‘หวงห้าม!’
หลินเฟิงมองตัวอักษรขนาดใหญ่ที่อยู่บนประตูหิน รอยยิ้มเยือกเย็นพลันปรากฏที่มุมปาก
หอฝึกฝนเป็ทรัพยากรของสำนักเทียนอี้ เหล่าศิษย์ของสำนักต่างมาฝึกฝนกันที่นี่
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาจึงสามารถใช้ส่วนล่างของหอฝึกฝนได้ แล้วยังสามารถใช้สิทธิพิเศษได้ แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน คาดไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นมายึดครองห้องฝึกฝน นี่มันมากเกินไปแล้ว
ทรัพยากรของสำนักนั้น เมื่อตัวเองไม่มีการใช้งาน แต่ไม่อนุญาตให้คนอื่นใช้ต่ออย่างนั้นหรือ?
หลินเฟิงเอื้อมมือออกไปตรวจสอบตัวอักษร ‘หวงห้าม’ ขนาดใหญ่นั่น ขณะที่ตรวจสอบเขาไม่แม้แต่จะมองตัวอักษรนั่น ไม่ว่าจะเป็ใครก็ล้วนไม่สำคัญ ขอเพียงห้องฝึกฝนว่างก็เพียงพอแล้ว
หลินเฟิงหยิบหินหยวนใส่ลงในช่อง ทันใดนั้นช่องที่ใส่หินหยวนเกิดแสงสว่าง ในขณะเดียวกันประตูหินของห้องฝึกฝนก็เปิดออก
เกิดเสียงดังก้องเมื่อประตูหินของห้องฝึกฝนเปิดออก ทันใดนั้นหยวนชี่ฟ้าดินบริสุทธิ์ที่หนาแน่นทะลักออกมา จึงทำให้หลินเฟิงรู้สึกสบายตัวมากขึ้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
ขณะที่หลินเฟิงกำลังจะก้าวเข้าไปในห้องฝึกฝน กลับมีเสียงหนึ่งะโไล่หลังว่า “หยุด!”
หลังจากได้ยินเสียงแล้วหลินเฟิงจึงชะงัก เมื่อหันหลังไปก็เห็นร่างของสาวงามกำลังเดินมา
คาดไม่ถึงว่าจะเป็ผู้หญิงร่างบาง การแต่งกายของนางดูเย้ายวน ยามที่หญิงสาวเดินมาช่างมีเสน่ห์ เนื่องจากมีรูปร่างที่อวบอิ่มจึงทำให้เห็นส่วนโค้งเว้าของนางได้ชัดเจน
แววตาของหลินเฟิงเป็ประกาย เมื่อพูดถึงความงาม ผู้หญิงคนนี้เทียบไม่ได้กับหลิ่วเฟย เื่รูปร่างก็ไม่ดีไปกว่าหลิ่วเฟยมาก แต่เสน่ห์ของนางกลับมากกว่าหลิ่วเฟย หญิงสาวคนนี้ดูคล้ายกับจิ้งจอกเ้าเล่ห์ นางสามารถทำให้ผู้คนมากมายปรารถนาในตัวนางได้อย่างง่ายดาย
จากมุมมองด้านหน้า หลินเฟิงมองเห็นเนินอกขาวเนียนและอวบอิ่ม ทำให้นางดูสมบูรณ์แบบ
“หากผู้หญิงคนนี้เป็นางแบบในโลกก่อน ต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน”
หลินเฟิงพึมพำกับตัวเอง เขาสามารถควบคุมการเต้นของหัวใจได้ และผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิตใจอันแน่วแน่ยังสามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้มากกว่าคนปกติทั่วไป
“เ้าไม่เห็นตัวอักษรที่อยู่บนประตูหินนั่นหรือ? ห้องฝึกฝนห้องนั่นเป็ของข้า”
หญิงสาวหัวเราะขณะกล่าว แต่ั์ตาที่แฝงรอยยิ้มของนางกลับทำให้หลินเฟิงรู้สึกได้ถึงความเ็า
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย ขณะนั้นหญิงสาวเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงหน้าประตูหิน แน่นอนว่าตัวอักษร ‘หวงห้าม’ และชื่อของนางได้ถูกลบออกไปแล้ว
“เ้าทำหรือ?”
หญิงสาวขมวดคิ้ว ทันใดนั้นหลินเฟิงรู้สึกถึงกลิ่นอายอันเยือกเย็น
“ในเมื่อเ้าสามารถเขียนได้ แล้วทำไมข้าจะลบไม่ได้?” หลินเฟิงไม่ปฏิเสธ แต่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเ็า
หญิงสาวมองหน้าหลินเฟิง ทันใดนั้นแววตาของนางก็เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล จึงทำให้หลินเฟิงแปลกใจ
“หืม”
ในขณะนั้นนางเดินไปยังห้องฝึกฝนอีกห้อง แล้วชกประตูหินอย่างไม่มีใครคาดคิด
หลินเฟิงเผยสีหน้าประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไร? คาดไม่ถึงว่าจะโจมตีห้องฝึกฝนของผู้อื่น
สิ่งที่หลินเฟิงประหลาดใจคือ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรัวหมัดใส่ห้องฝึกฝนของผู้อื่น ทำให้ประตูหินห้องฝึกนั้นต้องสั่นะเื
หลักจากสิ้นเสียงดังสนั่น ขณะนั้นมีประตูหินสองบานค่อยๆ เปิดออก พลันกลิ่นอายอันหนาวเหน็บก็แผ่ออกมา
“ใคร?”
น้ำเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น จากนั้นก็เห็นสองคนโผล่หน้าออกมาจากห้องฝึกฝน เมื่อเห็นร่างอันงดงามของหญิงสาวอยู่หน้าห้อง ทว่าใบหน้าอันเยือกเย็นของพวกเขากลับจางหายไปและกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจียวเจียว เกิดอะไรขึ้น?”
“จู่หนิง มีคนรังแกข้า”
หญิงงามเ้าของชื่อเจียวเจียวทำตัวเรียกร้องความสนใจจากชายที่เพิ่งออกจากห้องฝึกฝน เธอใช้หน้าอกอวบอิ่มถูแขนอีกฝ่าย ทำให้ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าจู่หนิงต้องกวาดสายตามองหน้าอกคู่นั้น แม้ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่จะมีจิตใจแน่วแน่ ไม่ถูกมารยาของหญิงสาวทำให้หวั่นไหว แต่พวกเขากลับตรงกันข้าม แม้พวกเขาจะไม่หลงมัวเมาในความสวยของสตรี ทว่าก็มีบางครั้งที่จะเพลิดเพลินไปกับสิ่งเหล่านี้และมีน้อยคนที่จะปฏิเสธ
โดยเฉพาะการได้เล่นสนุกกับอวี๋เจียว ซึ่งเป็สาวงามอันดับต้นๆ ของสำนัก เล่ากันว่าในสำนักเทียนอี้ยังไม่มีใครเอาชนะใจนางไปได้สักคน
ชายหนุ่มอีกคนเผยแววตาอิจฉา เมื่อเห็นว่าอวี๋เจียวกำลังลูบไล้ร่างกายของจู่หนิง นอกจากนี้เขาอยากเป็เ้าของร่างกายของอวี๋เจียวเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่โอกาส เหล่าศิษย์ของสำนักเทียนอี้หากใครสามารถร่วมเตียงกับผู้หญิงคนนี้ได้ เพียงแค่ชั่วข้ามคืนก็จะกลายเป็คนที่มีชื่อเสียงขึ้นมา
“เคอเฉิง ชายผู้นี้จะใช้ห้องฝึกฝนของข้า แม้แต่ชื่อที่อยู่บนประตูหินก็ลบไป แล้วยังรังแกผู้หญิงอ่อนแออย่างข้าอีก”
อวี๋เจียวผละจากจู่หนิงไปอยู่ข้างกายและคล้องแขนของเคอเฉิงแทน ด้วยหน้าอกนุ่มนิ่มที่แนบชิดกับแขนของเคอเฉิงเต็มๆ ทำให้ใจของเคอเฉิงต้องเต้นระรัว
หลินเฟิงยังยืนอยู่ตรงนั้นและมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนิ่งเฉย ผู้หญิงคนนี้ใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อบำเรอ? นอกจากนี้การกระทำของนางยังไปยั่วยุความสัมพันธ์ของจู่หนิงและเคอเฉิง ทันใดนั้นสายตาของทั้งสองก็มองไปที่หลินเฟิง เตรียมใช้เขาเพื่อการจัดฉากที่ดูน่าเกรงขามต่อหน้าอวี๋เจียว
“เ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ห้องฝึกฝนของอวี๋เจียวก็เหมือนกับห้องของข้า” จู่หนิงกล่าวอย่างหยิ่งยโสขณะจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“ฮ่าๆๆ เ้าสัตว์เดรัจฉานอย่างเ้าคงไม่เข้าใจกฎสินะ” เคอเฉิงแสยะยิ้ม เขาไม่อยากยอมแพ้ให้กับจู่หนิง
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง? สัตว์เดรัจฉาน?” หลินเฟิงมองไปที่จู่หนิงและเคอเฉิงอย่างเยือกเย็น พวกเขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากผู้หญิง?
อวี๋เจียวหัวเราะคิกคักก่อนปล่อยแขนของเคอเฉิง และกล่าวว่า “คืนนี้ข้าไม่มีอะไรทำพอดี ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากไปนั่งเล่นกับข้าบ้างมั้ย?”
จู่หนิงและเคอเฉิงต่างแข็งทื่อมองตากัน จากนั้นปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า แม้จะเป็การไปนั่งเล่นในห้องของอวี๋เจียว แต่เพียงครั้งเดียวก็น่าประทับใจแล้ว นอกจากนี้อาจมีโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับร่างกายของนาง
“เ้าหรือข้าก่อน?” จู่หนิงหันไปถามเคอเฉิง
“แน่นอนว่าพวกเราจะไปพร้อมกัน” เคอเฉิงยิ้มหยัน ถ้าหากเขาบอกว่าตัวเองจะไปก่อน มีหรือที่จู่หนิงจะเห็นด้วย?
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน” จู่หนิงหัวเราะ “มาดูกันว่าใครจะฆ่าเขาได้ก่อน คิดว่าไงบ้าง?”
“เยี่ยม” เคอเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นั์ตาของทั้งสองก็จ้องหลินเฟิงด้วยจิตสังหาร และโจมตีหลินเฟิงทันที
“ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6!”
ทันใดนั้นกลิ่นอายอันเยือกเย็นได้แผ่ปกคลุมไปทั่วร่างของทั้งสอง ขณะนั้นหลินเฟิงรู้ได้ทันทีถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 แต่เมื่อเทียบกับกลิ่นอายของเฮยม่อและป้าเตาแล้ว มันยังอ่อนแอกว่ามาก
“ตูม!!!”
กลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวได้แผ่กระจายไปทั่ว จากนั้นร่างของจู่หนิงและเคอเฉิงได้กระโจนเข้าใส่หลินเฟิงด้วยความเร็วสูง
“ไสหัวไป!”
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้หลินเฟิงแปลกใจ จากนั้นจู่หนิงได้ปล่อยหมัดออกไป ทว่าไม่ได้โจมตีเขาแต่กลับเป็เคอเฉิง
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องทำเช่นนี้” เคอเฉิงปล่อยหมัดออกไปเช่นกัน หมัดทั้งสองได้ปะทะกันจนเกิดแรงสะท้อนรุนแรง ร่างของทั้งสองจึงปลิวกระเด็นออกไป ขณะนั้นแรงปะทะก็ได้โดนหลินเฟิงเช่นกัน แต่ลึกลงไปพวกเขาต่างระแวงว่าอีกฝ่ายต้องป้องกันทุกเวลา
หลินเฟิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง และมองไปที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันด้วยแววตาเย้ยหยัน เขารอดูผลลัพธ์ของการต่อสู้เพื่อแย่งสาวงามในครั้งนี้
สายลมรุนแรงทั่งสองสายปะทะกันกลางอากาศ จู่หนิงและเคอเฉิงเผชิญหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทันใดนั้นลมหนาวอันเย็นเยือกก็พัดมาทางหลินเฟิง
ในขณะเดียวกัน จู่หนิงที่อยู่ทางด้านขวาเผยแววตาที่น่ากลัว ฝ่ามือซ้ายที่สั่น สะท้านได้โจมตีเคอเฉิง พวกเขาทั้งสองต่างใช้มือขวาโจมตี ขณะนั้นทางด้านซ้ายของเขาคือเคอเฉิง ถ้าหากเคอเฉิง้าโจมตีหลินเฟิง ก็จะสามารถหลบการโจมตีจากหมัดซ้ายของเขาได้
“ย๊าก!!!”
เคอเฉิงคำราม คาดไม่ถึงว่าเขาจะเร่งความเร็วเพื่อหลบหมัดอันดุเดือด
“ชีวิตของเขาเป็ของข้า” เคอเฉิงแสยะยิ้ม ฝ่ามือของเขาเกือบจะถึงตัวหลินเฟิงแล้ว แต่ในขณะนั้นอำนาจอันทรงพลังได้ถูกปลดปล่อยออกมา พลันเกิดเสียงดังก้องไปทั่ว มันทั้งดุดัน เหี้ยมโหด และน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
อำนาจดาบนี้ทำให้ร่างกายของเคอเฉิงถึงกับแข็งทื่อ จากนั้นเกิดแสงสว่างขึ้นฉับพลัน เป็แสงสว่างท่ามกลางอำนาจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความตายสีเทาอันหนาแน่น
“ท่าไม่ดีแล้ว!” สีหน้าของเคอเฉิงเปลี่ยนไป ไม่มีทางเป็ไปได้ เหล่าศิษย์สายทหารเขาล้วนรู้จักหมด แต่เขาไม่เคยเห็นหลินเฟิง ไม่มีทางที่หลินเฟิงจะแข็งแกร่งได้เช่นนี้ นอกจากนี้ยังควบคุมอำนาจดาบได้ด้วย
เคอเฉิงถึงกับถอยไปหนึ่งก้าว สีหน้าของจู่หนิงเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาหยุดการเคลื่อนไหวฉับพลัน
ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก แสงดาบที่เจิดจ้านั่นทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามแห่งความตาย
“หนี!”
ตอนนี้เคอเฉิงมีเพียงความคิดเดียวคือต้องไม่โจมตีหลินเฟิง อย่างไรก็ตามเมื่อครู่เขาดูถูกและยังเปิดฉากโจมตีหลินเฟิงเพื่อหลีกเลี่ยงจู่หนิง เดิมทีเขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อตอนที่เขาจะหนีไป ดาบแห่งความตายที่เจิดจ้านั่นมันได้ย่างกรายมาถึงแล้ว
เคอเฉิงตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความกลัว เขารู้สึกเสียใจที่เมื่อครู่โจมตีหลินเฟิงก่อน
“ตึก ตึก...”
บรรยากาศพลันเงียบสงัดจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น สายตาของจู่หนิงและอวี๋เจียวต่างมองร่างที่ล้มลงด้วยหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง
สายตาของพวกเขาตอนนี้บ่งบอกได้ว่าการสังหารผู้คน ได้ให้บทเรียนที่ลึกซึ้งแก่พวกเขา
“เ้า... ฆ่าเขา... ฆ่าเคอเฉิงในหอฝึกฝน?”
จู่หนิงพึมพำขณะจ้องมองหลินเฟิง
หลินเฟิงมองจู่หนิงด้วยสายตาหยอกล้อ ในใจเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย ตอนที่คนเหล่านี้้าฆ่าเขา ทั้งที่เขาก็ไม่คิดจะสังหารใคร แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นความแข็งแกร่งของเขา เพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปพวกเขาจึงตระหนักได้ว่าควรสังหารหรือไม่ ดูเหมือนจะมีเพียงพวกเขาที่สามารถสังหารผู้อื่นได้
“ไม่เพียงแต่ข้าสังหารมันเท่านั้น แต่ข้าจะสังหารเ้าด้วย”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ขณะนั้นเขาค่อยๆ ก้าวออกมาช้าๆ ทำให้หัวใจของจู่หนิงเต้นรัว