มณฑลเหอเป่ย
ณ เมืองฉือเหมิน
“ผู้มาเป็ใคร โปรดแสดงตัวตัวด้วย”เ้าเมืองร่างผอมบางลักษณะดังเช่นบัณฑิตผู้คงแก่เรียนยืนตระโกนถามผู้มาเยือนอยู่บนกำแพงเมือง สถานการณ์่นี้ไม่สงบอยู่ๆ ก็มีทหารมาเป็กองทัพ หนังสือแจ้งล่วงหน้าก็ไม่มีสักฉบับแล้วจะให้เขาวางใจได้เช่นไร
“สร้างความตื่นตระหนกให้ท่านเ้าเมืองแล้ว ข้าเป็รองแม่ทัพที่ท่านอิงกั๋วกงส่งมาขอรับ หนังสือรับรองอยู่นี่ขอท่านเ้าเมืองโปรดรับไป”อิงปู้ขี่ม้าไปยื่นหนังสือให้นายทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเมือง เมื่อท่านเ้าเมืองเห็นหนังสือราชการก็รีบลงไปพบผู้มาเยือนทันที ่นี้ชายแดนเกิดความวุ่นวายไม่น้อยมีกองทัพมาหนุนเช่นนี้ประชาชนจะได้อุ่นใจ ด้วยเชื่อมั่นในตัวของอิงกั๋วกงเป็ทุนเดิมท่านเ้าเมืองจึงคลายความสงสัย
“ให้ท่านรองแม่ทัพต้องรอนานแล้ว ่นี้สถานการณ์ไม่สงบจริงๆ โชคดีเหลือเกินที่ท่านกั๋วกงคิดถึงราษฎรที่ชายแดนแห่งนี้”ท่านเ้าเมืองประสานมือคำนับอย่างจริงใจ
“เป็หน้าที่ของทหารเช่นพวกข้าอยู่แล้ว ท่านเ้าเมืองอย่าได้กังวลใจหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเมืองระยะนี้ข้าน้อยต้องขอเป็ผู้จัดการนะขอรับ”อิงปู้คำนับตอบท่านเ้าเมืองอย่างจริงใจ เห็นทีเขาคงเป็ผู้ที่เข้าเมืองได้อย่างง่ายดายที่สุดแล้ว
“ต้องรบกวนท่านรองแม่ทัพแล้ว หากท่านขาดเหลือสิ่งใดโปรดแจ้งได้เต็มที่นะขอรับ”
“ที่จริงคำสั่งลับของท่านกั๋วกงคือให้เตรียมตัวทำศึกกับแคว้นเหลียว สายข่าวของเรายืนยันชัดเจนแล้วว่าอีกไม่กี่วันกองทัพใหญ่ของพวกเหลียวจะบุกมา”อิงปู้กระซิบข้างหูท่านเ้าเมืองด้วยน้ำเสียงจริงจังหนังแน่น
“ละ...ละแล้วเช่นนี้จะทำเช่นไรดี ไม่ได้ข้าต้องสั่งอพยพชาวเมือง”ท่านเ้าเมืองร่างผอมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ด้วยรู้ถึงความร้ายแรงของเื่นี้ดี
“จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เราสงสัยว่าจะมีไส้ศึกปะปนอยู่ในสามหัวเมืองที่สำคัญ หากเราสั่งอพยพจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น คำสั่งของท่านกั๋วกงคือให้ปิดเมืองงดการสื่อสารทุกทาง”
“ในเมื่อเป็คำสั่งของท่านกั๋วกงผู้น้อยย่อมต้องปฏิบัติตาม”
“ท่านเ้าเมืองอย่าได้กังวลจนเกินไป มีท่านกั๋วกงอยู่เราต้องชนะศึกครั้งนี้”เขาตีหน้าตายกล่าวความเท็จต่อไปโดยไม่กระพริบตา
อิงปู้ได้แต่มองท่าทางตื่นตระหนกของเ้าบัณฑิตตรงหน้าด้วยท่าทีเ็า แม้เป็การแอบอ้างบารมีของผู้อื่นก็มิได้ทำให้อดีตองครักษ์เงาที่ผันตัวมาเป็ผู้ติดตามคุณหนูผู้งดงามรู้สึกอับอายแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนั่นก็เป็ว่าที่ครอบครัวสามีของคุณหนู ตระกูลเฉินคงไม่กล่าวโทษนายทหารชั้นผู้น้อยเช่นเขาถึงอย่างไรก็มีคุณหนูออกหน้ารับแทนอยู่แล้ว
เมื่อเคลื่อนทัพเข้าไปในเมืองแล้วรองแม่ทัพฝ่ายขวาอิงปู้ก็สั่งการให้ทหารหนึ่งหมื่นนายประจำที่ทางเข้าออกเมืองทุกแห่ง เมื่อมีคำสั่งจากท่านเ้าเมืองเหล่าทหารรักษาการณ์เมืองฉือเหมินต่างเชื่อฟังคำสั่งรองแม่ทัพผู้มาใหม่โดยไม่มีข้อกังขา เดิมกองทัพรักษาการณ์ชายแดนก็เป็อิงกั๋วกงที่รับผิดชอบ เห็นกองทัพที่มาเสริมเหล่านี้ต่างมีท่วงท่าดุดันห้าวหารก็สร้างความเชื่อมั่นให้ชาวเมืองไม่น้อย
ทหารที่เหลืออีกเก้าหมื่นนายต่างรวมตัวกันอยู่ในค่ายชั่วคราวที่สร้างขึ้น ทุกคนต่างได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา หากมีคำสั่งให้ไปเป็ทัพเสริมก็ต้องพร้อมออกเดินทางตลอดเวลา
ณ เมืองถังชาน
รองแม่ทัพฝ่ายซ้ายอิงเหอ ยามนี้กำลังยืนจ้องตากับเ้าเมืองถังชานมาเกือบหนึ่งก้านธูป ในใจเขามีคำถามนับหมื่นผุดขึ้นมาในหัว แน่ใจนะว่าเ้านี่เป็ขุนนางฝ่ายบุ๋นที่วันๆ เอาแต่จับพู่กันเขียนตำรา รูปร่างสูงใหญ่ดังหมีควายมองมุมใดก็ไม่เห็นมาดอันทรงภูมิของบัณฑิตแม้แต่น้อย ให้เ้านี่ไปถือดาบไล่ฟันศัตรูคงจะเหมาะสม
ฮึม!
นั่น...มีส่งเสียงข่มขวัญ หากจะลองสู้กันสักกระบวนข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ให้
“ท่านเ้าเมืองขอรับข้าน้อยไปตรวจสอบหนังสือฉบับนี้เรียบร้อยแล้วขอรับ ทั้งลายมือและตราประทับล้วนเป็ของจริง”ชายแก่ร่างผอมแต่งกายในชุดเสมียนวิ่งเยาะๆ เข้ามารายงานท่านเ้าเมืองด้วยอาการหอบเหนื่อย ์...โชคดีที่เขามาทันไม่เช่นนั้นเ้าทหารร่างเล็กนี่คงศพไม่สวยเท่าไหร่ ท่านเ้าเมืองก็กระไร หน่วยก้านของแม่ทัพที่ติดตัวมาั้แ่เกิดเช่นนี้กลับทำให้เสียของโดยการไปสอบขุนนางฝ่ายบุ๋น จุ จุ จุ
ตำแหน่งเ้าเมืองอันห่างไกลนี้เดิมทีก็ไม่มีผู้ใดอยากจะมาปกครอง แต่ใต้เท้าแซ่กวน นามว่าอูผู้นี้เป็บุคคลประหลาด เข้าสอบขุนนางฝ่ายบุ๋นเพราะมารดาอยากให้สอบ มาประจำที่เมืองถังชานแห่งนี้ก็ด้วยคำสั่งของบิดา เสมียนอย่างเขาก็เคยถามว่าสิ่งที่บิดามารดาให้ทำ ท่านชอบมันจริงๆ หรือ คำตอบที่ได้ก็ผิดคาดไปไม่น้อย ท่านว่าตอนคลอดนั้นชีวิตมารดาแทบจะรักษาไว้ไม่ได้ หลังคลอดก็ร่างกายอ่อนแอราวกับจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ
ครอบครัวตระกูลกวนนั้นมิได้ขัดสนเื่เงินทอง หมอที่ว่าโด่งดังจากทั่วสารทิศต่างถูกเชิญมารักษาแต่ก็ไม่ดีขึ้น จนวันหนึ่งนักพรตชราเดินทางผ่านมา นายท่านกวนยามนั้นไร้ทางเลือกเพื่อรักษาชีวิตภรรยาก็ยอมให้นักพรตชราทำการรักษา เหตุการณ์ในวันนั้นเป็เื่เล่าจนมาถึงทุกวันนี้ นักพรตชราไม่ได้ดูอาการของกวนฮูหยินแม้แต่น้อย แต่กับขอดูคุณชายน้อยที่พึ่งถือกำเนิด
นักพรตชรากล่าวว่า ตามตำรานรลักษณ์ศาสตร์ว่าด้ายการดูลักษณะใบหน้า โครงกระดูก พื้นฐานดวงชะตาของเด็กคนนี้คือเกิดมาเพื่อเป็นักรบที่ยิ่งใหญ่ ทว่าการจะเดินไปยังเส้นทางของนักรบต้องแลกมาด้วยชีวิตของบุพการีและอายุขัยของตนที่จะอยู่ได้ไม่ถึงสี่สิบปี ยามนั้นนายท่านกวนไม่มีสิ่งใดจะเสียแล้วจึงถามท่านนักพรตชราว่าจะแก้ดวงชะตาของบุตรชายเช่นไร
ไม่มีผู้ใดสงสัยว่านักพรตชราจะเป็นักต้มตุ๋น ด้วยลักษณะของผู้ทรงศีลที่มิอาจปลอมแปลงได้ ท่านกล่าวว่า สอบขุนนางฝ่ายบุ๋นใช้ชีวิตเช่นบัณฑิต ขุนนางฝ่ายบุ๋นเป็เช่นไรก็ให้บุตรชายเป็เช่นนั้นอย่าใฝ่หาตำแหน่งใหญ่โต ให้อยู่ในสถานที่ที่ช่วยเหลือราษฎรได้มากที่สุด หากบุตรชายอยากเรียนวรยุทธ์ก็จงส่งเสริม ข้อที่ต้องงดเว้นคือห้ามข้องแวะกับกองทัพก่อนอายุสามสิบห้า
ก่อนจากไปนักพรตชราได้ให้จี้หยกสลักรูปพยัคฆ์ไว้ให้ทารกตัวน้อยพกติดตัว พร้อมกับตั้งชื่อ อู อักษรตัวเดียวแต่ความหมายยิ่งใหญ่ แซ่ กวน เดิมก็สืบเชื้อสายมาจากเทพเ้าแห่งความซื่อสัตย์และเทพาอันเลื่องชื่อ เทพเ้ากวนอู* ใช้ชื่อนี้เพื่อปิดบังดวงชะตาอาภัพของคุณชายน้อยตระกูลกวน
(*เทพเ้ากวนอู ในเนื้อเื่ผู้แต่งนำเื่ราวของท่านมาเพียงส่วนเล็กน้อยเนื้อหาอาจผิดเพี้ยนไม่ตรงตามจริง เพราะผู้แต่งได้เสริมให้เข้ากับเนื้อเื่)
ทารกน้อยใช้นาม กวนอู นับแต่นั้นเป็ต้นมาก็เป็เวลาสามสิบห้าปี ถือว่าปีนี้เป็จุดเปลี่ยนของคำทำนายของนักพรตชราใต้เท้ากวนจะมีชีวิตยืนยาวหรือจบชีวิตลงก็ขึ้นอยู่กับปีนี้ทั้งสิ้น บิดามารดาของใต้เท้ากวนยังอยู่ดีสุขภาพแข็งแรงเลี้ยงหลานชายตัวอวบอ้วนอีกสองคนอยู่ที่จวน ทุกคนต่างภาวนาให้ปีนี้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
เสมียนชราได้แต่รำพึงความในใจ ตามความคิดเขาด้วยนิสัยใต้เท้าก็เป็เช่นนี้ถ้าอยู่ในเมืองหลวงยามว่าราชการในท้องพระโรงหากขุนนางพวกนั้นพูดจาไม่เข้าหู แค่ใต้เท้าของเขาสะกิดนิดหน่อยฝ่ายนั้นอาจจะล้มหมอนนอนเสื่อเอาได้
แล้วนายทหารที่หุ่นกุ้งแห้งเหล่านี้คงทำให้มือเท้าของท่านเ้าเมืองคันได้เล็กน้อยเท่านั้น แค่ส่วนสูงของเ้าทหารผู้นี้เมื่อเทียบกับท่านเ้าเมืองก็เท่าปลายคางเท่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงขนาดของร่างกายของใต้เท้าที่เหมือนมัดรวมนายทหารผู้นั้นเอาไว้สองคน
อิงเหอที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นายทหารกุ้งแห้งไม่ได้รู้ตัวแม้แต่น้อย หน้านิ่งๆ ของเขาพยายามแสดงออกอย่างเป็มิตร อิงเหอนึกภาพตามสิ่งที่เ้านายบอกเอาไว้ไม่ออกแม้แต่น้อย ให้พาเ้าขุนนางบุ๋นผู้นี้ไปปรับทัศนคติ? เกรงว่ากว่าจะคุยกันรู้เื่เขาคงกลายเป็โจ๊กเละๆ ไปก่อน
“รบกวนท่านรองแม่ทัพให้คอยนานแล้ว เชิญท่านและกองทัพเข้าไปในเมืองได้ สถานที่ตั้งค่ายทหารนั้นข้าจะให้เสมียนนำทางไป”ใต้เท้ากวนประสานมือให้นายทหารหนุ่มตรงหน้า แม้ภายนอกจะแสดงท่าทางเป็มิตรแต่ภายในกลับระแวดระวังอยู่หลายส่วน สัญชาติญาณบอกเขาว่าพายุลูกใหญ่กำลังตั้งเค้ามาแล้ว
อิงเหอพยักหน้าตอบรับอย่างไร้ทางเลือก ในใจใคร่ควรไปมาจนวุ่นวาย เอาเถิดทหารรักษาการเมืองถังชานมีสามหมื่นนายหากใช้กำลังยึดเมืองมีแต่จะศูนย์เสียกันทั้งสองฝ่าย กิติศัพท์ของใต้เท้ากวนอูผู้นี้เขาก็ได้ยินมาไม่น้อย หากทำให้เทพเ้าองค์นี้อยู่ฝั่งเดียวกันได้ ก็จะเพิ่มตัวช่วยในศึกครั้งนี้ได้ไม่น้อย
กองทัพเคลื่อนพลเข้าไปในเมืองอย่างเงียบเชียบ เมื่อเข้ามาแล้วก็ได้ััถึงความสามารถในการปกครองเมืองของใต้เท้ากวน ชาวเมืองดูเป็ระเบียบเรียบร้อยไม่ดูวุ่นวาย อีกทั้งหากสังเกตจากทหารรักษาการณ์นั้นเป็ทหารที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เรียกได้ว่าทั้งเมืองอยู่ในการควบคุมของเ้าเมืองผู้นี้อย่างเบ็ดเสร็จ และอิงเหอพนันได้เลยว่าหากใต้เท้าผู้นั้นยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเขาอย่างชัดเจนจะไม่มีการรายงานต่อเบื้องบนเป็แน่
การเดิมพันแม้มีความเสี่ยงแต่ถ้าเราศึกษาสิ่งที่จะเดิมพันมาอย่างถ่องแท้ก็จะไม่มีคำว่าแพ้ อิงเหอยืนมองเหล่าทหารกำลังตั้งค่ายพักแรม คิดไปว่าอีกสองเมืองที่เหลือจะเป็เช่นไรขนาดตัวเขายังเจอก้างชิ้นโตแล้วนายท่านกับอิงปู้จะเป็เช่นไร
“เรียนท่านรองแม่ทัพ เสมียนของท่านเ้าเมืองมาขอพบขอรับ”พูดถึงก้าง ก้างก็ลอยมาหาดังใจนึก อิงเหอพยักหน้าให้นายกองที่มารายงานเป็เชิงอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้าพบได้
“ท่านรองแม่ทัพ ขออภัยที่มารบกวนเวลานะขอรับ”เสมียนชราประสานมือโค้งคับนับอย่างนอบน้อม
“ตามสบายเถิดขอรับ ผู้เยาว์ในฐานะแขกเป็ฝ่ายมารบกวนพวกท่านมากว่า”การสนทนากับบัณฑิตก็เป็เช่นนี้ ต้องมากด้วยมารยาทคำพูดสุภาพอ่อนน้อม
“มิได้ มิได้เลยขอรับ...คือว่าเย็นนี้ท่านเ้าเมืองเรียนเชิญท่านรองแม่ทัพไปดื่มสุราที่จวนเพื่อเป็การต้อนรับและสนทนากัน”เสมียนชราส่ายศีรษะปฏิเสธไปมา การมาของกองทัพในครั้งนี้พวกเขาต่างมองออกว่าเหตุการณ์คงมิได้สงบอย่างเช่นที่เป็
“คำเชิญของท่านเ้าเมืองผู้น้อยต้องไปอยู่แล้ว ฝากขอบคุณท่านเ้าเมืองที่สละสุราดีมาเลี้ยงต้อนรับ” อิงเหอ ยกยิ้มที่มุมปาก ท่านเ้าเมืองผู้นี้จะเจรจาด้วยง่ายหรือไม่เห็นทีต้องเตรียมตัวไปให้ดี
“เช่นนั้นผู้น้อยขอตัว”
“ไม่ส่งนะขอรับ”
อิงเหอมองส่งเสมียนชราเดินจากไปจนลับตา เวลาเหลือน้อยลงทุกที หัวเมืองทั้งสามต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพให้ได้ภายในวันสองวันนี้ หากข่าวหลุดออกไปว่าสามหัวเมืองใหญ่มีทหารเพิ่มขึ้นมาอีกห้าแสนนายเกรงว่าศัตรูจะไหวตัวทัน และแผนการแมวจับหนูของนายท่านก็จะพังไม่เป็ท่า
ยามเย็น
ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปไม่นาน รองแม่ทัพหนุ่มที่เสร็จจากการฝึกทหารตลอดทั้งบ่ายก็อาบน้ำชำระร่างกายแต่งกายตัวชุดสุภาพ ควบม้ามุ่งตรงไปยังจวนเ้าเมืองทันที ม้าศึกตัวพ่วงพีย่ำผ่านหิมะที่ปกคลุมท้องถนนจนขาวโพลนมุ่งไปยังอีกฟากหนึ่งของเมือง ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามก็มาหยุดอยู่หน้าจวนหลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ป้ายด้านหน้าเขียนด้วยตัวอักษรที่ดูหนักแน่นเด็ดเดี่ยว ‘จวนเ้าเมือง’
อิงเหอแจ้งทหารยามที่ยืนอยู่หน้าประตู รอไม่นานก็มีพ่อบ้านออกมาต้อนรับแล้วนำทางเข้าไปในจวน บรรยากาศข้างในที่เดินผ่านให้กลิ่นอายของความเรียบง่ายทรงภูมิสมกับเป็จวนของบัณฑิต
“ท่านรองแม่ทัพอิง เชิญเข้ามาด้านในก่อนอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ยังต้องให้ท่านขี่ม้ามาตั้งใกล้ เป็ข้าที่ไม่รอบคอบเอง”ท่านเ้าเมืองออกมาต้อนรับแขกด้วยท่าทีสุภาพ
“ท่านเ้าเมืองยอมเสียสละสุราชั้นดีมาต้อนรับ ผู้ร้อยจะพลาดได้เช่นไร”
“ท่านเ้าเมืองอะไรกันเรียกพี่กวนเถิด อย่างไรท่านก็เดินทางมาไกลเพื่อความปลอดภัยของประชาชน คนร่วมอุดมการณ์เดียวกันนับว่าเป็พี่น้องของข้า”ใต้เท้ากวนอูตบอกกล่าววาจาออกมาอย่างหนักแน่นพลางเดินนำเ้ากุ้งแห้งนี่ไปยังโต๊ะที่เตรียมสุราอาหารไว้อย่างพรั่งพร้อม
หึ...ผู้ใดเป็คนร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับเ้า เดิมเราก็เดินกันคนละเส้นทาง เ้าเป็บัณฑิตข้าเป็ทหาร ทางสองสายตีขนานมิอาจเช่นไร เ้ากับข้าก็เปรียบน้ำบ่ไม่ยุ่งกับน้ำคลองเช่นนั้น อิงเหอได้แต่ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์เอาไว้อย่างชัดเจน อย่ามาดีเนียนเ้าหมีควายมีสมอง
คิดว่าตัวโตสมองเยอะแล้วจะมาหลอกล้วงข้อมูล ฝันไปเถิด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เสียงหัวเราะดังประสานกันลั่นไปทั่วจวน ดังขึ้นแต่ละทีเล่นเอาคุณชายน้อยทั้งสองสะดุ้งตื่นมาร้องไห้จ้า เล่นเอาสตรีเรือนหลังวิ่งวุ่นมาปลุกปลอบแทบไม่ทัน พอเ้าตัวน้อยกำลังจะเคลิ้มหลับเสียงหัวเราะก็ดังสนั่นขึ้นมาอีกหน ผู้เป็นายหญิงของเรือนได้แต่นับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ ต้องทำใจให้สงบเข้าไว้ สงบใจ สงบ...
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ไอ้หมีั์ตัวดีปล่อยให้ดื่มเป็ไม่ได้ เหล้าเข้าปากก็ลืมสิ้นว่าตนเองเป็บัณฑิต ฮูหยินรูปร่างอรชรผิวขวาจัดดังเช่นสตรีในแดนเหนือได้แต่หลับตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะลงอย่างช้าๆ
“ฮูหยินท่านจะไปที่ใดเ้าคะ...”
เหล่าข้ารับใช้ร้องถามยังไม่จบร่างอรชรของนายหญิงก็พุ่งผ่านหน้าของพวกนางไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีผู้ใดตั้งสติได้เงาร่างของนายหญิงก็หายลับไปกับความมืดยามค่ำคืนเสียแล้ว
“ฮูหยินรอบ่าวด้วย…”
“เร็วรีบตามไปข้าเห็นฮูหยินถือกระบองเหล็กของนายท่านไปด้วย”
หา...กระ บอง เหล็ก
ทุกคนต่างสื่อสารกันผ่านสายตา นายท่านของจวนนี้ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดดีบ้างแต่เื่ดีๆ ที่ท่านถือเป็งานถนัดคือ วันๆ ดีแต่ยั่วโมโหฮูหยิน ไม่รู้ว่านายท่านรู้ตัวหรือไม่ ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่นก็ต้องมีสักหนหนึ่งที่ไปยั่วโทสะของภรรยาที่รัก
ถึงจะเป็เช่นนั้นทั้งสองต่างก็รักกันหวานชื่น
ฮูหยินเคยกล่าวว่า
บุรุษ...เลี้ยงด้วยไม้ด้วยกระบองเป็ครั้งคราวจะได้เชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น
รู้สึกว่าทำเช่นนี้ช่างได้ผลยิ่งนัก
“สุรารสดีหรือไม่”
“ฮ่าๆ ดี ดียิ่งนักมาๆ มาดื่มกันสักชาม”ใต้เท้ากวนอูยามนี้อารมณ์ดีเป็อย่างยิ่งได้ฟังได้เห็นสิ่งใดล้วนเบิกบาน ด้วยร่ำสุรากับน้องชายคนใหม่หมดไปห้าไห แม้คอจะทำด้วยเหล็กกล้าก็ย่อมมึนเมากันบ้าง ไอ้หนุ่มกุ้งแห้งนี่ยิ่งสนทนาด้วยยิ่งถูกคอ ต้องดื่ม!
“กวนอูแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าดื่ม”เสียงใสกังวานดังขึ้นที่หน้าประตูเรือนอีกหน
“พี่กวนข้าว่าท่านน่าจะมีปัญหาแล้วล่ะ”อิงเหอที่พอมีสติอยู่บ้างเล็กน้อยใช้ศอกสะกิดเ้าหมีควายที่ดีแต่หัวเราะอย่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง
“ผู้ใดมันกล้ามีปัญหา! ข้าเป็ใคร...ข้ากวนอูผู้ไม่เคยเกรงกลัวใครหน้าไหน...อ่า”
“เมียรักเ้า...มีสิ่งใดจะใช้ข้าถึงมานี่ด้วยตัวเองเล่า ถือกระบองไม่หนักหรือจ๊ะวางลงก่อน”ใต้เท้ากวนอูมองผู้มาขัดจังหวะการร่ำสุราก็หายเมาเป็ปลิดทิ้ง ยิ่งเห็นสิ่งที่แม่ยอดดวงใจพกติดมยิ่งเริ่มใจคอไม่ดี ข้าจะมาเสียเชิงต่อหน้าน้องชายคนใหม่ไม่ได้ ใต้เท้ากวนใช้เท้าสะกิดเ้ากุ้งแห้งข้างๆ เป็สัญญาณว่าให้รีบหนีไปก่อน ทางนี้พี่จะรับมือเอง
พี่กวนรักษาตัวด้วย
อิงเหอลุกขึ้นคำนับคนทั้งสองแล้วจากไปอย่างไร้เสียง พึ่งเดินพ้นประตูเรือนออกมาไม่ไกล
โครม!
“ยอดรักของพี่มีสิ่งใดก็ค่อยๆ พูดจากันสิอย่าใช้ความรุนแรง”
“กวน อู กล้านักนะ...จะกินจะดื่มข้าไม่ห้าม แต่บังอาจมาทำลูกข้าสะดุ้งตื่นมาร้องไห้ สมควรตาย!”
แปลกประหลาด
ช่างเป็ครอบครัวที่แปลกประหลาด
เอาเถิดกิจธุระก็เจรจาเรียบร้อยแล้วจะต้องสนใจสิ่งใดอีก
รองแม่ทัพจำเป็เช่นเขามาออกรบครั้งหนึ่งในชีวิต กลับต้องมาพบเจอเื่อะไรเช่นนี้ อิงเหอได้แต่ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง นายท่านรีบเรียกข้ากลับไปเถิด