หลินลั่วหรานพุ่งตัวออกมาจากบ้านของน้าหลี่เอ้อร์ราวกับควันไฟเพียงเวลาสั้นๆ เธอก็ขึ้นมาอยู่บนรถแล้วมือขวาที่จับกุญแจรถสั่นไหวออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ตัวของเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับใน่นาทีนี้เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองคือผู้ฝึกศาสตร์ความสามารถที่ช่วยอะไรไม่ได้เป็เหมือนกับหญ้าทะเลในน้ำลึก ที่พันรัดเกี่ยวตัวของเธอเอาไว้ยิ่งเธอพยายามดิ้นรนมากเท่าไร ก็มีแต่รัดแน่นขึ้นเท่านั้นจนราวกับว่าเธอจะไม่สามารถหายใจได้อีกต่อไป
ในตอนแรกเธอกำลังทานข้าวกลางวันอยู่ที่บ้านของน้าหลี่เอ้อร์วันนี้ลูกชายวัยมัธยมต้นของน้าหลี่เอ้อร์ก็อยู่ด้วย ทั้งสี่คนพากันคุยหัวเราะอย่างสบายใจในตอนนั้นหลินลั่วหรานยังคิดว่าจะแวะไปที่หน้าผานั่นเพื่อนำเอาหินประหลาดก้อนนั้นกลับไปด้วยดีไหมแต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเธอทานข้าวไปได้แค่ครึ่งเดียวก็ได้รับสายจากเป่าเจียในเมืองหลวง
น้ำเสียงของเป่าเจียปกปิดความเหนื่อยล้าเอาไว้ไม่มิด หลินลั่วหรานรู้สึกแปลกใจขึ้นมาในระหว่างที่กำลังจะเอ่ยปากถาม ก็ได้ยินเสียงดังราวกับรถกระแทกกับบางอย่าง!
เสียง “ปัง” ดังขึ้นมา ดูเหมือนกับรถชนเข้ากับอะไรบางอย่างโทรศัพท์กระเด็นตกออกไป พร้อมกับเสียงตัดสายที่ดังขึ้นโดยที่ไม่ได้ยินเสียงของเป่าเจียอีกต่อไป คนที่ถูกชนจะต้องเป็เป่าเจียอย่างแน่นอนแน่นอน...เพียงแค่ใช้ความรู้สึกหลินลั่วหรานก็สามารถรู้ได้ในทันทีในตอนก่อนที่รถจะชนนั้น เธอได้ยินเสียงของเป่าเจียที่พูดออกมาว่า “ช่วยด้วย” อย่างชัดเจน
หลินลั่วหรานขับรถไปพร้อมกับรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน ช่วยด้วยคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างเป่าเจีย โทรมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากหลินลั่วหราน มันจะต้องไม่ใช่แค่อุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างแน่นอนจะต้องมีเื่อะไรที่หลินลั่วหรานไม่รู้อีก แต่เื่ที่หนักหนามันเกิดขึ้นแล้วเื่นี่อาจจะส่งผลต่อชีวิตของเป่าเจีย!
หลินลั่วหรานพยายามจับพวงมาลัยเอาไว้เมื่อตัวรถของเธอเริ่มเข้ามาถึงชานเมือง เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือสายที่โทรเข้ามาคือ หลิ่วเจิง หัวใจของหลินลั่วหรานราวกับกำลังจะหลุดออกมาเธอกดปุ่มรับสายอยู่หลายครั้งกว่าจะได้ยินเสียงของหลิ่วเจิง
“ลั่วหราน เป่าเจียประสบอุบัติเหตุ...”
ประสบอุบัติเหตุ สุดท้ายก็เกิดเื่ขึ้นกับเป่าเจียจนได้ราวกับมีหมอกหนาปรากฏขึ้นในแววตาของหลินลั่วหราน เธอพยายามสะกดความโศกเศร้าเอาไว้เสียงของเธอแ่เบาราวกับดังมาจากสถานที่อันห่างไกล
“หลิ่วเจิง จองเครื่องบินที่เร็วที่สุดให้ฉันทีฉันจะไปเมืองหลวง...แล้วฉันจะขอบคุณคุณไปตลอดชีวิต”
หลิ่วเจิงนิ่งเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะพูดคำว่า “โอเค” ออกมา
หลินลั่วหรานกดวางสาย สูดลมหายใจเข้า จัดการจัดคราบน้ำตาออกไปในตอนนี้เธอจะเป็แบบนี้ไม่ได้ เธอต้องใจเย็นเข้าไว้เป่าเจียกำลังรอให้เธอไปช่วยอยู่!
ผ่านไปประมาณห้านาที หลิ่วเจิงก็โทรกลับมาอีกครั้ง
“ตรงไปที่สนามบินเลย ทุกอย่างจัดการเอาไว้ให้หมดแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ” หลินลั่วหรานวางสายไปก่อนจะเหยียบคันเร่ง รถ BMW ของเธอทะลุผ่านรถที่สัญจรไปมาความเร็วเกินกำหนด ฝ่าไฟแดง กฎจราจรทุกอย่างที่เธอสามารถฝ่ามันได้เธอก็ฝ่ามันไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้วสิ่งเดียวที่เธอ้าในตอนนี้ก็คือ ไปอยู่เคียงข้างเป่าเจียให้เร็วที่สุด
ถ้าหากบอกว่าหวังเมี่ยวเอ๋อเป็เพื่อนที่ต่างฝ่ายต่างเคารพกันและกันแบบนั้นก็คงไม่เหมือนกับเป่าเจีย เพราะเป่าเจียเป็ดั่งน้องสาวแท้ๆ ของเธอ!
เป่าเจีย เธอต้องรอฉันนะ...
จากบ้านเก่า เดินทางมาจนถึงสนามบินหลินลั่วหรานใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็สามารถพุ่งทะยานมาถึงได้
หลิ่วเจิงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงแค่สายการบินแต่เป็ตัวของเขาเองด้วย ตอนนี้เขากำลังยืนรอหลินลั่วหรานอยู่ที่นั่น
เขาเป็คู่หมั้นของเป่าเจีย หากเขาไม่ไปที่นั่นในตอนนี้ด้วยหลินลั่วหรานอาจจะไม่พอใจเขาได้ ดังนั้นการที่เขาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่ได้รู้สึกใเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองไม่มีเวลานึกถึงเื่เก่าๆพวกเขาตรงไปที่เครื่องบินที่หลิ่วเจิงเตรียมเอาไว้ ความจริงแล้วมันคือเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งที่จอดรอพวกเขาอยู่ที่สนามบิน โดยไม่รู้ว่าหลิ่วเจิงไปหามาจากไหน
ก่อนจะขึ้นเครื่องบินหลินลั่วหรานจัดการโทรหาที่บ้านเธอกังวลว่าคนแก่ทั้งสองจะเป็ห่วง จึงได้แต่บอกไปว่าที่บ้านของเป่าเจียมีปัญหาและ้าให้เธอไปช่วย จึงไม่ได้กลับไปบ้านและตรงไปที่สนามบินเลย
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่บ้านและก็ไม่รู้ว่าการไปเมืองหลวงครั้งนี้จะต้องพบเจอกับอะไรหลินลั่วหรานนึกถึงความเป็ “ศัตรูตัวใหญ่” ของไอลี่ที่เธอไปสร้างเอาไว้เธอกลัวว่าไอลี่จะสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาใน่ที่เธอไม่อยู่ เธอจึงหันไปหาหลิ่วเจิงด้วยความลังเล
“ถ้าเกิดเื่อะไรขึ้นกับฉัน ช่วยดูแลพ่อแม่ของฉันด้วยได้ไหมคะ?”
ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ เพิ่มความเร็วในการหมุนขึ้นส่งผลให้เกิดลมพัดแรงขึ้นมา ทำให้เสียงของหลินลั่วหรานขาดออกจากกันหลิ่วเจิงะโขึ้นไปก่อน ก่อนจะส่งมือลงมารับหลินลั่วหราน
“เธอพูดว่าอะไร จะเกิดเื่อะไรกับเธอ?”
หลินลั่วหรานกำมือแน่นมองไปทางเขาแววตาของเธอเ็าราวกับน้ำที่เป็น้ำแข็งในแม่น้ำภายในแววตาสงบนิ่งปรากฏเงาสะท้อนของหลิ่วเจิงอยู่ภายใน
“ฉันไม่เชื่อว่าคุณไม่รู้เื่ภายในอะไรเลย...ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเป่าเจียฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าฉันจะทำอะไรลงไป ดังนั้นช่วยดูแลพ่อกับแม่ของฉันด้วยไหมคะ?”
ภายใต้ใบพัดที่สั่นไหว เรือนผมของหลินลั่วหรานปลิวไสวปกปิดใบหน้าของเธอไปกว่าครึ่ง มีเพียงดวงตาทั้งสองของเธอเท่านั้น ที่ฉายความหนักแน่นออกมาไม่เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไปหลิ่วเจิงจึงได้แต่ตอบตกลงด้วยความจริงจังกลับไป
หลินลั่วหรานเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มภายในความหนาวเหน็บให้ความรู้สึกงดงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้เหล่าคนงานที่อยู่โดยรอบพากันหลุดเข้าสู่ภวังค์
เธอไม่ได้จับมือของหลิ่วเจิงที่ยื่นมาหาแต่กลับส่งตัวลอยขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์ด้วยตัวเอง
มือของหลิ่วเจิงค้างอยู่ในอากาศ ในใจของเขารู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงขึ้นมาแม้แต่มือของเขา เธอยังไม่อยากจะจับ เธอคงจะรู้สึกโกรธเขาอยู่ในใจสินะ โกรธที่เขาไม่สามารถจะปกป้องเป่าเจียได้เลย
เครื่องบินลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น ใบหน้าด้านข้างของหลินลั่วหรานดูเยือกเย็นเสียจนน่าใหลิ่วเจิงอยากจะพูดอะไรออกมาหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันเยือกเย็นของเธอแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดขึ้นมาอย่างไรสุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงเหสายตาออกไปด้านนอก...มองจากที่นี่ลงไป มณฑล S ถูกกลุ่มเมฆห่อหุ้มไปทั่วพื้นที่ ทั้งสี่ด้านถูกล้อมรอบไปด้วยูเาดูราวกับูเาในเทพนิยาย ที่ถูกปกคลุมเอาไว้ตลอด ไม่ได้พบกับฟ้าสดใสที่แท้จริง เหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหลินลั่วหราน
หลินลั่วหรานที่นั่งอยู่บนที่นั่งพยายามบังคับใช้พลังในการลดความร้อนใจของตัวเองลง
ไม่รู้ว่าเป็เพราะที่บ้านของหลิ่วเจิง หรือคุณตาของเป่าเจียเฮลิคอปเตอร์ลำนี้จึงลงจอดบริเวณดาดฟ้าของโรงพยาบาลทหารในเมืองหลวง
ผู้ติดตามของหลิ่วชื่อต่างเข้ามาล้อมรอบ และยังมีกลุ่มนายทหารตัวตรงอีกหลินลั่วหรานคิดว่าน่าจะเป็คนของคุณตาของเป่าเจีย เธอดึงตัวนายทหารเข้ามาหา “เป่าเจียเป็อะไรไป?!”
นายทหารทำความเคารพเมื่อได้ยินคำถามของหลินลั่วหรานก็แสดงความลำบากใจออกมาก่อนจะนำหลินลั่วหรานเข้ามายังหน้าห้องผ่าตัด
ผู้บังคับบัญชาฉินนั่งสูบบุหรี่อยู่บนเก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดเมื่อเห็นทั้งสอง เขาก็ได้แต่พยักหน้าทักทาย คนที่กำลังนอนอยู่ในห้องผ่าตัดเป็เืเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของลูกสาวที่จากไปใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความกระจ่างใส บัดนี้กลับลงแก่ลงไปกว่าสิบปี
ผู้บังคับบัญชาฉินนั้นไม่แม้แต่เห็นด้วยกับการช่วยเธอรับเลี้ยงเด็กอย่างผิดกฎหมายแต่กลับตกลงให้เฮลิคอปเตอร์จอดลงที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล...ั้แ่ที่ลงมาจากเครื่องบินจิตใจของหลินลั่วหรานก็ทนนิ่งต่อไปอีกไม่ไหวยิ่งเมื่อเห็นท่าทางของผู้บังคับบัญชาฉินน้ำตาก็เริ่มเอ่อขึ้นมาบริเวณขอบตาของเธออย่างห้ามไม่อยู่
“คุณปู่ฉิน เป่าเจีย...อาการของเป่าเจียเป็ยังไงบ้าง?”
นายทหารแก่ที่ผ่านามามากอย่างผู้บังคับบัญชาฉินมองตรงไปยังห้องผ่าตัดด้วยสายตาที่ปกปิดความโศกเศร้าเอาไว้ไม่มิดน้ำเสียงของเขาแหบพร่าราวกับผ้าที่โดนดาบฟันเสียจนกระจุยกระจาย
“อยู่ในการผ่าตัดมาโดยตลอด ขอบคุณที่รีบมากันนะ...หมอบอกว่า อาการไม่ได้ดีนัก”
นายทหารที่นำพวกเขาเข้ามา ต่อยหมัดไปยังกำแพงขาวดวงตาของเขาแดงขึ้นมาราวกับสัตว์ป่า!
“ผู้บังคับบัญชา ผมจะไปจัดการมันเพื่อแก้แค้นให้คุณหนู!” เขาถูกนายทหารคนอื่นจับตัวเอาไว้แน่นพร้อมทั้งกดตัวเขาลงกับกำแพงเพื่อไม่ให้ขยับตัว
“อย่ารีบร้อนไปเลย ทำร้ายคุณหนู ก็เหมือนทำร้ายผู้บังคับบัญชา”
อยู่ในการผ่าตัดมาโดยตลอด ั้แ่เกิดเื่จนตอนนี้มันตั้งกี่ชั่วโมงแล้วยังผ่าตัดกันอยู่ อาการไม่ได้ดีนักนั่นแปลว่าพวกหมอออกใบประกาศสถานการณ์อันตรายออกมาแล้วเหรอ? ถ้าเป็แบบนั้น การที่ขอบคุณที่พวกเรารีบมาล่ะ? หรือว่าจะ...
เมื่อได้ยินเื่ที่กังวลมาตลอดด้วยหูของตัวเองขาของหลินลั่วหรานก็สั่นสะท้าน ราวกับว่าในวินาทีนั้นกำลังที่มีได้หายไปจนหมดสิ้น
เธอเป็คนชอบเก็บตัว ก่อนหน้านี้ก็เป็คนที่ไม่น่าคบหาด้วยเท่าไรเดิมทีก็ไม่ได้มีเพื่อนเท่าไรอยู่แล้ว ในชีวิตนี้คนที่ดีกับเธอมาตลอดนอกจากผู้ที่เป็พ่อและแม่แล้ว ก็ไม่ใช่แฟนหนุ่มคนก่อนอย่างหลี่อันผิงแต่เป็คนที่คอยบอกว่าจะปกป้องเธอ คอยอยู่เคียงข้างอย่างฉินเป่าเจีย...
เป่าเจีย ฉันมาช่วยเธอแล้ว...ใครฆ่าเธอ ฉันจะตามไปฆ่ามัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้