คลุมเครือหรือ?
ในความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็การรู้จักท่านแม่ทัพหลวงในชาติก่อน หรือความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาในชาตินี้ ดูเหมือนว่าบุรุษผู้นี้จะมิได้มีความสัมพันธ์กับผู้ใดเลยทว่าหลายคราแล้วที่นางรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเขากับนางมีบางอย่างที่ไม่ควรจะมีเกิดขึ้นเป็นางที่เข้าใจผิดไปเองหรือ?
นางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอันละเอียดอ่อนส่งผ่านมาจากปลายนิ้วของชายหนุ่ม ในใจเหนียนยวี่สั่นไหว ทว่าใบหน้านางยังคงนิ่งสงบและหันหลังถอดตะกร้ายาบนหลังราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนดินโคลนแย้มยิ้มออกมาอย่างสดใส “โชคดีที่บนูเาแห่งนี้นอกจากกล้วยไม้โลหิตแล้ว ยังมีสมุนไพรอื่นๆ อีกมากมาย สมุนไพรที่ข้าเก็บมาเหล่านี้คงเพียงพอที่จะนำไปใช้รักษาผู้ป่วยในค่าย ทว่าถึงอย่างไรก็ตาม ในค่ายเสินเช่อมีผู้คนมากมายเกินไป เกรงว่ายาคงมิเพียงพอต่อทุกคนเป็แน่ข้าจึงอยากขอให้ท่านแม่ทัพหลวงส่งคนขึ้นไปเก็บยาสมุนไพรบนูเาด้วยเถิด”
เหนียนยวี่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวลแ่เบา ยิ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันสดใสก็ยิ่งทำให้ผู้คน จิตใจไม่สงบนิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าภายใต้แสงสว่างที่ส่องลงมาราวกับว่าเป็สิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก ฉู่ชิงจ้องมองมาและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เขาลืมเลือนแม้กระทั่งสูญเสีย่เวลาที่ปลายนิ้วััใบหน้าเล็กๆนั้น และััได้ถึงอุณหภูมิที่เย็นเยียบ
“ได้” ฉู่ชิงเอ่ยอย่างแ่เบา มือที่แข็งค้างกลางอากาศของเขา รับตะกร้าสมุนไพรต่อจากเหนียนยวี่ “ลำบากเ้าแล้วเมื่อคืนนี้”
ฉู่ชิงเหลือบมองเหนียนยวี่ จากนั้นรีบถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปบริเวณข้างเคียงไหล่กับเหนียนยวี่สองคนหนึ่งเส้นทาง เดินคู่กันเข้าไปในกระโจมค่าย
ลำบากหรือ?
ชาติก่อน นางต้องออกรบเข่นฆ่าสังหารศัตรู นางเคยไม่นอนมาหลายวันติดต่อกันเื่การออกไปเก็บสมุนไพรเช่นเมื่อคืนก่อนนี้เป็เพียงเื่ที่ง่ายดายและผ่อนคลายอย่างมาก
"สถานการณ์ยามนี้เป็อย่างไรบ้าง?" เหนียนยวี่เอ่ยถาม
"คุณชายเซียวงานยุ่งตลอดทั้งคืน ถึงแม้นวันนี้ความเร็วในการแพร่กระจายจะยังพอควบคุมได้บ้างทว่าถึงอย่างไรก็ยังคงมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น" คิ้วภายใต้หน้ากากของฉู่ชิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว มิเอ่ยสิ่งใด ทว่านางกลับยิ่งเร่งความเร็วฝีเท้าของนางโดยมิรู้ตัว ทันทีที่ทั้งสองมาถึงกระโจมค่าย ฉู่ชิงก้าวเข้าไปหาเฉิงเซิงอย่างรีบเร่งทันที ครั้นเขาเห็นฉู่ชิง ดวงตาของเขาพลันทอแสงเป็ประกายออกมา "ใต้เท้าขอรับ ข้าน้อยมีเื่จะรายงาน"
ทว่ารอบข้างคนเยอะเกินไป...
ฉู่ชิงเข้าใจความหมายของเขา "เข้าไปในกระโจมก่อนแล้วค่อยเล่า"
ระหว่างที่พูด ฉู่ชิงคว้าข้อมือของเหนียนยวี่ไว้และจูงนางเข้าไปในกระโจมด้วยกัน
ในกระโจมค่าย เหนียนยวี่จัดแจงคัดแยกสมุนไพรที่เพิ่งเก็บมา ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฉิงเซิงกำลังรายงานสถานการณ์ให้ฉู่ชิงทราบ
“ใต้เท้าขอรับ ฝ่าาทรงมีรับสั่งลงมาให้เผาทำลายค่ายเสินเช่อขอรับ ท่านแม่ทัพนำกองกำลังทหารรักษาพระองค์มาที่นี่แล้วปักหลักตั้งมั่นห่างจากที่นี่ออกไปอีกห้าลี้เกรงว่าจะสั่งวางเพลิงเมื่อใดก็ได้ขอรับ” ใบหน้าเฉิงเซิงเคร่งเครียดนำข่าวสารที่ได้รับมารายงานให้แก่ฉู่ชิงรับรู้
เผาค่ายเสินเช่อหรือ
ไม่เพียงแค่ฉู่ชิง แม้แต่เหนียนยวี่ที่ถือสมุนไพร ยังมือสั่นสะท้านเล็กน้อย
"ข้าเข้าใจแล้ว เ้าออกไปได้" เสียงของฉู่ชิงดังขึ้น ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกดีใจหรือโกรธเกรี้ยว
"ใต้เท้า...เราต้องคิดหาทางรับมือโดยเร็วที่สุด ความปลอดภัยของค่ายเสินเช่อ..."
"ออกไป" ฉู่ชิงกล่าวออกมาอีกครั้ง ขัดบทเฉิงเซิง
เฉิงเซิงใเล็กน้อย เขารู้ตัวว่าตนเองกังวลเกินไปอย่างมาก เขาได้แต่เหลือบมองฉู่ชิง ในใจแอบรู้สึกเสียใจใต้เท้ามากล้นความสามารถ ฉลาดเฉลียวการวางแผน ทั้งยังเป็ผู้นำที่เก่งกาจเขาจะได้แต่มองดูทั้งค่ายถูกเผาทำลายในข้ามคืนได้อย่างไรทว่าในเมื่อมีรับสั่งลงมาจากฮ่องเต้ให้เผาทำลาย ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้จะรักษาค่ายเสินเช่อไว้ได้หรือ?
เฉิงเซิงออกไปแล้ว ในกระโจมยามนี้เหลือเพียงฉู่ชิงและเหนียนยวี่แค่สองคน
“แต่ไหนแต่ไรมา โรคระบาดเป็ภัยที่ร้ายแรงมาโดยตลอดไม่ว่าผู้ใดก็ไร้หนทางแก้ไขปัญหานี้ฝ่าาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดสินใจออกมาเช่นนี้” หลังจากเงียบเป็เวลานาน เหนียนยวี่เอ่ยปาก ในใจของฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่ได้อยากทำลายค่ายเสินเช่อมิฉะนั้นก็คงไม่ส่งท่านแม่ทัพมาแน่
นอกจากท่านแม่ทัพจะปักหลักตั้งมั่นจากที่นี่ห้าลี้แล้วยังเห็นได้ชัดว่าเขายังทิ้ง่ให้ค่ายเสินเช่อได้หายใจอยู่บ้าง
ทว่าเว้น่ให้หายใจเช่นนี้ จะอยู่ได้อีกนานเท่าใดกัน
"ค่ายเสินเช่อจะถูกทำลายมิได้ ข้า...ก็ยิ่งตายไม่ได้!" ฉู่ชิงกล่าว น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมอย่างไม่อาจบรรยายได้
ทันใดนั้น ร่างกายของเหนียนยวี่พลันสั่นไหว ราวกับััได้ถึงอะไรบางอย่าง หันมองฉู่ชิงอย่างไม่รู้ตัว เขาตายไม่ได้หรือ? ใช่ ในมือเขากุมอำนาจกองทัพทหารการเมืองของเป่ยฉีไว้ ทั้งยังบัญชาการกองทัพทหารราชองครักษ์ทั้งหมด หากชีวิตของเขาดับลง อำนาจที่มีอยู่ในมือจะถูกสับเปลี่ยนแย่งชิงไป
เป่ยฉีในยามนี้ ฉู่ชิงคือคานที่ทำให้อำนาจสมดุล หากชีวิตเขาดับสิ้น จุดสมดุลนั้นจะถูกทำลายตามไปด้วย
เมื่อไร้ซึ่งจุดถ่วงดุลสถานการณ์ในราชวงศ์เป่ยฉีทุกหย่อมหญ้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลประหนึ่งพลิกฟ้าพลิกดิน!
ทั้งวันทั้งคืนนี้ สิ่งที่เหนียนยวี่ได้แต่ครุ่นคิดมีเพียงการคิดหาวิธีชะล้างยาพิษ จนลืมคิดให้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเื่หนึ่งที่อาจเกิดขึ้นจากที่ฉู่ชิงเอ่ยออกมายามนี้ ในใจนางพลันทอแสงสว่างวาบ
เมืองชุ่นเทียนในเวลานี้ เกรงว่าคงมีแนวโน้มจะเกิดคลื่นบางอย่าง
ไม่รู้ว่ามีกี่สายตาที่จ้องมองมาหวังแย่งชิงตำแหน่งนี้ของฉู่ชิง ยิ่งไม่รู้เลยว่ามีกี่มือที่หวังสอดเข้ามาฉกฉวยทว่าหนึ่งในนั้นจะมีหลีอ๋องด้วยหรือไม่?
เมื่อนึกถึงบุรุษผู้นั้น เหนียนยวี่พลันหรี่ตาลงเล็กน้อย
เนื้อชิ้นนี้ แน่นอนว่าคงมิพ้นเป็ของที่เขาอยากฉกฉวย
ในเวลานี้ เขาคงกำลังครุ่นคิดเฟ้นหาแผนการที่จะขึ้นไปแทนที่ฉู่ชิงอย่างเหมาะสมเป็แน่
ฉู่ชิงปะทะกับสายตาของเหนียนยวี่ที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้สองสายตาสบประสาน คนฉลาดเช่นฉู่ชิง เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเหนียนยวี่เข้าใจความหมายของเขาแล้ว
ในดวงตาเฉียบคมนิ่งลึกคู่นั้น ฉายชัดถึงนัยที่้าสื่ออย่างชัดเจน"หากโรคระบาดครานี้เป็เช่นที่เ้ากล่าวจริงๆ เช่นนั้นมันย่อมเป็ยาพิษที่ภายนอกดูเหมือนโรคระบาดเหตุการณ์ครานี้มิใช่เื่บังเอิญ"
เมื่อคืนนี้ คำพูดของเหนียนยวี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา คำพูดที่เขาเอ่ยคาดเดาออกมาเมื่อครู่นี้ได้สลักเป็รูปเป็ร่างอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว
เหนียนยวี่โบกมือไล่ความคิดตนเอง สีหน้าทวีความเคร่งเครียด
“ใช่ มันไม่ใช่เื่บังเอิญ แต่เหตุการณ์ครานี้มันคือเจตนาลอบสังหาร” เหนียนยวี่พึมพำ นึกถึงยาพิษที่ตนเองค้นพบได้ในคราแรกบางสิ่งพลันทอแสงสว่างวาบเข้ามาในหัว มือที่ถือสมุนไพรกำแน่นในทันใด นางหันไปสบตาสีดำขลับคู่นั้นของฉู่ชิง ดวงตาฉายชัดถึงความสุขุมเยือกเย็น“ไม่เพียงแค่เจตนาลอบสังหาร ทว่ายังมุ่งเป้าไปที่ท่าน ฉู่ชิง ในท้องพระโรงของราชสำนักแคว้นเป่ยฉีรวมถึงอำนาจทั้งหมดในเมืองชุ่นเทียน หากท่านที่เป็ถึงแม่ทัพหลวงชีวีดับสิ้นแล้วผู้คนมากมายคงมีโอกาสได้เคลื่อนไหวเพื่อลงมือ...”
“หึ เ้าช่างมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง” ฉู่ชิงแย้มยิ้มเล็กน้อย จ้องมองสบตาเหนียนยวี่แฝงความนัยลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ “เ้าเป็เพียงสตรีที่อายุยังไม่เกินสิบห้าปีดีทว่าในกายนี้ราวกับแอบซ่อนจิติญญาที่เชี่ยวชาญลึกซึ้งเื่การเมืองหากเ้าเป็บุรุษและได้เข้ามาในหนทางสู่การเป็ขุนนางต้องมีสักวันที่เ้าได้ขึ้นไปยืนอยู่เหนือผู้คนนับหมื่นนับแสนเป็รองเพียงหนึ่งอย่างแน่นอน”
เหนียนยวี่ผงะไปครู่หนึ่ง ยืนอยู่เหนือผู้คนนับหมื่นนับแสน เป็รองเพียงหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
ชาติก่อน นางมีฉายาว่าเทพเ้าแห่งาชื่ออวี่ กุมอำนาจสำคัญในมือ บัญชาการกองกำลังทหาร และสวามิภักดิ์ต่อใต้หล้า นี่มิใช่รองเพียงหนึ่งยืนเหนือคนนับหมื่นนับแสนหรือไร
ทว่าแล้วอย่างไรเล่า
ท้ายที่สุดแล้ว มิใช่ว่าเพราะภายใต้การวางแผนหลอกลวงของชายที่แสนอำมหิตเืเย็นมิใช่ว่าเพราะความทะเยอทะยานของคนเ่าั้หรือ ที่สุดท้ายแล้วเมื่อนางหมดประโยชน์ก็ลงมือสังหารนาง
ดวงตาของเหนียนยวี่ฉายแววเย้ยหยันและเลือนหายไปในชั่วพริบตานางเหลือบมองฉู่ชิง "ถึงยามนี้แล้ว ท่านแม่ทัพหลวงยังมีความคิดเอ่ยล้อเล่นอันใดอีก?ท่านคงไม่กังวลว่าคนด้านนอกนั่นจะจุดไฟเผาเมื่อใดก็ได้หรือถึงตอนนั้นทั้งค่ายเสินเช่อ คงมิใช่แค่ทหารหลายพันนายที่ต้องตาย ทว่าตัวท่านและข้าเองก็ต้องตายไปด้วยไม่ต่างกันเลย"