เหยาเชียนเชียนได้เข้าใจแล้วจริงๆ ว่า ‘เร็วๆ นี้’ นั้นเร็วเพียงใด
ในวันที่สามหลังเกิดเหตุ ทางวังหลวงได้ปะาชีวิตข้าหลวงคนหนึ่ง คนผู้นั้นคือผู้ติดตามของซ่งอีอีที่ให้การว่าเห็นเหยาเชียนเชียนถูกผลักตกน้ำ
“้าระบายความแค้นแทนผู้เป็นาย ดังนั้นจึงตัดสินใจผิดพลาดเพียงชั่ววูบ จุ๊ๆ”
เหยาเชียนเชียนถอนใจ “เหตุผลนี้แม้แต่ข้าฟังแล้วก็ยังอยากหัวเราะ”
สาวใช้คนหนึ่งกล้าทำร้ายหวังเฟย นี่ไม่ใช่เหตุผลที่สามารถใช้คำว่า ‘ภักดี’ มาอธิบายได้ นางจะมีความกล้ามากเพียงนั้นเชียวหรือ?
“สรุปแล้วเื่นี้ก็ผ่านการพิจารณาแล้ว คาดว่าไม่สามารถแก้ไขได้อีก” หลิ่วอิงเอ๋อร์เคาะโต๊ะเบาๆ และกระซิบกับเหยาเชียนเชียนว่า “พี่หญิง แม้ว่าเื่นี้ท่านจะได้รับความลำบาก ทว่าในอนาคตอย่าได้พูดถึงอีกเลยเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าเื่นี้มีคนพยายามเหยียบไว้ให้แล้ว”
ไม่เช่นนั้น ต่อให้สาวใช้ผู้นั้นตัดสินใจกระทำด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถตีนางจนตายได้อย่างง่ายดายอยู่ดี อย่างน้อยที่สุดครอบครัวของนางก็คงไม่สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ จะปิดคดีอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้เชียวหรือ
เหยาเชียนเชียนยังคงระลึกอยู่เสมอว่าฮ่องเต้ดูแลนาง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากนัก
ถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็ทรงทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน นางไม่ได้ใส่ร้ายผู้ใด ไม่เพียงแค่ไม่ได้ใส่ร้าย ทว่าั้แ่ต้นจนจบนางเป็ผู้โชคร้ายเสียด้วยซ้ำ
“ช่างเถิด คดีปิดไปแล้ว หากข้ายังคงฝังใจต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร” เหยาเชียนเชียนโบกมือ “พูดเื่ที่น่ายินดีสักหน่อยดีกว่า มีหรือไม่?”
หลิ่วอิงเอ๋อร์พยักหน้าอย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า “มีเพคะ ่นี้มีชายคนหนึ่งมาที่ตลาด เขามีลูกสาวที่สามารถร้องรำทำเพลงได้อยู่คนหนึ่ง ว่ากันว่านางรู้ภาษางูด้วย ทุกคนแห่ไปดูความบันเทิงกันทั้งนั้นเลยเพคะ”
งูหรือ เหยาเชียนเชียนเม้มปาก พูดถึงหมองูก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ทว่าความสนใจของนางต่อการแสดงปาหี่เหล่านี้มีไม่มาก จึงอยากให้หลิ่วอิงเอ๋อร์พูดถึงเื่อื่นแทน
ทว่าอีกฝ่ายดูจะสนใจมาก และดึงแขนนางอย่างออดอ้อน
“พี่หญิง เราไปดูกันเถิดเพคะ หม่อมฉันต้องบอกท่านพ่อว่าออกมาเยี่ยมพี่หญิงเท่านั้นท่านถึงจะยอมให้หม่อมฉันออกนอกจวน หากเป็เวลาอื่นหม่อมฉันก็ไปดูไม่ได้แล้ว พระองค์ไปดูกับหม่อมฉันเถิดนะเพคะ”
ยังคงเป็เด็กน้อยอยู่จริงๆ ด้วย เหยาเชียนเชียนยิ้มอย่างจนใจ และหมายจะเรียกอาเหยียนไปด้วยกัน ทว่าเมื่อคิดดูแล้วก็กลัวว่าการแสดงงูจะทำให้เขาใ ถึงอย่างไรแมวและงูล้วนเป็สัตว์ทั้งคู่ หากไม่ถูกชะตากันเล่า
คิดสะระตะอยู่หนึ่งตลบ สุดท้ายเหยาเชียนเชียนก็ออกไปกับหลิ่วอิงเอ๋อร์เพียงสองคน โดยที่ไม่จำเป็ต้องเพ่งมองหา ตำแหน่งใจกลางตลาดมีกลุ่มคนยืนล้อมกันเป็วงใหญ่ คาดว่าพวกเขาคงมาดูแม่นางผู้นั้นแสดงงูเป็แน่
“ตรงนั้นแหละเพคะ” หลิ่วอิงเอ๋อร์ลากเหยาเชียนเชียนเข้าไปอย่างตื่นเต้น
ระหว่างที่เหยาเชียนเชียนเบียดตัวไปข้างหน้าสุด ลูกตาก็แทบจะถลนออกมา
นั่นมันแม่นางผู้งดงามที่ใดกัน นั่นมันเด็กผู้หญิงชัดๆ!
ดูไปอายุราวเจ็ดถึงแปดขวบและมีหน้าตาน่ารัก ทว่าห่างไกลกับคำว่า ‘แม่นาง’ อยู่มากโข เหยาเชียนเชียนเพิ่งเคยเห็นเด็กที่มีอายุน้อยขนาดนี้มาทำการแสดงงูเป็ครั้งแรก เมื่อดูจากระดับความเชี่ยวชาญของนางแล้ว ไม่อาจทราบได้เลยว่านางฝึกฝนมานานกี่ปี
“เก่งจัง” หลิ่วอิงเอ๋อร์รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถสะกดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้ นางตั้งใจดูตลอดการแสดง “พี่หญิงดูสิเพคะ งูตัวนี้ฟังคำสั่งของนางจริงๆ ด้วย”
คนที่เป็หมองูย่อมมีวิธีการฝึกฝนของตัวเอง ทว่าเหยาเชียนเชียนกลับรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เมื่อเห็นเด็กตัวแค่นั้นเอางูเหลือมที่มีขนาดใหญ่หนึ่งหมี่ [1] มาพันบนร่างกายก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ลำตัวของงูตัวนั้นหนาว่าแขนของนางเสียอีก เด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้มีรูปร่างผอมบางเสียจนต่อให้งูกินนางเข้าไปสองคนก็ยังไม่เต็มลำตัวของงูด้วยซ้ำ
ขณะที่กำลังครุ่นคิด จู่ๆ งูตัวนั้นก็เกิดควบคุมไม่ได้โดยไร้สาเหตุ เมื่อเหยาเชียนเชียนคืนสติได้ มันก็พุ่งเข้ามากัดนางด้วยปากขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนทั้งหัวของนางได้อย่างง่ายดาย
“พี่หญิง!” หลิ่วอิงเอ๋อร์กรีดร้องราวกับจะขาดใจ แต่นั่นก็ทำให้เหยาเชียนเชียนตั้งสติกลับมาได้และหลบไปด้านในทันที ทำให้สามารถหลบปากขนาดใหญ่นั้นได้อย่างฉิวเฉียด
“พี่หญิง ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
หลิ่วอิงเอ๋อร์แทบจะวิ่งขาพันกันเข้ามา หากวันนี้เหยาเชียนเชียนเป็อะไรไป เกรงว่าจวนซั่งซูจะต้องถูกชิงผิงอ๋องรื้อถอนจนไม่เหลือซากเป็แน่
งูตัวนั้นพลาดเป้า แต่ในขณะที่มันกำลังจะฉกอีกครั้งกลับถูกดึงหางเอาไว้เสียก่อน เหยาเชียนเชียนหันไปมองโดยไม่รู้ตัว และเห็นเด็กหญิงคนนั้นกำลังดึงหางงูไว้อย่างสุดชีวิต
เด็กหญิงมีรูปร่างเล็กแต่ยังกระโจนเข้าใส่ในยามที่งูอาละวาด แน่นอนว่านางไม่ได้รับประโยชน์ใดจากการทำเช่นนี้เลย นางถูกหางงูเหวี่ยงไปสองสามครั้งก็คว้าไม่ได้แล้ว ไม่นานนางก็ถูกเหวี่ยงออกไปด้านข้าง ก่อนนางจะคว้าไม้กลองที่อยู่ข้างๆ แทงทะลุลงไปที่งูลึกถึงเจ็ดนิ้ว
เืสดคาวคลุ้งกระเด็นไปทั่วร่างของเด็กหญิง นางล้มฟุบลงไปด้านข้างอย่างหมดเรี่ยวแรง เหยาเชียนเชียนยังไม่ทันหายใก็รีบเข้าไปอุ้มนางขึ้นมา
“งูของข้า!”
บิดาของเด็กหญิงราวกับถูกฟ้าผ่าขณะที่ฟ้าโปร่งใส เขาไม่สนใจบุตรสาวที่เพิ่งสลบไสลไปเมื่อครู่และความวุ่นวายในที่เกิดเหตุแม้แต่น้อย เขาอุ้มงูเหลือมตัวใหญ่ตัวนั้นไว้พลางร้องไห้อย่างเ็ปราวกับงูตัวนั้นคือลูกแท้ๆ ของตัวเอง
“เ้าน่ะ รู้หรือไม่ว่าหากเมื่อครู่ช้าไปแม้เพียงก้าวเดียวและทำให้พี่หญิงของข้าได้รับาเ็ ต่อให้งูเป็ร้อยตัวก็ไม่สามารถชดใช้ได้!”
หลิ่วอิงเอ๋อร์โกรธเสียจนั์ตาเป็สีแดง นางอยากจะตีคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญเสียให้ตาย เมื่อครู่เกือบจะทำให้เหยาเชียนเชียนาเ็อยู่แล้ว หากงูตัวนั้นกัดโดนขึ้นมาจริงๆ อย่าว่าแต่คนผู้นี้เลย แม้แต่ตัวนางเองก็ยากจะหนีโทษได้พ้น
“งูตัวนี้เป็เครื่องมือทำมาหากินที่ช่วยชีวิตข้า ยามนี้มันตายไปแล้ว ยังจะไม่ให้ข้าร้องไห้สักหน่อยหรือ?”
คนผู้นั้นขว้างงูที่ตายแล้วในมือทิ้งอย่างดุดัน ก่อนจะคว้าเด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเหยาเชียนเชียนเข้าหาตัวก่อนจะสะบัดมือตบไปฉาดหนึ่งและก่นด่าสารพัด
“นางเด็กขัดดอกชั้นต่ำ ลูกรักของข้าตายด้วยน้ำมือของเ้า แล้วเ้ายังจะมาแกล้งตายต่อหน้าข้าอีก ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
“เ้าจะทำอะไร!”
เหยาเชียนเชียนพลันรู้สึกใระคนโกรธ ไม่ทันตั้งตัวว่าเขาจะกระทำเช่นนี้
“เมื่อครู่เด็กคนนี้ช่วยชีวิตข้าไว้ เ้าไม่ชื่นชมนางแต่กลับลงไม้ลงมือได้ลง หากเมื่อครู่นางไม่ได้ช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต เ้าคิดว่าเ้าจะมีชีวิตรอดมาร่ำไห้ให้งูตัวนั้นหรือ!”
ชายหนุ่มลนลานและเขย่าตัวเด็กหญิงอย่างหยาบคาย ไม่เกรงกลัวต่อคำพูดของเหยาเชียนเชียนแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเ้ารู้ว่าเด็กน้อยคนนี้ช่วยเ้าไว้ อย่างไรก็ตามเ้าก็ต้องทดแทนบุญคุณที่นางช่วยชีวิตเ้าครั้งนี้ เอาเงินมาให้ข้า” เขายื่นมือออกมา “ลูกสาวของข้าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเ้า เ้าคิดว่าชีวิตของนางคู่ควรกับเงินเท่าไร”
หลิ่วอิงเอ๋อร์เบิกตากว้างอ้าปากค้าง เขาไม่น่าใช่พ่อแท้ๆ อยู่แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าในเวลาเช่นนี้ยัง้าเงินอยู่อีก คำกล่าวเช่นนี้เขากล่าวออกมาได้อย่างไร ไม่มีความห่วงใยต่อเด็กน้อยแม้เพียงครึ่งประโยค พออ้าปากก็มีแต่ใช้ชีวิตของเด็กมาเรียกเอาเงิน
“มโนธรรมของเ้าถูกสุนัขกินเข้าไปแล้วหรืออย่างไร!”
นางแผดเสียงด้วยความโกรธและเอ่ยว่า “ถุย มโนธรรมของคนเช่นเ้า แม้แต่สุนัขยังไม่กินเสียด้วยซ้ำ ทั้งสกปรก ทั้งน่าสะอิดสะเอียน!”
เหยาเชียนเชียนโกรธกับคำพูดของเขาเช่นกัน เด็กหญิงคนนี้ได้ช่วยชีวิตนางไว้ หาก้าสิ่งใดนางก็จะพยายามตอบแทนอย่างเต็มที่แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับชีวิตอีกแล้ว
ทว่าพ่อของเด็กคนนี้ไม่ได้สงสารเด็กหญิงแม้แต่น้อย ั้แ่เมื่อครู่จนถึงยามนี้ ในสายตาของเขามีเพียงความรุนแรงและความโกรธ ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าลูกสาวของเขาก็ได้รับาเ็ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังลงมือทำร้ายนางอีกด้วย
“ได้ ข้าจะให้เงินเ้า” เหยาเชียนเชียนฝืนระงับไฟโกรธในใจ “ข้าขอเด็กคนนี้ เ้าเสนอราคารวมมาได้เลย”
ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ เขามองเด็กหญิงที่สภาพเป็ตายเท่ากันราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง จากนั้นก็พูดอย่างระแวดระวังว่า “เ้าจ่ายได้เท่าไร?”
ไม่มีการลังเลมากมาย ไม่มีความอาวรณ์และเสียดาย พออ้าปากก็ถามถึงราคา เหยาเชียนเชียนโกรธเสียจนเสียงสั่นเครือ
“เ้า้าเท่าไร?”
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปและมองเหยาเชียนเชียนอย่างเป็กันเอง “ลูกสาวของข้าร่างกายสมบูรณ์ดี โดยปกติก็เชื่อฟังยิ่งนัก ประกอบกับเมื่อครู่นางได้ช่วยชีวิตเ้าไว้ และข้าบวกราคางูตัวนั้นไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้ก้อนเงินห้าตำลึง”
“ห้าตำลึง!” หลิ่วอิงเอ๋อร์ลมหายใจสะดุด ผู้ใหญ่คนหนึ่งก็ไม่ได้มีราคามากนัก ทว่าชีวิตของเด็กคนนี้หายไปครึ่งหนึ่งในน้ำมือของเขา เขายังกล้าเรียกเงินตำลึงอีก คลั่งเงินจนบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
“แค่ห้าตำลึง” เหยาเชียนเชียนโยนก้อนเงินออกไป นางไม่อยากต่อรองราคาชีวิตคนกับอีกฝ่าย
“เงินมอบให้เ้าแล้ว อย่าให้ข้าเห็นเ้าอีก ไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่งูเหล่านี้ แม้แต่ชีวิตของเ้าก็ต้องทิ้งไว้ตลอดไป ไสหัวไปเสีย!”
ชายหนุ่มมองพวกเขาปราดหนึ่งอย่างระแวดระวัง เขาโยนเด็กหญิงที่อยู่ในมือออกไป และเก็บข้าวของพร้อมกับแบกศพงูตัวนั้นหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาทำตามที่นางบอก อย่างไรเสียเนื้องูนี้ก็ยังสามารถมีลู่ทางในการขายดีๆ อยู่
“น่าโมโหนัก เขาเป็พ่อของเด็กคนนี้จริงๆ หรือ?”
หลิ่วอิงเอ๋อร์ยังคงไม่พอใจ “พี่หญิง เช่นนั้นเราแจ้งทางการกันเถิด ดูท่าว่าเขาอาจจะเคยทำเื่ไม่ดีมาก่อน ขังไว้ก่อนสักเจ็ดแปดปี คนประเภทนี้เลี่ยงการปล่อยออกมาย่อมดีกว่า”
เหยาเชียนเชียนอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ เด็กน้อยในอ้อมแขนผอมบางเหลือเกิน ใบหน้าซีดเหลืองท่าทางดูขาดสารอาหาร น่าสงสารยิ่งนัก
“ช่างเถิด สุดท้ายแล้วต่อไปเด็กคนนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว” เหยาเชียนเชียนอุ้มเด็กหญิงไว้ “ข้าจะพานางกลับไปก่อน วันนี้คงเดินเล่นต่อไม่ได้แล้ว วันหน้าข้าค่อยไปหาเ้าแล้วกัน”
หลิ่วอิงเอ๋อร์ทำความเคารพนางและบอกว่าครั้งหน้าถ้าจะไปให้พาเด็กคนนี้ไปด้วย เหยาเชียนเชียนพยักหน้า
“โอ๊ะ! นี่พระองค์...เด็กจากที่ใดกันพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อนางก้าวเข้าประตูมาพ่อบ้านก็ใเสียยกใหญ่ หวังเฟยของเขาสภาพผมดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย คล้ายกับไปกลิ้งคลุกกับพื้นมาหนึ่งรอบ และในอ้อมแขนยังอุ้มเด็กน้อยที่ผอมแห้งผิวซีดเหลืองคนหนึ่งไว้อีกด้วย
“เด็กคนนี้ข้าเป็คนซื้อมาเอง เ้าสั่งให้คนไปจัดการให้หน่อย และจัดห้องให้นางด้วย ให้นางหลับพักผ่อนสักครู่เถิด” เหยาเชียนเชียนไม่เคยมีประสบการณ์ในเื่นี้เช่นกัน “รอนางตื่นแล้วค่อยมาบอกข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านร้องเรียกสาวใช้าุโคนหนึ่งเข้ามา “พระองค์ไปเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถิด เสี่ยวซื่อจื่อร้อนใจเพราะไม่เห็นพระองค์ั้แ่เช้าแล้ว เอาแต่งอแงจะพบพระองค์ให้ได้”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า หลังจากมอบเด็กหญิงให้สาวใช้าุโแล้ว นางก็รีบไปเปลี่ยนอาภรณ์ทันที แต่ยังไม่ทันจะได้จัดการให้สะอาดเรียบร้อย อาเหยียนก็วิ่งเข้ามาเสียแล้ว ใบหน้าเล็กเปื้อนคราบน้ำตา เมื่อเห็นนางแล้วก็กอดไว้เสียแน่น
“ท่านแม่ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่ ท่านาเ็หรือไม่ อาเหยียนเป็ห่วงท่านแม่ วันหน้าท่านแม่จะไปที่ใดต้องบอกอาเหยียนทุกครั้งนะขอรับ ตกลงหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนมองเขาอย่างประหลาดใจ เด็กคนนี้รู้ได้อย่างไรว่านางเกิดเื่ หรือว่าเมื่อครู่พ่อบ้านพูดมากไปหรืออย่างไรถึงทำให้เขากังวลใจ?
“เอาเถิด แม่ไม่เป็อะไร” นางกอดเด็กน้อยเอาไว้ “ต่อไปไม่ว่าแม่จะไปที่ใด หรือต่อให้ไม่ออกจากจวนก็จะบอกอาเหยียนทุกครั้ง จะไม่ให้อาเหยียนเป็ห่วงอีก ดีหรือไม่?”
คำกล่าวเช่นนี้ท่านแม่ก็เคยพูดมาแล้ว แม้ว่าความน่าเชื่อถือจะมีไม่มากนัก แต่ท้ายที่สุดก็ทำให้นางได้รู้แล้วว่าเขาเป็ห่วงนางอยู่ตลอดเวลาและยังกังวลใจมากเพียงใด
สองแม่ลูกหยอกล้อและเล่นกันได้สักพัก พ่อบ้านก็เข้ามารายงานว่าเด็กหญิงตื่นแล้ว และเขาพานางมารอที่หน้าประตูแล้ว
“อาเหยียน แม่หาพี่หญิงมาให้เ้าคนหนึ่ง” เหยาเชียนเชียนเกลี้ยกล่อมเขา “ต่อไปนี้เ้าก็มีพี่หญิงคอยเล่นเป็เพื่อนแล้วนะ”
อาเหยียนเม้มปาก เขาไม่อยากได้พี่หญิง เขาอยากได้เพียงน้องสาว เพราะอาเหยียนอยากเป็พี่ชาย แต่พอเห็นท่าทางคาดหวังของผู้เป็มารดาแล้วเขาก็ต้องพยักหน้า
“พานางเข้ามาเถิด ให้อาเหยียนได้ทำความรู้จักสักหน่อย”
เชิงอรรถ
[1] หมี่ แปลว่า เมตร
