีก? ตอนนี้ปากทางเข้าถ้ำถูกปิดผนึกแล้ว!
เ้าต่างหากที่ไม่มีทางรอด!!” ไป๋จินหัวเราะเ็า
“คิดไม่มีใครรู้ว่าข้ามาหรือ?
หากวันนี้ข้าไม่กลับออกไป มีหรือท่านอาจารย์จะไม่ทราบ? พวกเ้าสมองหมูรึไง? กล้าวางกับดักข้าในพรรคเทพหมาป่า์
ตัวเองย่อมต้องเปิดเผยฐานะ หากไม่เรียกว่าพวกเ้ากำลังจะตาย จะให้เรียกว่าอะไร?”
หวังเค่อเหยียดหยัน
“วันนี้พวกเราเมื่อช่วยท่านผู้ดูแลไว้
ก็ไม่จำเป็ต้องรั้งอยู่ในพรรคเทพหมาป่า์อีก
หากมิใช่ว่าท่านผู้ดูแลถง้าสังหารเ้า
พวกเราคงออกไปจากที่นี่ั้แ่แรกแล้ว!” ไป๋จินเอ่ยเย็นยะเยียบ
“เหอะ
พวกเ้าช่วยมันได้แล้วยังไง? มันลอบฆ่าเซิ่งจื่อ
ตอนนี้ถูกมารอริยะตามล่า พวกเ้าคิดว่าถงอันอันสามารถช่วยพวกเ้าทะยานปีนป่ายขึ้นในลัทธิมารได้หรือ?
ไม่เลย เ้าไม่เพียงเปิดเผยฐานะของตัวเองในพรรคเทพหมาป่า์
ทำลายแผนการของลัทธิมารจนถูกทำโทษ
แถมเ้ายังถือว่ามีส่วนรู้เห็นในคดีถงอันอันลอบสังหารเซิ่งจื่อ แน่จริงก็ออกไปเลย
มารอริยะไม่มีทางปล่อยพวกเ้า พวกเ้าต่างหากที่กำลังจะตาย!” หวังเค่อเอ่ยถากถาง
ไป๋จินหน้าแข็งค้าง
“หวังเค่อ คิดยุยงพวกเรา?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าว่า เ้ายุผิดคนแล้ว
พวกไป๋จินทั้งหมดคือคนของเ้าตำหนักเรามอบหมายมาั้แ่ต้น แล้วก็
เ้าคิดว่ามารอริยะสามารถใช้มือเดียวบังฟ้าได้ในลัทธิมารงั้นสิ? คิดว่าถ้าข้าออกไปจะถูกศิษย์ลัทธิมารไล่ล่าเรอะ? อย่าฝัน!”
ถงอันอันแค่นเสียง
หวังเค่อหน้าดำทะมื่น
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เถี่ยหลิวหยุนจู่ๆ ก็โพล่งออกมา
“หา?” ทุกคนมองมันเป็ตาเดียว
“มิน่าเล่า
ทำไมเมื่อครู่พอมารไร้เทียมทานในถ้ำลึกคำราม ไป๋จินถึงได้กลัวจนตัวสั่น
เพราะว่ามันก็เป็มารนี่เอง!” เถี่ยหลิวหยุนะโ
ไป๋จิน “…!”
ถงอันอัน “…!”
หวังเค่อ “…!”
หรือที่แท้ศิษย์พี่รองเป็พวกหัวช้า? เ้าพึ่งจะนึกออก?
“ถงอันอัน? เ้ากล้ามาก มีโอกาสหนีแล้วแต่ยังคิดวางแผนร้ายในพรรคเทพหมาป่า์?
ฮ่าฮ่า อาจารย์ของข้ากำลังมาแล้ว พวกเ้าอย่าได้คิดหนีแม้แต่คนเดียว!”
หวังเค่อถลึงตา
“เ้ายังกล้า
ข้าทำไมจะไม่กล้า?” ถงอันอันเอ่ยอย่างเคียดแค้น
“เมื่อวาน
ข้าให้ไป๋จินไปเปิดโปงฐานะเ้า ฮ่าฮ่าฮ่า
คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเป็ศิษย์ของฝ่ายธรรมะของแท้ ทั้งยังมิได้เป็มารแม้แต่น้อย
ศิษย์ฝ่ายธรรมะอย่างเ้ากล้าไปอาละวาดสร้างเื่ถึงลัทธิมาร แล้วข้าไหนเลยจะไม่กล้าสร้างเื่ที่นี่?
เฮอะ วันนี้คือวันตายของพวกเ้า ข้ายินยอมเผยฐานะของไป๋จินและพวกมัน
ก็เพราะ้าให้พวกเ้าตาย!” ถงอันอันเค้นเสียงอาฆาต
“พวกเรามีความแค้นยิ่งใหญ่ปานนั้นเชียว?”
หวังเค่อถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีหรือ? หวังเค่อ ไอ้คนลวงโลก! ข้า้าดูเ้าตาย เ้าทำร้ายข้าอย่างสาหัส
ข้า้าชีวิตเ้า!” ถงอันอันร่ำร้องด้วยความโกรธแค้น
หวังเค่อในใจหม่นทะมึน
วันนี้เป็วันซวยใหญ่ แต่ไม่อาจแสดงออกเด็ดขาด ก่อนอื่นต้องถ่วงเวลาไปก่อน
ว่าไปแล้วเื่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ก็มิใช่ว่าไม่เคยผ่านมาก่อน
แม้แต่เกาะเทพัยังรอดมาได้ ยังจะต้องกลัวอะไรพวกมันอีก?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
หวังเค่อหัวเราะลั่น
“เ้าหัวเราะอะไร?” ถงอันอันเอ่ยเสียงเย็น
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเ้าวางกับดัก
ดังนั้นขอร้องให้ท่านอาจารย์คอยดักรออยู่ที่หน้าถ้ำั้แ่แรก!” หวังเค่อหัวเราะ
“เ้าว่าไงนะ?” ไป๋จินและพวกหน้าเปลี่ยนสี
“ยังมี
พวกเ้าคิดว่ามารกระจอกอย่างพวกเ้าสามารถตบตาท่านอาจารย์ข้าได้จริงๆ? ไม่มีทาง ท่านอาจารย์ทราบเื่นี้มานานแล้ว!
และในหมู่พวกเ้าก็มีสายลับสองหน้าที่อาจารย์ข้าฝากเข้าไปอยู่!” หวังเค่อชี้กราด
“เ้าว่าอะไร?”ไป๋จินหน้าดำ
“ไม่เชื่อเหรอ? ดูกรงอาคมของเ้าสิ ที่จริงถูกสลับเปลี่ยนไปแล้ว เ้ารู้รึเปล่า? ไป๋จิน!” หวังเค่อคำราม
“สลับ?”
“ใช่ กรงอาคมนี้
ต่อหน้าข้าก็แค่กรงธรรมดา ต่อหน้าข้าก็ไม่ต่างอะไรจากกระดาษ
คิดว่าเ้าจะขังพวกเราไว้ได้จริงๆ?” หวังเค่อเอ่ยเหยียดหยาม
“อย่าไปฟังมันเพ้อเจ้อ
ตัวบัดซบหวังเค่อมันคือนักต้มตุ๋น ไม่มีอะไรจริงทั้งนั้น!”
ถงอันอันกรีดเสียงด้วยความแค้น
“ไม่เชื่อใช่มั้ย? งั้นข้าจะพิสูจน์ให้เ้าเห็นเอง!” หวังเค่อหัวเราะเสียงเย็น
“ศิษย์น้อง
เมื่อครู่ข้าลองแล้ว กรงขังนี่เป็ศาสตราอาคมของจริง!”
เถี่ยหลิวหยุนยิ้มขื่นอยู่ด้านข้าง
หวังเค่อหน้าคล้ำ
ศิษย์พี่รองท่านจะซื่อเกินไปไหม?
ข้ากำลังหลอกพวกมัน แทนที่จะเล่นตามน้ำเนี่ยนะ?
หวังเค่อเมินเสียงแว่วของศิษย์พี่รอง
มันล้วงไม้ขีดไฟออกมาก่อนจะจุดพรึบ
“โฟ่ววววว!”
กรงด้านหน้าของหวังเค่อลุกเป็ไฟขึ้นมาทันที
พริบตานั้นหลายที่ล้วนติดอัคคีแดงฉานลุกโชน
ที่แท้เป็หวังเค่อลอบถ่ายเทสัจปราณขุ่นของมันเข้าไปตามที่ต่างๆ
สัจปราณขุ่นสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่กระบี่ไอธรรมะ
แล้วศาสตราอาคมธรรมดาเช่นนี้มีหรือจะรอด?
บรึ้ม บรึ้ม บรึ้ม!
ซี่กรงเหล็กถูกเผาจนแดงร้อนลวก
ก่อนจะเริ่มหลอมละลายบิดเบี้ยว
“เอ๋? กลายเป็กระดาษจริงๆ?”
เถี่ยหลิวหยุนอุทานด้วยความประหลาดใจ
ถงอันอัน “…!”
ไป๋จิน “…!”
มารทั้งหลายเองก็อึ้งงุนงง
ไม่น่าใช่ ทำไมกรงเหล็กอาคมนี้ถึงติดไฟขึ้นมาได้?
“ไง เหมือนที่ข้าพูดมั้ยล่ะ?
กรงอาคมนี่ คิดหรือว่าจะขังพวกข้าเอาไว้ได้? แค่ดึงก็หักแล้ว!”
หวังเค่อกระทืบเท้า
ตึง !
ซี่เหล็กร้อนร่วงหล่นลง
ปราการด้านนอกของกรงเองปรากฏรูโหว่ช่องใหญ่
พังแล้ว?
“ไป๋จิน
นี่มันกรงอาคมงานกงเต็กหรือไง?” ถงอันอันจ้องเขม็ง
“ไม่ เป็ไปไม่ได้
ข้าซื้อมาตั้งแพง จะเป็กรงกระดาษได้ยังไง?” ไป๋จินประท้วง
“งั้น ในหมู่พวกเราก็มีสายลับสลับกรงไป?”
ถงอันอันสีหน้าเปลี่ยน มองดูคนทั้งหมดโดยรอบด้วยสายตาน่ากลัว
“ไม่จริง เมื่อตะกี้เถี่ยหลิวหยุนเองยังพยายามฟันใส่กรงเลยนี่?
เถี่ยหลิวหยุนเ้าหมอนี่เป็คนซื่อ มันโกหกใครไม่เป็!”
ไป๋จินโพล่งขึ้น
“เถี่ยหลิวหยุนไม่โกหก
งั้นเ้าหวังเค่อก็โกหกสินะ?” ถงอันอันสีหน้าเปลี่ยนอีกรอบ
“หือ?” ทุกคนมองมาทางหวังเค่อ
“ศิษย์พี่รอง ยืนเหม่อทำอะไร
วิ่ง!” หวังเค่อะโก้อง
