ทวีปเก้า์ให้ความเคารพในเส้นทางแห่งนักรบ นักรบที่อ่อนแอล้วนมีพละกำลังนับพันจินหรือหมื่นจิน ซึ่งสามารถทำลายศิลาให้แตกเป็เสี่ยงๆ ได้ ส่วนนักรบที่แข็งแกร่งสามารถตัดแม่น้ำ ผ่าูเา และยิ่งเป็ทักษะยุทธ์ระดับจักรพรรดิ ทักษะที่ไร้เทียมทานก็สามารถท่องไปยังดินแดนที่ว่างเปล่าได้
ทักษะยุทธ์จะเป็ตัวกำหนดชะตากรรมและตัดสินความเป็ความตาย นักรบที่อ่อนแอจะถูกข่มเหงรังแก ส่วนนักรบที่แข็งแกร่งจะเป็ผู้เฝ้ามองใต้หล้า
‘จิติญญานักรบ’ คือพร์ที่ติดตัวมาั้แ่เกิดของผู้คนในทวีปเก้า์ เป็จิติญญาของนักรบ พูดได้ว่าความสำเร็จของนักรบขึ้นอยู่กับจิติญญาของพวกเขา
จิติญญานักรบมีหลายประเภทจนนับไม่ถ้วน เช่น จิติญญาแห่งธรรมชาติอย่าง เปลวไฟ น้ำแข็ง พายุ สายฟ้า หรือจิติญญาแห่งศาสตรา มีด ปืน ดาบ ง้าว หรือแม้แต่จิติญญาแห่งอสูร เสือขาว แรดคลั่ง วานรจอมพลัง และงูั แน่นอนว่ายังมีจิติญญานักรบแปลกๆ ที่แข็งแกร่งอีกมากมาย เช่น จิติญญานักรบคลั่งและจิติญญานักรบะ ซึ่งจิติญญานักรบสามารถวิวัฒนาการและแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามความแข็งแกร่งของนักรบ
…
เมืองหยางโจว ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน
หลินเฟิงลืมตาขึ้นและจ้องมองไปยังห้องที่มีกลิ่นอายโบราณตรงหน้า ห้องที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกตา ในดวงตาของเขาเผยรอยยิ้มที่ขมขื่นขึ้นมา
“นับว่ารอดตายจากภัยพิบัติครั้งใหญ่!” เสียงกระซิบดังขึ้นในใจของหลินเฟิง ทันใดนั้นรอยยิ้มอันขมขื่นก็อันตรธานหายไป แล้วมุมปากก็ปรากฏเพียงรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา
ใช่แล้ว หลินเฟิงทะลุมิติมา เดิมทีเขาเป็เพียงนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คนหนึ่งในเมืองหนานจิงของประเทศจีน เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจึงทะลุมิติมาที่ทวีปเก้า์และสิงอยู่ในร่างของลูกหลานตระกูลหนึ่งที่มีชื่อเดียวกับเขา
หลินเฟิงรู้สึกกลุ้มใจ แต่ไม่ได้กลุ้มใจเพราะเื่ทะลุมิติ ที่โลกก่อนเขาเป็แค่เด็กกำพร้าซึ่งโตมาจากการเลี้ยงดูของปู่ เพราะว่าทำงานหนักมากเกินไปดังนั้นวินาทีที่ปู่ได้เห็นจดหมายตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของหลินเฟิง ถึงได้หลับตาและจากไปอย่างสงบ ทิ้งไว้เพียงเงินฝากหลายหมื่นหยวนซึ่งในชนบทถือว่ารวยมาก ไว้เป็ค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยแก่หลินเฟิง เพื่อที่จะทิ้งมรดกก้อนนี้ให้กับหลินเฟิงดังนั้นเขาจึงรักษาโรคภัยของตัวเองได้ล่าช้า
หลินเฟิงพยายามอย่างหนักมาโดยตลอด เขาทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทุกๆ ปียังได้รับทุนการศึกษาด้วยจำนวนเงินสูงๆ เขาอยากจะอาศัยความพยายามของตัวเองในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตและบรรลุความปรารถนาของปู่ให้ได้ แต่หลินเฟิงก็ค่อยๆ เข้าใจแล้วว่าในยุคสมัยอวดรวยนั้น แค่ความพยายามไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จ
ระหว่างการฝึกงานของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ได้มีงานเลี้ยงค็อกเทลของหน่วยงานหนึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม ในระหว่างงานเลี้ยงมีลูกคนรวยคนหนึ่งกำลังมอมเหล้าเพื่อนร่วมชั้นหญิงที่ฝึกงานด้วยกันกับเขา คนในหน่วยงานพากันเดินออกห่างอย่างรู้ๆ กัน แน่นอนหลินเฟิงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงเข้าไปขัดขวาง
ผลสุดท้ายก็คือความพยายามตลอด 4 ปีของเขาได้อันตรธานหายไปในพริบตา เขาถูกมหาวิทยาลัยไล่ออก ด้วยข้อหาลวนลามเพื่อนร่วมชั้นและพยานหลักฐานก็ชัดเจน เพราะว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นเป็คนชี้ตัวเขาด้วยตัวเอง
อีกสิ่งที่เขาต้องเผชิญก็คือ เขาถูกฟ้องโดยเพื่อนร่วมชั้นที่เขาช่วยเอาไว้และเ้าลูกคนรวยคนนั้นรวมหัวกันฟ้องร้องเขา โดยมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุล้วนครบถ้วน หลินเฟิงไม่มีทั้งเงินและอิทธิพล ทำให้เขาไม่สามารถสู้คดีนี้ได้ ชีวิตของเขาแทบจะถูกตัดสินไว้แล้ว หลินเฟิงถูกจำคุก 8-10 ปี จากนั้นเขาก็หลุดออกจากสังคมอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเห็นลูกคนรวยและเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นกำลังโอบกอดกันอย่างมีความสุข กะหนุงกะหนิงกันอยู่ในรถออดี้ หลินเฟิงจึงขโมยรถมาคันหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มน้อยๆ แล้วขับชนออดี้คันนั้น หลินเฟิงยังจำใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโสมมของทั้งสองคนได้รางๆ ความโสมมของโลกที่วุ่นวาย
สำหรับในโลกก่อน หลินเฟิงไม่มีห่วงใดๆ เหลืออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกกลุ้มใจที่ทะลุมิติมา แต่ที่เขากลุ้มใจก็คือ เขาได้ทะลุมิติมาสิงร่างนายน้อยไร้ความสามารถคนหนึ่ง และเป็นายน้อยที่มีจิติญญานักรบขยะ
เดิมทีนายน้อยตระกูลหลินที่มีชื่อเดียวกับเขา เป็ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ ตอนอยู่ในนิกายหยุนไห่ได้ถูกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองข่มเหงรังแก และโดนทำร้ายอย่างรุนแรงจนได้รับาเ็สาหัส จากนั้นก็ถูกเตะออกมาจากนิกายในสภาพปางตาย ด้วยเหตุนี้หลินเฟิงจึงฉวยโอกาสเข้าสิงร่างของเขา
“ในเมื่อได้ชีวิตใหม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้โศกนาฏกรรมนั่นเกิดขึ้นกับตัวเองอีกครั้งแน่” หลินเฟิงที่นอนอยู่บนเตียงกำหมัดตัวเองทั้งสองข้างแน่น เขาหันไปพูดกับเศษเสี้ยวของิญญาที่ไม่อาจตัดใจสลายไปได้อย่างสมบูรณ์ว่า “เ้าวางใจเถอะ หลังจากนี้เ้าคือข้า ข้าก็คือเ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมารังเเกตัวเองได้อีก”
เมื่อได้ผสานกับิญญาเดิมของ ‘หลินเฟิง’ ทำให้หลินเฟิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่าโลกที่ตัวเองอยู่นั้นเป็โลกแบบไหน ผู้แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพตราบเท่าที่เ้าแข็งแกร่งพอ อำนาจอิทธิพลใดๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเ้าก็ต้องก้มหัวให้ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงอำนาจของราชวงศ์อันสูงส่งด้วย
ถ้าอยากกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งในเส้นทางแห่งนักรบ นอกจากพร์ที่เหนือกว่าคนอื่นแล้ว ยังต้องมีหัวใจที่แข็งแกร่งและจิตใจที่แน่วแน่ ก่อนหน้านี้นายน้อย ‘หลินเฟิง’ เป็คนอ่อนแอ แต่ตอนนี้เขาจะไม่เหมือนเดิม สำหรับคนที่ฟื้นคืนชีพกลับมา ซึ่งผ่านการขัดเกลาอย่างยากลำบากและถูกทดสอบด้วยความตาย จิตใจของเขาย่อมเข้มแข็งกว่านายน้อย ‘หลินเฟิง’ คนนั้นไม่รู้กี่เท่า
ราวกับว่ารู้สึกถึงปณิธานอันแรงกล้าของหลินเฟิง ในที่สุดเศษเสี้ยวิญญานั่นก็อ่อนแอลง สุดท้ายิญญาทั้ง 2 ดวงก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
“ตูม!” วินาทีที่ิญญาผสานเข้าด้วยกัน หลินเฟิงก็รู้สึกถึงการสั่นะเืของิญญา ทำให้เขามึนหัวและหมดสติไป
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลินเฟิงก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วน้อยๆ รู้สึกถึงการสั่นคลอนของิญญา
เขาลุกขึ้นนั่ง ความคิดของหลินเฟิงแล่นพล่าน ทันใดนั้นลมปราณก็แพร่กระจายในอากาศ ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยหมอกจางๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็เงาสีดำ
"เ้าได้ยินไหม ไอ้ขยะหลินเฟิงมันยังไม่ตื่น 80% ข้าคิดว่ามันตายแน่ๆ"
"หึหึ ขยะอย่างมันถ้าตายเร็วกว่านี้ก็น่าจะดีกว่า ถึงอยู่ไปก็ขายหน้าตระกูลหลินของพวกเราเสียเปล่าๆ"
ไกลออกไป เสียงพูดคุยสนทนากันระหว่างคนสองคนก็ลอยเข้าหูของหลินเฟิง หลินเฟิงไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างใด ทั้งยังเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้อยู่ไกลจากเขามากๆ แต่ตอนนี้เขากลับได้ยินอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่นั้น ไม่ว่าในรัศมีหลายร้อยเมตรนี้จะมีลมพัดใบหญ้าไหว ก็ดูเหมือนว่าไม่อาจรอดพ้นหูของเขาไปได้
หลินเฟิงพบว่าความสามารถในการมองเห็นของตัวเองดีขึ้น กระทั่งความคิดก็ดูเหมือนจะเฉียบคมมากกว่าเดิม ทักษะยุทธ์ในจุดที่เขาไม่เข้าใจก็เริ่มกระจ่าง
ความคิดแล่นขึ้นมาอีกครั้ง จิติญญางูเล็กๆ ตนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหลินเฟิง ร่างเล็กๆ กำลังขดตัวอยู่ นี่ก็คือจิติญญาขยะที่ทำให้เขาถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ไม่รู้ว่ามันเป็งูสายพันธุ์อะไร แต่ที่แน่ๆ มันไม่สามารถเพิ่มความสามารถของเขาได้
"จิติญญานักรบคู่!"
หลินเฟิงในตอนนี้ไม่ได้แค้นเคืองจิติญญางูน้อยแต่อย่างใด กลับกันเขาแสดงท่าทีตกตะลึงบางอย่าง ทันใดนั้นรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ไม่ผิดแน่ กลุ่มเงาสีดำด้านหลังของเขาก็คือจิติญญานักรบประเภทหนึ่ง เป็จิติญญานักรบที่ตื่นขึ้นมาใหม่ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเงาดำๆ นี้เป็จิติญญานักรบประเภทไหน แต่จิติญญางูรวมกับจิติญญาเงาดำ มันก็เท่ากับว่าเขามีจิติญญานักรบถึง 2 ดวง
คนที่มีจิติญญานักรบ 2 ดวงจะถูกเรียกว่า ‘จิติญญาคู่’ บนทวีปนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาคู่ล้วนเป็อัจฉริยะ และหลินเฟิงที่ถูกผู้คนเรียกกันว่าไอ้ขยะ ตอนนี้กลับเป็ผู้ที่มีจิติญญานักรบคู่
“งั้นข้าจะเรียกมันว่า ‘จิติญญาแห่งความมืด’ ชั่วคราวก็แล้วกัน” หลินเฟิงยิ้มจางๆ สาเหตุที่ตัวเองสามารถมีจิติญญานักรบคู่ได้นั้น น่าจะเป็เพราะการผสานิญญา เมื่อิญญาของพวกเขาผสานกันก็จะเป็ิญญาของคนสองคน ฉะนั้นการที่มีจิติญญานักรบคู่ก็ไม่ถือว่าเป็เื่ที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ดูจากความสามารถของจิติญญานักรบนี้ ในอนาคตก็น่าที่จะยกระดับสมรรถภาพทางกายของเขาได้
หลินเฟิงหลับตาและเริ่มฝึกสมาธิ ทันใดนั้นหยวนชี่ของฟ้าดินก็ไหลเข้าสู่กระดูกนับร้อยและแขนขาในร่างของหลินเฟิง เพื่อขัดเกลาร่างกายและบ่มเพาะจิติญญานักรบ
2 ชั่วโมงผ่านไป หลินเฟิงก็หยุดการฝึก ในลมหายใจที่พ่นออกมามีไอสีขาวขุ่น รู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปทั่วร่าง สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่ความเ็ปบนร่างกายก็ไม่รู้สึกแล้ว
“นี่คือการฝึกของผู้ฝึกยุทธ์งั้นสิ วิเศษนัก” หลินเฟิงมองไปที่กำปั้นของตัวเอง แล้วออกแรงชก เสียงปังๆ ดังออกมาอย่างต่อเนื่องและเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง
ดูเหมือนว่าความเร็วในการฝึกจะเร็วกว่าในความทรงจำมากนัก หลินเฟิงเดินออกมาจากห้อง ก่อนที่ลานกว้างขนาดใหญ่จะปรากฏขึ้นตรงหน้า ในลานกว้างมีเสาไม้และเสาหิน สิ่งเหล่านี้มีไว้ให้หลินเฟิงใช้ฝึกฝน
เมื่อเดินมาถึงเสาหินด้านหน้า หลินเฟิงก็โคจรเคล็ดวิชาคลื่น์เก้ากระแทก ทันใดนั้นลมของกำปั้นพลันส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะตัดผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว ราวกับมีระลอกคลื่นรุนแรงกำลังบิดกระแทกอยู่ในอากาศ
"ย๊าก!"
ตอนนี้เองหลินเฟิงก็ร้องะโออกมาเสียงดัง บิดเอว แขม่วหน้าท้อง ปล่อยหมัด หมัดที่รุนแรงพุ่งออกไปชนกับเสาหินประหนึ่งดาวตก เสียงะเิดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว เสาหินที่ถูกชกโดยตรงได้กลายเป็ผงธุลีกระจายอยู่บนพื้น
ไม่เพียงเท่านี้ แรงลมจากหมัดยังได้ทำลายเสาหินที่อยู่ถัดไปตรงหน้า เสียงะเิดังสนั่นขึ้นมาในอากาศอีกหลายครั้ง คลื่นอากาศที่รุนแรงพุ่งไปด้านหน้าและชนเข้ากับเสาหินอื่นๆ ทันใดนั้นเสียงะเิก็ดังกึกก้อง เสาหินขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไป 2 เมตรทั้งด้านหน้าและด้านหลังพลันแตกกระจาย
“นี่น่าจะเป็พลังหกพันจินขึ้นไป” หลินเฟิงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก ความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ได้ฟื้นฟูกลับสู่จุดสูงสุดของขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5 และเคล็ดวิชาคลื่น์เก้ากระแทกที่เขาฝึกก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก เขาได้ทะลวงขึ้นมาเป็ 6 คลื่นกระแทก ด้วยเหตุนี้เขาถึงสามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงหกพันจินด้วยขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5
“ดูเหมือนว่าจิติญญาแห่งความมืดไม่เพียงแค่เพิ่มความสามารถในการฟังและมองเท่านั้น แต่ยังยกระดับความเร็วในการบ่มเพาะและความเข้าใจอีกด้วย” หลินเฟิงยิ้มจางๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาถูกเรียกว่าไอ้ขยะ นอกจากสาเหตุในเื่ของจิติญญานักรบแล้ว ยังเป็เพราะมีการบ่มเพาะและความเข้าใจที่แย่ คนที่มีพร์ในรุ่นเดียวกันกับเขา ได้บรรลุไปยังขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 6 หรือขอบเขตที่สูงกว่านั้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนเขายังคงติดอยู่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5 ไม่เพียงแค่นี้ ความสามารถในการเข้าใจในเคล็ดวิชาของเขาก็ยังแค่พอไปวัดไปวาเท่านั้น แม้ว่าเขาจะฝึกเคล็ดวิชาคลื่น์เก้ากระแทกเพียงอย่างเดียว แต่ก็หยุดค้างอยู่ที่ 5 คลื่นกระแทกและไม่สามารถทะลวงไปได้มากกว่านั้น ดังนั้นเขาจึงถูกผู้คนพากันเยาะเย้ย
ตอนนี้เมื่อจิติญญาแห่งความมืดได้ถือกำเนิดขึ้นมา ปัญหาเื่ความเข้าใจในทักษะยุทธ์ที่เขากังวลก็หายไป
จิติญญานักรบที่สามารถยกระดับคุณภาพของทักษะยุทธ์ในทุกๆด้าน ดูเหมือนว่าจิติญญาแห่งความมืดจะไม่ใช่จิติญญาธรรมดาๆ เสียแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้